15 ความสัมพันธ์: กระจุกดาวทรงกลมยูซาน วองสาธารณรัฐกาแลกติกสงครามกลางเมืองกาแลกติกสตาร์ วอร์สหลุมดำจักรวรรดิกาแลกติกดาราจักรดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ซิธปีแสงไฮเปอร์สเปซ (บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์)เจไดเนบิวลา
กระจุกดาวทรงกลม
เมสสิเยร์ 80 กระจุกดาวทรงกลมในกลุ่มดาวแมงป่อง อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของเรา 28,000 ปีแสง ประกอบด้วยดาวฤกษ์นับแสนดวง กระจุกดาวทรงกลม (Globular Cluster) เป็นแหล่งรวมของดวงดาวที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม โคจรไปรอบๆ แกนกลางดาราจักร ดาวฤกษ์ในกระจุกดาวทรงกลมมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดต่อกันค่อนข้างมาก ทำให้พวกมันรวมตัวเป็นกลุ่มทรงกลม มีความหนาแน่นของดาวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในจุดศูนย์กลาง บางครั้งเรียกชื่อโดยย่อเพียงว่า globular กระจุกดาวทรงกลมมักพบอยู่ในกลดดาราจักร มีดวงดาวรวมตัวกันอยู่มากและมักมีอายุเก่าแก่กว่าส่วนที่เหลือของดาราจักร หรือกระจุกดาวเปิดซึ่งมักพบในจานดาราจักร ในดาราจักรทางช้างเผือกมีกระจุกดาวทรงกลมอยู่ราว 158 แห่ง และคาดว่ายังมีกระจุกดาวที่ยังค้นไม่พบอีกราว 10-20 แห่งAshman, Keith M.; Zepf, Stephen E. (1992).
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และกระจุกดาวทรงกลม · ดูเพิ่มเติม »
ยูซาน วอง
นักรบยูซาน วอง ถืออาวุธแอมฟิสตาฟ ยูซาน วอง (Yuuzhan Vong) เป็นชื่อเผ่าพันธุ์ในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส มีบทบาทสำคัญในหนังสือนิยายชุด New Jedi Order และสื่ออื่นที่เกี่ยวข้อง ยูซาน วอง (Yuuzhan Vong: "บุตรแห่งยุนยูซาน", หรือ เผ่าพันธุ์ที่ถูกเลือก) (บางครั้งถูกเรียกอย่างผิดๆ ว่า วอง ซึ่งจะมีความหมายหมายถึงผู้ที่ถูกละทิ้งจากครอบครัวหรือจากเทพเจ้า) เป็นเผ่าพันธุ์ท้องถิ่นที่เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่ เหล่ายูซานวองและทาสชาซราชเป็นส่วนหนึ่งในบรรดาเผ่าพันธุ์เพียงไม่กี่เผ่าพันธุ์ที่ทราบกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่นอกกาแลกซี (เผ่าพันธุ์อื่นได้แก่ ควา, ซิเลนเตียม และ อะบอมินอร์) พวกยูซาน วองมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ เพียงแต่สูงกว่าและหนักกว่ามนุษย์ทั่วไป และมีผมบนศีรษะน้อยกว่า พวกยูซาน วองเป็นคล้ายกลุ่มคลั่งศาสนาที่มองเทคโนโลยีจักรกลเป็นการดูหมิ่น นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของพวกยูซาน วองคือพันธุวิศวกรรม และใช้เทคโนโลยี "ชีวภาพ" ทั้งหมด นอกจากนั้นแล้ว พวกยูซาน วองยังให้ความเคารพต่อความเจ็บปวดทรมานจนเกือบถึงขั้น masochism และพยายามจะเพิ่มความสามารถทางกายด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ การปลูกถ่ายอวัยวะเหล่านี้เป็นเครื่องหมายแสดงสถานภาพในสังคมยูซาน วอง ที่น่าสนใจคือ พวกยูซาน วองไม่สามารถถูกสัมผัสได้ด้วยพลัง อย่างไรก็ดี ผู้ใช้พลังสามารถใช้พลังโจมตีพวกยูซาน วองได้ ข้อนี้ทำให้เหล่าเจไดที่ได้ปะทะกับพวกยูซาน วองเป็นครั้งแรกรู้สึกสับสน เพราะก่อนหน้านั้นพวกเจไดเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีสัมผัสในพลังแฝงอยู่ทั้งหม.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และยูซาน วอง · ดูเพิ่มเติม »
สาธารณรัฐกาแลกติก
ตราสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐกาแลกติก สาธารณรัฐกาแลกติก (ภาษาอังกฤษ: Galactic Republic) เป็นกลุ่มองค์กรในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งเป็นคณะปกครองของกาแลกซีที่มีอยู่ก่อนจักรวรรดิกาแลกติก รูปแบบการปกครองของสาธารณรัฐฯ ตามที่ได้แสดงไว้ในสตาร์ วอร์ส: ไตรภาคต้น คือการปกครองแบบรัฐสภา ในเนื้อเรื่องช่วงไตรภาคเดิม สาธารณรัฐกาแลกติกถูกเรียกในชื่อว่า สาธารณรัฐเก่า สาธารณรัฐกาแลกติกนั้นเป็นชื่อของรัฐบาลของกาแลกซี่ก่อนที่จะมีการก่อตั้งจักรวรรดิกาแลกติกในช่วง 19 ปีก่อนยุทธการยาวิน แม้ว่าโดยทั่วไปมันมักรู้จักกันในนามว่าสาธารณรัฐเก่า มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งจักรวรรดิเกิดขึ้น ตอนที่สาธารณรัฐยังคงอยู่นั้น มันมีชื่อว่าสาธารณรัฐกาแลกติก หรือเรียกสั้นๆ ว่าสาธารณรัฐ น้อยครั้งนักที่มันจะหมายถึงสาธารณรัฐแรก ในช่วงเวลานั้น จะใช้คำว่าระเบียบเก่าเพื่อเรียกสาธารณรัฐแรก สาธารณรัฐมีผู้นำคือ สมุหนายก มันเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยซึ่งสามารถรักษาตำแหน่งได้มากกว่า 25,000 ปี กล่าวกันว่าหากจะให้เขียนถึงประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐแล้วล่ะก็ "มันต้องใช้หอสมุดนับพัน" ในปีสุดท้าย มันก็เป็นเหมือนการกุศล—ถึงแม้ว่าจะไม่มีประโยชน์—รัฐบาลก็เบื่อกับกฎระเบียบที่ยุ่งยากเกินไป.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และสาธารณรัฐกาแลกติก · ดูเพิ่มเติม »
สงครามกลางเมืองกาแลกติก
งครามกลางเมืองกาแลกติก (Galactic Civil War) เป็นสงครามในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส มีความสำคัญเป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในไตรภาคเดิมของภาพยนตร์ รวมไปถึงนิยาย หนังสือการ์ตูน และวิดีโอเกมในจักรวาลขยายจำนวนมาก สงครามกลางเมืองกาแลกติกเกิดขึ้นตามเวลาในท้องเรื่องระหว่างปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน ถึงปีที่ 19 หลังยุทธการยาวิน โดยเป็นความขัดแย้งขนาดใหญ่ภายในกาแลกซีระหว่างจักรวรรดิกาแลกติกและพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐซึ่งเป็นกองกำลังกบฏที่ต้องการจะฟื้นฟูสาธารณรัฐกาแลกติกที่ถูกจักรวรรดิเข้าแทนที่ ความขัดแย้งเริ่มต้นจากความไม่ลงรอยในสภากาแลกติกในช่วงสงครามโคลนที่มีต่อสมุหนายกพัลพาทีน ถึงแม้จะไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นจากความไม่ลงรอยนี้ก็ตาม แต่ในช่วงเวลาไม่นานหลังการสถาปนาอำนาจใหม่และการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ก็เกิดการปะทะกันครั้งแรกระหว่างฝ่ายกบฏและจักรวรรดิ ในช่วงแรกจักรวรรดิเห็นว่าพวกกบฏเป็นเพียงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่มีกำลังทางทหาร แต่เมื่อลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพวกกบฏ ได้ทำลายดาวมรณะดวงแรกลงเป็นผลสำเร็จในยุทธการยาวิน กองกำลังกบฏก็เริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้น และจักรวรรดิก็เริ่มตระหนักว่ากองกำลังกบฏนี้เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง การปะทะขั้นแตกหักเกิดขึ้นในยุทธการเอนดอร์ เมื่อกองยานกบฏปะทะกับกองยานจักรวรรดิและสามารถเอาชนะได้เป็นผลสำเร็จด้วยการทำลายดาวมรณะดวงที่สองและตัวจักรพรรดิเอง จากจุดนี้ทำให้จักรวรรดิเริ่มค่อยๆ เสื่อมสลายลงจนกลายเป็นเพียงเดนจักรวรรดิ เศษซากที่เหลือจากความยิ่งใหญ่ของตัวเอง สงครามจบลงในปีที่ 19 หลังยุทธการยาวิน เมื่อเดนจักรวรรดิลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งได้ปกครองตัวเองอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์กาแลกติกในที.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และสงครามกลางเมืองกาแลกติก · ดูเพิ่มเติม »
สตาร์ วอร์ส
ตาร์ วอร์ส (Star Wars) เป็นภาพยนตร์ชุดแนวมหากาพย์ละครอวกาศ สร้างโดย จอร์จ ลูคัส นอกจากนี้ยังมีสื่อต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากภาพยนตร์ เรียกว่า จักรวาลขยาย ได้แก่ หนังสือ ละครโทรทัศน์ วิดีโอเกมและหนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ชุดแรกออกฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม..
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และสตาร์ วอร์ส · ดูเพิ่มเติม »
หลุมดำ
มุมมองจำลองของหลุมดำด้านหน้าของทางช้างเผือก โดยมีมวลเทียบเท่าดวงอาทิตย์ 10 ดวงจากระยะทาง 600 กิโลเมตร หลุมดำ (black hole) หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง ยกเว้นหลุมดำด้วยกัน เราจึงมองไม่เห็นใจกลางของหลุมดำ หลุมดำจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ ที่ตำแหน่งรัศมีชวาร์สชิลด์ ถ้าหากวัตถุหลุดเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์ วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสง วัตถุนั้นจึงไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดำมืดที่สุด ทว่ามีอำนาจทำลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า "หลุมดำ" เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ เนื่องจากหลุมดำไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลย แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และคลื่นโน้มถ่วงของหลุมดำ (ในเชิงทฤษฎี โครงการแอลไอจีโอ) และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดำในจักรวาลแล้วอย่างน้อย 6 แห่ง หลุมดำเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่า ภาวะเอกฐาน หลุมดำแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ หลุมดำมวลยวดยิ่ง เป็นหลุมดำในใจกลางของดาราจักร, หลุมดำขนาดกลาง, หลุมดำจากดาวฤกษ์ ซึ่งเกิดจากการแตกดับของดาวฤกษ์, และ หลุมดำจิ๋วหรือหลุมดำเชิงควอนตัม ซึ่งเกิดขึ้นในยุคเริ่มแรกของเอกภพ แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นภายในหลุมดำได้ แต่ตัวมันก็แสดงการมีอยู่ผ่านการมีผลกระทบกับวัตถุที่อยู่ในวงโคจรภายนอกขอบฟ้าเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่น หลุมดำอาจจะถูกสังเกตเห็นได้โดยการติดตามกลุ่มดาวที่โคจรอยู่ภายในศูนย์กลางหลุมดำ หรืออาจมีการสังเกตก๊าซ (จากดาวข้างเคียง) ที่ถูกดึงดูดเข้าสู่หลุมดำ ก๊าซจะม้วนตัวเข้าสู่ภายใน และจะร้อนขึ้นถึงอุณหภูมิสูง ๆ และปลดปล่อยรังสีขนาดใหญ่ที่สามารถตรวจจับได้จากกล้องโทรทรรศน์ที่โคจรอยู่รอบโลก การสำรวจให้ผลในทางวิทยาศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่าหลุมดำนั้นมีอยู่จริงในเอกภพ แนวคิดของวัตถุที่มีแรงดึงดูดมากพอที่จะกันไม่ให้แสงเดินทางออกไปนั้นถูกเสนอโดยนักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นชาวอังกฤษ จอห์น มิเชล ในปี 1783 และต่อมาในปี 1795 นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส ปีแยร์-ซีมง ลาปลาส ก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน ตามความเข้าใจล่าสุด หลุมดำถูกอธิบายโดยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งทำนายว่าเมื่อมีมวลขนาดใหญ่มากในพื้นที่ขนาดเล็ก เส้นทางในพื้นที่ว่างนั้นจะถูกทำให้บิดเบี้ยวไปจนถึงศูนย์กลางของปริมาตร เพื่อไม่ให้วัตถุหรือรังสีใดๆ สามารถออกมาได้ ขณะที่ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปอธิบายว่าหลุมดำเป็นพื้นที่ว่างที่มีความเป็นภาวะเอกฐานที่จุดศูนย์กลางและที่ขอบฟ้าเหตุการณ์บริเวณขอบ คำอธิบายนี่เปลี่ยนไปเมื่อค้นพบกลศาสตร์ควอนตัม การค้นคว้าในหัวข้อนี้แสดงให้เห็นว่านอกจากหลุมดำจะดึงวัตถุไว้ตลอดกาล แล้วยังมีการค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังงานภายใน เรียกว่า รังสีฮอว์คิง และอาจสิ้นสุดลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับหลุมดำที่ถูกต้องตามทฤษฎีควอนตัม.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และหลุมดำ · ดูเพิ่มเติม »
จักรวรรดิกาแลกติก
ตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิกาแลกติก จักรวรรดิกาแลกติก (Galactic Empire) เป็นจักรวาลสมมติจากเรื่อง สตาร์ วอร์ส ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ถูกจัดตั้งโดยตัวร้ายหลักของเรื่องชุดนี้ คือสมุหนายกพัลพาทีน เพื่อมาแทนที่สาธารณรัฐกาแลกติกใน สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น จักรวรรดิกาแลกติกได้รับการแนะนำเป็นครั้งแรกในความหวังใหม่ในฐานะระบอบการปกครองที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จไปทั่วกาแลกซี นอกจากนั้นยังปรากฏตัวในฐานะกลุ่มบุคคลในภาพยนตร์จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับและการกลับมาของเจไดอีกด้วย การกำเนิดของจักรวรรดิกาแลกติกได้รับการอธิบายไว้ในภาพยนตร์กองทัพโคลนส์จู่โจมและซิธชำระแค้นไว้ว่าเป็นการเข้าแทนที่สาธารณรัฐกาแลกติกในระหว่างวิกฤติการณ์ที่แท้จริงแล้วถูกจัดฉากโดยสมุหนายกพัลพาทีน ในตอนท้ายของภาพยนตร์ สมาชิกสภาสาธารณรัฐได้ลงคะแนนเสียงให้พัลพาทีนขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิเพื่อให้มีอำนาจจัดการกับความไม่สงบที่ปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์ไตรภาคต้น ในช่วงของภาพยนตร์ความหวังใหม่ จักรวรรดิได้กลายสภาพเป็นระบอบการปกครองที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ และยังคงต้องต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐ มีการระบุไว้ในงานเขียนสตาร์ วอร์ส ว่าจักรวรรดิครอบครองหมู่พิภพกว่าหนึ่งล้านพิภพกับกลุ่มคนและดินแดนในปกครองอีกกว่าห้าสิบล้าน.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และจักรวรรดิกาแลกติก · ดูเพิ่มเติม »
ดาราจักร
ราจักร '''NGC 4414''' ซึ่งเป็นดาราจักรชนิดก้นหอย มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 56,000 ปีแสง และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 60 ล้านปีแสง ดาราจักร หรือ กาแล็กซี (galaxy) เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์นับล้านดวง กับสสารระหว่างดาวอันประกอบด้วยแก๊ส ฝุ่น และสสารมืด รวมอยู่ด้วยกันด้วยแรงโน้มถ่วง คำนี้มีที่มาจากภาษากรีกว่า galaxias หมายถึง "น้ำนม" ซึ่งสื่อโดยตรงถึงดาราจักรทางช้างเผือก (Milky Way) ดาราจักรโดยทั่วไปมีขนาดน้อยใหญ่ต่างกัน นับแต่ดาราจักรแคระที่มีดาวฤกษ์ประมาณสิบล้านดวง ไปจนถึงดาราจักรขนาดยักษ์ที่มีดาวฤกษ์นับถึงล้านล้านดวง.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และดาราจักร · ดูเพิ่มเติม »
ดาวฤกษ์
นก่อตัวของดาวฤกษ์ในดาราจักรเมฆแมเจลแลนใหญ่ ภาพจาก NASA/ESA ดาวฤกษ์ คือวัตถุท้องฟ้าที่เป็นก้อนพลาสมาสว่างขนาดใหญ่ที่คงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วง ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด คือ ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก เราสามารถมองเห็นดาวฤกษ์อื่น ๆ ได้บนท้องฟ้ายามราตรี หากไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์บดบัง ในประวัติศาสตร์ ดาวฤกษ์ที่โดดเด่นที่สุดบนทรงกลมท้องฟ้าจะถูกจัดเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มดาว และดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดจะได้รับการตั้งชื่อโดยเฉพาะ นักดาราศาสตร์ได้จัดทำบัญชีรายชื่อดาวฤกษ์เพิ่มเติมขึ้นมากมาย เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการตั้งชื่อดาวฤกษ์ ตลอดอายุขัยส่วนใหญ่ของดาวฤกษ์ มันจะเปล่งแสงได้เนื่องจากปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่แกนของดาว ซึ่งจะปลดปล่อยพลังงานจากภายในของดาว จากนั้นจึงแผ่รังสีออกไปสู่อวกาศ ธาตุเคมีเกือบทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติและหนักกว่าฮีเลียมมีกำเนิดมาจากดาวฤกษ์ทั้งสิ้น โดยอาจเกิดจากการสังเคราะห์นิวเคลียสของดาวฤกษ์ระหว่างที่ดาวยังมีชีวิตอยู่ หรือเกิดจากการสังเคราะห์นิวเคลียสของซูเปอร์โนวาหลังจากที่ดาวฤกษ์เกิดการระเบิดหลังสิ้นอายุขัย นักดาราศาสตร์สามารถระบุขนาดของมวล อายุ ส่วนประกอบทางเคมี และคุณสมบัติของดาวฤกษ์อีกหลายประการได้จากการสังเกตสเปกตรัม ความสว่าง และการเคลื่อนที่ในอวกาศ มวลรวมของดาวฤกษ์เป็นตัวกำหนดหลักในลำดับวิวัฒนาการและชะตากรรมในบั้นปลายของดาว ส่วนคุณสมบัติอื่นของดาวฤกษ์ เช่น เส้นผ่านศูนย์กลาง การหมุน การเคลื่อนที่ และอุณหภูมิ ถูกกำหนดจากประวัติวิวัฒนาการของมัน แผนภาพคู่ลำดับระหว่างอุณหภูมิกับความสว่างของดาวฤกษ์จำนวนมาก ที่รู้จักกันในชื่อ ไดอะแกรมของแฮร์ทสชปรุง-รัสเซลล์ (H-R ไดอะแกรม) ช่วยทำให้สามารถระบุอายุและรูปแบบวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ได้ ดาวฤกษ์ถือกำเนิดขึ้นจากเมฆโมเลกุลที่ยุบตัวโดยมีไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบหลัก รวมไปถึงฮีเลียม และธาตุอื่นที่หนักกว่าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อแก่นของดาวฤกษ์มีความหนาแน่นมากเพียงพอ ไฮโดรเจนบางส่วนจะถูกเปลี่ยนเป็นฮีเลียมผ่านกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชั่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในที่เหลือของดาวฤกษ์จะนำพลังงานออกจากแก่นผ่านทางกระบวนการแผ่รังสีและการพาความร้อนประกอบกัน ความดันภายในของดาวฤกษ์ป้องกันมิให้มันยุบตัวต่อไปจากแรงโน้มถ่วงของมันเอง เมื่อเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่แก่นของดาวหมด ดาวฤกษ์ที่มีมวลอย่างน้อย 0.4 เท่าของดวงอาทิตย์ จะพองตัวออกจนกลายเป็นดาวยักษ์แดง ซึ่งในบางกรณี ดาวเหล่านี้จะหลอมธาตุที่หนักกว่าที่แก่นหรือในเปลือกรอบแก่นของดาว จากนั้น ดาวยักษ์แดงจะวิวัฒนาการไปสู่รูปแบบเสื่อม มีการรีไซเคิลบางส่วนของสสารไปสู่สสารระหว่างดาว สสารเหล่านี้จะก่อให้เกิดดาวฤกษ์รุ่นใหม่ซึ่งมีอัตราส่วนของธาตุหนักที่สูงกว่า ระบบดาวคู่และระบบดาวหลายดวงประกอบด้วยดาวฤกษ์สองดวงหรือมากกว่านั้นซึ่งยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงโน้มถ่วง และส่วนใหญ่มักจะโคจรรอบกันในวงโคจรที่เสถียร เมื่อดาวฤกษ์ในระบบดาวดังกล่าวสองดวงมีวงโคจรใกล้กันมากเกินไป ปฏิกิริยาแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวฤกษ์อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อวิวัฒนาการของพวกมันได้ ดาวฤกษ์สามารถรวมตัวกันเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงโน้มถ่วง เช่น กระจุกดาว หรือ ดาราจักร ได้.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และดาวฤกษ์ · ดูเพิ่มเติม »
ดาวเคราะห์
วเคราะห์ (πλανήτης; planet หรือ "ผู้พเนจร") คือวัตถุขนาดใหญ่ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ ก่อนคริสต์ทศวรรษ 1990 มีดาวเคราะห์ที่เรารู้จักเพียง 8 ดวง (ทั้งหมดอยู่ในระบบสุริยะ) ปัจจุบันเรารู้จักดาวเคราะห์ใหม่อีกมากกว่า 100 ดวง ซึ่งเป็นดาวเคราะห์นอกระบบ คือ โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงอื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ในปี..
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และดาวเคราะห์ · ดูเพิ่มเติม »
ซิธ
ตราสัญลักษณ์ของนิกายซิธโบราณ ในจักรวาลสตาร์ วอร์ส คำว่า ซิธ (Sith) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงกลุ่มบุคคลสองกลุ่มที่เป็นเอกเทศแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ในความหมายที่ใช้ทั่วไปนั้น ซิธหมายถึงกลุ่มลัทธิความเชื่อของนักบวชที่อุทิศตัวให้กับด้านมืดของพลัง มีผู้นำคือ "ซิธลอร์ด" ลักษณะเด่นของกลุ่มบุคคลนี้คือความละโมภในอำนาจและพร้อมที่จะใช้ทุกวิถีทางในการทำให้ได้มาซึ่งอำนาจ ปฏิบัติตนเป็นศัตรูของอัศวินเจได กลุ่มบุคคลนี้ปรากฏในลักษณะต่างๆ กันตลอดประวัติศาสตร์ของกาแลกซี หมู่เหล่าของซิธนั้นมีจำนวนหลายหมู่ หมู่ที่น่าจดจำที่สุดเช่น จักรวรรดิซิธ และ นิกายซิธลอร์ด เนื้อหาต่อจากนี้จะกล่าวถึงกลุ่มบุคคลนี้เป็นสำคัญ อีกความหมายหนึ่งนั้น ซิธหมายถึงเผ่าพันธุ์ใกล้เคียงมนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งที่ถูกกลุ่มคนในความหมายแรกนำมาเป็นทาส แล้วจึงนำชื่อของเผ่าพันธุ์นี้มาใช้เรียกตัวเอง.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และซิธ · ดูเพิ่มเติม »
ปีแสง
ปีแสง (อังกฤษ: light-year) คือ หน่วยของระยะทางในทางดาราศาสตร์ 1 ปีแสง เท่ากับระยะทางที่แสงเดินทางในเวลา 1 ปี จากอัตราเร็วแสงที่มีค่า 299,792,458 เมตร/วินาที ระยะทาง 1 ปีแสงจึงมีค่าประมาณ 9.4607 กิโลเมตร.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และปีแสง · ดูเพิ่มเติม »
ไฮเปอร์สเปซ (บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์)
ไฮเปอร์สเปซ (hyperspace) หรือห้วงอวกาศขั้นสูง เป็นวิธีการเดินทางประเภทหนึ่งที่มักพบในวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่ถูกอธิบายว่าเป็นพื้นที่อวกาศ (space) อีกอันหนึ่งซึ่งมีอยู่ควบคู่ไปกับอวกาศของเรา สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางสนามพลังงานหรืออุปกรณ์บางอย่าง การเดินทางในไฮเปอร์สเปซมักมีความเร็วมากกว่าการเดินทางในอวกาศปกติอย่างมากถึงระดับความเร็วเหนือแสง หมวดหมู่:บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และไฮเปอร์สเปซ (บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์) · ดูเพิ่มเติม »
เจได
ตราสัญลักษณ์ของนิกายเจได เจได เป็นสมาชิกของ นิกายเจได ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส นิกายเจไดเป็นนิกายที่ศึกษาและทำหน้าที่และใช้พลังลึกลับของสิ่งที่เรียกว่าพลังในด้านสว่าง เจไดได้ต่อสู้เพื่อสันติภาพและความยุติธรรมเพื่อความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐกาแลคติค รวมทั้งต่อต้านกับ ซิธ ศัตรูที่ร้ายกาจ ผู้ที่เรียนรู้และใช้พลังด้านมืด แม้ว่านิกายนี้เกือบจะถูกทำลายถึงสองครั้ง ครั้งแรกโดยจักรวรรดิซิธของดาร์ธ รีแวน และ ครั้งต่อมาเมื่อผ่านไปอีก 4,000 ปี โดยการชำระบาปครั้งใหญ่ของดาร์ธ ซิเดียส นิกายยังคงอยู่จนกระทั่งรุ่งเรืองขึ้นด้วยความพยายามของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายเจไดใหม่เพื่อปกป้องสาธารณรัฐใหม่ หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนของ สหพันธรัฐพันธมิตรอิสระกาแลกติก (Galactic Federation of Free Alliances) โดยทั่วไปเจไดหมายถึง อัศวินเจได (Jedi Knight) ซึ่งเป็นบุคคลที่สามารถควบคุมและใช้งานพลัง โดยเจไดจะเลือกใช้งานเฉพาะด้านสว่างของพลังเท่านั้น.
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และเจได · ดูเพิ่มเติม »
เนบิวลา
อ็นจีซี 604 (NGC 604) เป็นเนบิวลาที่อยู่ภายในแขนของดาราจักรเอ็ม 33 (M33) ในกลุ่มดาวสามเหลี่ยม อยู่ห่างจากโลก 2.7 ล้านปีแสง เนบิวลานี้เป็นบริเวณก่อตัวของดาวฤกษ์ดวงใหม่ เนบิวลานาฬิกาทราย (MyCn18) เป็นเนบิวลาดาวเคราะห์อายุน้อย อยู่ห่างจากโลกประมาณ 8,000 ปีแสง ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพที่ติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขององค์การนาซา เนบิวลา (Nebula - มาจากภาษาละติน nebula (พหูพจน์ nebulae) หมายถึง "หมอก") เป็นกลุ่มเมฆหมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศ เดิมคำว่า "เนบิวลา" เป็นชื่อสามัญ ใช้เรียกวัตถุทางดาราศาสตร์ที่เป็นปื้นบนท้องฟ้าซึ่งรวมถึงดาราจักรที่อยู่ห่างไกลออกไปจากทางช้างเผือก (ตัวอย่างเช่น ในอดีตเคยเรียกดาราจักรแอนดรอเมดาว่าเนบิวลาแอนดรอเมดา).
ใหม่!!: กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และเนบิวลา · ดูเพิ่มเติม »