เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
ขาออกขาเข้า
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

เลพเพิร์ด 2

ดัชนี เลพเพิร์ด 2

ลโอพาร์ด 2 (เยอรมัน: Leopard) เป็นรถถังประจัญบานหลักของกองทัพเยอรมนี ได้รับการพัฒนาโดย คราอูส-มาเฟล์ (Krauss-Maffei) ในช่วงปี 1970 และได้นำไปใช้ในกองทัพในปี 1978 จนถึงปัจจุบัน ผลิตมาให้กับกองทัพเยอรมันตะวันตก เป็นรุ่นเสริมต่อมาจาก เลโอพาร์ด 1 ปัจจุบันรถถังรุ่นนี้ได้นำไปใช้ในกองทัพ ต่างๆ มากกว่า 12 ประเทศในยุโรป เลพเพิร์ด 2 ได้ถูกผลิตมาแล้วมากกว่า 3,480 คัน มีราคาต่อคัน ประมาณ US$5.74 million (ในปี 2007)หรือถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 172 ล้านบาท เลพเพิร์ด 2 ได้ถูกนำไปใช้ยุทธการคอซอวอ เป็นครั้งแรก และได้นำไปใช้ในสงครามอัฟกานิสถาน ร่วมกับ เดนมาร์กและ แคนาดา เลโอพาร์ด 2 มี 7 รุ่นย่อยแยกออกไปอีกจนถึงรุ่น เลโอพาร์ด 2เอ4 (Leopard 2A4) ซึ่งเป็นรุ่นที่ ได้มีการพัฒนาเกราะ และป้อมปืน เลโอพาร์ด 2 เอ5 (Leopard 2A5) ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดารุ่นทั้งหมด โดยปัจจุบัน เลพเพิร์ด 2เอ7 ถือว่าเป็นรุ่นใหม่สุดของเลพเพิร์ด 2 ทุกรุ่น เลพเพิร์ด 2 ได้พัฒนาระบบการยิงด้วยระบบดิจิตอลและตัวเล็งด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ระบบการขับในตอนกลางคืน รวมถึงมีความสามารถในการยิงวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ ได้แม่นกว่ารถถังคันไหนๆ เลโอพาร์ด 2 จึงได้รับการยอมรับจากกองทัพต่างๆทั่วโลก ว่า เป็นรถถังที่ดีที่สุดในโลก.

สารบัญ

  1. 4 ความสัมพันธ์: ชาลเลนเจอร์ 2รถถังรถถังหลักเอ็ม1 เอบรามส์

ชาลเลนเจอร์ 2

อฟวี 4034 ชาลเลนเจอร์ 2 (FV4034 Challenger 2) เป็นรถถังประจัญบานหลักสัญชาติอังกฤษที่ประจำการอยู่ในกองทัพบกสหราชอาณาจักรและกองทัพบกโอมาน มันถูกออกแบบและสร้างโดยบริษัทวิกเกอร์ส ดีเฟนซ์ ซิสเท็มส์ของอังกฤษ (ตอนนี้เป็นบีเออี ซิสเท็มส์ แลนด์ แอนด์ อาร์มเมนท์ส) ชาลเลนเจอร์ 2 เป็นรถถังที่ออกแบบใหม่มาจากชาลเลนเจอร์ 1 แม้ว่าตัวรถและส่วนขับเคลื่อนนั้นจะคล้ายคลึงกัน แต่ชาลเลนเจอร์ 2 นั้นมีชิ้นส่วนที่ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่กว่าของชาลเลนเจอร์ 1 และมีเพียง 5% ของชิ้นส่วนที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับรถถังทั้งสองแบบได้ ชาลเลนเจอร์ 2 ได้เข้าแทนที่ชาลเลนเจอร์ 1 ในกองทัพบกอังกฤษและกองทัพบกโอมานเองก็ใช้รถถังนี้เช่นกัน ชาลเลนเจอร์ 2 ได้เข้าร่วมรบในบอสเนีย โคโซโว และอิรัก.

ดู เลพเพิร์ด 2และชาลเลนเจอร์ 2

รถถัง

รถถัง Mark IV รถถัง เป็นยานพาหนะต่อสู้หุ้มเกราะติดตีนตะขาบที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรบที่แนวหน้าซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัว การรุก และการป้องกัน อำนาจการยิงของมันมาจากปืนหลักขนาดใหญ่ของมันที่ติดตั้งอยู่บนป้อมส่วนบนที่หมุนได้พรัอมกับมีปืนกลติดตั้งอยู่เพื่อเป็นอาวุธรอง ในขณะที่เกราะขนาดหนักและความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันเป็นสิ่งที่คอยปกป้องชีวิตของพลประจำรถ นั่นทำให้มันสามารถทำงานหลักของทหารราบยานเกราะได้ทั้งหมดในสมรภูมิ รถถังเริ่มนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งแรกโดยอังกฤษ ได้แก่ Mark IV tank เพื่อใช้มันสนับสนุนทหารราบในการฝ่าทะลุแนวสนามเพลาะ พวกมันถูกใช้ในยุทธการซอมม์ในจำนวนน้อยมาก ในช่วงที่มันถูกสร้างขึ้นมันถูกเรียกว่ายานลำเลียงน้ำเพื่อปกปิดวัตถุประสงค์การใช้งานจริงของมัน คำว่า"แท็งค์" (tank) นั้นมาจากคำว่า "Water tank" ที่แปลว่าถังน้ำ ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนทหารราบมันจึงทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 5-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การมาของ Mark IV tank ทำให้ฝ่ายเยอรมันพัฒนารถถังของตนเอง ได้แก่ A7V เพื่อตอบโต้ฝ่ายอังกฤษ รถถัง A7V ฝรั่งเศสเป็นชาติแรกในโลกที่พัฒนารถถังที่ติดตั้งปืนบนป้อมซึ่งหมุนได้ 360 องศาได้แก่ Renault FT และใช้พลรถถังเพียง 2 คน ในการควบคุมรถถัง ต่างจาก Mark IV tank ของอังกฤษที่ต้องใช้พลรถถังถึง 8 คนในการควบคุม และ A7V ของเยอรมนีที่ใช้พลรถถัง 18 คน การพัฒนาในสงครามของมันเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่สองทำให้มันเป็นแนวคิดหลักของสงครามยานเกราะซึ่งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นบทบาทหลักในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้นำรถถังที-34 มาใช้ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่ดีที่สุดในสงครามและเป็นต้นตำรับของรถถังหลัก เยอรมนีใช้การโจมตีสายฟ้าแลบ ซึ่งเป็นยุทธวิธีในการใช้กองกำลังรถถังเป็นหลักโดยมีปืนใหญ่และการยิงทางอากาศเข้าสนับสนุนเพื่อเจาะทะลุแนวป้องกันของศัตรู ปัจจุบันรถถังนั้นไม่ปฏิบัติการเพียงลำพังนัก พวกมันจะรวมกันเป็นหน่วยซึ่งจะมีทหารราบให้การสนับสนุน ทหารเหล่านั้นจะทำงานร่วมกับรถสายพานลำเลียงพลหรือยานพาหนะต่อสู้ทหารราบ รถถังยังถูกใช้ร่วมกับการสอดแนมหรือการโจมตีภาคพื้นดินทางอากาศอีกด้วย เนื่องมาจากความสามารถและความหลากประโยชน์ของรถถังประจัญบานที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญของกองทัพยุคใหม่ อย่างไรก็ตามในสงครามนอกกรอบได้นำข้อสงสัยมาสู่กองพลยานเกราะ ไจโรสโคปถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเสถียรให้กับปืนใหญ่ ทำให้มันเล็งได้อย่างแม่นยำและยิงได้ในขณะเคลื่อนที่ ปืนรถถังยุคใหม่ยังมีตัวลดความร้อนเพื่อลดการกระจายความร้อนที่เกิดจากการยิง มันจะช่วยลดควันที่เข้าไปในรถถังและบางครั้งก็ลดแรงถีบซึ่งจะเพิ่มความแม่นยำและอัตราการยิงให้มากขึ้น โดยทั่วไปแล้วการตรวจจับเป้าหมายจะใช้สายตามองเอาผ่านทางกล้องโทรทรรศน์ อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่ผู้บัญชาการรถถังจะเปิดฝาครอบด้านบนออกเพื่อมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความระมัดระวังต่อสถานการณ์แต่ก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าของพลซุ่มยิงได้ โดยเฉพาะเมื่อยู่ในป่าหรือเมือง แม้ว่าการพัฒนามากมายในการตรวจหาเป้าหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ข้อปฏิบัติดังกล่าวก็ยังถูกใช้กันอยู่ ในบางกรณีปืนกลเคียงที่อยู่ข้างปืนใหญ่ก็ถูกใช้เพื่อหาวิถีโค้งและระยะของเป้าหมาย ปืนกลนี้จะถูกติดตั้งบนแกนเดียวกับปืนใหญ่รถถัง และยิงกระสุนไปที่เป้าหมายเดียวกัน พลปืนจะติดตามการเคลื่อนไหวของกระสุนติดตามเมื่อมันพุ่งชนเป้าหมาย และเมื่อมันชนเป้าหมาย มันก็จะปล่อยแสงออกมาพร้อมกับควันหลังจากที่ปืนใหญ่ยิงออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มักถูกแทนที่ด้วยเลเซอร์หาระยะแทน รถถังยุคใหม่ยังมีกล้องมองกลางคืนและกล้องจับถวามร้อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในตอนกลางคืน ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และในกลุ่มควัน ความแม่นยำของรถถังยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดโดยระบบควบคุมการยิง ระบบนี้ใช้เลเซอร์หาระยะเพื่อระบุความห่างจากเป้าหมาย มันยังมีตัววัดแรงลมและตัวควบคุมความร้อนที่ปากกระบอก การที่เลเซอร์หาระยะสามารถมองหาเป้าหมายสองเป้าได้พร้อมกับทำให้มันสามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมเข้ากับการเคลื่อนไหวของรถถังและการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศเพื่อคำนวณการไต่ระดับและจุดเล็งที่มันจะเข้าชนเป้าหมาย โดยปกติแล้วรถถังจะมีปืนขนาดเล็กกว่าเพื่อป้องกันตัวในระยะใกล้ซึ่งการยิงด้วยปืนใหญ่นั้นจะไร้ประสิทธิภาพ อย่างการจัดการกับทหารราบ ยานพาหนะขนาดเบา หรือเครื่องบิน อาวุธรองมักจะเป็นปืนกลเอนกประสงค์ที่อยู่ข้างปืนใหญ่และปืนกลต่อต้านอากาศยานที่อยู่ด้านบนสุดของป้อมปืน อาวุธเหล่านี้มักถูกดัดแปลงเพื่อใช้โดยทหารราบ และใช้กระสุนที่เหมือนๆ กัน.

ดู เลพเพิร์ด 2และรถถัง

รถถังหลัก

ลพเพิร์ด 2เอ5ของกองทัพบกเยอรมัน รถถังหลัก (Main Battle Tank: MBT) คือ รถถังที่หลักที่เป็นหัวหอกในการรบ องค์ประกอบที่สำคัญคือ อำนาจการยิง(ความแม่นยำ อำนาจการทำลาย ความรวดเร็วในการใช้อาวุธ) ความคล่องตัว และการป้องกันตนเอง(เกราะ) โดยรถถังหลักจะต้องเป็นรถถังที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 37-65 ตันขึ้นไป และสามารถติดปืนใหญ่ตั้งแต่ขนาด 90-125 มม.

ดู เลพเพิร์ด 2และรถถังหลัก

เอ็ม1 เอบรามส์

อ็ม1 เอบรามส์ (M1 Abrams) เป็นรถถังหลักรุ่นที่สามของสหรัฐอเมริกา ชื่อของมันมาจากนายพลเครกตัน เอบรามส์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี..

ดู เลพเพิร์ด 2และเอ็ม1 เอบรามส์

หรือที่รู้จักกันในชื่อ เลียวพาร์ด 2