โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ดาวน์โหลด
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)

ดัชนี หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)

หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย) เกิดที่ตำบลงิ้วราย อำเภอนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม เดิมเป็นนักเทศน์และนักสวดคฤหัสถ์มาก่อน แล้วจึงเข้ารับราชการเป็นนักร้องในกรมมหรสพ หลวงเสียงเสนาะกรรณได้ต่อเพลงจากพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) และหม่อมส้มจีน และได้ต่อเพลงละครดึกดำบรรพ์จากหม่อมจันทร์ กุญชร ณ อยุธยา จนในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เป็นครูสอนขับร้องอยู่ในวัง และที่พระตำหนักของพระสุจริตสุดา หลวงเสียงเสนาะกรรณ ได้บันทึกแผ่นเสียงกับบริษัทแผ่นเสียงตราสุนัขเมื่อ..

11 ความสัมพันธ์: พระยาราชวังสันพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล)การขับเสภาละครสวดคฤหัสถ์อำเภอนครชัยศรีอิเหนาจังหวัดนครปฐมขุนช้างขุนแผนเขมรไทรโยค

พระยาราชวังสัน

ระยาราชวังสัน หรือ พระยาราชบังสัน เป็นบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งจางวางอาสาจาม มีปรากฏในพงศาวดารตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยาตอนต้น อาจหมายถึง.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และพระยาราชวังสัน · ดูเพิ่มเติม »

พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)

ระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เป็นบุตรคนโตของขุนกนกเรขา (ทองดี) กับนางนิ่ม เกิดเมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2403 ณ บ้านเลขที่ 81 ตรอกไข่ ถนนบำรุงเมือง ตำบลหลังวัดเทพธิดา กรุงเทพมหานคร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีก 4 คน คือ 1 ชาย ชื่อ เปลี่ยน 2 ชาย ชื่อ แย้ม 3 หญิง ชื่อ สุ่น 4 หญิง ชื่อ นวล ต่อมารับราชการ ตั้งแต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทูลขอพระราชทานบรรดาศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้นายแปลกเป็นที่ “ขุนประสานดุริยศัพท์" นับจากนั้นก็ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์มาเป็นลำดับ จนได้เป็นที่ “พระยาประสานดุริยศัพท์” เจ้ากรมปี่พาทย์หลวง ในสมัยรัชกาลที่ 6 ในวัยเยาว์ท่านได้เรียนหนังสือที่บ้านตนเองจนกระทั่งโตเป็นหนุ่มตามกระแสข่าวกล่าวว่าท่านได้เรียนดนตรีไทยกับ ครูถึก ดุริยางกูร ต่อมาท่านได้เรียนปี่ชวากับครูชื่อ “หนูดำ” ซึ่งต่อมาได้สละการเป็นครูโดยถือศีลในถ้ำภูเขาทองลูกศิษย์เอกของครูหนูดำคือ ครูแปลกและนายทอง ส่วนวิชาดนตรีปี่พาทย์อย่างอื่น ได้ศึกษาอย่างจริงจังกับครูช้อย สุนทรวาทิน (บิดาของพระยาเสนาะดุริยางค์)ครั้งแรกนายแปลกรับราชการดมื่ออายุ 14 ปีเศษในตำแหน่งหมื่นทรงนรินทร์ ในกระทรวงนครบาล ต่อมาจึงลาออกจากงานที่กระทรวงนครบาล ในปี พศ 2419 อายุ 17 ปีจึงสมรสกับ นางสาว พยอม คนราชบุรีมีบุตรทั้งหมด 11 คน ถึงแก่กรรมแต่เล็ก 6 คน จึงเหลือบุตรเพียง 5 คน คือ 1 หญิง ชื่อ มณี ประสานศัพท์ 2 หญิง ชื่อ เสงี่ยม ประสานศัพท์ 3 หญิง ชื่อ ประยูร ประสานศัพท์ 4 ชาย ชื่ ปลั่ง ประสานศัพท์ 5 หญิง ชื่อ ทองอยู่ ประสานศัพท์ อาจารย์ มนตรี ตราโมทลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด กล่าวว่า ท่านมิได้เล่าว่าเริ่มเรียนดนตรีไทยมาจากที่ใด แต่ในการเป่าปี่ท่านบอกเรียนมาจากครูช้อย สุทรวาทิน ครั้งหนึ่งเมื่อคุยกันถึงพระประดิษฐไพเราะท่านเล่าว่าครูช้อยเคยพาท่านไปหาครูมีแขกและท่านให้เป่าปี่ให้ครูมีแขกฟังสองเพลงซึ่งจำไม่ได้ว่าเพลงอะไร ครูมีแขกฟังแล้วบอกว่า เป่าดีใช้ได้ซึ่งแสดงว่าครูมีแขกเป็นคนผู้น้อย ต่อมาท่านก็สนใจในเครื่องสายจึงได้เป็นลูกศิษย์ครูถึก ดุริยางกูรส่วนปี่พาทย์นั้นเรียนกับใครไม่ปรากฏแต่ครูคนสุดท้ายคือ ครูช้อย สุนทรวาทิน ซึ่งครูเลื่องลือในทางระนาดและทางฆ้องมีใจรักในพระยาประสานดุริยศัพท์ดังลูกมีวิชาเท่าไรก็ถ่ายทอดให้หมดและความสามารถนี้เองทำให้ครูทีแขก ปรารภว่าทำอย่างไรจึงจะได้ยินนายแปลกเป่าปี่ครั้นท่านเจ้าคุณได้ยินดังนั้นก็รีบนำปี่ไปเป่าเพลงทยอยเดี่ยวให้ครูมีแขกฟังทันทีครูมีแขกกล่าวว่า เก่ง ไม่มีใครสู้ แล้วสอนเพลงทยอยเดี่ยวให้อีกนิ้วหนึ่ง ท่านเจ้าคุณประสานเป็นผู้เสาะหาครูดีเสมอ ครูมนตรี ตราโมท กล่าวว่าส่วนเรื่องในการเป่าปี่ชวานั้นท่านเรียนกับครูช้อย ต่อมาต้องการเรียนเพลงเรื่องชมสมุทรอันเป็นเพลงเรื่องปี่ชวาในวงเครื่องสายปี่ชวาเลยได้เรียนกับครูดำ ครูดำผู้นี้ชอนย้ายที่อยู่ไเรื่อยเห็นจะหนีผู้รบกวนเนืองจากเป็นผู้มีฝีดนตรีมากท่านเล่าว่าเมื่อจะเพลงเรื่องชมสมุทรต้องไปขอเรียนในถ้ำภูเขาทองต้องพยายามเข้าไปเรียนวันกว่าจะต่อจบ ความรู้ความสามารถของพระยาประสานดุริยศัพท์นั้น เป็นที่กล่าวขวัญเรื่องลือว่า ท่านเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยฝีมือ ความรู้ ปฏิภาณ ไหวพริบ ท่านเป็นครู และเป็นศิลปินที่หาได้ยากยิ่งโดยเฉพาะขลุ่ย ปี่ ระนาดจนเมื่อปี พ.ศ. 2428 ท่านได้รับเลือกให้ไปร่วมงานมหกรรรมสินค้าและดนตรีนานาชาติ กรุงลอนดอนที่ประเทศอังกฤษครั้งนั้นประเทศไทยได้ส่งนักดนตรีไป 19 คนโดยครั้งนั้นนายแปลกยังอายุ 25 ปี อาจารย์มนตรี ตราโมท เล่าว่า รัฐบาลอังกฤษได้จัดงานมหกรรมสินค้าและดนตรีนานาชาติจึงได้เชิญประเทศสยามให้ส่งดนตรีไปแสดงในครั้งนั้นได้ส่งนักดนตรีไทยไปส่วนใหญ่เป็นดนตรีของวังบูรพาภิรมย์แทบทั้งหมดซึ่งในการแสดลครั้งนั้นนำซอสามสายไปด้วยและเป็นเคราะห์นี้ที่มีมือดีได้บันทึกเรื่องราวคือนายคร้ามเป้นคนซอสามสายโดยนักดนตรีทั้ง 19 คนคือจางวางทองดี นายตาด นายยิ้ม นายเปีย นายนวล นายเนตร นายต่อง นายฉ่าง นายคร้าม นายชุ่ม นายสิน นายสาย นายแปลก นายเหม นายเปลี่ยน นายอ๋อย นายเผื่อน นายปลั่ง นายสังจีนแต่เมื่อถึงอังกฤษมีคนเสรยชีวิตคนหนึ่งคือนายสังจีนบรรเลงครั้งแรกเมื่อ 8 มิถุนายน 2428 เป้นเวลาสามเดือนซึ่งผลของการบรรเลงขลุ่ยของนายแปลกเป็นที่พอพระราชหฤทัยของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นอย่างยิ่งถึง กับรับสั่งขอฟังเพลงขลุ่ยเป็นการส่วนพระองค์ในพระราชวังบัคกิ้งแฮมอีกครั้ง การบรรเลงครั้งหลังนี้สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงลุกจากที่ประทับและใช้พระหัตถ์ลูบคอพระยาประสานฯ พร้อมทั้งรับสั่งถามว่า เวลาเป่านั้นหายใจบ้างหรือไม่ เพราะเสียงขลุ่ยดังกังวานอยู่ตลอดเวล.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) · ดูเพิ่มเติม »

พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล)

ระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) (เกิด: 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2438 — ถึงแก่อนิจกรรม: 9 มีนาคม พ.ศ. 2524) พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นธิดาในเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) กับท่านผู้หญิงกิมไล้ สุธรรมมนตรี และเป็นพี่สาวของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรร.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และพระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) · ดูเพิ่มเติม »

การขับเสภา

การขับเสภาเป็นการเล่าเรื่องประเภทหนึ่งโดยกำเนิดมาจากการเล่านิทาน เมื่อการเล่านิทานเริ่มแพร่หลายจึงได้แต่งเป็นกลอนใส่ทำนองโดยใช้กรับเป็นเครื่องประกอบจังหว.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และการขับเสภา · ดูเพิ่มเติม »

ละคร

ละคร หมายถึงการแสดงรำที่เป็นเรื่องเป็นราว ดำเนินเรื่องไปโดยลำดับ มีตัวเอกของเรื่อง ฝ่ายชายเรียกว่าตัวพระ เพราะสมัยโบราณแสดงแต่เรื่องจักรๆวงศ์ๆ เป็นเรื่องของกษัตริย์ มีชื่อว่าพระต่างๆ เช่น พระอนิรุทธิ์ พระไชยเชษฐ์ พระอภัยมณี ฝ่ายหญิงเรียกว่า ตัวนาง เพราะในเรื่องที่แสดงมักชื่อว่านางต่างๆ เช่น นางสีดา นางบุษบา นางทิพย์เกสร ยังไม่มีการแบ่งเป็นนางสาวและนางที่มีสามีแล้ว และตัวประกอบอื่นๆแล้วแต่ในเรื่องจะมีละครมีหลายแบบ แต่ละวฝฝใมีการแสดงและความมุ่งหมายแตกต่างกัน เช่น ละครโนรา ละครนอก ละครใน ละครถาม😴😴😴😴😴 และละครดึกดำบรรพ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีการจดบันทึกโดย ซิมง เดอ ลาลูแบร์ ราชฑูตแห่งราชอาณาจักรฝรั่งเศส ใน ปี..

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และละคร · ดูเพิ่มเติม »

สวดคฤหัสถ์

วดคฤหัสถ์ สวดคฤหัสถ์ หรือ สวดกะหัด คือการสวดชนิดหนึ่ง เป็นการเล่นที่นิยมเล่นในงานศพ เป็นการเล่นเลียนแบบการสวดพระอภิธรรมของพระสงฆ์ และเล่นในตอนดึกหลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จแล้ว การแสดงจะมีบทสวด "พื้น" อยู่ 4 อย่าง คือ พื้นพระอภิธรรม (สวดบทพระอภิธรรม) พื้นโพชฌงค์มอญหรือหับเผย พื้นพระมาลัย (สวดเรื่องพระมาลัย) และพื้นมหาชัย 1 แต่ที่นิยมใช้สวดกันอย่างแพร่หลาย คือพื้นพระอภิธรรม แต่เดิมเป็นการละเล่นของพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์แล้วออกลำนำเป็นภาษาต่างๆ มีปรากฏในกฎหมายตราสามดวง ห้ามไม่ให้พระสงฆ์สวดออกลำนำแบบนี้ จากนั้นจึงแพร่หลายมาในหมู่ชาวบ้าน และเริ่มมีการแต่งตัวตามภาษาที่ใช้สวดภาษิต จิตรภาษ.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และสวดคฤหัสถ์ · ดูเพิ่มเติม »

อำเภอนครชัยศรี

วามหมายอื่น ดูที่ มณฑลนครชัยศรี นครชัยศรี เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีเรื่องราวบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี นอกจากนี้ยังมีการค้นพบโบราณวัตถุจำนวนหนึ่งในบริเวณอำเภอนครชัยศรี ปัจจุบันนครชัยศรีนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และอำเภอนครชัยศรี · ดูเพิ่มเติม »

อิเหนา

ละครของกรมศิลปากร เรื่อง “อิเหนา” ตอนส่งดอกลำเจียกให้นางค่อม แสดงเมื่อประมาณ พ.ศ. 2483 อิเหนาเป็น วรรณคดีเก่าแก่เรื่องหนึ่งของไทย เป็นที่รู้จักกันมานาน เข้าใจว่าน่าจะเป็นช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยได้ผ่านมาจากหญิงเชลยปัตตานี ที่เป็นข้าหลวงรับใช้พระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ครองราชย์ พ.ศ. 2275 – 2301) โดยเล่าถวายเจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชธิดา จากนั้นพระราชธิดาทั้งสองได้ทรงแต่งเรื่องขึ้นมาองค์ละเรื่อง เรียกว่าอิเหนาเล็ก (อิเหนา) และอิเหนาใหญ่ (ดาหลัง) ประวัติดังกล่าวมีบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์อิเหนา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ดังนี้ นอกจากนี้ ยังมีบรรยายไว้ในปุณโณวาทคำฉันท์ ของพระมหานาค วัดท่าทราย ระบุถึงการนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเช่นกัน โดยเล่าว่ามีงานมหรสพที่เล่นเรื่องอิเหนา ดังนี้ เนื้อเรื่องตรงกับอิเหนาเล็ก ที่ว่าถึงตอนลักบุษบาไปไว้ในถ้ำ ซึ่งไม่ปรากฏในเรื่องอิเหนาใหญ่ เรื่องอิเหนา หรือที่เรียกกันว่านิทานปันหยีนั้น เป็นนิทานที่เล่าแพร่หลายกันมากในชวา เชื่อกันว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ของชวา ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ปรุงแต่งมาจากพงศาวดารชวา และมีด้วยกันหลายสำนวน พงศาวดารเรียกอิเหนาว่า “ ปันจี อินู กรัตปาตี” (Panji Inu Kartapati) แต่ในหมู่ชาวชวามักเรียกกันสั้นๆ ว่า “ปันหยี” (Panji) ส่วนเรื่องอิเหนาที่เป็นนิทานนั้น น่าจะแต่งขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 หรือในยุคเสื่อมของราชวงศ์อิเหนาแห่งอาณาจักรมัชปาหิต และอิสลามเริ่มเข้ามาครอบครอง นิทานปันหยีของชวานั้น มีด้วยกันหลายฉบับ แต่ฉบับที่ตรงกับอิเหนาของเรานั้น คือ ฉบับมาลัต ใช้ภาษากวีของชวาโบราณ มาจากเกาะบาหลี.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และอิเหนา · ดูเพิ่มเติม »

จังหวัดนครปฐม

ังหวัดนครปฐม เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย เป็นหนึ่งในห้าจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร จังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน เชื่อว่าเป็นที่ตั้งเก่าแก่ของเมืองในสมัยทวารวดี โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นจำนวนมาก.

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และจังหวัดนครปฐม · ดูเพิ่มเติม »

ขุนช้างขุนแผน

รื่องขุนช้างขุนแผน เป็นนิทานมหากาพย์พื้นบ้านของไทย เค้าเรื่องขุนช้างขุนแผนนี้สันนิษฐานว่าเคยเกิดขึ้นจริงในสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วมีผู้จดจำเล่าสืบต่อกันมา เนื่องจากเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนมีปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า แต่มีการดัดแปลงเพิ่มเติมจนมีลักษณะคล้ายนิทานเพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น รายละเอียดในการดำเนินเรื่องยังสะท้อนภาพการดำเนินชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวสยามในครั้งอดีตได้อย่างชัดเจนยิ่ง จนนักภาษาศาสตร์วิลเลียม เกดนีย์ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามักคิดบ่อยๆว่า หากความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยเกิดสูญหายไปหมด ทุกอย่างอาจจะถูกสร้างขึ้นมาได้ใหม่ จากข้อเขียนที่อัศจรรย์นี้" เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ ถูกสันนิษฐานว่าเป็นการแต่งขึ้นร้องแบบมุขปาถะ (ปากต่อปาก) เพื่อความบันเทิง ในลักษณะเดียวกับมหากาพย์ของยุโรป อย่างเช่นของโฮเมอร์ โดยคงจะเริ่มแต่งตั้งแต่ราวอยุธยาตอนกลาง (ราว พ.ศ. 2143) และมีการเพิ่มเติม หรือตัดทอนเรื่อยมา จนมีรายละเอียดและความยาวอย่างที่สืบทอดกันอยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย แต่ไม่ได้ถูกบันทึกลงไว้เป็นกิจลักษณะ เนื่องจากบุคคลชั้นสูงสมัยนั้นเห็นว่าเป็นกลอนชาวบ้าน ที่มีเนื้อหาบางตอนหยาบโลน และไม่มีการใช้ฉันทลักษณ์อย่างวิจิตร ดังนั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกเผาทำลายในปี..

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และขุนช้างขุนแผน · ดูเพิ่มเติม »

เขมรไทรโยค

ลงเขมรไทรโยค เป็นเพลงไทยเดิม พระนิพนธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสน้ำตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ..

ใหม่!!: หลวงเสียงเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย)และเขมรไทรโยค · ดูเพิ่มเติม »

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »