โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ดาวน์โหลด
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

วอริเออร์โอโรจิ 3

ดัชนี วอริเออร์โอโรจิ 3

วอริเออร์โอโรจิ 3 (Warriors Orochi 3) หรือที่ในญี่ปุ่นรู้จักว่า Musō Orochi 2 (無双OROCHI2) เป็นภาคที่ 4 ต่อจากภาควอริเออร์โอโรจิ Z ในปี 2008 เกมที่ผสมระหว่าง Dynasty Warriors กับ Samurai Warriors โดยมีบริษัท Tecmo Koei และOmega Force เป็นผู้สร้าง การเล่นนั้นเป็นรูปแบบของ Musou เกมนี้สามารถสับเปลี่ยนตัวละครระหว่างเล่นได้ โดยจะเลือกเล่นได้ 3 ตัว ผู้เล่นสามารถเลือกเนื้อเรื่องได้ 4 ฝ่ายคือ Shu (จ๊กก๊ก), Wu (ง่อก๊ก), Wei (วุยก๊ก) และ SW (ซามุไร).

1 ความสัมพันธ์: โฮะโซะกะวะ กราเชีย

โฮะโซะกะวะ กราเชีย

ซะกะวะ กราเชีย (พ.ศ. 2116-พ.ศ. 2153) หรือชื่อก่อนสมรสคือ อะเกะชิ ทะมะ เป็นบุตรสาวของอะเกะชิ มิสึฮิเดะ แต่งงานกับโฮะโซะกะวะ ทะดะโอะกิ เมื่อมิสึฮิเดะก่อกบฏที่วัดฮนโน นางก็กักขังตัวเองอยู่คนเดียวจนกระทั่งคืนดีกับทะดะโอะกิอีกครั้ง แล้วก็หันมานับถือศาสนาคริสต์ เข้ารับพีธีล้างบาปและเปลี่ยนชื่อเป็นกราเชีย กล่าวกันว่าเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศ ฮิเดะโยะชิได้บูรณะปราสาทโอซะกะ (คฤหาสน์โฮโซะกะวะอยู่ทางใต้ของปราสาท) โฮะโซะกะวะ กราเชีย เดิมมีชื่อว่า อะเกะชิ ทะมะ เป็นบุตรสาวคนที่สามของ อะเกะชิ มิซึฮิเดะ กับนางซุมะกิ ฮิโระโกะ ภรรยาเอกของมิซึฮิเดะ ใน พ.ศ. 2125 เมื่ออายุเพียงสิบห้าปี ทะมะได้สมรสกับโฮะโซะกะวะ ทะดะโอะกิ ไดเมียวแห่งแคว้นทังโงะ ทางตอนเหนือของนครเกียวโตในปัจจุบัน และอีกเพียง 6 เดือนต่อมา อะเกะชิ มิซึฮิเดะ บิดาของนางทะมะได้ทำการล้อมฮนโนจิและสังหารโอะดะ โนะบุนะงะผู้เป็นนายของตน มิซึฮิเดะครองอำนาจอยู่เพียงสิบสองวัน ฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ ก็ได้ยกทัพมาทำการแก้แค้นให้แก่โนะบุนะงะ มิซึฮิเดะบิดาของนางทะมะเสียชีวิตในที่รบ นอกจากจะสูญเสียบิดาแล้ว นางทะมะยังถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นธิดาของผู้ทรยศ ทะดะโอะกิสามีของนางทะมะซึ่งทั้งรังเกียจและสงสารนาง จึงได้ส่งนางทะมะไปเก็บตัวไว้ในกระท่อมบนเขาชื่อว่ามิโดะโนะ ในแคว้นทังโงะ เป็นเวลาสองปี จนกระทั่งพ.ศ. 2127 เมื่อการเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว ทะดะโอะกิจึงย้ายนางทะมะไปกักขังไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลโฮะโซะกะวะในเมืองโอซะกะ สูสานของโฮะโซะกะวะ กราเชีย โฮะโซะกะวะ ทะดะโอะกิ ในระหว่างที่เก็บตัวอยู่ในเมืองโอซะกะนั้นเอง ข้ารับใช้ของนางทะมะชื่อว่า นางคิโยะฮะระ มาเรีย ผู้นับถือคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก ได้นำนางทะมะให้รู้จักกับคริสต์ศาสนา และจัดแจงให้นางทะมะได้มีโอกาสฟังธรรมจาก ทะกะยะมะ อุกง ไดเมียวผู้ศรัทธาในคริสต์ศาสนา นางทะมะได้ยึดถือคริสต์ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ในพ.ศ. 2130 โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ได้ประกาศกฎหมายยับยั้งการเผยแผ่คริสต์ศาสนา เป็นเหตุให้นางทะมะเกรงว่าตนจะไม่มีโอกาสได้ประกอบพิธีศีลจุ่มเข้ารีต เนื่องจากนางทะมะไม่สามารถออกจากบ้านไปพบบาทหลวงได้ นางมาเรียจึงเป็นผู้ประกอบพิธีศีลจุ่ม (Baptism) ชำระบาปให้แก่นางทะมะ และได้รับชื่อใหม่ว่า "กราเชีย" (Gracia) หรือออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "กะระชะ" ใน พ.ศ. 2153 หลังจากที่โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ถึงแก่อนิจกรรม ความขัดแย้งระหว่างอิชิดะ มิสึนะริ กับ โทะกุงะวะ อิเอะยะซุก็เริ่มขึ้น อิเอะยะซุต้องการกองทัพ 1,600 คนจากทะดะโอะกิ ส่วนฝ่ายมิสึนะริประจำทัพที่ปราสาทโอะซะกะและรวบรวมพลกำลังพลเพื่อเตรียมการรบกับอิเอะยะซุ ทะดะโอะกิผู้เป็นสามีของกราเชียให้การสนับสนุนฝ่ายอิเอะยะซุ เมื่อสงครามเซะกิงะฮะระเริ่มขึ้น อิชิดะ มิซึนะริ มีนโยบายจับบุตรและภรรยาของไดเมียวผู้สนับสนุนอิเอะยะซุไว้เป็นตัวประกัน เพื่อให้ไดเมียวเหล่านั้นหันมาให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายตน แต่ทะดะโอะกิมีคำสั่งไว้ว่า หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ให้นางกราเชียทำอัตวินิบาตกรรมตามธรรมเนียมเพื่อที่จะไม่ถูกฝ่ายมิซึนะริจับไปเป็นตัวประกัน มิฉะนั้นจะฝากฝังให้ซะมุไรข้ารับใช้ที่ชื่อว่า โอะกะซะวะ โซไซ (Ogasawara Shōsai) เป็นผู้สังหารนางกราเชีย นางกราเชียได้ปรึกษาประเด็นนี้กับผู้รู้ทางคริสต์ศาสนา ต่างกล่าวย้ำแก่นางกราเชียว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปมหันต์ขัดกับหลักคริสต์ศาสนา แม้ว่าจะขัดกับหลักคริสต์ศาสนา แต่ตามธรรมเนียมของซะมุไรญี่ปุ่นโบราณ สตรีหากจะโดนจับกุมเป็นเชลยต้องชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน เพื่อปกป้องเกียรติของตนเองและสามี นางกราเชียจึงได้ให้ โอะกะซะวะ โซไซ ใช้หอกแทงร่างกายของนางจนถึงแก่ความตายด้วยอายุ 37 ปี จากนั้นโอะกะซะวะ โซไซ จึงได้วางเพลิงเผาคฤหาสน์โฮะโซะกะวะจนวอดวายและทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตตามไป หลังจากเพลิงสงบลง บาทหลวงเนชชี่-โซลโด ออร์กันติโน (Gnecchi-Soldo Organtino) มิชชันนารีชาวอิตาลีเป็นผู้เก็บกระดูกของนางกราเชียไปฟังไว้ที่โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในเมืองซะไก ปีต่อมาพ.ศ. 2154 ทะดะโอะกิผู้เป็นสามีได้ย้ายเถ้ากระดูกของนางกราเชียไปฟังไว้ยังวัดโซเซ็ง-จิ ในเมืองโอซะกะ แต่ก็ปรากฏมีสุสานของนางกราเชียที่วัดไดโตะกุจิ ที่นครเกียวโตด้วยเช่นกัน โฮะโซะกะวะ กราเชีย มีบุตรธิดากับโฮะโซะกะวะ ทะดะโอะกิ ผู้เป็นสามีทั้งหมดห้าคน เป็นบุตรชายสามคน บุตรสาวสองคน บุตรชายคนที่สามชื่อว่า โฮะโซะกะวะ ทะดะโตะชิ ได้รับการแต่งตั้งเป็นไดเมียวปกครองปราสาทคุมะโมะโตะในพ.ศ. 2176 และสืบเชื้อสายปกครองปราสาทคุมะโมะโตะไปตลอดสมัยเอ.

ใหม่!!: วอริเออร์โอโรจิ 3และโฮะโซะกะวะ กราเชีย · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

Warriors Orochi 3

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »