6 ความสัมพันธ์: บิตคอยน์การพิสูจน์ว่ามีส่วนได้ส่วนเสียการทนความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์คริปโทเคอร์เรนซีคริปโทเคอร์เรนซีและความปลอดภัยเครือข่ายบิตคอยน์
บิตคอยน์
ตคอยน์ (Bitcoin) เป็นเงินตราแบบดิจิทัล (cryptocurrency) และเป็นระบบการชำระเงินที่ใช้กันทั่วโลก บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่ใช้ระบบกระจายอำนาจ โดยไม่มีธนาคารกลางหรือแม้แต่ผู้คุมระบบแม้แต่คนเดียว เครือข่ายเป็นแบบเพียร์ทูเพียร์ และการซื้อขายเกิดขึ้นระหว่างจุดต่อเครือข่าย (network node)โดยตรง ผ่านการใช้วิทยาการเข้ารหัสลับและไม่มีสื่อกลาง การซื้อขายเหล่านี้ถูกตรวจสอบโดยรายการเดินบัญชีแบบสาธารณะที่เรียกว่าบล็อกเชน บิตคอยน์ถูกพัฒนาโดยคนหรือกลุ่มคนภายใต้นามแฝง "ซาโตชิ นากาโมโตะ" และถูกเผยแพร่ในรูปแบบซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซในปี..
ใหม่!!: บล็อกเชนและบิตคอยน์ · ดูเพิ่มเติม »
การพิสูจน์ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย
การพิสูจน์ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย (Proof-of-stake, PoS) เป็นขั้นตอนวิธีแบบหนึ่งที่เครือข่ายบล็อกเชนของเงินคริปโทใช้เพื่อให้ถึงความเห็นพ้องแบบกระจาย เป็นระบบที่ไม่เหมือน proof-of-work (PoW) ที่ใช้ในเงินคริปโทเช่น บิตคอยน์ ที่ให้รางวัลแก่ผู้เข้าร่วมแก้ปัญหาวิทยาการรหัสลับที่ซับซ้อนในการพิสูจน์ยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ ๆ (ที่เรียกว่า ไมนิง คือการขุดหาเหรียญ) ในระบบ PoS ผู้สร้างบล็อกต่อไปจะได้รับเลือกอย่างกำหนดได้แบบสุ่มเทียม (deterministic, pseudo-random) และโอกาสได้รับเลือกจะขึ้นอยู่กับความร่ำรวย ซึ่งก็คือความมีส่วนได้ส่วนเสีย ในระบบเงินคริปโทแบบ PoS บล็อกหนึ่ง ๆ จะเรียกว่า ตีขึ้น (forged, อุปมาโดยช่างเหล็ก) หรือเรียกว่า ทำเหรียญ/พิมพ์เงิน (minted) ไม่ใช่ขุดหาเหรียญ/ไมนิง อนึ่ง ปกติแล้วเงินทั้งหมดจะสร้างขึ้นตั้งแต่ต้น และจำนวนเงินทั้งหมดจะไม่เปลี่ยนไปทีหลัง (แม้จะมีระบบ PoS ที่สร้างเงินขึ้นใหม่ได้เหมือนกัน) ดังนั้น ในรูปแบบพื้นฐานของ PoS จะไม่มีรางวัลในการสร้างบล็อกใหม่เหมือนกับในบิตคอยน์ ดังนั้น ผู้ตีบล็อกใหม่ขึ้นจะได้แต่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม.
ใหม่!!: บล็อกเชนและการพิสูจน์ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย · ดูเพิ่มเติม »
การทนความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์
ในระบบคอมพิวเตอร์ทนต่อความผิดพร่อง โดยเฉพาะระบบแบบกระจาย การทนความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์ (Byzantine fault tolerance, BFT) เป็นลักษณะของระบบที่ทนต่อความขัดข้อง (failure) ในกลุ่มที่เรียกว่า Byzantine Generals' Problem อันเป็นกรณีทั่วไปของปัญหา Two Generals' Problem ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าแก้ไม่ได้ ความขัดข้องแบบไบแซนไทน์ พิจารณาว่าเป็นความขัดข้องแบบทั่วไปที่สุดและยากที่สุดในบรรดารูปแบบการขัดข้องทั้งหลาย เทียบกับรูปแบบการขัดข้องที่เรียกว่า fail-stop ซึ่งเป็นแบบง่ายที่สุด คือเป็นการขัดข้องที่เกิดได้โดยวิธีเดียวคือสถานีในเครือข่ายล้มเหลว โดยสถานีอื่น ๆ จะตรวจจับได้ แต่ความขัดข้องแบบไบแซนไทน์ไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้ คือ สถานีที่เกิดความขัดข้องอาจสร้างข้อมูลมั่ว ทำเป็นเหมือนข้อมูลถูกต้อง ซึ่งทำให้ทนต่อความผิดพร่องได้ยากมาก ความผิดพร่อง (fault) แบบไบแซนไทน์เป็นความผิดพร่องใดก็ได้ที่แสดงอาการต่าง ๆ ต่อผู้สังเกตการณ์ต่าง ๆ ความขัดข้อง (failure) แบบไบแซนไทน์เป็นการเสียบริการของระบบเนื่องจากความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์ ในระบบที่จำเป็นต้องมีความเห็นพ้อง (consensus).
ใหม่!!: บล็อกเชนและการทนความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์ · ดูเพิ่มเติม »
คริปโทเคอร์เรนซี
ริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency, crypto currency) เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งออกแบบให้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ที่ใช้วิทยาการเข้ารหัสลับเพื่อรับประกันธุรกรรม เพื่อควบคุมการสร้างหน่วยเงินเพิ่ม และเพื่อยืนยันความถูกต้องของการโอนทรัพย์ เป็นรูปแบบหนึ่งของเงินดิจิทัล (digital currency) เงินทางเลือก (alternative currency) และเงินเสมือน (virtual currency) เป็นเงินที่ควบคุมโดยกระจายศูนย์กลาง เทียบกับเงินดิจิทัลที่ควบคุมโดยศูนย์กลาง หรือกับระบบธนาคารกลาง การควบคุมแบบกระจายศูนย์จะทำผ่านบล็อกเชน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลธุรกรรมสาธารณะ โดยใช้เป็นบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย บิตคอยน์ที่สร้างขึ้นในปี..
ใหม่!!: บล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี · ดูเพิ่มเติม »
คริปโทเคอร์เรนซีและความปลอดภัย
ริปโทเคอร์เรนซีและความปลอดภัย (Cryptocurrency and security) เป็นบทความที่กล่าวถึงการพยายามขโมยเงินดิจิทัลผ่านวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งฟิชชิง การหลอก หรือการแฮ็ก และถึงวิธีการป้องกันธุรกรรมทางคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่ได้อนุญาต และเทคโนโลยีเพื่อเก็บคริปโทเคอร์เรนซี.
ใหม่!!: บล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีและความปลอดภัย · ดูเพิ่มเติม »
เครือข่ายบิตคอยน์
แผนภาพแสดงข้อมูลเพื่อโอนบิตคอยน์ในระหว่างบัญชีต่าง ๆ #9865c3) จะอยู่นอกโซ่ซึ่งดีที่สุด เครือข่ายบิตคอยน์ (bitcoin network) เป็นระบบการจ่ายเงินที่ดำเนินงานโดยใช้โพรโทคอลวิทยาการเข้ารหัสลับ คือผู้ใช้จะส่งหรือรับบิตคอยน์ ซึ่งเป็นเงินคริปโทสกุลหนึ่ง โดยแพร่สัญญาณเป็นข้อความที่ได้ลงนามแบบดิจิทัลไปยังเครือข่าย ผ่านการใช้โปรแกรมกระเป๋าเงินคริปโท (cryptocurrency wallet) ธุรกรรมจะบันทึกไว้ในฐานข้อมูลสาธารณะแบบกระจายและมีสำเนาซ้ำซ้อนที่เรียกว่า บล็อกเชน โดยเครือข่ายจะถึงความเห็นพ้องเกี่ยวกับสถานะบัญชีผ่านระบบ Proof-of-work system ซึ่งเรียกว่า ไมนิง/การขุดหาเหรียญ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ใช้นามแฝง ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้ออกแบบบิตคอยน์อ้างว่า การออกแบบและการทำให้เกิดผลได้เริ่มในปี 2007 แล้วต่อมาจึงเผยแพร่เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ซในปี 2009 เครือข่ายมีโครงสร้างไม่มากเพื่อให้สามารถแชร์ธุรกรรมได้ คือ การมีเครือข่ายสถานีอาสาแบบไร้ศูนย์ ซึ่งออกแบบให้ทำงานเฉพาะกิจ ก็เพียงพอแล้ว ข้อความจะแพร่สัญญาณ (broadcast) ในรูปแบบพยายามดีที่สุด (best-effort delivery) โดยสถานีต่าง ๆ จะสามารถออกจากเครือข่าย แล้วกลับเข้าร่วมใหม่ตามใจชอบ เมื่อเชื่อมกับเครือข่ายใหม่ สถานีก็จะดาวน์โหลดและพิสูจน์ยืนยันบล็อกใหม่ ๆ จากสถานีอื่น ๆ เพื่อบูรณาการก๊อปปี้บล็อกเชนของตนเอง.
ใหม่!!: บล็อกเชนและเครือข่ายบิตคอยน์ · ดูเพิ่มเติม »
เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:
Block chainBlockchainการตราเวลาสำหรับบิตคอยน์การตราเวลาบล็อกสำหรับบิตคอยน์การตราเวลาบล็อกของบิตคอยน์การตราเวลาของบิตคอยน์บล็อก เชนโซ่บล็อก