6 ความสัมพันธ์: ดันเต อาลีกีเอรีซูสแม่น้ำแอเคอรอนแครอนเฮอรอโดทัสเทพปกรณัมกรีก
ดันเต อาลีกีเอรี
ูรันเต เดกลี อาลีกีเอรี หรือดันเต อาลีกีเอรี หรือเรียกสั้น ๆ ว่าดันเต (Durante degli Alighieri; Dante Alighieri) (ราวกลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1265 - 14 กันยายน ค.ศ. 1321) ดันเต อาลีกีเอรีเป็นรัฐบุรุษ กวี และนักภาษาศาสตร์คนสำคัญของฟลอเรนซ์ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 ในยุคกลาง งานชิ้นที่สำคัญที่สุดคือ “ดีวีนากอมเมเดีย” (Divina Commedia) ที่เดิมชื่อ “Commedia” แต่ต่อมาเรียก “Divina” โดยโจวันนี บอกกัชโช และในที่สุดก็กลายเป็น “Divina Commedia” ซึ่งถือว่าเป็นกวีนิพนธ์ชิ้นเอกของภาษาอิตาลีและของโลก ดันเตได้รับการขนานนามในอิตาลีว่า “il Sommo Poeta” หรือ “มหากวี” และได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งภาษาอิตาลี” ดานเต เปตราก และโจวันนี บอกกัชโช รู้จักรวมกันว่า “สามมงกุฏ” (the three fountains หรือ the three crowns) บอกกัชโชเป็นคนแรกที่เขียนชีวประวัติของดันเตใน “ศาสตรนิพนธ์ในการสรรเสริญดันเต” (Trattatello in laude di Dante).
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และดันเต อาลีกีเอรี · ดูเพิ่มเติม »
ซูส
ซุส หรือ ซีอุส (Zeus; Ζεύς, Zeús ซฺเดอุส) ทรงเป็น "พระบิดาแห่งพระเจ้าและมนุษย์" (πατὴρ ἀνδρῶν τε θεῶν τε, patḕr andrōn te theōn te) ผู้ปกครองเทพโอลิมปัสแห่งยอดเขาโอลิมปัสดังบิดาปกครองครอบครัวตามศาสนากรีกโบราณ พระองค์ทรงเป็นเทพแห่งท้องฟ้าและสายฟ้าในเทพปกรณัมกรีก ซูสกับพระเจ้าจูปิเตอร์ของโรมันมาจากรากศัพท์เดียวกัน และกลายมามีความใกล้ชิดกันภายใต้อิทธิพลเฮเลนิสติก ซูสเป็นบุตรของโครนัสและรีอา และมีพระชนมายุน้อยที่สุด ในตำนานกล่าวว่า พระองค์สมรสกับฮีรา ทว่าที่ผู้พยาการณ์ที่ดอโดนา คู่สมรสของพระองค์คือ ไดโอนี ตามที่ระบุในอีเลียด พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของแอโฟรไดที โดยไดโอนีเป็นพระมารดา พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในเรื่องกาม ซึ่งส่งผลให้พระองค์มีพระโอรสธิดาที่เป็นพระเจ้าและวีรบุรุษมากมาย รวมทั้งอะธีนา อะพอลโลและอาร์ทิมิส เฮอร์มีส เพอร์เซฟะนี ไดอะไนซัส เพอร์ซิอัส เฮราคลีส เฮเลนแห่งทรอย มิวส์ แอรีส ฮีบีและฮิฟีสตัส วอลเตอร์ เบอร์เกิร์ตบรรยายไว้ในหนังสือ ความเชื่อกรีกโบราณ ว่า "ซูสเป็นเทพบิดรของบรรดาเทวดาทั้งหลาย ทวยเทพทั้งหมดกำเนิดขึ้นเพราะมีพระองค์" ชาวกรีกเชื่อว่า พระองค์คือ เทพเจ้าสูงสุด, ผู้ครอบครองจักรวาล อ้างอิงโดย พอซาเนียส (นักภูมิศาสตร์) "ที่ซูสเป็นกษัตริย์ในสวรรค์เป็นคำที่มนุษย์ทุกคนทราบ" เฮซิออด กวี ธีโอโกนี ซูสได้จัดสรรมอบอำนาจให้เหล่าเทพ กวีโฮเมอริค พระองค์มีอำนาจปกครองสูงสุดในเหล่าเทพ สัญลักษณ์ของซูสคือ อัสนีบาตสายฟ้า, เหยี่ยว, กระทิง และต้นโอ๊ก นอกเหนือจากตำนานอินโด-ยูโรเปียน ฉายาตามตำนาน "ผู้รวบรวมเมฆ" (กรีก: Νεφεληγερέτα, Nephelēgereta) ได้รับมาจากสัญลักษณ์ตามวัฒนธรรมตะวันออกใกล้โบราณ ตัวอย่างเช่น คทาของกษัตริย์ ศิลปินชาวกรีกมักจะนำเสนอรูปปั้นเทพซูสใน ท่ายืนหรือท่วงท่าการก้าวไปข้างหน้า มีอัสนีบาตประดับในพระหัตถ์ขวา หรือประทับอยู่บนพระราชบัลลังก.
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และซูส · ดูเพิ่มเติม »
แม่น้ำแอเคอรอน
แม่น้ำแอเคอรอน (Acheron; Ἀχέρων (Acheron) หรือ Ἀχερούσιος (Acherusius); Αχέροντας (Acherontas)) เป็นแม่น้ำในภูมิภาคอิไพรัสทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรีซ เป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลไอโอเนียน มีความยาว 58 กิโลเมตร (36 ไมล์) แม่น้ำแอเคอรอน ยังเป็นแม่น้ำตามความเชื่อในเทพปกรณัมกรีกโดยถูกเรียกว่า "แม่น้ำแห่งความโศกเศร้า" ในโลกหลังความตายของกรีก เนื่องจากเป็นพรมแดนที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์และนรก ผู้ที่ตายไปแล้วก่อนจะเข้าเฝ้าเฮดีสที่ทาร์ทารัส ก่อนจะข้ามแม่น้ำต้องทอดทิ้งความหวังในการมีชีวิตอยู่ไว้เสียก่อน ซึ่งหมายความว่าเข้าสู่โลกความตายอย่างแน่นอนแล้ว โดยมีคนพายเรือข้ามฝั่งแม่น้ำ ชื่อ แครอน ซึ่งต้องให้ค่าจ้างเป็นเงินซึ่งญาติผู้ตายจะนำเหรียญใส่ในปากของผู้ตาย เรียกว่า "เหรียญของแครอน" เพื่อเป็นค่าจ้าง ปัจจุบัน แม่น้ำแอเคอรอนเป็นที่นิยมอย่างยิ่งของนักท่องเที่ยวและนักล่องแพ โดยมีบาร์เหล้าเปิดอย่างมากมายที่ริมฝั่งแม่น้ำ.
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และแม่น้ำแอเคอรอน · ดูเพิ่มเติม »
แครอน
อเล็กซานเดอร์ ลีตอฟเชนโค แครอน (Charon หรือ Kharon,; Χάρων) เป็นคนแจวของเฮดีสผู้นำวิญญาณของผู้เพิ่งตายข้ามแม่น้ำแอเคอรอนจากมนุษยโลกไปยังยมโลก บางครั้งญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจะใส่ "เหรียญของแครอน" (Charon's obol) ในปากของผู้เสียชีวิตเพื่อเป็นค่าโดยสาร นักเขียนบางท่านกล่าวว่าผู้ที่ไม่มีเงินจ่ายค่าโดยสารหรือผู้ที่ไม่ได้ถูกฝังต้องเดินร่อนเร่อยู่ริมฝั่งเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีจึงจะข้ามไปได้ วีรบุรุษที่ได้เดินทางข้ามจากมนุษยโลกไปยังยมโลก และข้ามกลับมายังมนุษยโลกอีกเช่น เฮราคลีส, ออร์เฟียส, อีเนียส, ไดอะไนซัส และไซคี ต่างก็ใช้เรือของแครอน.
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และแครอน · ดูเพิ่มเติม »
เฮอรอโดทัส
รูปแกะสลักเฮอโรโดทัส เฮอโรโดทัส (Herodotos หรือ Herodotus – ประมาณ พ.ศ. 58-118) นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกผู้บันทึกสงครามเปอร์เซีย ผู้เริ่มต้นประวัติศาสตร์นิพนธ์ตะวันตก เกิดที่เมืองฮาลิคาร์นาสซัส ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชียไมเนอร์ซึ่งในขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย เฮอโรโดทัสได้เดินทางท่องเที่ยวศึกษาทั่วดินแดนในเอเชียไมเนอร์และตะวันออกกลาง และยังได้เดินทางลงใต้ไปอียิปต์ถึงเมืองเอเลแฟนทีน (อัสวานในปัจจุบัน) Oikumene) ประมาณ พ.ศ. 90 หรือ 450 ปีก่อนคริสตกาล โดยจำลองจากบันทึกของเฮอโรโดทัส เฮอโรโดทัส เคยอาศัยอยู่ที่กรุงเอเธนส์ หรืออย่างน้อยก็ตอนกลางของกรีกและได้พบกับโสโฟเคิลส์ (Sophocles) ก่อนที่จะไปเข้าเป็นพลเมืองร่วมอยู่กับอาณานิคมกรีกที่เมืองธุริ (Thurii) เมื่อปี..
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และเฮอรอโดทัส · ดูเพิ่มเติม »
เทพปกรณัมกรีก
รูปปั้นครึ่งตัวของซูส, ที่เมือง Otricoli พิพิธภัณฑ์ Pio-Clementino วาติกัน) เทพปกรณัมกรีก (ΜΥΘΟΛΟΓΊΑ ΕΛΛΗΝΙΚΉ) เป็นเรื่องปรัมปราและตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า, วีรบุรุษ, ธรรมชาติของโลก รวมถึงจุดกำเนิดและความสำคัญของขนบ คติและจารีตพิธีในทางศาสนาของชาวกรีกโบราณ เทพปกรณัมกรีกเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาในกรีซโบราณ นักวิชาการสมัยใหม่มักอ้างถึงและศึกษาเรื่องปรัมปราเหล่านี้ เพื่อที่จะทราบเกี่ยวกับสถาบันทางศาสนา, สถาบันทางการเมืองในกรีซโบราณ, อารยธรรมของชาวกรีก และเพื่อเพิ่มความเข้าใจในธรรมชาติของการสร้างตำนานเทพปกรณัมขึ้น เทพปกรณัมกรีกได้ถูกรวบรวมขึ้นจากเรื่องเล่าและศิลปะที่แสดงออกในวัฒนธรรมกรีก เช่น การระบายสีแจกันและของแก้บน ตำนานกรีกอธิบายถึงการถือกำเนิดของโลก และรายละเอียดของเรื่องราวในชีวิต และการผจญภัยของบรรดาเทพเจ้า เทพธิดา วีรบุรุษ วีรสตรี และสิ่งมีชีวิตในตำนานอื่น ๆ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ในตอนแรกเป็นเพียงการสืบทอดผ่านบทกวีตามประเพณีมุขปาฐะเท่านั้น ซึ่งอาจสืบย้อนหลังไปได้ถึงสมัยไมนอส และสมัยไมซีนี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ก่อน..
ใหม่!!: แม่น้ำสติกซ์และเทพปกรณัมกรีก · ดูเพิ่มเติม »