เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
ขาออกขาเข้า
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

เด็กชาย

ดัชนี เด็กชาย

เด็กผู้ชาย คือมนุษย์เพศชายที่อายุน้อย มักจะใช้เรียกเด็กหรือวัยรุ่น สิ่งที่แยกแยะเด็กผู้ชายจากเด็กผู้หญิงอย่างชัดเจนคือ เด็กผู้ชายโดยทั่วไปจะมีองคชาต ขณะที่เด็กผู้หญิงมีช่องคลอด อย่างไรก็ตาม เด็กภาวะเพศกำกวมที่มีอวัยวะเพศที่ไม่ชัดเจน และเด็กที่ข้ามเพศที่เป็นผู้หญิงแท้อาจจะจัดตนเองว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ได้เช่นกัน คำว่า "เด็กผู้ชาย" ใช้กำหนดความแตกต่างของเพศทางชีววิทยา ความโดดเด่นของเพศที่เป็นบทบาททางวัฒนธรรม หรือทั้งสองอย่าง หมวดหมู่:วัยเด็ก หมวดหมู่:ผู้ชาย.

สารบัญ

  1. 7 ความสัมพันธ์: ชายการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายวิวัฒนาการของมนุษย์แบบสิ่งเร้าโรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิเนตรนารีHomo habilis

ชาย

อาจหมายถึง.

ดู เด็กชายและชาย

การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย

้วยแกะสลัก โรมัน ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย (Pederastyหาก ค้นหาความหมายศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน ของคำว่า pederasty สาขาวิชานิติศาสตร์ จะให้ความหมายว่า การร่วมเพศระหว่างชายด้วยกัน) มีความหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับเด็กหนุ่มนอกครอบครัว คำว่า pederasty มาจากภาษากรีก paiderastia ซึ่งแปลว่า "รักในเด็กผู้ชาย" เป็นคำประสมที่มาจาก παῖς (pais) แปลว่า เด็กผู้ชาย และ ἐραστής (erastēs) แปลว่า คนรัก ในประวัติศาสตร์ การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายมีหลายรูปแบบในหลายประเพณีและการปฏิบัติในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป สถานะของการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายได้เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ บางคราวก็ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีและในบางคราวก็ถือว่าเป็นอาชญากรรม ในประวัติศาสตร์ยุโรป วัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยคือ การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายของชาวเอเธนส์ และเป็นที่โดดเด่นใน 6 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช โดยมีแนวคิดว่าเพศชายนั้นดูสวยงามมาก การมีเพศสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศไม่ถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจ หากไม่ทำให้มีปัญหาต่อการสมรสและการกำเนิดบุตรหลาน และยังเชื่อว่าความเป็นชาย (manliness) สามารถส่งสัญลักษณ์สู่เด็กชายผ่านมาทางอวัยวะเพศชาย และน้ำกามของผู้ใหญ่เพศชาย เป็นในลักษณะความสัมพันธ์แบบครูกับลูกศิษย์ เป็นรูปแบบหนึ่งของ การเป็นคู่รัก และพระเจ้าหรือพี่เลี้ยง สามารถส่งผ่านความเป็นชายเต็มตัวแก่ผู้ที่เคารพบูชา หรือนักเรียน ด้วยการร่วมเพศทางทวารหนัก ชีวิตของเด็กหนุ่มอยู่ในสถานะผู้รองรับ และเมื่อก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาจะเลิกบทบาทเช่นนั้น เพื่อแต่งงานมีลูกหลาน แต่ก็สามารถมีคู่รักกับเด็กหนุ่มอื่นอีกได้ ส่วนชาวโรมันไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศระหว่าง ผู้ใหญ่กับเด็กแบบกรีก ในเรื่องบทบาทการเป็นครูผู้สอน แต่จะเป็นในลักษณะพ่อมากกว่าการเป็นคู่รัก ความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศปรากฏออกมาอย่างเปิดเผยในศตวรรษที่ 11 และ 12 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จนราวศตวรรษที่ 13-14 เกิดการคิดต่อต้านรักร่วมเพศ ทั้งยังมีคำสอนของทอมัส อไควนัส ทำให้ความเปิดกว้างลดลง ชาวรักร่วมเพศถูกรังเกียจทางสังคมและศีลธรรม ถูกสะกัดจากทางวัฒนธรรมอีกราว 600 ปี จนในศตวรรษที่ 17 การควบคุมเรื่องเพศทางศาสนาลดลง ความเบี่ยงเบนทางเพศทุกชนิด กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในอังกฤษและ ฝรั่งเศส กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามการมีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศได้สิ้นสุดลง ในวัฒนธรรมอื่น เด็กชายชาวแซมเบียในช่วง 7-8 ปี จะถูกนำนำไปจากแม่ เพื่อขึ้นครู (Initiation) ชาวแซมเบียเชื่อว่าเด็กหนุ่มจะต้องบริโภคน้ำกาม โดยการมีออรัลเซ็กซ์กับเด็กชายที่โตกว่า ให้เกิดความแข็งแกร่งต่อเด็กชาย จนเมื่ออายุราว 15 ปี จะเปลี่ยนบทบาทใหม่ ต้องเตรียมน้ำกามให้กับเด็กรุ่นใหม่ ชาวเอียตมูล (Iatmul) ในนิวกีนี จะร่วมเพศกับชายจากเผ่าอื่นในช่วงเวลางาน ส่วนชาวซีแวนในแอฟริกา ผู้ชายและเด็กชายจะต้องมีการร่วมเพศทางทวารหนัก หรือเด็กหนุ่มชาวเมลาเนเซี่ยนตะวันออก (East Bay Melanesian) จะได้รับประสบการณ์ตื่นตัวทางเพศจากชายอายุมากกว่า ซึ่งเลือกโดยบิดาของเด็กหนุ่ม.

ดู เด็กชายและการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย

วิวัฒนาการของมนุษย์

''Homo sapiens sapiens'' ชาวอาข่าในประเทศไทย วิวัฒนาการของมนุษย์ (Human evolution) เป็นกระบวนการวิวัฒนาการที่นำไปสู่การปรากฏขึ้นของ "มนุษย์ปัจจุบัน" (modern human มีนามตามอนุกรมวิธานว่า Homo sapiens หรือ Homo sapiens sapiens) ซึ่งแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่บทความนี้ครอบคลุมเพียงแค่ประวัติวิวัฒนาการของสัตว์อันดับวานร (primate) โดยเฉพาะของสกุล โฮโม (Homo) และการปรากฏขึ้นของมนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens ที่จัดเป็นสัตว์วงศ์ลิงใหญ่เท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์นั้นต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายสาขา รวมทั้งมานุษยวิทยาเชิงกายภาพ (หรือ มานุษยวิทยาเชิงชีวภาพ), วานรวิทยา, โบราณคดี, บรรพชีวินวิทยา, พฤติกรรมวิทยา, ภาษาศาสตร์, จิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary psychology), คัพภวิทยา และพันธุศาสตร์ กระบวนการวิวัฒนาการเป็นความเปลี่ยนแปลงของลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตผ่านหลายชั่วยุคชีวิต เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความหลายหลากกับสิ่งมีชีวิตในทุกระดับชั้น รวมทั้งระดับสปีชีส์ ระดับสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต และแม้กระทั่งโครงสร้างระดับโมเลกุลเช่นดีเอ็นเอและโปรตีน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสืบสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันที่มีชีวิตประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อน การเกิดสปีชีส์ใหม่ ๆ และการแยกสายพันธุ์ออกจากกันของสิ่งมีชีวิต สามารถอนุมานได้จากลักษณะสืบสายพันธุ์ทางสัณฐานและทางเคมีชีวภาพ หรือโดยลำดับดีเอ็นเอที่มีร่วมกัน คือ ลักษณะสืบสายพันธุ์และลำดับดีเอ็นเอที่มีกำเนิดเดียวกัน จะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันเร็ว ๆ นี้มากกว่าระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันมานานแล้ว ดังนั้นความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันจึงสามารถใช้สร้างแบบของต้นไม้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิต ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงญาติ โดยใช้สิ่งมีชีวิตที่ยังมีอยู่หรือใช้ซากดึกดำบรรพ์เป็นหลักฐานข้อมูล รูปแบบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเกิดขึ้นของสปีชีส์ใหม่ ๆ และการสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ งานวิจัยต่าง ๆ ทางพันธุศาสตร์แสดงว่า สัตว์อันดับวานรรวมทั้งมนุษย์แยกออกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น ๆ เมื่อประมาณ โดยมีซากดึกดำบรรพ์ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ ส่วนลิงวงศ์ชะนี (Hylobatidae) แยกสายพันธุ์ออกจากสายพันธุ์วงศ์ลิงใหญ่ (Hominidae) รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งเป็นวงศ์หนึ่ง ๆ ของสัตว์อันดับวานรนั้น เมื่อ แล้วลิงวงศ์ Ponginae (ลิงอุรังอุตัง) ก็แยกออกจากสายพันธุ์เมื่อประมาณ จากนั้น การเดินด้วยสองเท้า (bipedalism) ซึ่งเป็นการปรับตัวพื้นฐานที่สุดของสัตว์เผ่า Hominini ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิงชิมแปนซีได้แยกออกไปแล้ว ก็เริ่มปรากฏในสัตว์สองเท้าแรกสุดในสกุล Sahelanthropus หรือ Orrorin โดยมีสกุล Ardipithecus ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีหลักฐานชัดเจนกว่า ตามมาทีหลัง ส่วนลิงกอริลลาและลิงชิมแปนซีแยกออกจากสายพันธุ์ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน คือลิงกอริลลาเมื่อ และลิงชิมแปนซีเมื่อ โดยอาจจะมี Sahelanthropus เป็นบรรพบุรุษสุดท้ายร่วมกันระหว่างชิมแปนซีและมนุษย์ สัตว์สองเท้ายุคเริ่มต้นเหล่านี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการมาเป็นเผ่า hominini เผ่าย่อย Australopithecina (australopithecine ปกติรวมสกุล Australopithecus, Paranthropus, และในบางที่ Ardipithecus) ที่ และหลังจากนั้นจึงเป็นเผ่าย่อย Hominina ซึ่งรวมเอามนุษย์สกุล โฮโม เท่านั้น มนุษย์สกุลโฮโมที่มีหลักฐานยืนยันพวกแรกที่สุดเป็นสปีชีส์ Homo habilis ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ โดยเชื่อกันว่า สืบสายพันธุ์มาจาก homonin ในสกุล Australopithecus เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้เครื่องมือหิน และการปรับตัวของสายพันธุ์มนุษย์อีกอย่างหนึ่งคือ การขยายขนาดของสมอง (encephalization) ก็ได้เริ่มขึ้นที่มนุษย์ยุคต้นนี้ ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม3 คือมีขนาดใหญ่กว่าของลิงชิมแปนซีเล็กน้อย (ระหว่าง 300-500 ซม3) มีนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่า นี้อยู่ในช่วงเวลาที่ยีนมนุษย์ประเภท SRGAP2 มีจำนวนเป็นสองเท่าเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาของสมองกลีบหน้าได้รวดเร็วกว่าในสัตว์อื่น ๆ ต่อมา มนุษย์สปีชีส์ Homo erectus/ergaster ก็เกิดขึ้นในช่วงประมาณ ที่มีปริมาตรกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของลิงชิมแปนซีคือ 850 ซม3 การขยายขนาดของสมองเช่นนี้เทียบเท่ากับมีเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น 125,000 เซลล์ทุกชั่วยุคคน สปีชีส์นี้เชื่อว่าเป็นพวกแรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ และใช้เครื่องมือหินที่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เป็นมนุษย์สกุล Homo พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่วทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป อาจเริ่มตั้งแต่ ดังนั้น การวิวัฒนาการของสายพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปในแอฟริกาเท่านั้น ส่วนกลุ่มมนุษย์โบราณที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Archaic humans ก็เกิดวิวัฒนาการขึ้นต่อมาประมาณ 600,000 ปีก่อน สืบสายพันธุ์มาจาก H.

ดู เด็กชายและวิวัฒนาการของมนุษย์

แบบสิ่งเร้า

แบบสิ่งเร้า หรือ แบบความรู้สึก (Stimulus modality, sensory modality) เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของสิ่งเร้า หรือเป็นสิ่งที่เรารับรู้เนื่องจากสิ่งเร้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะรู้สึกร้อนหรือเย็นหลังจากมีการเร้าตัวรับอุณหภูมิของระบบรับความรู้สึกทางกาย เช่น ด้วยวัตถุที่ร้อน แบบสิ่งเร้าบางอย่างรวมทั้งแสง เสียง อุณหภูมิ รสชาติ แรงดัน กลิ่น และสัมผัส ประเภทและตำแหน่งของเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่ทำงานเนื่องจากสิ่งเร้า จะเป็นตัวกำหนดการเข้ารหัสความรู้สึก แบบความรู้สึกต่าง ๆ อาจทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความชัดเจนของสิ่งเร้าเมื่อจำเป็น.

ดู เด็กชายและแบบสิ่งเร้า

โรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ

รงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ (常盤木学園高等学校) เป็นโรงเรียนมัธยมปลายซึ่งตั้งอยู่ที่โอะดะวะระยนโจเมะ อะโอะบะคุ เซ็นได จังหวัดมิยะงิ โรงเรียนแห่งนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในชื่อ ทกคี, โทะคิวะงิ โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านทีมฟุตบอลหญิง และอะยุ นะกะดะ ซึ่งเป็นนักฟุตบอลหญิงสังกัดไอแนคโคเบะเลโอเนสซา เคยเข้ารับการศึกษาที่สถาบันแห่งนี้.

ดู เด็กชายและโรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ

เนตรนารี

นตรนารี (Girl Guide หรือ Girl Scout) เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 10-17 ปี ที่ดำเนินงานควบคู่ไปกับการลูกเสือสำหรับเด็กชาย เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.

ดู เด็กชายและเนตรนารี

Homo habilis

Homo habilis เป็นมนุษย์เผ่า Hominini มีชีวิตอยู่ในระหว่างช่วงอายุหิน Gelasian และ Calabrian คือครึ่งแรกของสมัยไพลสโตซีนประมาณ 2.1-1.5 ล้านปีก่อน โดยอาจวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษสาย australopithecine ตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นแบบก็คือซากศพหมายเลข OH 7 ที่พบในปี 2503 (ค.ศ.

ดู เด็กชายและHomo habilis

หรือที่รู้จักกันในชื่อ เด็กผู้ชาย