32 ความสัมพันธ์: พ.ศ. 1124พ.ศ. 1135พ.ศ. 1138พ.ศ. 1149พ.ศ. 1152พ.ศ. 1183พ.ศ. 1185พ.ศ. 1230พ.ศ. 1259พ.ศ. 1279พ.ศ. 1283พ.ศ. 1324พ.ศ. 1339พ.ศ. 1378พ.ศ. 1384พ.ศ. 1391พ.ศ. 1413พ.ศ. 1454พ.ศ. 1455พ.ศ. 1456พ.ศ. 1474พ.ศ. 1513พ.ศ. 1553ภาษาฮีบรูยุคเหล็กรัฐบริวารราชอาณาจักรอิสราเอล (ซามาเรีย)อัสซีเรียอียิปต์โบราณดาวิดซาโลมอนเรโหโบอัม
พ.ศ. 1124
ทธศักราช 1124 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1124 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1135
ทธศักราช 1135 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1135 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1138
ทธศักราช 1138 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1138 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1149
ทธศักราช 1149 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1149 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1152
ทธศักราช 1152 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1152 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1183
ทธศักราช 1183 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1183 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1185
ทธศักราช 1185 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1185 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1230
ทธศักราช 1230 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1230 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1259
ทธศักราช 1259 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1259 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1279
ทธศักราช 1279 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1279 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1283
ทธศักราช 1283 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1283 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1324
ทธศักราช 1324 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1324 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1339
ทธศักราช 1339 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1339 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1378
ทธศักราช 1378 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1378 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1384
ทธศักราช 1384 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1384 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1391
ทธศักราช 1391 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1391 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1413
ทธศักราช 1413 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1413 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1454
ทธศักราช 1454 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1454 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1455
ทธศักราช 1455 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1455 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1456
ทธศักราช 1456 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1456 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1474
ทธศักราช 1474 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1474 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1513
ทธศักราช 1513 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1513 · ดูเพิ่มเติม »
พ.ศ. 1553
ทธศักราช 1553 ใกล้เคียงกั.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และพ.ศ. 1553 · ดูเพิ่มเติม »
ภาษาฮีบรู
ษาฮีบรู (Modern Hebrew, อิฟริท) เป็นภาษาเซมิติก (Semitic) ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก (Afro–Asiatic) เป็นภาษาที่เก่าแก่ โดยมีอายุมาอย่างน้อยตั้งแต่ 3,500 ปีที่แล้ว ในอดีต เคยเป็นภาษาตาย เหมือนดั่งภาษาบาลี สันสกฤต และละติน โดยใช้เป็นภาษาที่ใช้เพียงแต่ในวงจำกัด หนังสือต่างทางศาสนา และสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ปัจจุบัน มีการกลับมาใช้เป็นภาษาพูดใหม่ และเป็นภาษาที่ชาวอิสราเอลใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวัน โดยภายในในอิสราเอล มีผู้พูดมากกว่า 4,380,000 คน ซึ่งเป็นภาษาราชการคู่กับภาษาอาหรับ นอกอิสราเอล ภาษาฮีบรูยังมีผู้พูดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งโดยมากเป็นชุมชนชาวยิว ทะนัค (Tanakh) หรือพระคัมภีร์เก่า (The Old Testament) ของศาสนายิว เขียนไว้ด้วยภาษาฮีบรู ซึ่งถือว่าเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ (לשון הקודש Leshon ha-Kodesh: เลโชน ฮา-โกเดช) ของชาวยิวตั้งแต่สมัยโบราณ นักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่าหลัง 57 ปีก่อนพุทธศักราช ซึ่งเป็นยุคที่จักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ทำลายกรุงเยรูซาเลมและอพยพชาวยิวไปยังบาบิโลนและพระเจ้าไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซียปลดปล่อยชาวยิวให้เป็นไท ภาษาฮีบรูในแบบที่เขียนในพระคัมภีร์เก่า ถูกแทนที่ด้วยภาษาฮีบรูใหม่และภาษาแอราเมอิกที่ใช้ในท้องถิ่นนั้น หลังจากพุทธศตวรรษที่ 7 จักรวรรดิโรมันเข้ายึดครองกรุงเยรูซาเล็ม และอพยพชาวยิวออกไป ภาษาฮีบรูเริ่มใช้เป็นภาษาพูดน้อยลงแต่ยังคงเป็นภาษาทางศาสนาและภาษาในการเขียน หลังจากเยรูซาเล็มถูกชาวบาบิโลนทำลายครั้งแรก 586 ปีก่อนคริสตกาล ภาษาอย่างในพระคัมภีร์เก่าเริ่มถูกแทนที่ด้วยคำในลักษณะใหม่ หลังจากจำนวนประชากรของชาวยิวในบางส่วนของจูเดีย (Judea) ลดลง ภาษาฮีบรูเลิกใช้เป็นภาษาพูดราวคริสต์ศตวรรษที่ 2 แต่ยังคงเป็นภาษาเขียนที่สำคัญต่อเนื่องมาตลอดหลายศตวรรษ นอกจากจะใช้ในศาสนาแล้ว งานเขียนสำหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น เขียนตำรา จดหมาย ปรัชญา การแพทย์ บทกวี บันทึกศาล ล้วนใช้ภาษาฮีบรู ซึ่งได้เข้ากับวงความรู้และคำเฉพาะใหม่ ๆ โดยคำยืมและคำประดิษฐ์ใหม่ ภาษาฮีบรูยังคงถูกรักษาไว้ในฐานะภาษาเขียนโดยชุมชนชาวยิวทั่วโลก จนกระทั่งมีการตั้งลัทธิไซออนนิสต์เพื่อฟื้นฟูชาติยิว สมาชิกไซออนนิสต์ส่งเสริมให้มีการแทนที่ภาษาพูดของชาวยิวในขณะนั้น เช่นภาษาอาหรับ ภาษาจูเดสโม (Judezmo, ภาษาลาดิโน Ladino ก็เรียก) ภาษายิดดิช ภาษารัสเซีย และภาษาอื่น ๆ ของชาวยิวที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ เป็นภาษาของศาสนายิวส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล ภาษาฮีบรู มีการสร้างคำใหม่โดยยืมจากภาษาฮีบรูในไบเบิลหรือจากภาษาอาหรับและภาษาอราเมอิก รวมทั้งภาษาในยุโรป เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษาเยอรมัน ภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาราชการของปาเลสไตน์ภายใต้การปกครองของอังกฤษตั้งแต..
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และภาษาฮีบรู · ดูเพิ่มเติม »
ยุคเหล็ก
หล็ก เกิดหลังจากยุคสำริดสิ้นสุดลงในช่วง 1206-1150 ปีก่อนคริสตกาล เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มใช้เหล็กในการทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต ยุคต่อมาหลังยุคเหล็ก คือ สมัยโบราณ.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และยุคเหล็ก · ดูเพิ่มเติม »
รัฐบริวาร
รัฐบริวาร (Client state หรือ Satellite state) เป็นคำศัพท์ทางการเมือง หมายถึง ประเทศที่มีเอกราชอย่างเป็นทางการ แต่อยู่ภายใต้อิทธิพลอย่างมาก หรือถูกควบคุมโดยอีกประเทศหนึ่ง โดยเป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อโดยเปรียบเทียบกับดาวบริวาร ซึ่งโคจรรอบดาวดวงอื่น และคำว่า รัฐบริวาร มักจะใช้หมายความถึง รัฐในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต ระหว่างสงครามเย็น รัฐบริวารอาจหมายถึงประเทศที่ถูกครอบงำทางการเมืองและทางเศรษฐกิจโดยอีกประเทศหนึ่ง ในเวลาสงคราม รัฐบริวารบางครั้งทำหน้าที่เป็นรัฐกันชนระหว่างประเทศฝ่ายศัตรูกับประเทศที่มีอิทธิพลอยู่เหนือรัฐบริวารนั้น คำว่า "รัฐบริวาร" เป็นหนึ่งในคำที่ใช้อธิบายถึงสภาพที่รัฐหนึ่งตกอยู่ใต้อำนาจของอีกรัฐหนึ่งซึ่งคล้ายกับ รัฐหุ่นเชิด โดยทั่วไปแล้ว คำว่า "รัฐบริวาร" แสดงให้เห็นถึงความสวามิภักดิ์ทางความคิดให้กับอำนาจความเป็นประมุขอย่างลึกซึ้ง.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และรัฐบริวาร · ดูเพิ่มเติม »
ราชอาณาจักรอิสราเอล (ซามาเรีย)
300px.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และราชอาณาจักรอิสราเอล (ซามาเรีย) · ดูเพิ่มเติม »
อัสซีเรีย
อัสซีเรีย หรือ จักรวรรดิอัสซีเรีย (Assyria หรือ Assyrian Empire) เป็นอาณาจักรที่มีศูนย์กลางอยู่ที่แม่น้ำไทกริสในเมโสโปเตเมีย (อิรัก) ที่มามีอำนาจปกครองจักรวรรดิเป็นช่วงๆ หลายครั้งในประวัติศาสตร์ “อัสซีเรีย” เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเมืองหลวงเดิม “อัสเซอร์” (Assur) (Aššur; أشور; אַשּׁוּר) นอกจากนั้นคำว่า “อัสซีเรีย” ก็ยังหมายถึงภูมิภาคทางภูมิศาสตร์หรือดินแดนที่เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิด้วย ระหว่างสมัยอัสซีเรียเก่าระหว่างศตวรรษที่ 20 ถึง 15 ก่อนคริสต์ศักราชอัสเซอร์มีอำนาจในบริเวณส่วนใหญ่ของเมโสโปเตเมียเหนือ ในยุคกลางของอัสซีเรียระหว่างศตวรรษที่ 15 ถึง 10 ก่อนคริสต์ศักราชอำนาจของอัสซีเรียก็เสื่อมโทรมลง แต่ต่อมาก็สามารถกู้ดินแดนที่เสียไปคืนได้ในชัยชนะที่ได้รับหลายครั้ง เมื่อมาถึงสมัยจักรวรรดิอัสซีเรียในยุคเหล็กตอนต้นระหว่างปี 911 ถึง 612 ก่อนคริสต์ศักราชอัสซีเรียก็ขยายอำนาจไกลออกไป และภายใต้การปกครองของอัสเชอร์บานิปาล (Ashurbanipal) (ปกครอง 668 – 627 ก่อนคริสต์ศักราช) อัสซีเรียก็ปกครอง Fertile Crescent ทั้งหมด รวมทั้งอียิปต์จนกระทั่งมาพ่ายแพ้เมื่อจักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ และเปอร์เชียขยายอำนาจ และในที่สุดก็มาล่มสลายเมื่อราชวงศ์ชาลเดียของจักรวรรดิบาบิโลเนียใหม่ปล้นทำลายเมืองนิเนเวห์ในปี 612 ก่อนคริสต์ศักร.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และอัสซีเรีย · ดูเพิ่มเติม »
อียิปต์โบราณ
มมฟิสและสุสานโบราณ อียิปต์โบราณ หรือ ไอยคุปต์ เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา มีพื้นที่ตั้งแต่ตอนกลางจนถึงปากแม่น้ำไนล์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์โบราณเริ่มขึ้นประมาณ 3150 ปีก่อนคริตศักราช โดยการรวมอำนาจทางการเมืองของอียิปต์ตอนเหนือและตอนใต้ ภายใต้ฟาโรห์องค์แรกแห่งอียิปต์ และมีการพัฒนาอารยธรรมเรื่อยมากว่า 5,000 ปี ประวัติของอียิปต์โบราณปรากฏขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือที่รู้จักกันว่า "ราชอาณาจักร" มีการแบ่งยุคสมัยของอียิปต์โบราณเป็นราชอาณาจักร ส่วนมากแบ่งตามราชวงศ์ที่ขึ้นมาปกครอง จนกระทั่งราชอาณาจักรสุดท้าย หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "ราชอาณาจักรกลาง" อารยธรรมอียิปต์อยู่ในช่วงที่มีการพัฒนาที่ยมาก และส่วนมากลดลง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่อียิปต์ชนพ่ายต่อการทำสงครามจากชาติอื่น ดังเช่นชาวอัสซีเรียและเปอร์เซีย จนกระทั่งเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตศักราช ก็เป็นการสิ้นสุดอารยธรรมอียิปต์โบราณลง เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชสามารถยึดครองอียิปต์ และจัดอียิปต์เป็นเพียงจังหวัดหนึ่งในจักรวรรดิมาซิโดเนีย อารยธรรมอียิปต์พัฒนาการมาจากสภาพของลุ่มแม่น้ำไนล์ การควบคุมระบบชลประทาน, การควบคุมการผลิตพืชผลทางการเกษตร พร้อมกับพัฒนาอารยธรรมทางสังคม และวัฒนธรรม พื้นที่ของอียิปต์นั้นล้อมรอบด้วยทะเลทรายเสมือนปราการป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก นอกจากนี้ยังมีการทำเหมืองแร่ และอียิปต์ยังเป็นชนชาติแรกๆที่มีการพัฒนาการด้วยการเขียน ประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้,การบริหารอียิปต์เน้นไปทางสิ่งปลูกสร้าง และการเกษตรกรรม พร้อมกันนั้นก็มีการพัฒนาการทางทหารของอียิปต์ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ราชอาณาจักร โดยประชาชนจะให้ความเคารพกษัตริย์หรือฟาโรห์เสมือนหนึ่งเทพเจ้า ฟาโรห์มีอำนาจและโหดร้ายมาก ทำให้การบริหารราชการบ้านเมืองและการควบคุมอำนาจนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวอียิปต์โบราณไม่ได้เป็นเพียงแต่นักเกษตรกรรม และนักสร้างสรรค์อารยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นนักคิด, นักปรัชญา ได้มาซึ่งความรู้ในศาสตร์ต่างๆมากมายตลอดการพัฒนาอารยธรรมกว่า 4,000 ปี ทั้งในด้านคณิตศาสตร์, เทคนิคการสร้างพีระมิด, วัด, โอเบลิสก์, ตัวอักษร และเทคนิคโลยีด้านกระจก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาประสิทธิภาพทางด้านการแพทย์, ระบบชลประทานและการเกษตรกรรม อียิปต์ทิ้งมรดกสุดท้ายแก่อนุชนรุ่นหลังไว้คือศิลปะ และสถาปัตยกรรม ซึ่งถูกคัดลอกนำไปใช้ทั่วโลก อนุสรณ์สถานที่ต่างๆในอียิปต์ต่างดึงดูดนักท่องเที่ยว นักประพันธ์กว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการค้นพบวัตถุใหม่ๆในอียิปต์มากมายซึ่งกำลังตรวจสอบถึงประวัติความเป็นมา เพื่อเป็นหลักฐานให้แก่อารยธรรมอียิปต์ และเป็นหลักฐานแก่อารยธรรมของโลกต่อไป.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และอียิปต์โบราณ · ดูเพิ่มเติม »
ดาวิด
กษัตริย์ดาวิด หรือ พระเจ้าดาวิด (David; דָּוִד ภาษาฮีบรูมาตรฐาน: Davíd; ภาษาฮีบรูไทบีเรียน: Dāwíð; داوود or داود, Dāwūd,; หมายถึง เป็นที่รัก) (1037 - 967 ก่อนคริสต์ศักราช; ปกครองราชอาณาจักรยูดาห์และราชอาณาจักรอิสราเอล 1005 - 967 ก่อนคริสต์ศักราช) ดาวิด เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองของราชอาณาจักรอิสราเอล กล่าวกันว่ามีคุณธรรมและเป็นนักการทหารที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังเป็นนักดนตรี กวี (เชื่อกันว่าเป็นผู้เขียนเพลงสดุดีหลายเพลง) ดาวิดในวัยเด็กเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะธรรมดา แต่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและมีอุปนิสัยกล้าหาญไม่เกรงกลัวใคร โดยอาสาเข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับ โกไลแอ็ธ นักรบร่างมหึมาผู้เป็นทหารเอกของชาวฟิลิสทีน และสามารถสังหารโกไลแอ็ธลงได้ จึงมีความดีความชอบได้มารับใช้พระเจ้าซาอูล (Saul) ในฐานะนายพลและที่ปรึกษาทางทหารคนสนิท และยังเป็นเพื่อนสนิทกับ โจนาธาน ราชบุตรของซาอูล ต่อมาพระเจ้าซาอูลเกิดระแวงว่าดาวิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ จึงพยายามกำจัดดาวิด แต่ซาอูลและโจนาธานพ่ายแพ้เสียชีวิตในการรบ ดาวิดจึงได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าดาวิดทรงพิชิตเยรูซาเลมได้ และนำหีบแห่งพันธสัญญาเข้ามาประดิษฐานในเมือง แต่เนื่องจากทรงประพฤติผิดทางเพศต่อนางแบธชีบา ทำให้พระองค์ถูกพระเจ้าตำหนิติเตียนและทำให้ทรงหมดความชอบธรรมที่จะสร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในเยรูซาเลม ชาวยิวถือว่าดาวิดและกษัตริย์โซโลมอน พระราชบุตรของพระองค์ เป็นผู้ก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น ดาวิดถือเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในอุดมคติของชาวอิสราเอล นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ไถ่ ที่จะมาจุติในอนาคตจะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากพระองค์ ชีวิตของกษัตริย์ดาวิดที่บันทึกไว้ในหนังสือซามูเอล เล่มที่ 1 ในพันธสัญญาเดิมตั้งแต่บทที่ 16 เป็นต้นไปและหนังสือพงศาวดาร ดาวิดเป็นบุคคลสำคัญในศาสนาอับราฮัม.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และดาวิด · ดูเพิ่มเติม »
ซาโลมอน
ซาโลมอน (ศัพท์คริสต์ศาสนา) หรือ โซโลมอน (ศัพท์ประวัติศาสตร์) (ละติน: Solomon; שְׁלֹמֹה) มาจากราก S-L-M ที่แปลว่า ความสงบ ในอิสลามว่า สุลัยมาน หรือตามฉายาคือ ซาโลมอนผู้ทรงปัญญา ชื่ออีกชื่อหนึ่งที่ใช้ในคัมภีร์ฮีบรูคือ เจดิดิอา (יְדִידְיָהּ) ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่สามแห่งอิสราเอล ปรากฏในคัมภีร์ฮีบรูหมวดทานัคของศาสนายูดาห์ คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมของศาสนาคริสต์ และในคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม คัมภีร์กล่าวว่ากษัตริย์ซาโลมอนเป็นบุตรของดาวิด และกล่าวว่าเป็นกษัตริย์องค์ที่สามของสหราชอาณาจักรอิสราเอลและกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนที่จะแยกเป็นราชอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือและราชอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ หลังจากการแยกตัวผู้ที่สืบเชื้อสายก็ปกครองแต่เพียงราชอาณาจักรยูดาห์เท่านั้น พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าซาโลมอนเป็นผู้สร้างวิหารแห่งซาโลมอน ในกรุงเยรูซาเลมที่ถือกันว่าเป็นพระวิหารแห่งเยรูซาเลมหลังแรก และเป็นผู้มีความฉลาด มั่งคั่ง และอำนาจอย่างมากในยุคนั้น.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และซาโลมอน · ดูเพิ่มเติม »
เรโหโบอัม
รโหโบอัม (ฮีบรู: רְחַבְעָם) หรือ โรโบอัม (ละติน: Roboam) เป็นกษัตริย์ชาวอิสราเอลที่ปรากฎในคัมภีร์ฮีบรู เป็นโอรสของกษัตริย์ซาโลมอนและเป็นหลานของกษัตริย์ดาวิด เขาขึ้นครองบัลลังก์อิสราเอลต่อจากพระบิดาขณะอายุ 41 ปี หลังครองบัลลังก์ได้ไม่นานก็ถูกสิบชนเผ่าอิสราเอลประกาศแยกประเทศ ทำให้ประเทศอิสราเอลแตกออกเป็นสอง คือ อาณาจักรอิสราเอล (อิสราเอลเหนือ) และอาณาจักรยูดาห์ (อิสราเอลใต้) เรโหโบอัมจึงกลายเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรยูดาห์คนแรก อาณาจักรยูดาห์ในรัชสมัยของพระองค์ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองตลอดรัชกาล และยังต้องเผชิญกับการรุกรานของอียิปต์ ซึ่งท้ายที่สุดอาณาจักรยูดาห์ก็ตกเป็นประเทศราชของอียิปต์ เรโหโบอัมมีชายา 18 องค์และมีบริจาริกา 60 นาง พระองค์มีโอรส 28 องค์และธิดา 60 องค์ ทรงครองราชสมบัติยูดาห์ได้ 17 ปีจึงสวรรคต เจ้าชายอาบียาห์ โอรสของพระองค์ได้ขึ้นสืบบัลลังก์ยูดาห์ต่อ.
ใหม่!!: อาณาจักรยูดาห์และเรโหโบอัม · ดูเพิ่มเติม »
เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:
กษัตริย์แห่งยูดาห์ราชอาณาจักรยูดาห์