โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

เด็กชาย

ดัชนี เด็กชาย

เด็กผู้ชาย คือมนุษย์เพศชายที่อายุน้อย มักจะใช้เรียกเด็กหรือวัยรุ่น สิ่งที่แยกแยะเด็กผู้ชายจากเด็กผู้หญิงอย่างชัดเจนคือ เด็กผู้ชายโดยทั่วไปจะมีองคชาต ขณะที่เด็กผู้หญิงมีช่องคลอด อย่างไรก็ตาม เด็กภาวะเพศกำกวมที่มีอวัยวะเพศที่ไม่ชัดเจน และเด็กที่ข้ามเพศที่เป็นผู้หญิงแท้อาจจะจัดตนเองว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ได้เช่นกัน คำว่า "เด็กผู้ชาย" ใช้กำหนดความแตกต่างของเพศทางชีววิทยา ความโดดเด่นของเพศที่เป็นบทบาททางวัฒนธรรม หรือทั้งสองอย่าง หมวดหมู่:วัยเด็ก หมวดหมู่:ผู้ชาย.

7 ความสัมพันธ์: ชายการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายวิวัฒนาการของมนุษย์แบบสิ่งเร้าโรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิเนตรนารีHomo habilis

ชาย

อาจหมายถึง.

ใหม่!!: เด็กชายและชาย · ดูเพิ่มเติม »

การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย

้วยแกะสลัก โรมัน ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย (Pederastyหาก ค้นหาความหมายศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน ของคำว่า pederasty สาขาวิชานิติศาสตร์ จะให้ความหมายว่า การร่วมเพศระหว่างชายด้วยกัน) มีความหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับเด็กหนุ่มนอกครอบครัว คำว่า pederasty มาจากภาษากรีก paiderastia ซึ่งแปลว่า "รักในเด็กผู้ชาย" เป็นคำประสมที่มาจาก παῖς (pais) แปลว่า เด็กผู้ชาย และ ἐραστής (erastēs) แปลว่า คนรัก ในประวัติศาสตร์ การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายมีหลายรูปแบบในหลายประเพณีและการปฏิบัติในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป สถานะของการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายได้เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ บางคราวก็ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีและในบางคราวก็ถือว่าเป็นอาชญากรรม ในประวัติศาสตร์ยุโรป วัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยคือ การที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชายของชาวเอเธนส์ และเป็นที่โดดเด่นใน 6 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช โดยมีแนวคิดว่าเพศชายนั้นดูสวยงามมาก การมีเพศสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศไม่ถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจ หากไม่ทำให้มีปัญหาต่อการสมรสและการกำเนิดบุตรหลาน และยังเชื่อว่าความเป็นชาย (manliness) สามารถส่งสัญลักษณ์สู่เด็กชายผ่านมาทางอวัยวะเพศชาย และน้ำกามของผู้ใหญ่เพศชาย เป็นในลักษณะความสัมพันธ์แบบครูกับลูกศิษย์ เป็นรูปแบบหนึ่งของ การเป็นคู่รัก และพระเจ้าหรือพี่เลี้ยง สามารถส่งผ่านความเป็นชายเต็มตัวแก่ผู้ที่เคารพบูชา หรือนักเรียน ด้วยการร่วมเพศทางทวารหนัก ชีวิตของเด็กหนุ่มอยู่ในสถานะผู้รองรับ และเมื่อก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาจะเลิกบทบาทเช่นนั้น เพื่อแต่งงานมีลูกหลาน แต่ก็สามารถมีคู่รักกับเด็กหนุ่มอื่นอีกได้ ส่วนชาวโรมันไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศระหว่าง ผู้ใหญ่กับเด็กแบบกรีก ในเรื่องบทบาทการเป็นครูผู้สอน แต่จะเป็นในลักษณะพ่อมากกว่าการเป็นคู่รัก ความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศปรากฏออกมาอย่างเปิดเผยในศตวรรษที่ 11 และ 12 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จนราวศตวรรษที่ 13-14 เกิดการคิดต่อต้านรักร่วมเพศ ทั้งยังมีคำสอนของทอมัส อไควนัส ทำให้ความเปิดกว้างลดลง ชาวรักร่วมเพศถูกรังเกียจทางสังคมและศีลธรรม ถูกสะกัดจากทางวัฒนธรรมอีกราว 600 ปี จนในศตวรรษที่ 17 การควบคุมเรื่องเพศทางศาสนาลดลง ความเบี่ยงเบนทางเพศทุกชนิด กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในอังกฤษและ ฝรั่งเศส กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามการมีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศได้สิ้นสุดลง ในวัฒนธรรมอื่น เด็กชายชาวแซมเบียในช่วง 7-8 ปี จะถูกนำนำไปจากแม่ เพื่อขึ้นครู (Initiation) ชาวแซมเบียเชื่อว่าเด็กหนุ่มจะต้องบริโภคน้ำกาม โดยการมีออรัลเซ็กซ์กับเด็กชายที่โตกว่า ให้เกิดความแข็งแกร่งต่อเด็กชาย จนเมื่ออายุราว 15 ปี จะเปลี่ยนบทบาทใหม่ ต้องเตรียมน้ำกามให้กับเด็กรุ่นใหม่ ชาวเอียตมูล (Iatmul) ในนิวกีนี จะร่วมเพศกับชายจากเผ่าอื่นในช่วงเวลางาน ส่วนชาวซีแวนในแอฟริกา ผู้ชายและเด็กชายจะต้องมีการร่วมเพศทางทวารหนัก หรือเด็กหนุ่มชาวเมลาเนเซี่ยนตะวันออก (East Bay Melanesian) จะได้รับประสบการณ์ตื่นตัวทางเพศจากชายอายุมากกว่า ซึ่งเลือกโดยบิดาของเด็กหนุ่ม.

ใหม่!!: เด็กชายและการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย · ดูเพิ่มเติม »

วิวัฒนาการของมนุษย์

''Homo sapiens sapiens'' ชาวอาข่าในประเทศไทย วิวัฒนาการของมนุษย์ (Human evolution) เป็นกระบวนการวิวัฒนาการที่นำไปสู่การปรากฏขึ้นของ "มนุษย์ปัจจุบัน" (modern human มีนามตามอนุกรมวิธานว่า Homo sapiens หรือ Homo sapiens sapiens) ซึ่งแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่บทความนี้ครอบคลุมเพียงแค่ประวัติวิวัฒนาการของสัตว์อันดับวานร (primate) โดยเฉพาะของสกุล โฮโม (Homo) และการปรากฏขึ้นของมนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens ที่จัดเป็นสัตว์วงศ์ลิงใหญ่เท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์นั้นต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายสาขา รวมทั้งมานุษยวิทยาเชิงกายภาพ (หรือ มานุษยวิทยาเชิงชีวภาพ), วานรวิทยา, โบราณคดี, บรรพชีวินวิทยา, พฤติกรรมวิทยา, ภาษาศาสตร์, จิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary psychology), คัพภวิทยา และพันธุศาสตร์ กระบวนการวิวัฒนาการเป็นความเปลี่ยนแปลงของลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตผ่านหลายชั่วยุคชีวิต เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความหลายหลากกับสิ่งมีชีวิตในทุกระดับชั้น รวมทั้งระดับสปีชีส์ ระดับสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต และแม้กระทั่งโครงสร้างระดับโมเลกุลเช่นดีเอ็นเอและโปรตีน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสืบสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันที่มีชีวิตประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อน การเกิดสปีชีส์ใหม่ ๆ และการแยกสายพันธุ์ออกจากกันของสิ่งมีชีวิต สามารถอนุมานได้จากลักษณะสืบสายพันธุ์ทางสัณฐานและทางเคมีชีวภาพ หรือโดยลำดับดีเอ็นเอที่มีร่วมกัน คือ ลักษณะสืบสายพันธุ์และลำดับดีเอ็นเอที่มีกำเนิดเดียวกัน จะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันเร็ว ๆ นี้มากกว่าระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันมานานแล้ว ดังนั้นความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันจึงสามารถใช้สร้างแบบของต้นไม้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิต ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงญาติ โดยใช้สิ่งมีชีวิตที่ยังมีอยู่หรือใช้ซากดึกดำบรรพ์เป็นหลักฐานข้อมูล รูปแบบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเกิดขึ้นของสปีชีส์ใหม่ ๆ และการสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ งานวิจัยต่าง ๆ ทางพันธุศาสตร์แสดงว่า สัตว์อันดับวานรรวมทั้งมนุษย์แยกออกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น ๆ เมื่อประมาณ โดยมีซากดึกดำบรรพ์ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ ส่วนลิงวงศ์ชะนี (Hylobatidae) แยกสายพันธุ์ออกจากสายพันธุ์วงศ์ลิงใหญ่ (Hominidae) รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งเป็นวงศ์หนึ่ง ๆ ของสัตว์อันดับวานรนั้น เมื่อ แล้วลิงวงศ์ Ponginae (ลิงอุรังอุตัง) ก็แยกออกจากสายพันธุ์เมื่อประมาณ จากนั้น การเดินด้วยสองเท้า (bipedalism) ซึ่งเป็นการปรับตัวพื้นฐานที่สุดของสัตว์เผ่า Hominini ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิงชิมแปนซีได้แยกออกไปแล้ว ก็เริ่มปรากฏในสัตว์สองเท้าแรกสุดในสกุล Sahelanthropus หรือ Orrorin โดยมีสกุล Ardipithecus ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีหลักฐานชัดเจนกว่า ตามมาทีหลัง ส่วนลิงกอริลลาและลิงชิมแปนซีแยกออกจากสายพันธุ์ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน คือลิงกอริลลาเมื่อ และลิงชิมแปนซีเมื่อ โดยอาจจะมี Sahelanthropus เป็นบรรพบุรุษสุดท้ายร่วมกันระหว่างชิมแปนซีและมนุษย์ สัตว์สองเท้ายุคเริ่มต้นเหล่านี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการมาเป็นเผ่า hominini เผ่าย่อย Australopithecina (australopithecine ปกติรวมสกุล Australopithecus, Paranthropus, และในบางที่ Ardipithecus) ที่ และหลังจากนั้นจึงเป็นเผ่าย่อย Hominina ซึ่งรวมเอามนุษย์สกุล โฮโม เท่านั้น มนุษย์สกุลโฮโมที่มีหลักฐานยืนยันพวกแรกที่สุดเป็นสปีชีส์ Homo habilis ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ โดยเชื่อกันว่า สืบสายพันธุ์มาจาก homonin ในสกุล Australopithecus เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้เครื่องมือหิน และการปรับตัวของสายพันธุ์มนุษย์อีกอย่างหนึ่งคือ การขยายขนาดของสมอง (encephalization) ก็ได้เริ่มขึ้นที่มนุษย์ยุคต้นนี้ ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม3 คือมีขนาดใหญ่กว่าของลิงชิมแปนซีเล็กน้อย (ระหว่าง 300-500 ซม3) มีนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่า นี้อยู่ในช่วงเวลาที่ยีนมนุษย์ประเภท SRGAP2 มีจำนวนเป็นสองเท่าเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาของสมองกลีบหน้าได้รวดเร็วกว่าในสัตว์อื่น ๆ ต่อมา มนุษย์สปีชีส์ Homo erectus/ergaster ก็เกิดขึ้นในช่วงประมาณ ที่มีปริมาตรกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของลิงชิมแปนซีคือ 850 ซม3 การขยายขนาดของสมองเช่นนี้เทียบเท่ากับมีเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น 125,000 เซลล์ทุกชั่วยุคคน สปีชีส์นี้เชื่อว่าเป็นพวกแรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ และใช้เครื่องมือหินที่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เป็นมนุษย์สกุล Homo พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่วทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป อาจเริ่มตั้งแต่ ดังนั้น การวิวัฒนาการของสายพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปในแอฟริกาเท่านั้น ส่วนกลุ่มมนุษย์โบราณที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Archaic humans ก็เกิดวิวัฒนาการขึ้นต่อมาประมาณ 600,000 ปีก่อน สืบสายพันธุ์มาจาก H. erectus/ergaster เป็นกลุ่มมนุษย์ที่อาจเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน โดยเฉพาะคือมนุษย์โบราณ H. heidelbergensis/rhodesiensis หลังจากนั้น มนุษย์สปีชีส์ ''Homo sapiens'' ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน (anatomically modern human) ก็เกิดขึ้นโดยมีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์โบราณในยุคหินกลาง (แอฟริกา) คือประมาณ 300,000 ปีก่อน ตามทฤษฎี "กำเนิดมนุษย์ปัจจุบันเร็ว ๆ นี้จากแอฟริกา" มนุษย์ปัจจุบันได้วิวัฒนาการในทวีปแอฟริกาแล้วจึงอพยพออกจากทวีปประมาณ 50,000-100,000 ปีก่อน (ต่างหากจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ) ไปตั้งถิ่นฐานแทนที่กลุ่มมนุษย์สปีชีส์ H. erectus, H. denisova, H. floresiensis และ H. neanderthalensis ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นเชื้อสายของมนุษย์ที่อพยพออกมาจากทวีปแอฟริกาในยุคก่อน ๆ โดยอาจได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์โบราณก่อน ๆ เหล่านั้น หลักฐานโดยดีเอ็นเอในปี..

ใหม่!!: เด็กชายและวิวัฒนาการของมนุษย์ · ดูเพิ่มเติม »

แบบสิ่งเร้า

แบบสิ่งเร้า หรือ แบบความรู้สึก (Stimulus modality, sensory modality) เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของสิ่งเร้า หรือเป็นสิ่งที่เรารับรู้เนื่องจากสิ่งเร้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะรู้สึกร้อนหรือเย็นหลังจากมีการเร้าตัวรับอุณหภูมิของระบบรับความรู้สึกทางกาย เช่น ด้วยวัตถุที่ร้อน แบบสิ่งเร้าบางอย่างรวมทั้งแสง เสียง อุณหภูมิ รสชาติ แรงดัน กลิ่น และสัมผัส ประเภทและตำแหน่งของเซลล์ประสาทรับความรู้สึกที่ทำงานเนื่องจากสิ่งเร้า จะเป็นตัวกำหนดการเข้ารหัสความรู้สึก แบบความรู้สึกต่าง ๆ อาจทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความชัดเจนของสิ่งเร้าเมื่อจำเป็น.

ใหม่!!: เด็กชายและแบบสิ่งเร้า · ดูเพิ่มเติม »

โรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ

รงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ (常盤木学園高等学校) เป็นโรงเรียนมัธยมปลายซึ่งตั้งอยู่ที่โอะดะวะระยนโจเมะ อะโอะบะคุ เซ็นได จังหวัดมิยะงิ โรงเรียนแห่งนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในชื่อ ทกคี, โทะคิวะงิ โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านทีมฟุตบอลหญิง และอะยุ นะกะดะ ซึ่งเป็นนักฟุตบอลหญิงสังกัดไอแนคโคเบะเลโอเนสซา เคยเข้ารับการศึกษาที่สถาบันแห่งนี้.

ใหม่!!: เด็กชายและโรงเรียนมัธยมปลายโทะคิวะงิ · ดูเพิ่มเติม »

เนตรนารี

นตรนารี (Girl Guide หรือ Girl Scout) เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 10-17 ปี ที่ดำเนินงานควบคู่ไปกับการลูกเสือสำหรับเด็กชาย เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) เมื่อมีเด็กหญิงต้องการเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ ลอร์ดโรเบิร์ต เบเดน โพเอลล์ ปฏิเสธที่จะให้เด็กหญิงเข้าร่วม แต่ให้น้องสาว คือ แอกเนส เบเดน โพเอลล์ เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กหญิงขึ้นต่างหาก กิจกรรมเนตรนารีเจริญก้าวหน้าขึ้นในประเทศต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาโดย Juliette Low, ในโปแลนด์โดย Olga Malkowska และในฝรั่งเศสโดย Antoinette Butte.

ใหม่!!: เด็กชายและเนตรนารี · ดูเพิ่มเติม »

Homo habilis

Homo habilis เป็นมนุษย์เผ่า Hominini มีชีวิตอยู่ในระหว่างช่วงอายุหิน Gelasian และ Calabrian คือครึ่งแรกของสมัยไพลสโตซีนประมาณ 2.1-1.5 ล้านปีก่อน โดยอาจวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษสาย australopithecine ตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นแบบก็คือซากศพหมายเลข OH 7 ที่พบในปี 2503 (ค.ศ. 1960) ณ โบราณสถาน Olduvai Gorge ในประเทศแทนซาเนีย ต่อมาในปี 2507 จึงได้จัดเป็นสปีชีส์ต่างหากคือ H. habilis (แปลว่า มือชำนาญหรือคล่องแคล่ว handy man) เพราะซากดึกดำบรรพ์มักจะพบพร้อมกับเครื่องมือหินแบบ Oldowan และเชื่อว่า มนุษย์พวกนี้สามารถแปลงหินธรรมชาติให้เป็นเครื่องมือหินได้ เป็นมนุษย์สกุล Homo ที่รูปร่างสัณฐานคล้ายกับมนุษย์ปัจจุบันน้อยที่สุด (คือลักษณะบางอย่างคล้ายกับ australopithecine มากกว่า) โดยยกเว้นสปีชีส์ที่มีปัญหาจัดเข้าในสกุลมนุษย์เช่นกันคือ H. rudolfensis ตั้งแต่นั้นมา การจัดอยู่ในสกุลก็ได้สร้างข้อถกเถียงกันอย่างไม่มีที่ยุติ ขนาดที่เล็กและลักษณะล้าหลังทำให้ผู้ชำนาญการ (รวมทั้ง ริชาร์ด ลีกคีเอง) เสนอว่าควรกัน H. habilis ออกจากสกุล Homo แล้วใส่ไว้ใน Australopithecus โดยจัดเป็น Australopithecus habilis มีการพบส่วนหนึ่งของกระดูกขากรรไกร (หมายเลข LD 350-1) ในปี 2556 ซึ่งหาอายุได้ และอ้างว่า เป็นซากดึกดำบรรพ์ในระหว่างสกุล Australopithecus และสปีชีส์ H. habilis See also.

ใหม่!!: เด็กชายและHomo habilis · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

เด็กผู้ชาย

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »