เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
ขาออกขาเข้า
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

ซุซะโนะโอะ

ดัชนี ซุซะโนะโอะ

ซุซะโนะโอะและมังกรน้ำ ซุซะโนะโอะ เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลและพายุในศาสนาชินโต.

สารบัญ

  1. 7 ความสัมพันธ์: ชินโตพายุยะมะตะ โนะ โอะโระชิสาเกอะมะเตะระซุอิซะนะงิทะเล

  2. พระโพธิสัตว์
  3. เทพเจ้าชินโต
  4. เทพเจ้าญี่ปุ่น

ชินโต

ทะริอิ ที่ ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ สัญลักษณ์ที่สำคัญของชินโต ชินโต เป็นลัทธิตามความเชื่อเดิมของชาวญี่ปุ่น คำว่า ชินโต มาจากตัวอักษรจีน หรือคันจิ 2 ตัวรวมกัน คือ ชิน หมายถึงเทพเจ้า (ภาษาจีน: 神, พินอิน: shén, เสิน) และ โต หมายถึงวิถีทางหรือศาสตร์วิชา (ภาษาจีน: 道, พินอิน: dào, เต้า) หรือ เต๋า ในลัทธิเต๋านั่นเอง เมื่อรวมกันแล้ว จะหมายถึงศาสตร์แห่งเทพเจ้า หรือวิถีแห่งเทพเจ้า นั่นเอง ชินโตของญี่ปุ่นมีตำนานความเชื่อว่า เทพเจ้ามีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งในป่า บนภูเขา ทะเล แม่น้ำ ลำธาร ในสายลม แม้แต่ในบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาในธรรมชาติที่ที่มีความบริสุทธิ์ล้วนเป็นที่สถิตของเทพเจ้าได้ทั้งสิ้น จึงมีคำที่ว่า "เทพแปดล้านองค์" เป็นการรวมคำเพื่อแสดงว่ามีทวยเทพอยู่มากมาย ปัจจุบันนี้ ลัทธิชินโตถือให้เป็นลัทธิความเชื่อพื้นเมืองประจำประเทศญี่ปุ่น พิธีกรรมของลัทธิชินโตนี้มาจากวัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นพิธีกรรมอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งศาสนาพุทธ และ ลัทธิขงจื๊อ กับ ลัทธิเต๋า รวมทั้งภายหลัง ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ได้เริ่มให้เข้ามาในดินแดนญี่ปุ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 พิธีกรรมของลัทธิชินโตได้ถูกบันทึกและบัญญัติเป็นครั้งแรกในคัมภีร์โคะจิคิ และจดหมายเหตุนิฮงโชะกิ ในศตวรรษที่ 8 เพื่อตอบโต้ศาสนาที่มีระดับความพัฒนามากกว่าจากแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตาม งานเขียนในยุคแรกๆก็ยังมิได้บ่งบอกว่าเป็น ลัทธิชินโต แต่งานเขียนในสมัยต่อมาก็ได้บ่งชี้อย่างชัดเจน พร้อมขนบธรรมเนียบของสังคมเกษตรกรรมและเทศกาลประจำปีเข้าไปด้วย รวมไปถึงความเชื่อเรื่องเทพปกรณัมและการกำเนิดโลกต่าง ๆ ซึ่งเล่าถึงต้นกำเนิดของชนชาติญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะหมายถึงเชื้อสายยะมะโตะ และอิสึโมะ ในสมัยนั้น พุทธศาสนาได้แพร่จากจีนเข้าสู่ญี่ปุ่น และมีผสมผสานความเชื่อดั้งเดิม อย่างเช่น ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในลัทธิชินโตและความเชื่อเรื่องพระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ปัจจุบันนี้ ลัทธิชินโตถูกจัดให้เป็นลัทธิบูชาเทพเจ้าหลายองค์ หรือ พหุเทวนิยม และลัทธิบูชาภูตผีวิญญาณ ที่เน้นความบริสุทธิ์ของพิธีกรรมเป็นอย่างมาก รวมถึงยกย่องเกียรติและความมีตัวตนของเทพเจ้า ซึ่งมีทั้งเทพเจ้าที่มีมาจากการยกบุคคลให้เป็นเทพ หรือการบูชาธรรมชาติ และเทพเจ้ายังสามารถมีลูกได้ด้วย ลัทธิชินโตเป็นลัทธิที่ให้ความสำคัญกับพิธีกรรมทางศาสนาเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นวิธีที่จะทำให้ศาสนิกชนเข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเจ้าได้มากที่สุด ลัทธิชินโตยุคใหม่ไม่มีสถาบันที่ที่ยกตัวเป็นผู้ควบคุมส่วนกลาง มีเพียงแต่กลุ่มคนที่พยายามรักษาวิถีปฏิบัติของลัทธิชินโตมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนถึงปัจจุบัน ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ชินโตได้ถูกยกเลิกจากการเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งในปัจจุบันชินโตเริ่มลดหายไปจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยที่ยังเห็นได้ในปัจจุบันได้แก่ โอมิคุจิ (การดึงฉลากเสี่ยงโชคในศาลเจ้าชินโต) และการเฉลิมฉลอง งานปีใหม่ญี่ปุ่น ที่มีจัดขึ้นตามศาลเจ้าชินโต.

ดู ซุซะโนะโอะและชินโต

พายุ

มฆพายุหมุนเหนือเมือง เอนสเกเด ประเทศเนเธอร์แลนด์ พายุ คือ สภาพบรรยากาศที่ถูกรบกวนแบบใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อพื้นผิวโลก และบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่รุนแรง เวลากล่าวถึงความรุนแรงของพายุ จะมีปัจจัยสำคัญอยู่บางประการคือ ความเร็วใกล้ศูนย์กลาง ซึ่งอาจสูงถึง 400 กม./ชม.

ดู ซุซะโนะโอะและพายุ

ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ

มะตะ โนะ โอะโระชิสู้กับซุซะโนะโอะ ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ คือชื่อของจอมอสูรในตำนานเทพปกรณัมของญี่ปุ่นโบราณ เมื่อคราที่อิซะนะงิ เทพบิดร และอิซะนะมิ เทพมารดร สร้างประเทศญี่ปุ่นขึ้นโดยการกวนน้ำทะเลนั้น ได้เกิดจอมอสูรขึ้นมาในยุคเดียวกันนั้นด้วย คือยะมะตะ โนะ โอะโระชิ ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ มีลักษณะเป็นงูขนาดใหญ่ ร่างกายของมันใหญ่ปานขุนเขา มีหัวแปดหัว (ด้วยเหตุนี้ จึงชื่อว่ายามาตะ หมายถึง แปดง่าม คือมีหัวทั้งแปด งอกออกมาจากง่ามทั้งแปด) และสามารถพ่นไฟได้ เมื่อยะมะตะ โนะ โอะโระชิ ปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะไปยังหมู่บ้านใดๆ ก็ตาม จะเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตคน และสัตว์เป็นจำนวนมาก แต่ละหมู่บ้านที่ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ จะผ่านไปนั้น จึงต้องคัดเลือกหญิงสาวมาสังเวยให้แก่ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ เพื่อทำให้ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ พึงพอใจ จะได้ไม่มาทำลายหมู่บ้าน ขณะนั้น จอมเทพ ซุซะโนะโอะ โนะ มิโคโตะ เทพแห่งวายุ น้องชายของเทพีอามาเทระสุ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ ได้ออกเดินทางผจญภัยไปยังแคว้นต่างๆ เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้น ได้มีการจัดเตรียมเครื่องสังเวย โดยหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ 8 ที่ยะมะตะ โนะ โอะโระชิ จะมาเยือน ซุซะโนะโอะ ได้รู้ดังนั้น จึงอาสาที่จะปราบยะมะตะ โนะ โอะโระชิ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นภัย ซุซะโนะโอะ ได้เตรียมสุราไว้ด้วยกันแปดจอก และนำเอาหญิงสาวซ่อนไว้ด้านในสุด โดยให้เงาของหญิงสาวทาบทับสะท้อนลงไปในจอกสุราทั้งแปดจอกนั้น เมื่อยะมะตะ โนะ โอะโระชิมาถึงก็ไล่ดื่มสุราทีละจอกทีละจอก เพราะเห็นเงาของหญิงสาวนั้นสะท้อนอยู่ในเหล้าทุกจอก เมื่อดื่มครบแปดจอก ก็เกิดความเมามาย ซุซะโนะโอะที่ซ่อนตัวอยู่เห็นว่าได้จังหวะเหมาะ จึงกระโจนออกจากที่ซ่อน แล้วใช้ดาบฟาดฟันงูยักษ์ยะมะตะ โนะ โอะโระชิจนหัวขาดหมดสิ้นทั้งแปดหัว และถูกสยบลงได้ในที่สุด เมื่อยะมะตะ โนะ โอะโระชิถูกกำราบลงแล้ว ซุซะโนะโอะได้เห็นว่าที่หางของยะมะตะ โนะ โอะโระชินั้นมีแสงเรืองรองส่องสว่างอยู่ จึงได้ตัดหางของยะมะตะ โนะ โอะโระชิออกดู และพบว่ามีดาบอยู่ในนั้น ดาบที่ซุซะโนะโอะนำออกมาจากปลายหางของยะมะตะ โนะ โอะโระชิ มีชื่อว่าดาบคุซานางิ ซุซะโนะโอะได้นำดาบนั้นมาครอบครองและนำไปถวายให้อะมาเตระสุเพื่อขอขมาในภายหลัง.

ดู ซุซะโนะโอะและยะมะตะ โนะ โอะโระชิ

สาเก

ก อาจหมายถึง.

ดู ซุซะโนะโอะและสาเก

อะมะเตะระซุ

วาดแสดงการปรากฏตัวของสุริยเทวีเพื่อให้แสงสว่างแก่จักรวาล อะมะเตะระซุ (天照; โรมะจิ: Amaterasu), อะมะเตะระซุ-โอมิกะมิ (天照大神 / 天照大御神; โรมะจิ: Amaterasu-ōmikami) หรือ โอฮิรุเมะ-โนะ-มุชิ-โนะ-กะมิ (大日孁貴神; โรมะจิ: Ōhiru-menomuchi-no-kami) เป็นสุริยเทพีตามความเชื่อของศาสนาชินโต มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพีองค์นี้มากมาย ซึ่งเป็นรากฐานของพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ เรื่องที่สำคัญคือการที่สุริยเทพีหลบหนีพระพายซุซะโนะโอะเข้าไปอยู่ในถ้ำ ทำให้โลกต้องพบกับความมืดมิดจนเกิดจลาจล เทวดาทั้งหลายจึงคิดอุบายให้สุริยเทพีปรากฏตัวออกมา แสงสว่างจึงได้ขับไล่ความมืดและความชั่วร้าย เป็นเหตุให้ซูซะโนะโอะถูกกำราบลงได้ นางจึงกลายเป็นเทพที่สำคัญที่สุดของศาสนาชินโต.

ดู ซุซะโนะโอะและอะมะเตะระซุ

อิซะนะงิ

อิซะนะงิ อิซะนะงิ เทพกำเนิด เจ้าแห่งท้องฟ้า,แสงสว่าง และสรวงสรรค์ มีง้าวเป็นอาวุธ มีภรรยาและน้องสาวคือ อิซะนะมิ ปฐมเทพี เจ้าแห่งโลก,ผืนแผ่นดิน และความมืด มีกระจกทองแดงห้อยคอเป็นของวิเศษประจำตัว ซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้โลกอันมืดมิดสว่างขึ้น แสงสว่างจากกระจกทองแดง ได้สะท้อนกับละอองน้ำในอากาศท่ามกลางหมู่เมฆที่รวมตัวกัน ก่อกำเนิดสะพานสายรุ้ง อามา โน อูกิฮาชิ ซึ่งลอยไปถึงสรวงสรรค์ เมื่ออิซะนะมิได้เห็นสะพานสายรุ้ง ก็ได้กล่าวขึ้นว่า "อา ช่างเป็นสายรุ้งที่สวยงามอะไรเช่นนี้ เราลองปีนขึ้นไปบนสายรุ้งกันเถิด" แล้วทั้งสองก็ปีนขึ้นไปบนสะพานสายรุ้ง และมองลงไปที่พื้นดิน อิซะนะมิ ก็กล่าวขึ้นว่า "พื้นดินเป็นทะเลโคลนเช่นนี้ คงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอยู่ได้ และเราก็ไม่สามารถสร้างวังของเราขึ้นที่นี่ได้" ว่าแล้วอิซะนะงิก็เอาง้าวของเขาจุ่มลงในทะเลโคลนแล้วกวนให้น้ำแยกออกจากดิน ไปวนอยู่รอบๆบริเวณ และดินโคลนทั้งหลายก็รวมตัวอยู่ตรงกลาง เมื่อดึงง้าวขึ้นมา โคลนที่ติดอยู่กับง้าวก็หยดลงมากลายเป็นเกาะโอโนโกโร เป็นเกาะแรกของหมู่เกาะญี่ปุ่น ที่ซึ่งเทพเจ้าและมนุษย์ได้อาศัยกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้สร้างเกาะญี่ปุ่น 40 เกาะและให้กำเนิดเทพ 36 องค์ องค์สุดท้ายคือ คากูทซึชิ เทพแห่งไฟ ที่เมื่อคลอดออกมาก็เผาผลาญ อิซะนะมิจนตาย ไปอยู่นรก และกลายเป็นเทพีผู้ปกครองนรกบาดาล หลังจาก อิซะนะมิตาย อิซะนะงิ ก็เอาแต่โศกเศร้า และเฝ้าคิดถึงภรรยา จึงลงไปหาภรรยาในนรก แต่เมื่อได้พบ อิซะนะงิ ก็ตกใจกับรูปลักษณ์ของภรรยา ที่เน่าเปื่อย กลายเป็นผีที่น่าเกลียด และแสดงอาการรังเกียจออกมา แต่ก็ได้ร้องขอให้เธอกลับไปครองรักกันเหมือนเดิม แต่ อิซะนะมิ เห็นอาการของสามีที่รังเกียจตน จึงปฏิเสธไม่ยอมกลับไปด้วย ทั้งสองจึงแยกจากกันชั่วนิรันดร์ หลังจาก อิซะนะงิ กลับมาจากนรก อิซะนะงิ รังเกียจภรรยาที่กลายเป็นผี จึงปิดผนึกปากถ้ำที่เป็นทางลงไปสู่นรก ด้วยความโกรธ ที่สามีของตนรังเกียจตน จึงอธิษฐานให้มนุษย์ ตายวันละ 1,000 คน แต่อิซะนะงิ ก็อธิษฐานให้ มนุษย์เกิดขึ้นมาวันละ 1,500 คน หลังจากนั้น อิซะนะงิ ได้ทำพิธีชำระล้างมลทินเป็นครั้งแรก เขาล้างตาซ้ายของเขา มีน้ำตาหยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น เทพีแห่งสุริยะ อะมะเตะระซุ เมื่อเขาล้างตาขวาของเขา น้ำตาร่วงหล่น หยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น เทพแห่งจันทรา สึกุโยะมิ เป็นอันดับถัดมา และน้ำมูกจากจมูกของเขา ได้ให้กำเนิดซุซะโนะโอะ เทพแห่งวายุ หมวดหมู่:เทพเจ้าญี่ปุ่น.

ดู ซุซะโนะโอะและอิซะนะงิ

ทะเล

ทะเลโบฟอร์ต ทะเล เป็นแหล่งน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยพื้นดินทั้งหมดหรือบางส่วน.

ดู ซุซะโนะโอะและทะเล

ดูเพิ่มเติม

พระโพธิสัตว์

เทพเจ้าชินโต

เทพเจ้าญี่ปุ่น

หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซุซะโน