โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ติดตั้ง
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

ความตายของโพรคริส (โคสิโม)

ดัชนี ความตายของโพรคริส (โคสิโม)

วามตายของโพรคริส หรือ ซาไทร์โศรกเศร้ากับความตายของโพรคริส (The Death of Procris หรือ A Satyr mourning over a Nymph) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่มิได้ลงชื่อลงวันที่ที่ระบุว่าเขียนได้อย่างแน่นอนว่าโดยเปียโร ดิ โคสิโม ผู้เป็นจิตรกรคนสำคัญชาวอิตาลีของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอนในสหราชอาณาจักร ภาพ “ความตายของโพรคริส” ที่เขียนโดยเปียโร ดิ โคสิโม ราวระหว่างปี ค.ศ. 1500 ถึงปี ค.ศ. 1510 เป็นภาพที่มีเนื้อหาที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ชื่อภาพ “ความตายของโพรคริส” (Morte di Procri) เป็นชื่อที่ใช้กันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่าเป็นภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเกี่ยวกับความตายของโพรคริสด้วยน้ำมือของสามีเซฟาลัสใน “มหากาพย์เมตะมอร์ฟอร์ซิส” VII ที่เขียนโดยโอวิด แต่หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอนไม่ยอมรับชื่อนี้และจะเรียกชื่อภาพว่า “A Mythological Subject” หรือ “ซาไทร์โศรกเศร้ากับความตายของโพรคริส” แม้จะเป็นภาพที่ไม่ทราบเนื้อหาที่แน่นอนที่เป็นภาพของซาไทร์กำลังโศรกเศร้าอาลัยอยู่กับร่างของสตรี แต่ก็เป็นภาพที่เป็นที่นิยมกันที่สุดในบรรดางานเขียนของเปียโร ดิ โคสิโม นักประวัติศาสตร์ศิลป์ เออร์วิน พานอฟสกีหลงมนตร์เสน่ห์ของภาพเพราะ “ความแปลกอันดึงดูดที่กำจายออกมาจากภาพ” และผู้ออกความเห็นผู้อื่นกล่าวว่าเป็นภาพที่มี “บรรยากาศเป็นหมอกมัวเหมือนกึ่งฝัน”Rose-Marie Hagen, Rainer Hagen.

18 ความสัมพันธ์: บารอกชาวอิตาลีพ.ศ. 2043พ.ศ. 2053กัสโซเนภาพชีวิตประจำวันสหราชอาณาจักรหอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน)ออวิดจิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีจิตรกรรมสีน้ำมันประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยาปีเอโร ดี โกซีโมเมทามอร์โฟซีสเวนิสเออร์วิน พานอฟสกีเซเทอร์

บารอก

“การแต่งงานของนักบุญแคทเธอรินแห่งอเล็กซานเดรีย” (The Mystic Marriage of St. Catherine) โดย อันโตนิโอ ดา คอร์เรจจิโอ บารอก (Baroque) หรือบาโรก เป็นสมัยหนึ่งของศิลปะตะวันตกซึ่งเริ่มประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี บาโรกจะเน้นความเป็นนาฏกรรม ศิลปะจะแสดงความขัดแย้ง (tension) และความหรูหรา โอ่อ่า บาโรกเป็นลักษณะของ ประติมากรรม จิตรกรรม วรรณกรรม นาฏศิลป์ และดนตรี ถ้ากล่าวถึงดนตรีแบบบารอกก็จะหมายถึงสมัยสุดท้ายของเคาน์เตอร์พ็อยต์ (Counterpoint) ที่กล่างวถึงความสัมพันธ์ของการเล่นระหว่างเสียงหรือเครื่องดนตรีมากกว่าสองชนิดที่อาจจะสะท้อนกันและกัน แต่คนละระดับเสียง หรือบางครั้งก็อาจจะสลับเสียงสะท้อน หรือไม่อีกทีก็อาจจะย้อนแก่นสาร (reversing theme) ของดนตรีชิ้นนั้นไปเลย ยุคบารอกรุ่งเรืองขึ้นมาด้วยการสนับสนุนจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก ระหว่างการประชุมสภาสังคายนาแห่งเทรนต์ เมื่อปี..

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และบารอก · ดูเพิ่มเติม »

ชาวอิตาลี

วอิตาลี (italiani, Italians) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ (ethnic group) ที่มีวัฒนธรรม และ การสืบเชื้อสายร่วมกัน และพูดภาษาอิตาลีเป็นภาษาแม่ ภายในอิตาลีการเป็นชาวอิตาลีคือการถือสัญชาติอิตาลีไม่ว่าจะสืบเชื้อสายมาจากผู้ใดหรือมาจากประเทศใด ซึ่งแตกต่างจากผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวอิตาลี และทางประวัติศาสตร์จากผู้มีเชื้อสายอิตาลีที่ไม่ได้อยู่ในดินแดนที่เป็นของอิตาลีบนคาบสมุทรอิตาลี เพราะการอพยพหลายครั้งออกจากอิตาลีที่เป็นชนพลัดถิ่น มีชาวอิตาลีสัญชาติอิตาลีที่อาศัยอยู่นอกอิตาลี 4 ล้านคน และมีมากกว่า 70 ล้านคนที่มีเชื้อสายเต็มหรือบางส่วน โดยมากแล้วอาศัยอยู่ในอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ และส่วนอื่นของยุโรป.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และชาวอิตาลี · ดูเพิ่มเติม »

พ.ศ. 2043

ทธศักราช 2043 ใกล้เคียงกั.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และพ.ศ. 2043 · ดูเพิ่มเติม »

พ.ศ. 2053

ทธศักราช 2053 ใกล้เคียงกั.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และพ.ศ. 2053 · ดูเพิ่มเติม »

กัสโซเน

กัสโซเน, วังเว็คคิโอ, ฟลอเรนซ์ กัสโซเนฟลอเรนซ์ของคริสต์ศตวรรษที่ 15 กัสโซเน (cassone) เป็นหีบชนิดหนึ่งของอิตาลีที่ทำกันอย่างวิจิตรที่เป็นของเชิดหน้าชูตา ที่อาจจเป็นงานฝังหรือแกะสลักที่เตรียมด้วยเจสโซแล้วทาสีหรือลงรักปิดทอง กัสโซเนมีความหมายตรงตัวว่า "หีบใหญ่" เป็นงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญของพ่อค้าหรือขุนนางที่มีฐานะดีในวัฒนธรรมอิตาลีตั้งแต่ยุคกลางตอนปลายเป็นต้นมา กัสโซเนเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มอบให้แก่เจ้าสาวและใช้วางในห้องชุดของผู้ที่เป็นเจ้าสาว เป็นหีบที่จะมอบให้แก่เจ้าสาวระหว่างพิธีการแต่งงาน และจะเป็นของขวัญจากบิดามารดาของเจ้าสาวที่มอบให้สำหรับการแต่งงาน การที่กัสโซเนเป็นหีบที่ใช้ใส่สิ่งของที่เป็นของส่วนตัวของเจ้าสาว จึงทำให้เหมาะแก่การตกแต่งด้วยเรื่องราวที่เป็นเรื่องการฉลองการแต่งงาน โดยการเขียนเป็นจิตรกรรมแผงที่เป็นอุปมานิทัศน์ตกแต่งที่เริ่มในสมัยต้น "กวัตโตรเชนโต" ด้านข้างของหีบมีลักษณะราบเหมาะแก่การเขียนภาพที่มักจะเป็นหัวเรื่องที่มาจากตำนานรักในราชสำนัก หรือจากบทสอนในพระคัมภีร์ หรือ ตำนานศักดิ์สิทธิ์ จิตรกรเอกของฟลอเรนซ์ของคริสต์ศตวรรษที่ 15 ต่างก็ได้รับการจ้างให้ตกแต่งกัสโซเน จิตรกรทัสคันในซีเอนาบางคนมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะในการเขียนแผ่นภาพสำหรับกัสโซเน ที่สะสมเป็นแผ่นภาพอิสระจากหีบโดยนักสะสมและนักค้าขายศิลปะของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่บางครั้งก็จะทิ้งตัวกัสโซเน ตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1850 ก็ได้มีการสร้างกัสโซเนแบบศิลปวิทยาฟื้นฟูขึ้นเพื่อใช้ในการตกแต่งด้วยแผ่นภาพกัสโซเนดั้งเดิม เพื่อที่จะทำให้หีบใหม่ดูราวกับเป็นของจริงมากขึ้น ตามปกติแล้วกัสโซเนจะตั้งอยู่ปลายเตียงที่ล้อมด้วยผ้าม่านภายในห้อง เช่นที่เห็นในภาพ "การประกาศของเทพ" หรือ "การเยือนเอลิซาเบท" กัสโซเนเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่กับที่ที่อาจจะใช้เป็นพนักพิงได้ถ้านั่งกับพื้น ในสมัยโบราณเก้าอี้เป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งปกติที่เจ้าของบ้านอาจจะต้อนรับขับสู้แขกโดยการวางหมอนลงบนพื้นให้นั่ง ฉะนั้นกัสโซเนจึงอาจจะใช้เป็นพนักพิงได้ หรือใช้เป็นโต๊ะก็ได้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 กัสโซเนของต้นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของทางตอนกลางและตอนเหนือของอิตาลีจะเป็นหีบสลัก และบางส่วนก็จะปิดทอง แต่ตกแต่งแบบคลาสสิก โดยมีแผ่นตกแต่งที่ขนาบด้วยเสาตรงมุมหีบ รอบตกแต่งด้วยขอบคันและบัว หรือ อาจจะเป็นแผ่นสลักแบบภาพนูนต่ำหรือนูนสูง กัสโซเนของต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีอิทธิพลมาจากการตกแต่งโลงหินโรมัน เมื่อมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 จอร์โจ วาซารี ก็สามารถกล่าวถึงกัสโซเนแบบเก่าที่ตกแต่งด้วยแผงภาพ เช่นตัวอย่างที่เห็นตามคฤหาสน์หรือวังในฟลอเรนซ.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และกัสโซเน · ดูเพิ่มเติม »

ภาพชีวิตประจำวัน

“ชาวบ้านเต้นรำ” โดย ปิเอเตอร์ บรูเกล (ผู้พ่อ)ราว ค.ศ. 1568 ภาพชีวิตประจำวัน (ภาษาอังกฤษ: Genre works หรือ Genre scenes หรือ Genre views) เป็นภาพที่ใช้สื่อหลายอย่างเช่นจิตรกรรมหรือการถ่ายภาพในการแสดงฉากจากชีวิตประจำวันเช่น ฉากตลาด, ฉากภายในบ้าน, ฉากงานเลี้ยง หรือฉากถนนหนทาง การแสดงฉากก็อาจจะเหมือนจริง, เป็นการจินตนาการ หรือเป็นภาพแบบอุดมคติ สื่อที่เขียนก็เรียกว่า “จิตรกรรมชีวิตประจำวัน”, “ภาพพิมพ์ชีวิตประจำวัน” หรือ “ภาพถ่ายชีวิตประจำวัน” ซึ่งก็แล้วแต่สื่อ.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และภาพชีวิตประจำวัน · ดูเพิ่มเติม »

สหราชอาณาจักร

หราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ หรือโดยทั่วไปรู้จักกันว่า สหราชอาณาจักร และ บริเตน (Britain) เป็นรัฐเอกราชตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปภาคพื้นทวีป ประเทศนี้ประกอบด้วยเกาะบริเตนใหญ่ ส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไอร์แลนด์ และเกาะที่เล็กกว่าจำนวนมาก ไอร์แลนด์เหนือเป็นเพียงส่วนเดียวของสหราชอาณาจักรที่มีพรมแดนทางบกติดต่อกับรัฐอื่น คือ ประเทศไอร์แลนด์ นอกเหนือจากนี้แล้ว สหราชอาณาจักรล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตกและเหนือ ทะเลเหนือทางทิศตะวันออก ช่องแคบอังกฤษทางทิศใต้ และทะเลไอร์แลนด์ทางทิศตะวันตก รูปแบบการปกครองเป็นแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญโดยมีระบบรัฐสภา เมืองหลวง คือ กรุงลอนดอน ประกอบด้วยสี่ประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ สามประเทศหลังนี้ได้รับการถ่ายโอนการบริหาร โดยมีอำนาจแตกต่างกัน ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศนั้น ๆ คือ เอดินบะระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟัสต์ตามลำดับ ส่วนเกิร์นซีย์ เจอร์ซีย์ และเกาะแมนเป็นบริติชคราวน์ดีเพนเดนซี และมิใช่ส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักรมีดินแดนโพ้นทะเล 14 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งขณะที่รุ่งเรืองที่สุดในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นั้น ครอบคลุมพื้นดินของโลกเกือบหนึ่งในสี่ และเป็นจักรวรรดิใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของอังกฤษยังสามารถพบเห็นได้จากความแพร่หลายของภาษา วัฒนธรรมและระบบกฎหมายในอดีตอาณานิคมหลายแห่ง สหราชอาณาจักรเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ตามค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ณ ราคาตลาด และเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ตามความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ สหราชอาณาจักรเป็นประเทศอุตสาหกรรมประเทศแรกในโลก และเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 สหราชอาณาจักรยังถูกกล่าวขานว่าเป็นมหาอำนาจและยังมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ทหาร วิทยาศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศค่อนข้างมากอยู่ สหราชอาณาจักรได้รับรองว่าเป็นรัฐอาวุธนิวเคลียร์และมีรายจ่ายทางทหารมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินับแต่สมัยประชุมแรกใน..

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และสหราชอาณาจักร · ดูเพิ่มเติม »

หอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน)

หอศิลป์แห่งชาติ (National Gallery) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนในอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1824 เป็นที่แสดงและเก็บรักษาจิตรกรรมกว่า 2,300 ภาพจากตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงปี ค.ศ. 1900 หอศิลป์แห่งชาติเริ่มก่อตั้งเมื่อรัฐบาลซี้อภาพเขียน 36 ภาพจากนายธนาคาร จอห์น จูเลียส แองเกอร์สไตน์ (John Julius Angerstein) ในปี ค.ศ. 1824 หลังจากนั้นลักษณะการสะสมก็ขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการของหอศิลป์ โดยเฉพาะชาลส์ ล็อก อีสต์เลค (Charles Lock Eastlake) และโดยการอุทิศเงินส่วนบุคคลซึ่งเป็นจำนวนประมาณสองในสามของภาพในหอศิลป์เจ็นทิลิ, ออกัสโต; บาร์แชม, วิลเลียม & ไวท์ลีย์, ลินดา (ค.ศ. 2000).

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และหอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน) · ดูเพิ่มเติม »

ออวิด

ออวิด ปูบลิอุส ออวิดิอุส นาโซ (Pvblivs Ovidivs Naso) หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า ออวิด (Ovid) เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ในปีที่ 43 ก่อนคริสต์ศักราช เสียชีวิตในปี..

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และออวิด · ดูเพิ่มเติม »

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์

ตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Golden Age painting) คือช่วงระยะหนึ่งของประวัติศาสตร์จิตรกรรมของเนเธอร์แลนด์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ราว ค.ศ. 1584 มาจนถึง ค.ศ. 1702 เมื่อการค้าขาย, วิทยาศาสตร์ และศิลปะของเนเธอร์แลนด์เป็นทีเจริญถึงจุดสูงสุดและเลื่องลือไปทั่วโลก จิตรกรของสมัยนี้สร้างแบบฉบับการเขียนงานจิตรกรรม และ ทิ้งอิทธิพลงานที่เป็นอนุสรณ์ต่อนักเขียนภาพรุ่นต่อมาเป็นอันมาก.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และจิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ · ดูเพิ่มเติม »

จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี

การแต่งงานของเวอร์จินแมรี” ภาพ “พระแม่มารีกับไม้ปั่นด้าย” โดยเลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี (Italian Renaissance painting) คือสมัยประวัติศาสตร์ของจิตรกรรมที่เริ่มตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เกิดขึ้นในบริเวณของประเทศอิตาลีในปัจจุบัน ซึ่งในขณะนั้นแบ่งการปกครองเป็นอาณาบริเวณต่างๆ จิตรกรในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลีแม้ว่าจะขึ้นอยู่กับราชสำนักหรือสำนัก หรือเมือง แต่ก็มีโอกาสได้ท่องเที่ยวอย่างกว้างไกลไปทั่วอิตาลี และมักจะได้รับฐานะเป็นทูตในการเผยแพร่อิทธิพลความคิดทั้งทางศิลปะและปรัชญา เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและโดยเฉพาะในสาขาจิตรกรรมก็คือเมืองฟลอเรนซ์ที่อ่านประกอบได้ในบทความ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา”, ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี และ “สถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา” จิตรกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีแบ่งเป็นสี่สมัย.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และจิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี · ดูเพิ่มเติม »

จิตรกรรมสีน้ำมัน

"โมนาลิซา" โดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ราว ค.ศ. 1503-1506 จิตรกรรมสีน้ำมัน หรือ ภาพเขียนสีน้ำมัน (oil painting) คือการเขียนภาพโดยใช้สีฝุ่นที่ผสมกับน้ำมันแห้ง (drying oil) — โดยเฉพาะในตอนต้นของยุโรปสมัยใหม่, น้ำมันลินสีด (linseed oil) ตามปกติแล้วก็จะต้มน้ำมันเช่นลินสีดกับยางสนหรือยางสนหอม (frankincense) ส่วนผสมนี้เรียกว่า "น้ำมันเคลือบ" (varnish) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพเขียนมีความหนาและเป็นเงา น้ำมันอื่นที่ใช้ก็มีน้ำมันเม็ดฝิ่น, น้ำมันวอลนัต, และน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันแต่ละอย่างก็มีคุณภาพต่าง ๆ กัน เช่นอาจจะทำให้สืเหลืองน้อยลง หรือใช้เวลาแห้งไม่เท่ากัน บางครั้งก็จะเห็นความแตกต่างจากเงาของภาพเขียนแล้วแต่ชนิดของน้ำมัน จิตรกรจะใช้น้ำมันหลายชนิดในภาพเขียนเดียวกันเพื่อให้ได้ลักษณะของภาพเขียนออกมาตามที่ต้องการ การแสดงออกของสีก็จะต่างกันตามแต่วัสดุที่ใช้เขียน.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และจิตรกรรมสีน้ำมัน · ดูเพิ่มเติม »

ประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา

วีนัสเดอมิโลที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา (Art history) ตามที่เข้าใจกันในประวัติศาสตร์หมายถึงสาขาวิชาทางด้านงานศิลปะที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และบริบทของลักษณะ (stylistic contexts) เช่น ประเภทของศิลปะ (genre), ลักษณะการออกแบบ (design), รูปทรง (format) และ การออกมาเป็นรูปร่าง (look) ซึ่งรวมทั้งศิลปะสาขาหลักที่ได้แก่จิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรม และรวมทั้งสาขาย่อยเช่นเซรามิค เฟอร์นิเจอร์ และศิลปะการตกแต่งอื่นๆ หลักของสาขาวิชานี้มาจากงานชิ้นสำคัญๆ ที่สร้างโดยศิลปินตะวันตก และกฎว่าด้วยศิลปะตะวันตกก็ยังเป็นแกนสำคัญในการเลือกสรรงานที่ได้รับการบรรยายในตำราประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยามาจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการพยายามที่จะวางความหมายของสาขาวิชานี้ใหม่ให้กว้างขึ้น เพื่อรวมศิลปะที่ไม่ใช่ศิลปะตะวันตก, ศิลปะที่สร้างโดยศิลปินสตรี และศิลปะพื้นบ้านเข้าด้วย คำว่า “ประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา” (หรือบางครั้งก็เรียกว่า “ประวัติศาสตร์ศิลป์”) ครอบคลุมวิธีการศึกษาจักษุศิลป์หลายวิธี ที่โดยทั่วไปหมายถึงงานศิลปะ และ งานสถาปัตยกรรม สาขาของการศึกษาต่างๆ บางครั้งก็คาบกันเช่นที่นักประวัติศาสตร์ศิลป์เอิร์นสท กอมบริค ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ก็คล้ายกับบริเวณกอลของจูเลียส ซีซาร์ที่แบ่งออกเป็นสามส่วน อาศัยอยู่โดยชนสามเผ่าพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน: (1) ผู้ที่เป็นคอศิลป์ (connoisseurs), (2) ผู้ที่เป็นนักวิพากษ์ศิลป์ และ (3) ผู้ที่เป็นนักวิชาการจากสถาบันผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์” ในฐานะที่เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งประวัติศาสตร์ศิลป์ต่างจากการวิพากษ์ศิลปะที่จะเน้นการสร้างพื้นฐานของคุณค่าของศิลปะโดยการเปรียบเทียบกับงานชิ้นอื่นที่เปรียบเทียบกันได้ทางด้านลักษณะ หรือการหันหลังให้แก่ลักษณะ หรือขบวนการศิลปะทั้งหมดที่พิจารณา และต่างจาก “ทฤษฎีศิลป์” (art theory) หรือ “ปรัชญาศิลป์” (philosophy of art) ที่คำนึงถึงธรรมชาติพื้นฐานของศิลปะ สาขาย่อยสาขาหนึ่งของการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลป์คือวิชาสุนทรียศาสตร์ (aesthetics) ซึ่งเป็นการศึกษาถึงสุนทรียปรัชญา (Sublime) และการระบุหัวใจของสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งที่มีความเป็นสุนทรีย์ แต่ตามทฤษฎีแล้วประวัติศาสตร์ศิลป์ไม่ใช่สิ่งที่กล่าวมาเพราะนักประวัติศาสตร์ศิลป์ใช้การวิจัยโดยวิธีประวัติศาสตร์ (historical method) ในการตอบคำถาม “ศิลปินสร้างงานขึ้นมาได้อย่างไร”, “ใครเป็นผู้อุปถัมภ์”, “ใครเป็นครู”, “ใครคือผู้ชมงาน”, “ใครเป็นผู้ได้รับอิทธิพลจากลักษณะงาน”, “ประวัติศาสตร์ตอนใดที่มีอิทธิพลต่องาน” และ “งานที่สร้างมีผลทางเหตุการณ์ทางศิลปะ การเมือง และ สังคมอย่างใด” แต่กระนั้นประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยาก็มิได้หมายความว่าเป็นการศึกษาที่เกี่ยวกับการติดตามประวัติของงานเท่านั้น อันที่จริงแล้วนักประวัติศาสตร์ศิลป์มักจะวางพื้นฐานมาตรการการศึกษาโดยการวิเคราะห์งานแต่ละชิ้น และพยายามตอบปัญหาต่างๆ เช่น “อะไรคือสิ่งสำคัญของลักษณะของสิ่งที่ศึกษา”, “ความหมายใดที่งานชิ้นนี้พยายามสื่อ”, “งานชิ้นนี้มีผลต่อการดูอย่างใด”, “ศิลปินบรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการหรือไม่”, “งานที่ศึกษาประกอบด้วยสัญลักษณ์อะไรบ้าง” และ “งานที่ศึกษาเป็นงานที่ออกนอกประเด็นหรือไม่”.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา · ดูเพิ่มเติม »

ปีเอโร ดี โกซีโม

ปียโร ดิ โคสิโม (ภาษาอังกฤษ: Piero di Cosimo) (2 มกราคม ค.ศ. 1462 - 12 เมษายน ค.ศ. 1522) เป็นจิตรกรรมสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึง 16 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพเขียนสีน้ำมัน เปียโร ดิ โคสิโมเกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1462 ที่ ฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1522 เปียโรเป็นลูกของช่างทองและฝึกงานภายใต้โคสิโม โรสเสลิ (Cosimo Rosseli) ผู้ที่เปียโรได้รับนาม และเป็นผู้ช่วยในการวาดภาพที่ชาเปล ในปี ค.ศ. 1481 เปียโรเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงที่จอร์โจ วาซารีลงบันทึกไว้ในหนังสือ “ชีวิตศิลปิน”.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และปีเอโร ดี โกซีโม · ดูเพิ่มเติม »

เมทามอร์โฟซีส

หน้าปก มหากาพย์เมทามอร์โฟซีส (Metamorphoses) เป็นมหากาพย์ที่เขียนโดยโอวิด กวีโรมันในปี ค.ศ. 8 ที่มีด้วยกันสิบห้าเล่มที่บรรยายตำนานการสร้างและประวัติศาสตร์โลก เป็นหนังสือปรัมปราวิทยาที่เป็นที่นิยมกันมาโดยตลอด และเพราะเป็นงานคลาสสิกที่เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยกลางจึงทำให้เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อโคลงกลอนในยุคกลาง หมวดหมู่:วรรณคดีประเภทกาพย์ หมวดหมู่:มหากาพย์.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และเมทามอร์โฟซีส · ดูเพิ่มเติม »

เวนิส

วนิส (Venice) หรือ เวเน็ตเซีย (Venezia) เป็นเมืองหลักของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2547) เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติก ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำปลาวี มีผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ 272,000 คน ซึ่งนับรวมหมดทั้งเวนิส โดยมี 62,000 คนในบริเวณเมืองเก่า 176,000 คนในแตร์ราแฟร์มา (Terraferma) และ 31,000 คนในเกาะอื่น ๆ ในทะเล.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และเวนิส · ดูเพิ่มเติม »

เออร์วิน พานอฟสกี

ออร์วิน พานอฟสกี (Erwin Panofsky; 30 มีนาคม ค.ศ. 1892 - 14 มีนาคม ค.ศ. 1968) เออร์วิน พานอฟสกีเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลป์คนสำคัญชาวเยอรมันผู้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับประติมานวิทยา งานเขียนหลายชิ้นของพานอฟสกียังคงได้รับการตีพิมพ์อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้รวมทั้ง “Studies in Iconology: Humanist Themes in the Art of the Renaissance” ที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี..

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และเออร์วิน พานอฟสกี · ดูเพิ่มเติม »

เซเทอร์

เซเทอร์กำลังใช้องคชาตยกจอกไวน์ เซเทอร์ (satyr) ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก เป็นมนุษย์ในวัยหนุ่ม มักมีหูเป็นหูม้า มีเขาเล็กเหมือนแพะ มีขาเป็นแพะ มักท่องเที่ยวในป่าและภูเขา บางตำราบอกว่าเป็นเทพารักษ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามของเทพแพน (Pan) และเทพไดโอไนซัสอีกด้วย ในเทพปกรณัม เซเทอร์ เกี่ยวข้องกับพลังทางเพศของเพศชายและผลงานศิลปกรรมกรีก-โรมันมักสร้างภาพของเซเทอร์ให้มีอวัยวะเพศที่ตั้งชูชัน หมวดหมู่:สิ่งมีชีวิตในตำนานเทพปกรณัมกรีก หมวดหมู่:สิ่งมีชีวิตในตำนานเทพปกรณัมโรมัน.

ใหม่!!: ความตายของโพรคริส (โคสิโม)และเซเทอร์ · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

The Death of Procris

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »