โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ติดตั้ง
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

ทะเลสาบ

ดัชนี ทะเลสาบ

ทะเลสาบกลางสวนเบญจกิตติ ขนาด 200x800 เมตร เมืองชิคาโก และทะเลสาบมิชิแกน 1 ในทะเลสาบทั้ง 5 ทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ทะเลสาบ หรือ บึง เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ล้อมรอบด้วยผืนดิน โดยทั่วไปทะเลสาบจะไม่มีทางไหลออกสู่ทะเล และมีน้ำจืด เรียกกันว่า "ทะเลสาบน้ำจืด" แต่ทะเลสาบบางแห่งอาจไหลออกสู่ทะเลได้ และมีน้ำเค็ม จึงเรียกกันว่า "ทะเลสาบน้ำเค็ม" คำว่า "ทะเลสาบ" ยังครอบคลุมถึงแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ทะเลสาบขนาดเล็กในสนามกอล์ฟ หรือ ทะเลสาบขนาดเล็กในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือ แอ่งเก็บน้ำเหนือเขื่อน และ อ่างเก็บน้ำ ซึ่งนับเป็นทะเลสาบขนาดใหญ.

229 ความสัมพันธ์: ชลธารวิทยาชัยปุระชัล มหัลบันยิปบึงบอระเพ็ดบึงสีไฟบึงโขงหลงชูปากาบรัสช่อครามน้ำฟเตหปุระสีกรีพระนางตาราพระแม่คงคาพ็อทซ์ดัมกกคมบางกลมกว๊านพะเยาการสํารวจทางชีวภาพการปรับตัว (ชีววิทยา)การแผ่ปรับตัวการเกิดสปีชีส์กุ้งยับบี้น้ำจืดมหาวิทยาลัยกรุงเทพมัสยิดปูตรามังกรจีนยาปฏิชีวนะระบบนิเวศทางทะเลระบบนิเวศในน้ำรัฐไอโอวารายชื่อทะเลสาบในประเทศญี่ปุ่นรายการคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิดลอสแอนเจลิสเลเกอส์ลาโกอามีรีมล็อกคอร์ริบล็อกเนสส์วัฏจักรของน้ำวัดติโลกอารามวงศ์ย่อยตะพาบวงศ์ย่อยปลากระดี่วงศ์ปลากัด ปลากระดี่วงศ์เครย์ฟิชออสเตรเลียวงศ์เต่านาว็อลฟส์บวร์คสภาพแวดล้อมการสะสมของตะกอนสมัยไพลสโตซีนสระ (แหล่งน้ำ)สวนนกจูรงสวนเซ็นญี่ปุ่นสัตว์ปีกสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติหลังคาเขียวหางโจว...หิมะภาคหงส์อสูรร้ายโลกล้านปีออสโลอังวะอันดับย่อยปลากัด ปลากระดี่อุทกภาคอุทกศาสตร์อุทยานแห่งชาติวานวซอุทยานแห่งชาติอูเรเวราอุทยานแห่งชาติตองการิโรอุทยานแห่งชาตินาเวลอัวปีอุทยานแห่งชาติแบมฟ์อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนอีเห็นน้ำอินโดจีนอ่าวอ่างเก็บน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ธงชาติเม็กซิโกทรัพยากรน้ำทะเลสาบชาดทะเลสาบการ์ดาทะเลสาบมาราไกโบทะเลสาบมาลาวีทะเลสาบมิชิแกนทะเลสาบยังกีเวทะเลสาบรูปแอกทะเลสาบลาโดกาทะเลสาบวอลตาทะเลสาบวิกตอเรียทะเลสาบสงขลาทะเลสาบหนองหานทะเลสาบออนแทรีโอทะเลสาบอิรีทะเลสาบอีนเลทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมทะเลสาบฮิบะระทะเลสาบฮุฟสกุลทะเลสาบฮูรอนทะเลสาบคะซุมิงะอุระทะเลสาบคังคาตลโอทะเลสาบคานาสทะเลสาบคีวูทะเลสาบซือริชทะเลสาบซุวะทะเลสาบปล่องภูเขาไฟทะเลสาบนิการากัวทะเลสาบแวนดาทะเลสาบแวแนร์นทะเลสาบแอร์ทะเลสาบแทนกันยีกาทะเลสาบโกโมทะเลสาบโตบาทะเลสาบไบคาลทะเลสาบไท่ทะเลสาบเว็บสเตอร์ทะเลสาบเตียนฉือทะเลสาบเซวานทะเลแคสเปียนทะเลเดดซีทาลลินน์ที่สุดในประเทศไทยที่สุดในโลกที่สูงแคเมอรอนดิอะเมซิ่งเรซ 14ดิอะเมซิ่งเรซ 16ดิอะเมซิ่งเรซ: A Corrida Milionáriaดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโกคลองคลองปานามาคลองเดินเรือสมุทรความหลากหลายทางชีวภาพควายป่าแอฟริกาคายักคูเมืองคณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนาค่างดำมลายูงูสมิงทะเลงูอนาคอนดาเขียวงูทะเลตำบลบางดีประวัติศาสตร์รัฐชัมมูและกัษมีระประตูระบายน้ำประเทศบาร์เบโดสประเทศสวีเดนประเทศออสเตรียประเทศอาเซอร์ไบจานประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลประเทศเช็กเกียปลาปลากระสูบขีดปลากรายแอฟริกาปลากะพงขาว (สกุล)ปลากดขาวปลากดเกราะปลาวาเรียตัสปลาสเตอร์เจียนปลาสเตอร์เจียนยุโรปปลาสเตอร์เจียนแปซิฟิกปลาหมอฟรอนโตซ่า (สกุล)ปลาอัลลิเกเตอร์ปลาจีดเขมราฐปลาที่มีครีบเป็นพู่ปลาดุกหนามไนเจอร์ปลาคิลลี่ฟิชปลาตะพัดปลาตะพัดพม่าปลาฉลามปากเป็ดจีนปลาฉนากฟันเล็กปลาซิวหนวดยาวปลานิลปลาน้ำจืดปลาแรดปลาแซลมอนปลาโอรีโนโกพีค็อกแบสปลาเรนโบว์เทราต์ป่าชายเลนป่าพรุป่าโลกล้านปีนกกระสาปากพลั่วนกกระเรียนมงกุฎแดงนกกาน้ำนกยางโทนใหญ่นกออกนกอัญชันคิ้วขาวนกอ้ายงั่วนกเป็ดผีใหญ่นากนากใหญ่ธรรมดานากใหญ่ขนเรียบนากเล็กเล็บสั้นนิเวศวิทยาน้ำ (โมเลกุล)น้ำจืดแก๊งฉึกฉักไดโนเสาร์แมงมุมน้ำแม่น้ำแม่น้ำแยงซีแอกโซลอเติลแอ่งปัตตานีโมแกเล-อึมแบมเบโลก (ดาวเคราะห์)โลมาอิรวดีโลมาแม่น้ำโตนเลสาบโซเดียมคาร์บอเนตไอส์เซิลเมร์ไซเรน (สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก)เฟนรีร์เกรตเลกส์เกาะเมืองทองธานีเยลมาเรนเวิตส์ยาร์ฟเสือเส้นทางการเดินทางในเพชรพระอุมาเหยี่ยวปลาเอาชีวิตรอดเผ่า ศรียานนท์เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา)เจ้าแมวยอดนักสืบเทือกเขาแอนดีสเขาไกรลาสเขื่อนลำพระเพลิงเขื่อนอัสวานเขื่อนแก่งกระจานเดอะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพเดอะบิ๊กเอียร์เดอะซิมส์ 2เดอะเลเจนด์ออฟเซลดา (เกมชุด)เคลพีเคอร์ลิงเคียวอิกุกันจิเต่าบินเต่าดำเต่าน้ำบอร์เนียวเต่าแม่น้ำมาลาวีเป็ดพม่า ขยายดัชนี (179 มากกว่า) »

ชลธารวิทยา

ชลธารวิทยา หรือ ชลธีวิทยา (Limnology) เป็นการศึกษาเรื่องราวในลักษณะเช่นเดียวกับสมุทรศาสตร์ แต่กระทำการศึกษาในแหล่งน้ำผิวดินที่มิใช่ทะเล (inland waters) ทั้งที่เป็นแหล่งน้ำไหล เช่น ห้วย ลำธาร แม่น้ำ ปากแม่น้ำ และแหล่งน้ำนิ่งเช่น หนอง บึง ทะเลสาบน้ำจืด ทะเลสาบน้ำเค็ม อ่างเก็บน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นต้น หมวดหมู่:อุทกศาสตร์ หมวดหมู่:อุทกวิทยา หมวดหมู่:ภูมิศาสตร์.

ใหม่!!: ทะเลสาบและชลธารวิทยา · ดูเพิ่มเติม »

ชัยปุระ

ัยปุระ (जयपुर, Jaipur) เป็นเมืองหลักของรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย และยังเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 10 ของประเทศอินเดีย (3.1 ล้านคน) ก่อตั้งเมื่อ 17 พฤศจิกายน..

ใหม่!!: ทะเลสาบและชัยปุระ · ดูเพิ่มเติม »

ชัล มหัล

ัล มหัล (जल महल, Jal Mahal) พระราชวังกลางน้ำซึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) ใกล้กับชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย โดยพระราชวังแห่งนี้และทิวทัศน์ของทะเลสาบโดยรอบถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชา สะหวาย จัย สิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุล ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน โดยพระราชวังนี้นั้นมีความสวยงามเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบและโดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทรายสีแดง ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำ ฉัตรีซึ่งเป็นยอดหลังคาทรงสี่เหลี่ยมนั้นสร้างในแบบสถาปัตยกรรมเบงกอล ส่วนฉัตรีบริเวณสี่มุมของอาคารนั้นเป็นทรงแปดเหลี่ยม เนื่องจากตั้งอยู่ในน้ำเป็นเวลาอันยาวนานทำให้ฐานของพระราชวังนั้นเริ่มทรุดโทรมลงเนื่องจากกระแสน้ำและน้ำท่วม ทำให้มีการบูรณะเมื่อประมาณ 10-15 ปีที่แล้ว แต่ผลงานที่ได้นั้นมีปัญหาด้านวัตถุดิบที่ใช้ไม่ตรงกับของจริงอิงตามประวัติศาสตร์ค้นคว้าโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยล่าสุดได้มีโครงการร่วมฯเพื่อทำการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการโดยรัฐบาลรัฐราชสถาน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและชัล มหัล · ดูเพิ่มเติม »

บันยิป

ันยิป บนหนังสือพิมพ์ อิลลัสสเตรส ออสเตรเลียน นิวส์ ในปี ค.ศ. 1890 บันยิป หรือ เคียนปราตี (Bunyip, Kianpraty) เป็นชื่อเรียกสัตว์ประหลาดในตำนานพื้นบ้านของชาวอะบอริจินส์ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของออสเตรเลีย บันยิปถูกอธิบายถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันมากมาย เช่น หน้าแบนเหมือนสุนัขพันธุ์บูลด็อกและหางเหมือนปลา หรือคอยาวและมีจะงอยปากเหมือนนกอีมูและมีขนแผงคอที่ห้อยย้อยลงมาเหมือนงูทะเล หรือแม้แต่กระทั่งเหมือนมนุษย์ โดยความเชื่อเรื่องบันยิปนี้มีกระจายไปทั่วออสเตรเลี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและบันยิป · ดูเพิ่มเติม »

บึงบอระเพ็ด

ึงบอระเพ็ด บึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นบึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ อยู่ในท้องที่สามอำเภอของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงมีตำหนักแพที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจระเข้ จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด มีพันธุ์สัตว์ที่หายากได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (พบครั้งแรกที่บึงบอระเพ็ด) ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำอพยพมาที่บึงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป.

ใหม่!!: ทะเลสาบและบึงบอระเพ็ด · ดูเพิ่มเติม »

บึงสีไฟ

ลกลางน้ำบนบึงสีไฟ บึงสีไฟ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดพิจิตร โดยเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม หรืออันดับห้าของประเทศ รองจาก บึงบอระเพ็ด ทะเลสาบหนองหาน บึงละหานและ กว๊านพะเยา ตามลำดับ โดยบึงสีไฟมีเนื้อที่ 5,390 ไร่ ซึ่งลดลงมาภายหลังจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ที่เดิมบึงสีไฟมีเนื้อที่มากกว่า 10,000 ไร่ บึงสีไฟเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด แหล่งอาศัยของนกหลายชนิด และยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรด้วย บึงสีไฟถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแรกของจังหวัดพิจิตร ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอเมือง อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพิจิตรไปทางทิศตะวันตกเพียง 1 กิโลเมตร บึงแห่งนี้มีอาณาเขตติดต่อกับ 4 ตำบลในอำเภอเมืองพิจิตร ได้แก่ ตำบลท่าหลวง ตำบลโรงช้าง ตำบลคลองคะเชนทร์ และตำบลเมืองเก่า บึงมีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5 - 2 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ลึกมากนัก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและบึงสีไฟ · ดูเพิ่มเติม »

บึงโขงหลง

ึงโขงหลง (Bueng Khong Long) เป็นบึงน้ำจืดในจังหวัดบึงกาฬ มีพื้นที่ครอบคลุมเขตอำเภอเซกาและอำเภอบึงโขงหลง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและบึงโขงหลง · ดูเพิ่มเติม »

ชูปากาบรัส

แบบร่างของชูปากาบรัสแบบหนึ่ง ชูปากาบรัส (chupacabras; แปลว่า "ตัวดูด แพะ") เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เป็นที่เล่าลือชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นครั้งแรกในปวยร์โตรีโกในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและชูปากาบรัส · ดูเพิ่มเติม »

ช่อครามน้ำ

อครามน้ำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pontederia cordata Linn., ชื่อสามัญ: Pickerelweed)เป็นพืชน้ำและพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่เป็นพืชพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้ พบในที่ลุ่มน้ำท่วมขังและบริเวณริมทะเลสาบตั้งแต่แคนาดาตะวันออกไปจนถึงทางใต้ของอาร์เจนตินา รูปร่างของใบมีได้หลากหลายทั้งระหว่างประชากร และภายในประชากรเดียวกัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและช่อครามน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

ฟเตหปุระสีกรี

ฟเตหปุระสีกรี (Fatehpur Sikri) เป็นเมืองตั้งอยู่ในเขตอำเภออัคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ก่อตั้งในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและฟเตหปุระสีกรี · ดูเพิ่มเติม »

พระนางตารา

ระนางตาราเขียวหรือพระศยามตาราโพธิสัตว์ Kumbm, Gyantse, Tibet, 2536 พระนางตารา พระโพธิสัตว์ตารา หรือ พระแม่ตารา เป็นพระโพธิสัตว์ฝ่ายหญิงในพระพุทธศาสนา โดยมีสายการปฏิบัติสืบทอดอย่างต่อเนื่องในวัชรยาน คำว่าตารามาจากภาษาสันสกฤตหมายถึงข้าม การบูชาพระนางเริ่มเมื่อพุทธศตวรรษที่ 8 - 11 ในอินเดียเหนือและแพร่หลายที่สุดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 17 โดยถือว่าเป็นชายาของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปัจจุบันมีนับถือในอินเดีย เนปาล และ ทิเบต ส่วนชาวพุทธในจีนจะนับถือเจ้าแม่กวนอิมที่เป็นภาคหญิงของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แทน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและพระนางตารา · ดูเพิ่มเติม »

พระแม่คงคา

ตรกรรมถอดแบบจากจิตรกรรมโบราณของอินเดียภาคเหนือ ของพระแม่คงคาทรงเทววาหนะมกร พระแม่คงคา เป็นพระเทวีองค์หนึ่งในคติของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู โดยเป็นพระเทวีแห่งแม่น้ำคงคาซึ่งไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยและได้รับการนับถือจากชาวฮินดูเพราะเชื่อกันว่าถ้าใครได้ลงอาบแม่น้ำคงคาถือว่าเป็นการชำระล้างบาปออกไปจากตัวอีกด้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและพระแม่คงคา · ดูเพิ่มเติม »

พ็อทซ์ดัม

็อทซ์ดัม (Potsdam) เป็นเมืองหลวงของรัฐบรันเดนบูร์กทางด้านตะวันออกของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนแม่น้ำฮาเฟิล (Havel) 26 กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและพ็อทซ์ดัม · ดูเพิ่มเติม »

กกคมบางกลม

กกคมบางกลม หรือ หญ้าก้ามกุ้ง เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวอยู่ในวงศ์กก มีอายุขัยหลายปี ลักษณะลำต้นเป็นกอ ตั้งตรง สูง 15-50 เซนติเมตร ปลายลำมีขนคายมือ กาบใบโอบปิดลำรูปทรงกระบอกยาว 3-7 เซนติเมตร มีเหลี่ยมและสันชัดเจน ใบรูปหอกหรือรูปแถบ กว้าง 3-8 มิลลิเมตร ยาว 10-100 เซนติเมตร เนื้อหยาบ ผิวใบและขอบใบมีขนคายมือ ดอกของกกคมบางกลมออกเป็นช่อกระจุก มีช่อดอกย่อย 1-5 ช่อ กระจุกดอกย่อยรูปไข่หรือรูปรี กว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร ยาว 5-12 มิลลิเมตร มีสีเขียวเข้ม กาบช่อย่อยแผ่นเนื้อหยาบ รูปรี เรียงสลับบนแกนช่อย่อย ปลายเป็นหนามแหลมยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร มีเกสรเพศผู้ 6 อัน ส่วนผล มีลักษณะเป็นรูปไข่กลับหรือรูปรี มีผิวเกลี้ยงเป็นคลื่น ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด จากระบบสืบค้นฐานข้อมูลพรรณไม้องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สืบค้นวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 กกคมบางกลมพบได้ในที่โล่งน้ำขังตื้นๆ ริมบึง หรือตามชายฝั่ง รวมถึงพบได้ในทุ่งนา พืชชนิดนี้กระจายพันธุ์ทั่วไปตั้งแต่เขตร้อนในทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เช่น ประเทศอินเดีย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนใต้ของประเทศจีนและญี่ปุ่น ไปจนถึงประเทศออสเตรเลี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและกกคมบางกลม · ดูเพิ่มเติม »

กว๊านพะเยา

กว๊านพะเยา (60px) อยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 4 ของประเทศไทย (รองจากบึงบอระเพ็ด, หนองหาน และบึงละหาน) คำว่า "กว๊าน" ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" เกิดขึ้นจากกรมประมงได้ทำประตูกั้นน้ำไว้เพื่อให้ราษฎรมีน้ำใช้ในฤดูแล้ง และในฤดูฝนก็กั้นไม่ให้น้ำไหลแรงไปท่วมเรือกสวนไร่นาที่อยู่ปลายน้ำ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเป็นฉากหลัง เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากห้วยต่างๆ 18 สาย มีปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 29.40 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพันธุ์ปลาน้ำจืดถึง 45 ชนิด ใน 17 วงศ์หน้า 10 ทัศนะวิจารณ์, ปลาจ๋าอย่าหยุดร้องเพลงที่กว๊าน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและกว๊านพะเยา · ดูเพิ่มเติม »

การสํารวจทางชีวภาพ

การสํารวจทางชีวภาพ (Biosurvey) เป็นการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อประเมินสภาพของทรัพยากรทางนิเวศวิทยา เช่น แหล่งน้ำ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและการสํารวจทางชีวภาพ · ดูเพิ่มเติม »

การปรับตัว (ชีววิทยา)

ในชีววิทยา คำว่า การปรับตัว (adaptation, adaptive trait) มีความหมาย 3 อย่างที่เกี่ยวข้องกัน คือ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและการปรับตัว (ชีววิทยา) · ดูเพิ่มเติม »

การแผ่ปรับตัว

ในชีววิทยาวิวัฒนาการ การแผ่ปรับตัว (adaptive radiation) เป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตเกิดความหลากหลายอย่างรวดเร็วจากสปีชีส์บรรพบุรุษเดียว กลายเป็นรูปแบบต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปทำให้เกิดทรัพยากร เกิดอุปสรรค หรือเกิดวิถีการดำรงชีวิตที่เป็นไปได้ใหม่ ๆ กระบวนการจะเป็นเหตุการเกิดสปีชีส์และการปรับตัวทางฟีโนไทป์ของสปีชีส์หลากหลาย ที่กลายมีรูปร่างสัณฐานและสรีรภาพที่ต่างกัน โดยเริ่มจากบรรพบุรุษเดียวกันเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างหนึ่งก็คือนกสปีชีส์ต่าง ๆ ในวงศ์ย่อย Carduelinae (Hawaiian honeycreepers) ที่พบในหมู่เกาะฮาวาย คือผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ นกได้ปรับตัวอย่างรวดเร็วให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จนมีรูปร่างสัณฐานที่หลากหลาย มีงานวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับกระบวนการนี้เพราะมันมีผลที่น่าทึ่งใจต่อความหลากหลายของประชากรสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังต้องมีงานวิจัยต่อ ๆ ไปเพื่อให้เข้าใจอย่างสมบูรณ์ถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการ การศึกษาทั้งทางทฤษฎีและทางหลักฐานต่างก็มีประโยชน์ด้วยกันทั้งสอง แม้แต่ละอย่างก็มีข้อเสียเหมือนกัน และเพื่อให้ได้ความรู้มากที่สุด วิธีการศึกษาทั้งสองแบบต้องนำมารวมกัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและการแผ่ปรับตัว · ดูเพิ่มเติม »

การเกิดสปีชีส์

การเกิดสปีชีส์ หรือ การเกิดชนิด (Speciation) เป็นกระบวนการทางวิวัฒนาการที่กลุ่มประชากรสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการเป็นสปีชีส์ต่าง ๆ กัน นักชีววิทยาชาวอเมริกันออเรเตอร์ เอฟ คุ๊ก (Orator F. Cook) ได้บัญญัติคำภาษาอังกฤษว่า speciation ในปี 1906 โดยหมายการแยกสายพันธุ์แบบ cladogenesis (วิวัฒนาการแบบแยกสาย) ไม่ใช่ anagenesis (วิวัฒนาการแบบสายตรง) หรือ phyletic evolution ซึ่งเป็นวิวัฒนาการแบบในสายพันธุ์ ชาลส์ ดาร์วินเป็นบุคคลแรกที่กล่าวถึงบทบาทของการคัดเลือกโดยธรรมชาติต่อการเกิดสปีชีส์ใหม่ในหนังสือปี 1859 ของเขา คือ กำเนิดสปีชีส์ (The Origin of Species) เขายังได้ระบุการคัดเลือกทางเพศ (sexual selection) ว่าเป็นกลไกหนึ่งที่เป็นไปได้ แต่ก็พบปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับมัน มีการเกิดสปีชีส์ตามภูมิภาค 4 ประเภทในธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับระดับที่กลุ่มประชากรที่กำลังเกิดสปีชีส์อยู่แยกจากกัน คือ การเกิดสปีชีส์ต่างบริเวณ (allopatric speciation), การเกิดสปีชีส์รอบบริเวณ (peripatric speciation), การเกิดสปีชีส์ข้างบริเวณ (parapatric speciation), และการเกิดสปีชีส์ร่วมบริเวณ (sympatric speciation) การเกิดสปีชีส์สามารถทำขึ้นได้ผ่านการทดลองทางสัตวบาล ทางเกษตรกรรม และทางห้องปฏิบัติการ ยังไม่ชัดเจนว่า การเปลี่ยนความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจงมีบทบาทสำคัญหรือไม่ในกระบวนการเกิดสปีชี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและการเกิดสปีชีส์ · ดูเพิ่มเติม »

กุ้งยับบี้น้ำจืด

กุ้งยับบี้น้ำจืด (Yabby, Maroon) เป็นสกุลของกุ้งน้ำจืดจำพวกเครย์ฟิชสกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Cherax ในวงศ์เครย์ฟิชออสเตรเลีย (Parastacidae) กระจายพันธุ์ในประเทศออสเตรเลีย และบางส่วนในปาปัวนิวกินี มีรูปร่างโดยรวม คือ ตัวผู้มีก้ามขนาดใหญ่ แต่เรียวยาวไม่ใหญ่โตเหมือนเครย์ฟิชในวงศ์ Astacoidea และไม่มีหนามที่ก้าม ใต้ท้องตัวผู้จะมีอวัยวะเป็นรูปวงรีบริเวณโคนขาคู่ที่ 3 ซึ่งตัวเมียไม่มีและในวงศ์ Astacoidea ไม่มี ซึ่งอวัยวะส่วนนี้จะใช้สำหรับการผสมพันธุ์ และถ่ายสเปิร์มไปยังตัวเมีย โดยใช้เวลาผสมพันธุ์เพียงแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น ตัวเมียวางไข่ได้ครั้งละ 300 ฟอง อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำต่าง ๆ ทั้ง คลอง, ลำธาร, แม่น้ำตลอดจนทะเลสาบ มีสีสันแตกต่างหลากหลายกันไป บางชนิดสามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ในช่วงฤดูแล้ง ด้วยการฝังตัวเองลงใต้โคลน เพื่อจนฝนตกลงมาอีกครั้งจึงค่อยโผล่ออกมา เป็นกุ้งที่ใช้ในการบริโภค มีการเพาะขยายพันธุ์ในฟาร์มของเอกชนอย่างกว้างขวาง และมีการเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามแบบปลาสวยงามด้วย ซึ่งในบางชนิดก็มีการหลุดรอดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ กลายเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นCrayfish คืออะไร???? หน้า 82-90 โดย นณณ์ ผาณิตวงศ์ นิตยสาร AQUA ฉบับเดือนกันยายน..

ใหม่!!: ทะเลสาบและกุ้งยับบี้น้ำจืด · ดูเพิ่มเติม »

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 1 ใน 5 แห่งแรกในประเทศไทยถูกสถาปนาขึ้นพร้อมกับ วิทยาลัยเกริก วิทยาลัยไทยสุริยะ วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และวิทยาลัยพัฒนา เริ่มแรกนั้นได้รับการก่อตั้งในชื่อ “วิทยาลัยไทยเทคนิค” เมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาลัยกรุงเทพ” และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 18 ธันวาคม..

ใหม่!!: ทะเลสาบและมหาวิทยาลัยกรุงเทพ · ดูเพิ่มเติม »

มัสยิดปูตรา

มัสยิดปูตรา มัสยิดปูตรา (Masjid Putra) เป็นมัสยิดที่สำคัญในปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย มัสยิดเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1997 จนแล้วเสร็จอีก 2 ปีถัดมา ตั้งอยู่ข้างกับเปอร์ดานาปูตรา ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลของมาเลเซีย และทะเลสาบปูตราจายา ทะเลสาบที่สร้างโดยมนุษย์ ด้านหน้าของมัสยิดยังมีจตุรัสที่ประดับด้วยธงแต่ละรัฐของมาเลเซี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและมัสยิดปูตรา · ดูเพิ่มเติม »

มังกรจีน

วาดมังกรจีนโบราณ มังกรจีน (อักษรจีนตัวเต็ม: 龍; อักษรจีนตัวย่อ: 龙; พินอิน: lóng; ฮกเกี้ยน: เล้ง; ไทยถิ่นเหนือ: ลวง) เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของจักรพรรดิและวัฒนธรรมจีน มีลักษณะที่มาจากสัตว์หลาย ๆ ชนิดผสมผสานกัน ลักษณะลำตัวยาวเหมือนงู มีเขี้ยวขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่บริเวณขากรรไกรด้านบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนกับไม้เลื้อย และมีแผงคอเหมือนกับของสิงโตอยู่บน คอ, คาง และข้อศอก มีเกล็ดสีเขียวเข้มทั่วทั้งบริเวณลำตัวรวมทั้งสิ้น 117 เกล็ด ซึ่งเกล็ดมังกรจำนวน 81 แผ่น มีคุณสมบัติเป็นหยางซึ่งเป็นเกล็ดที่มีความดี เกล็ดมังกรจำนวน 36 แผ่น มีคุณสมบัติเป็นหยินซึ่งจะเป็นเกล็ดที่มีความชั่ว ลักษณะเขาของมังกรจะมีสันหลังทอดยาวไปตามหลังและหาง เป็นหนามยาวและสั้นสลับกัน มีขา 4 ขาและกรงเล็บแข็งแรง เกล็ดของมังกรจีนนั้น จะมีลักษณะเฉพาะเปลี่ยนไปตามแต่ละชนิดของมังกร ตั้งแต่สีเขียวเข้มจนถึงสีทอง หรือบางแหล่งกล่าวกันว่า มังกรจีนนั้นมีหลายสี เช่น สีน้ำเงิน สีดำ สีขาว สีแดง สีเขียว หรือสีเหลือง แต่ในกรณีของมังกรชนิด chiao หลังของมังกรจะเป็นสีเขียว บริเวณด้านข้างเป็นสีเหลือง และใต้ท้องเป็นสีแดงเข้ม มังกรจีนชนิดหนึ่งจะมีปีกที่ด้านข้างของลำตัว และสามารถที่จะเดินบนน้ำได้ แต่สำหรับมังกรจีนอีกชนิดหนึ่งเมื่อสะบัดแผงคอไปข้างหน้าและข้างหลัง จะทำให้เกิดเสียงที่ฟังดูเหมือนกับเสียงขลุ่ย มังกรจีนจะมีโหนกอยู่บนหัวซึ่งทำให้สามารถบินได้ เรียกโหนกที่อยู่บนหัวว่า ch’ih muh แต่ถ้ามังกรจีนตัวใดไม่มีโหนกที่บริเวณหัว จะกำคทาเล็ก ๆ ที่เรียกว่า po-shan ซึ่งสามารถทำให้มังกรลอยตัวในอากาศได้(ปัจจุบัน ประเทศทางตะวันตก ก็เพิ่งเจอ วัตถุลึกลับบางอย่างสามารถลอยในอากาศได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ) ในประเทศจีนคนโบราณมีความเชื่อกันว่ามังกรคือสัตว์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน ได้รับการกล่าวกันว่ามีความเป็นมิตร มากกว่าความร้ายกาจ เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาซึ่งความสุข และความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง พบได้ใน แม่น้ำและทะเลสาบ ชอบที่จะอยู่ท่ามกลางสายฝน มังกรได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้างกฎแห่งความใจบุญ และเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่กษัตริย์ในราชวงศ์ชิง กษัตริย์จะนั่งบนบัลลังก์มังกร เดินทางโดยเรือมังกร เสวยอาหารบนโต๊ะมังกร และบรรทมบนเตียงมังกร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและมังกรจีน · ดูเพิ่มเติม »

ยาปฏิชีวนะ

การดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลินอย่างรุนแรง ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics จากภาษากรีซโบราณ αντιβιοτικά, antiviotika) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterials) เป็นกลุ่มย่อยของยาอีกกลุ่มหนึ่งในกลุ่มยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial drugs) ซึ่งเป็นยาที่ถูกใช้ในการรักษาและป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยอาจออกฤทธิ์ฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสอง ยาปฏิชีวนะบางชนิดอาจมีคุณสมบัติเป็นมีคุณสมบัติเป็นสารต้านโพรโทซัวได้ เช่น เมโทรนิดาโซล ทั้งนี้ ยาปฏิชีวนะไม่มีฤทธิ์ในการต้านไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น โดยยาที่มีฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาต้านไวรัส ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยอีกกลุ่มหนึ่งของยาต้านจุลชีพ ในบางครั้ง คำว่า ยาปฏิชีวนะ (ซึ่งหมายถึง "การต่อต้านชีวิต") ถูกนำมาใช้เพื่อสื่อความถึงสารใดๆที่นำมาใช้เพื่อต้านจุลินทรีย์ ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับคำว่า ยาต้านจุลชีพ บางแหล่งมีการใช้คำว่า ยาปฏิชีวนะ และ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในความหมายที่แยกจากกันไป โดยคำว่า ยา (สาร) ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จะสื่อความถึง สบู่ และน้ำยาฆ่าเชื้อ ขณะที่คำว่า ยาปฏิชีวนะ จะหมายถึงยาที่ใช้ในทางการแพทย์เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย การพัฒนายาปฏิชีวนะเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 20 พร้อมกับการพัฒนาเรื่องการให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคจากเชื้อจุลชีพต่างๆ การเกิดขึ้นของยาปฏิชีวนะนำมาซึ่งการกำจัดโรคติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ออกไปหลายชนิด เช่น กรณีของวัณโรคที่ระบาดในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม ด้วยประสิทธิภาพที่ดีและการเข้าถึงยาที่ง่ายนำไปสู่การใช้ยาปฏิชีวนะในทางที่ผิด พร้อมๆกับการที่แบคทีเรียมีการพัฒนาจนกลายพันธุ์เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ปัญหาดังข้างต้นได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง จนเป็นปัญหาสำคัญของการสาธารณสุขในทุกประเทศทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ได้ประกาศให้ปัญหาการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียเป็น "ปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่สุดที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกและทุกคนล้วนจะต้องได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ไม่ว่าวัยใด หรือประเทศใดก็ตาม".

ใหม่!!: ทะเลสาบและยาปฏิชีวนะ · ดูเพิ่มเติม »

ระบบนิเวศทางทะเล

แนวปะการังในระบบนิเวศทางทะเลถือว่าเป็นระบบที่มีความหลากหลายทางชีวภาพซับซ้อนมากที่สุด ที่นี่ เราจะพบความแตกต่างของสายพันธุ์มากที่สุดของ ดาวทะเล, แนวปะการัง และ ปลา ใน เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ระบบนิเวศทางทะเล (Marine ecosystem) เป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ของระบบนิเวศในแหล่งน้ำทุกชนิด ซึ่งรู้จักกันดีในพื้นที่ มหาสมุทร, กลุ่มดินเค็ม และ เขตน้ำขึ้น-น้ำลง, ปากแม่น้ำ และ ทะเลสาบน้ำเค็ม, ป่าโกงกาง และ แนวปะการัง, ทะเลน้ำลึก และ สัตว์ทะเลหน้าดิน สามารถเทียบได้กับแหล่งน้ำจืด ซึ่งมีปริมาณเกลือเข้มข้นกว่า ระบบนิเวศทางทะเล ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของโลก ซึ่งถือได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืชได้สนับสนุนกันและกันกับสัตว์ ในทางกลับกันเราอาจจะมองเห็นห่วงโซ่อาหารได้หลากหลายอย่าง ระบบนิเวศทางทะเล มีความสำคัญมากต่อสมดุลโดยรวมของนิเวศบนบก และในน้ำ, ตามที่ศูนย์วิจัยทรัยากรณ์โลก ได้ระะบุว่า เพียงบริเวณชายฝั่งทะเลเพียงอย่างเดียว มีปริมาณความหลากหลายทางชีวภาพสูงถึง 1 ใน 3 ส่วนของโลก (เช่น บึงเกลือ หญ้าทะเล ป่าชายเลน) จัดอยู่ในประเภทผู้ผลิตที่มีปริมาณมากที่สุดในภูมิภาค, ในระบบนิเวศทางทะเลอื่นๆ เช่น แนวปะการัง ก็ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตอีกมากม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและระบบนิเวศทางทะเล · ดูเพิ่มเติม »

ระบบนิเวศในน้ำ

ริเวณปากน้ำและบริเวณชายฝั่งซึ่งเชื่อมต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม ระบบนิเวศในน้ำ (aquatic ecosystem) คือ ระบบนิเวศน้ำซึ่งจัดเป็นสังคมของสิ่งชีวิตที่อยู่ในน้ำ สังคมของสิ่งมีชีวิตจะขึ้นอยู่กับลักษณะและสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตนั้นอาศัยอยู่ ระบบนิเวศในน้ำจะแบ่งออกเป็น สองประเภทคือ ระบบนิเวศทางทะเลและระบบนิเวศน้ำจื.

ใหม่!!: ทะเลสาบและระบบนิเวศในน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

รัฐไอโอวา

อโอวา (Iowa) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา อาณาเขตติดต่อกับรัฐอิลลินอยส์ทางด้านตะวันออก รัฐเนแบรสกาทางด้านตะวันตก รัฐมิสซูรีทางด้านใต้ รัฐมินนิโซตา รัฐวิสคอนซิน และรัฐเซาท์ดาโคตา ทางด้านเหนือ ไอโอวาเป็นที่รู้จักเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของข้าวโพด หมู และน้ำมันเอทานอล มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของรัฐไอโอวาได้แก่ มหาวิทยาลัยไอโอวาสเตต มหาวิทยาลัยไอโอวา และ มหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์นไอโอวา ไอโอวาจะได้รับการสนใจในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากเป็นรัฐแรกที่มีการคอคัส ชื่อรัฐไอโอวาตั้งชื่อตาม ชาวอินเดียแดง เผ่าไอโอว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและรัฐไอโอวา · ดูเพิ่มเติม »

รายชื่อทะเลสาบในประเทศญี่ปุ่น

รายชื่อทะเลสาบในประเทศญี่ปุ่น เรียงลำดับจากขนาดพื้นที่ผิวน้ำ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและรายชื่อทะเลสาบในประเทศญี่ปุ่น · ดูเพิ่มเติม »

รายการคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิด

ต่อไปนี้เป็น รายชื่อคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิด เรียงลำดับตามตัวอักษรของ คำที่เขียนถูก ตามที่ปรากฏในพจนานุกรมภาษาไทยหรือตามประกาศของหน่วยงานราชการไทย หมายเหตุ: การเขียนสะกดคำในนี้เป็นกรณีทั่วไป แต่ในกรณีเฉพาะ เช่น เป็นวิสามานยนาม อาทิ เป็นชื่อบุคคล ชื่อสถานที่ หรือในทางร้อยกรอง สามารถเขียนสะกดคำแตกต่างได้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและรายการคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิด · ดูเพิ่มเติม »

ลอสแอนเจลิสเลเกอส์

ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส เป็นทีมบาสเกตบอลในลีกเอ็นบีเอ ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ตามสถิติเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2004-05 เป็นทีมที่ชนะมากที่สุด (คือ 2,621 เกม) มีเปอร์เซนต์ชนะสูงสุด (61.9%) เล่นในรอบชิงชนะเลิศมากที่สุด (30 ครั้ง) และชนะเลิศในลึกมากเป็นอันดับสอง คือ 16 ครั้ง เป็นรองเพียงทีมบอสตัน เซลติกส์ ซึ่งชนะ 17 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีสถิติชนะติดต่อกันมากที่สุดในฤดูกาลคือ 33 เกม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและลอสแอนเจลิสเลเกอส์ · ดูเพิ่มเติม »

ลาโกอามีรีม

ลาโกอามีรีม ลาโกอามีรีม (Lagoa Mirim) หรือ ลากูนาเมริน (Laguna Merín) เป็นทะเลสาบทางตอนใต้ของรัฐรีโอกรันดีโดซูล ประเทศบราซิล จนถึงทางตะวันออกของประเทศอุรุกวัย มีความยาวราว 108 ไมล์ (174 กม.) และความกว้างราว 6 ถึง 22 ไมล์ (35 กม.) เป็นทะเลสาบรูปร่างยาวและแคบ หมวดหมู่:ทะเลสาบในประเทศบราซิล หมวดหมู่:ทะเลสาบในประเทศอุรุกวัย.

ใหม่!!: ทะเลสาบและลาโกอามีรีม · ดูเพิ่มเติม »

ล็อกคอร์ริบ

ล็อกคอร์ริบ (Lough Corrib) เป็นทะเลสาบทางตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์ มีแม่น้ำคอร์ริบไหลจากทะเลสาบไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ลงสู่อ่าวกัลเวย์ มีเนื้อที่ 178 กม² วิลเลียม ไวลด์ บิดาของออสการ์ ไวลด์ เขียนหนังสือเกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและล็อกคอร์ริบ · ดูเพิ่มเติม »

ล็อกเนสส์

ล็อกเนสส์ หรือ ทะเลสาบเนสส์ (แกลิกสกอต: Loch Ness–"Loch" แปลว่า "ทะเลสาบ") เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อยู่ทางที่ราบสูงตอนเหนือของสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ในสถานที่ที่เรียกว่า "เกรตเกลน" มีชื่อเสียงในเรื่องของสัตว์ประหลาดที่มีชื่อว่า "เนสซี" จัดเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกทางเหนือ ล็อกเนสส์ตั้งที่อยู่ที่เส้นรุ้ง 56 องศาเหนือ ลักษณะรูปร่างของทะเลสาบแห่งนี้ออกจะผิดแผกไปจากทะเลสาบอื่น ๆ คือเหยียดยาวออกไปเหมือนกิ่งไม้ ทะเลสาบนี้มีความยาวประมาณ 37 กิโลเมตร (23 ไมล์) แต่มีส่วนกว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร (1 ไมล์) เท่านั้น คิดเป็นเนื้อที่พื้นน้ำราว 56 ตารางกิโลเมตร (22 สแควร์ไมล์) ความลึกเฉลี่ย 132 เมตร บริเวณที่ลึกสุดประมาณ 300 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำในทะเลสาบค่อนข้างเย็น คือประมาณ 5.6 องศาเซลเซียส แต่น้ำในทะเลสาบไม่เคยเย็นจนเป็นน้ำแข็ง แหล่งน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลสาบประกอบด้วยแม่น้ำ 8 สาย ธารน้ำใหญ่ 60 สาย และธารน้ำเล็ก ๆ อีกนับร้อยสาย น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา แสงอินฟราเรดทะลุได้ไม่เกิน 1.5 เมตร ความทึบของน้ำนี้ไม่ใช่ความขุ่นมัว ไม่ใช่ทึบเพราะตะกอนสิ่งสกปรกซึ่งตกตะกอนได้ แต่ทึบเนื่องจากจุลินทรีย์สีบางชนิดซึ่งแขวนลอยอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งมาจากถ่านหินชนิดร่วนที่ถูกชะล้างลงมาจากภูเขาลงสู่ทะเลสาบเป็นเวลานานหลายพันปี อีกอย่างหนึ่ง ตลอดความยาวของทะเลสาบเต็มไปด้วยชะง่อนผาและโขดหินใต้น้ำ ทัศนียภาพรอบทะเลสาบเงียบสงบและขนาบข้างด้วยหน้าผา เนินหญ้า และต้นสน มีปราสาทโบราณแบบสกอตแลนด์ตั้งอยู่ชื่อ "เออร์คิวฮาร์ต" จุดกำเนิดของล็อกเนสส์ใช้เป็นทฤษฎีอธิบายการเข้ามาอยู่ของไดโนเสาร์ในยุคดึกดำบรรพ์จนกลายมาเป็นเนสซีด้วย คือ สันนิษฐานว่าเมื่อราว 250 ล้านปี ได้เกิดการเคลื่อนไหวของผิวโลกตามรอยร้าวที่พาดผ่านตอนเหนือของสกอตแลนด์ในปัจจุบัน ก่อให้เกิดหุบเขาและเหวลึกขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่าเกรตเกลน ในปัจจุบัน น้ำจากภูเขาได้ไหลทะลักลงไปสู่หุบเหว นานเข้าก่อให้เกิดทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งได้แก่ ล็อกเนสส์, ล็อกออยช์ และล็อกโลชี ทะเลสาบนี้มีทางติดต่อกับทะเลเหนือด้วย ซึ่งในบริเวณทะเลเหนือนั้นมีรายงานว่าได้พบซากสัตว์ยุคโบราณที่มีรูปร่างคล้ายเนสซีอยู่หลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ในยุคนั้น สัตว์จำพวกนี้ได้ผ่านจากทะเลเหนือเข้ามาสู่ล็อกเนสส์ และเมื่อราว 8,000–10,000 ปีก่อน ทะเลสาบนี้ได้ถูกตัดขาดจากทะเลเหนือ จึงทำให้สัตว์เหล่านี้ถูกกักขังอยู่ในล็อกเนสส์ ประกอบกับสภาพของทะเลสาบที่ใหญ่พอและมีปริมาณปลา ซึ่งเป็นแหล่งอาหารมากพอ จึงทำให้มันดำรงชีวิตอยู่ได้และหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1933 ได้มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบทำให้มีผู้คนสัญจรไปมามากขึ้น และทำให้มีหลายคนได้เจอะเจอเนสซีมากขึ้นด้วย หลายคนอ้างว่า ได้พบเนสซีตอนขึ้นมาบนบก ในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและล็อกเนสส์ · ดูเพิ่มเติม »

วัฏจักรของน้ำ

* การระเหยเป็นขี้ (evaporation) เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของน้ำบนพื้นผิวไปสู่บรรยากาศ ทั้งการระเหยเป็นไอ (evaporation) โดยตรงจากการคายน้ำของพืช (transpiration) ซึ่งเรียกว่า evapotranspiration.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวัฏจักรของน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

วัดติโลกอาราม

วัดติโลกอารามหรือสันธาตุบวกสี่แจ่ง พระอารามหลวงในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2019 - 2029 ปัจจุบันตัววัดจมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ยกเว้นส่วนยอดพระธาตุที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เนื่องจากปี พ.ศ. 2482 กรมประมงได้ก่อสร้างประตูกั้นน้ำ ทำให้น้ำแม่อิงและลำน้ำสาขาซึ่งไหลลงมาจากทิวเขาผีปันน้ำ เกิดการเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่บริเวณหนองเอี้ยงจนเกิดทะเลสาบน้ำจืดขึ้นมา เรียกว่ากว๊านพะเยา ทำให้วัด โบราณสถาน และชุมชนโบราณจำนวนมาก จมอยู่ใต้น้ำ วัดติโลกอาราม ตั้งอยู่ในเขตกว๊านพะเยา เทศบาลเมืองพะเยา ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวั.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวัดติโลกอาราม · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์ย่อยตะพาบ

วงศ์ย่อยตะพาบ (Soft-shelled turtle) เป็นวงศ์ย่อยของสัตว์เลื้อยคลานในอันดับเต่า ในวงศ์ใหญ่ Trionychidae หรือ ตะพาบ ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trionychinae ลักษณะโดยรวมของตะพาบในวงศ์ย่อยนี้ คือ กระดูกฮัยโปพลาสทรอนไม่เชื่อมรวมกับกระดองท้อง และกระดองท้องไม่มีแผ่นกระดูกบริเวณต้นขา มีขนาดตั้งแต่ความยาวกระดองประมาณ 20-25 เซนติเมตร ไปจนถึง 1.5 เมตร หรือเกือบ ๆ 2 เมตร น้ำหนักนับร้อยกิโลกรัม มีพฤติกรรมหากินและอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นท้องน้ำ ว่ายน้ำเพื่อแสวงหาอาหาร เนื่องจากมีลำตัวแบนราบจึงว่ายน้ำได้ดี หรืออาจใช้วิธีการฝังตัวอยู่ใต้โคลนหรือทรายใต้พื้นน้ำเพื่อรอเหยื่อเข้ามาใกล้ บางครั้งอาจฝังตัวในแหล่งน้ำตื้นแล้วโผล่มาแค่ส่วนปลายหัวเพื่อหายใจรวมทั้งใช้ผิวหนังแลกเปลี่ยนแก๊สได้ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำ, ทะเลสาบ, คลอง มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่พบอาศัยอยู่ในลำธารบนภูเขาด้วย แพร่กระจายพันธุ์ตั้งแต่ทวีปอเมริกาเหนือ, แอฟริกากลางไปจนถึงแอฟริกาตะวันตก, ทางใต้ของเอเชียไปจนถึงญี่ปุ่น และเกาะนิวกินี มีประมาณ 20 ชนิด ใน 10 สกุล ได้แก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวงศ์ย่อยตะพาบ · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์ย่อยปลากระดี่

วงศ์ย่อยปลากระดี่ เป็นวงศ์ย่อยของปลาน้ำจืดในวงศ์ใหญ่ Osphronemidae ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Luciocephalinae สมาชิกในวงศ์ย่อยนี้ ประกอบไปด้วยสกุลต่าง ๆ ได้แก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวงศ์ย่อยปลากระดี่ · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์ปลากัด ปลากระดี่

วงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Labyrinth fishes, Gouramis, Gouramies) เป็นวงศ์ปลาน้ำจืดวงศ์ใหญ่ ใช้ชื่อวงศ์ว่า Osphronemidae (/ออฟ-โฟร-นิ-มิ-ดี้/) พบกระจายอย่างกว้างขวางตั้งแต่ภูมิภาคเอเชียใต้, อนุทวีปอินเดีย, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงเกาหลี โดยมากปลาที่อยู่ในวงศ์นี้จะมีลักษณะเป็นปลาขนาดเล็ก ลำตัวป้อมแบน เกล็ดสากเป็นแบบทีนอยด์ มีสีสันสวยงาม ตัวผู้มีขนาดใหญ่และสีสดสวยกว่าตัวเมีย ครีบอกคู่แรกเป็นเส้นยาวใช้สำหรับสัมผัส มีความสามารถพิเศษคือ มีอวัยวะช่วยในการหายใจอยู่ในเหงือก เรียกว่า "อวัยวะเขาวงกต" (Labyrinth organ) จึงทำให้สามารถฮุบอากาศจากบนผิวน้ำได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเหงือกเหมือนปลาทั่วไป จึงสามารถอยู่ในน้ำที่มีออกซิเจนต่ำได้ มักอยู่ในแหล่งน้ำนิ่งขนาดเล็ก เช่น ห้วย, หนอง, บึง, นาข้าว หรือ ร่องสวนมากกว่าแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น คลอง หรือ แม่น้ำ ในบางสกุล ตัวผู้จะใช้น้ำลายผสมกับอากาศเรียกว่า "หวอด" ก่อติดกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อวางไข่ และตัวผู้จะเป็นผู้ดูแลรักษาไข่และตัวอ่อน เป็นปลาที่มีนิสัยก้าวร้าว ในบางชนิดตัวผู้เมื่อพบกันจะกัดกันจนตายกันไปข้าง ปลาในวงศ์นี้ส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน 10 เซนติเมตร และมีสีสันสวยงาม จึงนิยมนำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามมากกว่าบริโภค เป็นที่รู้จักกันดีเช่น ปลากัด (Betta spendens), ปลากระดี่นางฟ้า (Trichogaster trichopterus) ปลาพาราไดซ์ (Macropodus opercularis) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปลาบางชนิดเป็นปลาเศรษฐกิจที่นำมาบริโภคได้ เช่น ปลาสลิด (Trichogaster pectoralis) และปลาแรด (Osphronemus goramy) สำหรับปลาแรดซึ่งมีขนาดใหญ่ได้ถึง 90 เซนติเมตร และพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ตลอดไปจนถึงมาเลเซียและอินโดนีเซี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์เครย์ฟิชออสเตรเลีย

วงศ์เครย์ฟิชออสเตรเลีย (Australian crayfish, Yabby) เป็นวงศ์ของครัสเตเชียนวงศ์หนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Parastacidae จัดเป็นกุ้งที่พบได้เฉพาะในแหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ, ลำธาร, บึง มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับเครย์ฟิชในวงศ์ Astacoidea mี่พบในทวีปอเมริกาเหนือ คือ มีเปลือกแข็งสีทึบหุ้มลำตัีวทั้งหมด ไม่มีกรี ลักษณะที่แตกต่างกันคือ ก้ามจะไม่มีหนาม และลักษณะของก้ามจะป่องออกต่างไปจากวงศ์ Astacoidea แต่มีที่หนีบสั้นและเล็กกว่า อีกทั้ง ตัวผู้จะมีอวัยวะเป็นรูปวงรีบริเวณโคนขาคู่ที่ 3 ซึ่งตัวเมียไม่มี ใช้สำหรับผสมพันธุ์และส่งผ่านสเปิร์มไปยังตัวเมีย ใช้ระยะเวลาในการผสมพันธุ์เพียง 1-2 นาที เท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ไข่จะฟักเป็นตัวในเวลาราว 3-4 สัปดาห์ โดยตัวเมียจะอุ้มไข่ไว้ในช่องท้อง ไข่มีลักษณะวงกลมสีดำคล้ายเมล็ดพริกไทยดำ ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งอาจได้ลูกกุ้งมากถึง 300 ตัว ซึ่งลูกกุ้งในวัยเล็กจะยังอาศัยอยู่กับแม่ โดยกินเศษอาหารที่แม่กินเหลือ เมื่อโตขึ้นจึงค่อยแยกจากไป เป็นเครย์ฟิชที่แพร่กระจายพันธุ์เฉพาะซีกโลกทางใต้ เช่น ทวีปอเมริกาใต้ เช่น อุรุกวัย, บราซิล, ชิลี, เกาะมาดากัสการ์, ทวีปออสเตรเลีย และอิเรียนจายา เป็นต้น โดยสมาชิกที่สำคัญของวงศ์นี้ชนิดหนึ่ง คือ Astacopsis gouldi จัดเป็นกุ้งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบทางตอนเหนือของเกาะแทสมาเนีย มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยบักทึกไว้ยาว 80 เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม มีอายุยืนยาวถึง 40 ปี แต่ปัจจุบันตัวที่มีน้ำหนักกว่า 2 กิโลกรัมหาได้ยาก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวงศ์เครย์ฟิชออสเตรเลีย · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์เต่านา

วงศ์เต่านา (Terrapin, Pond turtle; ชื่อวิทยาศาสตร์: Geoemydidae หรือ ในอดีตใช้ Bataguridae) เป็นวงศ์ของเต่า ที่ส่วนมากอาศัยอยู่ในน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย หรือบางส่วนอาศัยบนพื้นที่มีความชุ่มชื้นหรือชื้นแฉะ หรืออยู่บนบกแห้ง ๆ เลยก็มี เป็นเต่าที่มีกระดองทรงกลมหรือโค้งนูนเล็กน้อย กระดองท้องใหญ่ กระดูกแอนกูลาร์ของขากรรไกรล่างไม่เชื่อมติดกับกระดูกอ่อนเมคเคล กระดูกเบสิคออคซิพิทัลเป็นชิ้นกว้าง การหุบขากรรไกรล่างเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผ่านไปกระดูกโพรโอติก และขากรรไกรติดกับพื้นผิวของก้านกระดูกโพรโอติกที่อยู่ในซัยโนเวียลแคปซูล กระดองท้องไม่มีกระดูกมีโสพลาสทรอน มีกระดูกพลาสทรอนไปเชื่อมต่อกับขอบนอกของกระดองหลังที่มีร่องแบ่งเป็นกระดูกชิ้นเล็กจำนวน 11 คู่ กระดูกเชิงกรานเชื่อมติดกับกระดองท้องในลักษณะที่ยืดหยุ่นได้ เต่าในวงศ์นี้ถือเป็นวงศ์ใหญ่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วงศ์ย่อย (ดูในตาราง) มีทั้งหมด 23 สกุล พบราว 65 ชนิด แพร่กระจายพันธุ์ในทวีปยุโรปตอนใต้, เอเชียอาคเนย์, อเมริกากลาง และบางส่วนของทวีปอเมริกาใต้ ในประเทศไทยมีเต่าในวงศ์นี้มากถึง 16 ชนิด อาทิ เต่าลายตีนเป็ด (Callagur borneoensis), เต่ากระอาน (Batagur baska), เต่านา (Malayemys macrocephala และM. subtrijuga), เต่าหับ (Cuora amboinensis), เต่าดำ (Siebenrockiella crassicollis) เป็นต้น โดยเต่าชนิดที่ใหญ่ที่สุดในวงศ์นี้คือ เต่าน้ำบอร์เนียว (Orlitia borneensis) ที่มีความยาวของกระดองได้ถึง 80 เซนติเมตร พบในบึงน้ำและแม่น้ำของมาเลเซียและเกาะบอร์เนียว ซึ่งเป็นเต่าชนิดหนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์มากแล้วชนิดหนึ่ง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและวงศ์เต่านา · ดูเพิ่มเติม »

ว็อลฟส์บวร์ค

ว็อลฟส์บวร์ค (Wolfsburg) เป็นเมืองหนึ่งในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี ประเทศเยอรมนี มีฐานะเป็นเมืองอิสระ (kreisfreie Stadt) ตามการบริหารเขตปกครองของเยอรมนี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของรัฐ ปัจจุบันมีประชากรราว 123,000 คน ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 5 ของรัฐโลว์เออร์แซกโซนีหากเรียงตามจำนวนประชากร เมืองนี้เป็นที่รู้จักในฐานะที่ตั้งสำนักงานใหญ่โฟล์กสวาเกนกรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อ..

ใหม่!!: ทะเลสาบและว็อลฟส์บวร์ค · ดูเพิ่มเติม »

สภาพแวดล้อมการสะสมของตะกอน

แผนภาพสภาพแวดล้อมการสะสมของตะกอน ในทางธรณีวิทยาสภาพแวดล้อมการสะสมของตะกอนหรือสภาพแวดล้อมตะกอนเป็นการอธิบายถึงพื้นที่ ๆ มรการรวมตัวกันทางกายภาพ ทางเคมีหรือกระบวนการทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสะสมตัวของตะกอนและตะกอนที่เกิดการแข็งตัวกลายเป็นหิน ประเภทหินส่วนใหญ่จะแบ่งตามสภาพแวดล้อมเพราะแต่ละที่จะมีหินเฉพาะบางชนิดหรืออาจจะจัดประเภทหินที่คล้าย ๆ กันให้อยู่กลุ่มเดี่ยวกัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสภาพแวดล้อมการสะสมของตะกอน · ดูเพิ่มเติม »

สมัยไพลสโตซีน

มัยไพลสโตซีน (Pleistocene เครื่องหมาย PS) เป็นธรณีกาลระหว่าง 2,588,000-11,700 ปีก่อนที่มียุคน้ำแข็งเกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน ชาลส์ ไลเอลล์ บัญญัติคำนี้ขึ้นในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและสมัยไพลสโตซีน · ดูเพิ่มเติม »

สระ (แหล่งน้ำ)

ระในประเทศโปแลนด์ สระหรือบ่อ เป็นแหล่งน้ำนิ่งที่ปกติเล็กกว่าทะเลสาบ โดยอาจเกิดตามธรรมชาติหรือมนุษย์สร้างขึ้นก็ได้ สระอาจเกิดตามธรรมชาติในที่ลุ่มน้ำท่วมถึงเป็นส่วนหนึ่งของระบบแม่น้ำ หรืออาจเป็นแอ่งแยกต่างหากก็ได้ สระอาจมีน้ำตื้นและมีพืชและสัตว์ที่เติบโตในน้ำและที่ลุ่มชื้นแฉะ ชนิดของสิ่งมีชีวิตในสระโดยทั่วไปตัดสินจากปัจจัยต่าง ๆ รวมกันได้แก่ระดับน้ำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลึกและระยะเวลาที่น้ำขัง) และระดับสารอาหาร แต่ปัจจัยอื่นก็มีความสำคัญ เช่น การมีหรือไม่มีร่มเงาของไม้ต้น การมีหรือไม่มีลำธาร ผลของสัตว์ที่มากินหญ้า และความเค็ม บ่อยครั้งมนุษย์สร้างสระ ในชนบทเกษตรกรและชาวบ้านขุดสระในสวนหลังบ้านหรือขุดลอกสระที่มีอยู่แล้วโดยตักโคลนระหว่างฤดูร้อนออก มีแหล่งน้ำมนุษย์สร้างขึ้นหลายชนิดที่จัดเป็นสระ บางสระสร้างขึ้นจำเพาะเพื่อฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของสัตว์ รวมทั้งการบำบัดน้ำ อย่างอื่นเช่น สวนน้ำ สระออกแบบมาเพื่อประดับตกแต่งเป็นภูมิทัศน์หรือลักษณะทางสถาปัตยกรรมอื่น บ่อปลาออกแบบมาเพื่อเพาะเลี้ยงปลาขาย และบ่อแสงอาทิตย์ออกแบบเพื่อเก็บรักษาพลังงานความร้อน แหล่งน้ำนิ่ง เช่น สระและทะเลสาปมักจำแนกแยกจากแหล่งน้ำไหล เช่น ลำห้วย ลำธาร ธารน้ำหรือแม่น้ำ ระดับสารอาหารและคุณภาพน้ำในสระสามารถควบคุมได้จากกระบวนการธรรมชาติอย่างการเติบโตของสาหร่าย หรือการกรองโดยมนุษ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสระ (แหล่งน้ำ) · ดูเพิ่มเติม »

สวนนกจูรง

ป้ายสัญลักษณ์ทางเข้า หงส์ในทะเลสาบภายใน สวนนกจูรง (Jurong Birdpark; 裕廊飞禽公园) เป็นสวนสัตว์ในแบบสวนนกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่รวม 126 ไร่ (202,000 ตารางเมตร) ในเขตจูรง ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้แนวคิดการแสดงแบบเปิดกว้างขนาดใหญ่ สวนนกขนาดใหญ่ 4 กรงที่นักท่องเที่ยวเดินชมได้ มีนกจากภูมิภาคต่างๆเช่นเอเชียอาคเนย์ แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ จุดเด่นของสวนเช่น การแสดงการให้อาหารนกกระทุงใต้น้ำครั้งแรกของโลก ที่สวนนกกระทุง (Pelican Cove), สวนนกแก้วลอรี่ขนาดใหญ่ที่สุด ที่สวนนกลอรี่โลฟ (Lory Loft), น้ำตกที่มนุษย์สร้างขึ้นที่สูงที่สุดของโลก และมีศูนย์เก็บรักษาผีเสื้อสกุลเฮลิโคเนียแห่งแรกของเอเชีย เป็นต้น สวนนกจูรงเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1971.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสวนนกจูรง · ดูเพิ่มเติม »

สวนเซ็นญี่ปุ่น

right สวนหินญี่ปุ่น (枯山水; คะเระซันซุย หรือรู้จักกันทั่วไปในนาม เซนการ์เดน) คือสวนพื้นภูมิแห้งแล้งนั้นจัดเป็นชนิดของสวนเซนญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิผลจากนิกายเซนในพุทธศาสนาของญี่ปุ่น และสามารถหาชมได้ตามวัดเซนแห่งการฝึกสมาธิ สวนในรูปแบบของญี่ปุ่นนั้นถือเป็นศิลปะที่มีชีวิต เพราะต้นไม้และพืชต่างๆ ที่มีความเปลี่ยนแปลงให้เห็นในฤดูที่แตกต่างกันไป ระหว่างที่ต้นไม้เจริญเติบโตจะได้รับการตกแต่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อความสวยงาม และเพราะฉะนั้นสวนญี่ปุ่นไม่มีลักษณะที่เหมือนเดิมเสมอไปและไม่มีการสิ้นสุดหรือเสร็จสมบูรณ์ โครงสร้างพื้นฐานของสวนญี่ปุ่นจะพิจารณาจากสถาปัตยกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบเช่น อาคาร, ระเบียง, เส้นทาง, สึกิยะมะ (เนินเทียม) และการจัดวางของหิน เมื่อเวลาผ่านไปความงดงามของสวนก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลและการบำรุงรักษาที่ได้รับโดยผู้มีฝีมือในศิลปะแห่งการตัดและตกแต่งสวนเช่นนี้ ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของศิลปะเซ็นคือการดูแลรักษาสวนให้คงที่ในลักษณะเสมือนภาพวาดและจิตรกรรม สวนคะเระซันซุยสามารถจัดเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมและเป็นสัญลักษณ์ของพื้นภูมิที่เรียกได้ว่าเป็น “mind-scape” ทั้งนี้มันคือปรัชญาพุทธศาสนาซึ่งแสดงออกให้เห็นถึงความงามแห่งจักรวาลในสิ่งแวดล้อมที่เป็นหลักสำคัญในพุทธศาสนานิกายเซนของญี่ปุ่น ความหมายย่อของคำว่า คะเระซันซุย จากบทสวนญี่ปุ่นของพจนานุกรมฉบับบิลิงเกลให้ความหมายไว้ว่า ต่างออกไปจากสวนตามประเพณี สวนคะเระซันซุยจะไม่มีธาติน้ำใดๆ เพียงแต่จะมีการปูกรวดหรือทราย ซึ่งอาจโดนกวาดลวดลายหรือไม่ก็สามารถเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ของทะเล, มหาสมุทร, แม่น้ำ หรือ ทะเลสาบได้ การจัดกวาดของกรวดหรือทรายเพื่อให้เป็นลวดลายที่บ่งบอกถึงคลื่นน้ำนั้นมีบทบาทของความสวยงามอยู่เช่นกัน อีกทั้งพระของพุทธศาสนานิกายเซนนั้นฝึกฝนและปฏิบัติการกวาดลวดลายเพื่อการฝึกสมาธิ การที่จะกวาดเส้นและลวดลายอย่างสมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย การกวาดลวดลายนั้นขึ้นอยู่กับแบบของแนววัตถุหินที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณกรวด อย่างไรก็ตามแบบของลวดลายนั้นส่วนใหญ่จะไม่อยู่คงที่ เพราะการพัฒนาแบบลวดลายใหม่ๆ เป็นการฝึกทักษะของความสร้างสรรค์และการประลองฝีมืออันก่อเกิดดลบันดาล การขัดวางของหินและวัตถุขนาดเล็กอื่นๆ นั้นเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงภูเขาและธาติน้ำธรรมชาติและทัศนียภาพ, เกาะ, แม่น้ำและน้ำตก หินก้อนใหญ่และพุ่มไม้ที่ผ่านการตัดแต่งกะริโกะมิหรือฮะโกะ-ซุกุริ (ศิลปะการตัดแต่งต้นไม้) นั้นเป็นขั้นตอนที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ในสวนส่วนใหญ่จะมีการนำพืชมอสมาปลกคลุมพื้นผิวเพื่อที่จะสร้างสัญลักษณ์ซึ่งบ่งบอกถึงพื้นดินที่ปกคุลมไปด้วยป่าไม้ ในหนังสือ "ซะกุเทกิ" (การสร้างสวน) นั้นแสดงความหมายถึง "อิชิ โอะ ทะเทะอึน โกะโตะ" (การจัดวางก้อนหิน) ซึ่งแปลตามตัวอักษรนั้นหมายถึงการจัดตั้งก้อนหิน ในยุคที่ ซะกุเทกิ นั้นได้ปรากฏเป็นหนังสือ การจัดวางตำแหน่งของก้อนหินนั้นเป็นขั้นตอนหลักของการจัดสวน อีกทั้งยังมีถ้อยคำอักษรที่คล้ายกันในหนังสือหากแต่มันมีความหมายว่า “การจัดวางก้อนหินของสวน” มากกว่า “การสร้างสวน” การจัดวางก้อนหินนั้นควรจะต้องมีการคำนึงถึงการวางหิน ซึ่งรวมถึงผิวพื้นด้านที่ดีที่สุดควรจะหันมาถูกทิศทาง ในกรณีที่ก้อนหินนั้นมียอดที่ไม่สวยงาม ควรจะวางให้ส่วนนั้นเป็นจุดที่เด่นน้อยสุด ถึงแม้ก้อนหินนั้นจะต้องโดนวางในลักษณะที่แปลกก็คิดได้ว่าจะไม่มีใครสังเกต อีกทั้งโดยปกติควรจะเลือกหินที่มีแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง ในกรณีที่มี “หินหนี” ก็จะต้องมี “หินไล่” และถ้ามี “หินเอียง” ก็จะต้องมี “หินหนุน” และควรจดจำไว้ว่า ในหลายกรณีนั้น ก้อนหินและพุ่มไม้ที่ผ่านการตัดแต่งสามารถนำมาใช้ได้อย่างแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน อิทธิพลของพุทธศาสนานิกายเซนที่มีต่อการออกแบบสวนนั้นได้ถูกนำมาบรรยายโดย Kuck ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 และทักท้วงโดย Kuitert ในช่วงท้ายของศตวรรษนั้น หากแต่เรื่องที่ไม่ได้ถูกทักท้วงคือเรื่องที่สวนคะเระซันซุยนั้นดลบันดาลมาจากภาพวาดทิวทัศน์ของจีนและญี่ปุ่นจากอดีต ถึงแม้สวนทั่วไปต่างก็มีการจัดวางไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จะนำก้อนหินและพุ่มไม้ที่ผ่านการตัดแต่งมาเป็นสัญลักษณ์ของภูเขา, หุบเขาและน้ำตกที่ได้ถูกจารึกเป็นจิตกรรมในภาพวาดทิวทัศน์ของจีน ในบางภาพ ทิวทัศน์นั้นดลบันดาลมาจากทัศนียภาพสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่จริง เช่น เนินเขาที่อยู่ข้างหลังเป็น “ทิวทัศน์ที่ยืมมา” โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "ชักเคอิ" (shakkei) ในปัจจุบันภาพวาดหมึกโมโนโครมยังถือว่าเป็นศิลปะที่ใกล้เคียงที่สุดกับพุทธศาสนานิกายเซน หลักการออกแบบของการสร้างพื้นภูมินั้นได้อิทธิพลมาจากภาพวาดทิวทัศน์หมึกโมโนโครมสามมิติ ที่เรียกว่า ซูมิเอะ หรือ ซุยโบคุกะ สวนญี่ปุ่นนั้นถือว่ามีค่าระดับเดียวกับงานศิลปะในประเทศ สวนหินที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ เรียวอันจิ ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือในเมืองเกียวโต สวนที่เรียวอันจิมีความยาว 30 เมตรจากฝั่งตะวันออกถึงตะวันตกและ 10 เมตรจากเหนือถึงใต้ ในสวนนั้นไม่มีต้นไม้มีเพียงแต่ก้อนหินที่มีหลายขนาด บางก้อนปกคลุมไปด้วยพืชมอส และถูกจัดวางอยู่บนพื้นภูมิที่โรยไว้ด้วยกรวดและทรายขาวซึ่งมีการกวาดวาดลวดลายในแต่ละวัน right หมวดหมู่:พืชกรรมสวนและการทำสวน หมวดหมู่:สวนญี่ปุ่น หมวดหมู่:ประเภทของสวน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสวนเซ็นญี่ปุ่น · ดูเพิ่มเติม »

สัตว์ปีก

ัตว์ปีก หรือ นก (รวมถึง ไก่, เป็ด, ห่าน, ไก่ฟ้า) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้น Aves (คำว่า Aves เป็นภาษาละติน หมายถึง นก) โดยมีลักษณะทั่วไปคือ เป็นสัตว์ทวิบาท เลือดอุ่น ออกลูกเป็นไข่ รยางค์คู่หน้าเปลี่ยนแปลงไปเป็นปีก มีขนนก และมีกระดูกที่กลวงเบา ในปัจจุบันทั่วโลกมีนกอยู่ประมาณ 8,800 ถึง 9,800 ชนิด (ตามการจัดอนุกรมวิธานที่ต่างกัน) ซึ่งนับว่านกเป็นชั้นของสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีความหลากหลายมากที่สุด ในบรรดาชั้นของสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน ความหลากหลายของนกนับเนื่องไปตั้งแต่ในเรื่องของขนาดตัว สีสัน เสียงร้อง อาหารการกิน และถิ่นที่อยู่อาศัย นกเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญเป็นอันมากทั้งต่อระบบนิเวศและต่อชีวิตมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับนกเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และการเกื้อกูลกันระหว่างนกกับสรรพสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติก็เป็นไปอย่างแนบแน่น ถ้าหากปราศจากนก คงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงการดำรงอยู่ต่อไปของชีวภาคใบนี้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสัตว์ปีก · ดูเพิ่มเติม »

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ

ลานน้ำพุด้านหน้า แผนที่ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ อยู่ที่ ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2539 แล้วเสร็จและเปิดบริการตั้งแต่ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา 10.00 - 15.00 น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ · ดูเพิ่มเติม »

หลังคาเขียว

้านในรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ที่สร้างขึ้นใหม่ตามแบบบ้านไวกิง หลังคาปลูกหญ้ของบ้านหลายพลังที่เห็นในหม่บ้าน Bøur และเกาะฟาโร(Faroe Islands) หลังคาเขียว (green roof) คือหลังคาของอาคารที่ปิดทับบางส่วนหรือทั้งหมดด้วยพืชพรรณและดิน หรือเครื่องปลูกอย่างอื่นบนชั้นแผ่นกันน้ำ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหลังคาที่ทาด้วยสีเขียว หรือวัสดุมุงสีเขียวใดๆ หลังคาเขียวอาจรวมส่วนประกอบอื่น เช่นแผ่นชั้นกันราก ระบบระบายน้ำและระบบรดน้ำต้นไม้ สวนกระถางที่จัดบนหลังคาซึ่งต้นไม้ปลูกในกระถางอิสระไม่นับเป็น “หลังคาเขียว” ที่แท้จริงในความหมายนี้ แม้จะยังเป็นที่ถกเถียงกันได้อยู่ คำว่า “หลังคาเขียว” อาจใช้กับหลังคาที่ใช้เทคโลโลยี “เขียว” บางรูปแบบ เช่นแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังสุริยะด้วยก็ได้ หลังคาเขียวอาจหมายถึงหลังคาแบบอื่น เช่น หลังคานิเวศ (eco-roofs) หลังคามีชีวิต (living roofs) ที่มีเป้าหมายของแนวคิดเดียวกัน ปัจจุบัน ประโยชน์ของหลังคาเขียวได้ถูกนำมาใช้เป็นมาตรการหนึ่งทางสถาปัตยกรรมและการผังเมืองเพื่อช่วยบรรเทาปรากฏการณ์โลกร้อน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและหลังคาเขียว · ดูเพิ่มเติม »

หางโจว

หางโจว ทิวทัศน์ในปัจจุบันของทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งในอดีตคือเมืองหลินอันราชธานีของซ่งใต้ หางโจว (จีน: 杭州; Hangzhou) เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองหางโจว ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ 1 ใน 6 ของประเทศจีน ปัจจุบันหางโจว ถือเป็นเมืองที่อยู่ในเขตภาคตะวันออกที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงสุดแล้ว ดังนั้นหางโจวจึงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยสดงดงามเมืองหนึ่งของประเทศจีน รวมทั้งมั่งคั่งไปด้วยเภสัชอุตสาหกรรม และสถาบันศิลปะมากมาย เมืองหางโจวถือว่าเมืองดิจิตอลไร้สายได้ครอบคลุมถึงทางหลวงและตรอกเล็กซอยน้อยต่างๆในเมือง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและหางโจว · ดูเพิ่มเติม »

หิมะภาค

มุมสูงของหิมะภาค จาก http://maps.grida.no/go/graphic/cryosphere UN Environment Programme Global Outlook for Ice and Snow IPCC แสดงขอบเขตของบริเวณที่ได้รับผลจากองค์ประกอบของหิมะภาคทั่วโลก เหนือพื้นดิน ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวต่อเนื่องแสดงด้วยสีชมพูเข้ม ขณะที่ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวไม่ต่อเนื่องแสดงด้วยสีชมพูที่อ่อนกว่า สีขาวกึ่งโปร่งใสเหนือพื้นที่ดินกว้างใหญ่ของซีกโลกเหนือแสดงบริเวณซึ่งมีหิมะตกอย่างน้อยหนึ่งวันระหว่างปี 2543-2555 เส้นสีเขียวสว่างตามขอบทิศใต้ของบริเวฯนี้แสดงขอบเขตหิมะสูงสุด ขณะที่เส้นสีดำตามทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียแสดงเส้นขอบเขตหิมะ 50% ธารน้ำแข็งแสดงเป็นจุดสีทองเล็ก ๆ ในพื้นที่ภูเขาและในละติจูดเหนือและใต้จัด เหนือพื้นน้ำ หิ้งน้ำแข็งแสดงรอบทวีปแอนตาร์กติกาตามน้ำแข็งทะเลรอบหิ้งน้ำแข็ง น้ำแข็งทะเลยังแสดงที่ขั้วโลกเหนือ สำหรับทั้งสองขั้ว ขอบเขตน้ำแข็งทะเลเฉลี่ย 30 ปีแสดงโดยขอบสีเหลือง นอกากนี้ จะเห็นแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาได้ชัดเจน หิมะภาค (Cryosphere) เป็นส่วนหนึ่งของผิวโลกซึ่งประกอบด้วยน้ำในรูปของแข็ง รวมถึงทะเลที่เป็นน้ำแข็ง ทะเลสาบน้ำแข็ง แม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง แผ่นน้ำแข็ง และพื้นดินซึ่งเยือกแข็ง พื้นที่ส่วนใหญ่ของหิมะภาคมักจะซ้อนอยู่บนพื้นที่ของอุทกภาค หิมะภาคนั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกหลายประการ โดยมักมีอิทธิพลต่อเมฆ ปริมาณหยาดน้ำฟ้า อุทกวิทยา และการไหลเวียนของอากาศและกระแสน้ำ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและหิมะภาค · ดูเพิ่มเติม »

หงส์

หงส์ (มักเขียนผิดเป็น หงษ์) เป็นนกน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในสกุล Cygnus ในวงศ์ Anatidae อันเป็นวงศ์เดียวกับเป็ดและนกเป็ดน้ำ มีลักษณะทั่วไป มีขนสีขาวทั้งตัว จะงอยปากสีเหลืองส้มและมีปุ่มสีดำที่ฐานของปาก มักรวมฝูงในบึงน้ำเพื่อกินพืชน้ำและสัตว์น้ำขนาดเล็ก พบในทวีปเอเชียทางตอนเหนือ, ยุโรปทางตอนเหนือ, อเมริกา และออสเตรเลีย หงส์ สามารถร่อนลงบนพื้นน้ำแข็งหรือผิวน้ำที่เยือกตัวเป็นน้ำแข็งได้ เพราะมีอุ้งตีนที่ใหญ่คล้ายใบพายซึ่งช่วยกระจายน้ำหนักได้เมื่อร่อนลง แต่จะควบคุมการร่อนได้ดีกว่าในบริเวณที่น้ำแข็งละลาย หงส์มีทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและหงส์ · ดูเพิ่มเติม »

อสูรร้ายโลกล้านปี

อสูรร้ายโลกล้านปี (Walking with Monsters) เป็นสารคดีอังกฤษชุด 3 ตอนของบีบีซี ออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตในมหายุคพาลีโอโซอิก ได้แก่ตั้งแต่นักล่าตัวแรกของโลก ไปจนถึงยูปาเกอเรียบรรพบุรุษของไดโนเสาร์ สารคดีเรื่องนี้บรรยายโดยเคนเนธ แบรนา เขียนบทและกำกับโดยทิม เฮนส์ ได้รับรางวัลเอ็มมีในงานประกาศรางวัลเอ็มมีครั้งที่ 58 (ค.ศ. 2006) ในสาขารายการแอนิเมชันยอดเยี่ยม ประเภทความยาวเกินกว่าหนึ่งชั่วโมง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอสูรร้ายโลกล้านปี · ดูเพิ่มเติม »

ออสโล

แผนที่กรุงออสโล ออสโล (Oslo; ในภาษานอร์เวย์ออกเสียง อุสลู หรือ อุชลู) เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ออสโลมีประชากรประมาณ 811,688 (เมื่อ 1 มกราคม ค.ศ. 2005) โดยประชากรร้อยละ 22 เป็นผู้อพยพมาจากประเทศใกล้เคียง เขตการปกครองออสโลมีพื้นที่ทั้งหมด 115 ตารางกิโลเมตร ซึ่ง 7 ตารางกิโลเมตรใช้ทำการเกษตร ปัจจุบัน (ค.ศ. 2006) ออสโลเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก แทนที่โตเกียว left หอคอยเทาวเวอร์ ณ เมืองออสโล รัฐสภาแห่งนอร์เวย์ สถานที่ให้เช้ารถจักรยานกลางกรุงออสโล ศาลาว่าการออสโล โรงละครแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ สถานีรถไฟกลางแห่งเมืองออสโล ออสโลตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ด (fjord) ที่ชื่อออสโลฟยอร์ด ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะ 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmøya นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ ตามตำนานของเผ่านอร์ส ออสโลก่อตั้งเมื่อ..

ใหม่!!: ทะเลสาบและออสโล · ดูเพิ่มเติม »

อังวะ

อังวะ (အင်းဝ, อีนวะ หรือ อะวะ) ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า เป็นเมืองหลวงเก่าของพม่าถึง 5 ครั้งในช่วง 360 ปีระหว่าง ค.ศ. 1365 ถึง ค.ศ. 1842 ทั้งในสมัยราชวงศ์อังวะ ราชวงศ์ตองอู และราชวงศ์คองบอง ในประวัติศาสตร์เมืองอังวะผ่านการสู้รบ ถูกปล้นสะดมและฟื้นฟูมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบันถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1839 ซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตมัณฑะเลย์ อังวะมีชื่อในภาษาบาลีว่า "รัตนปุระ" (พม่าเรียก ยะดะหน่าบู่ยะ) (ऋअतनपुर; ရတနာပူရ) ส่วนชื่อในภาษาพม่า มีความหมายว่า "ปากทะเลสาบ" เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมือง ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบในเขตอำเภอจอกเซ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอังวะ · ดูเพิ่มเติม »

อันดับย่อยปลากัด ปลากระดี่

อันดับย่อยปลากัด ปลากระดี่ (อันดับย่อย: Anabantoidei) เป็นอันดับย่อยของปลาที่อยู่ในอันดับปลากะพง (Perciformes) ซึ่งทั้งหมดเป็นปลาที่อยู่ในน้ำจืดทั้งหมด โดยจะพบในทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย โดยใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anabantoidei (/อะ-นา-เบน-ทอย-เดีย/) ส่วนมากเป็นปลาที่มีขนาดเล็ก ขนาดเมื่อโตเต็มที่ไม่เกินฝ่ามือของมนุษย์ แต่จะมีบางสกุลเท่านั้นที่ใหญ่ได้ถึงเกือบหนึ่งเมตร ได้แก่ Osphronemus หรือสกุลปลาแรด ปลาในอันดับนี้จะถูกเรียกในชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า "Labyrinth fish" หรือ "ปลาที่มีอวัยวะช่วยในการหายใจ" เพราะปลาในอันดับนี้จะมีอวัยวะช่วยในการหายใจอยู่ในเหงือก เรียกว่า "อวัยวะเขาวงกต" (Labyrinth organ) จึงทำให้สามารถฮุบอากาศจากบนผิวน้ำได้โดยตรง โดยไม่ต้องรอให้ออกซิเจนละลายในน้ำผ่านซี่กรองเหงือกเหมือนปลาทั่วไป Pinter, H. (1986).

ใหม่!!: ทะเลสาบและอันดับย่อยปลากัด ปลากระดี่ · ดูเพิ่มเติม »

อุทกภาค

World water distribution. อุทกภาค (จากภาษาบาลี "อุทก" แปลว่า น้ำ, "ภาค" แปลว่า ส่วน รวมกันหมายถึงส่วนที่เป็นน้ำ) ในวิชาภูมิศาสตร์กายภาพหมายถึง แหล่งที่น้ำจำนวนมากมาอยู่รวมกันบนหรือใต้ผิวโลก อีกอร์ ชีโคลมานอฟ ผู้ถูกคัดเลือกโดยองค์การสหประชาชาติให้ศึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ได้ประเมินว่าบนโลกมีน้ำทั้งสิ้น 1,386 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งรวมถึงน้ำในรูปของเหลว ของแข็ง น้ำบาดาล ธารน้ำแข็ง มหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำ โดยร้อยละ 97.5 ของน้ำทั้งหมดบนโลกเป็นน้ำเค็ม น้ำจืดมีอยู่เพียงร้อยละ 2.5 เท่านั้น และร้อยละ 68.7 ของน้ำจืดก็อยู่ในรูปของน้ำแข็งและหิมะปกคลุมบริเวณอาร์กติก แอนตาร์กติกา และในเขตภูเขา ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 29.9 อยู่ในรูปของน้ำบาดาล ร้อยละ 0.26 ของน้ำจืดเท่านั้นที่สามารถใช้เป็นสาธารณูปโภคได้ ซึ่งสามารถพบน้ำเหล่านี้ใต้ในทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ และระบบแม่น้ำต่าง ๆ มวลทั้งหมดของน้ำบนโลกอยู่ที่ประมาณ 1.4 × 1018 ตัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.023 ของมวลโลกทั้งหมด ประมาณ 20 × 1012 ตันของน้ำทั้งหมดนั้นอยู่ในบรรยากาศของโลก (โดยน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรมีน้ำหนักเท่ากับ 1 ตัน) ประมาณร้อยละ 75 ของผิวโลกทั้งหมดหรือประมาณ 361 ล้านตารางกิโลเมตรนั้นเป็นมหาสมุทร ค่าความเค็มเฉลี่ยของมหาสมุทรในโลกนั้นอยู่ที่ประมาณ 35 ของเกลือหนึ่งกรัมต่อน้ำทะเลหนึ่งกิโลกรัม (ร้อยละ 3.5).

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทกภาค · ดูเพิ่มเติม »

อุทกศาสตร์

อุทกศาสตร์ (hydrography) คือสาขาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการวัดและระบุลักษณะทางกายภาพของมหาสมุทร ทะเล ชายฝั่ง ทะเลสาบ แม่น้ำ ตลอดจนการทำนายการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของศาสตร์นี้คือเพื่อสนับสนุนการเดินทางทางทะเล รวมถึงการพัฒนาด้านเศรษฐศาสตร์ ความมั่นคง การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทกศาสตร์ · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาติวานวซ

right อุทยานแห่งชาติวานวซ (Vanoise National Park; Parc national de la Vanoise) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสติดกับชายแดนประเทศอิตาลี เป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส ตั้งขึ้นในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติวานวซ · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาติอูเรเวรา

อุทยานแห่งชาติอูเรเวรา (Urewera National Park) อุทยานแห่งชาติตั้งขึ้นในปี..1954 เป็นพื้นที่ป่าที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ มีเนื้อที่ประมาณ 1995 ตารางกิโลเมตร ในป่ามีไม้เนื้อแข็ง และมีทะเลสาบไวกาเรโมอานา เป็นที่อยู่ของเป็ดและนกต่างๆ ภายในอุทยานมีสัตว์ต่างๆอีกมากมาย เช่น แมว แพะ แกะ กวาง และ หมู อูเรเวรา.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติอูเรเวรา · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาติตองการิโร

อุทยานแห่งชาติตองการิโร (Tongariro National Park) ตั้งอยู่บริเวณเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ จัดตั้งขึ้นในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติตองการิโร · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาตินาเวลอัวปี

center ---- อุทยานแห่งชาตินาเวลอัวปี (Nahuel Huapi National Park) ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาแอนดีสทางตะวันตกกลางของประเทศอาร์เจนตินา มีเนื้อที่ 528 ตารางกิโลเมตร จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1903 และได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1934 ปัจจุบันมีเนื้อที่ 7,050 ตารางกิโลเมตร ภายในอุทยานมีภูเขาที่มีหิมะปกคลุมหลายลูก มีธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ น้ำตก และมีดอกไม้ป่าอยู่ทั่วไป อุทยานแห่งชาติ Nahuel Huapi เป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดของอาเจนติน่า ในแขวง Patagonia ตรงตีนเขาของภูเขา Andes.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาตินาเวลอัวปี · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์

right อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) ตั้งอยู่ในเทือกเขาร็อกกี้ในตอนใต้ของรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา มีเนื้อที่ประมาณ 6,641 ตารางกิโลเมตร ภายในอุทยานแห่งชาติมีทุ่งน้ำแข็ง ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ อุทยานมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง และน้ำพุร้อน มีป่าไม่ที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ต่างๆ เช่น อินทรีย์สีทอง หมีกริซซ์ลี และ หมีดำ กวางมูส แพะภูเขา หมวดหมู่:รัฐอัลเบอร์ตา บมฟ์.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ · ดูเพิ่มเติม »

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) เป็นอุทยานแห่งแรกของโลกและของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตติดต่อ 3 รัฐได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ มีเนื้อที่มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์ หรือ 8,992 ตารางกิโลเมตร ภายในอุทยานประกอบไปด้วยที่ราบสูงและภูเขาสูงมีหน้าผาชัน และทะเลสาบ เยลโลว์สโตนเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีบ่อน้ำร้อน และน้ำพุร้อน มากกว่า 10,000 แห่ง และ 250 แห่งเป็นบ่อน้ำพุร้อน (เป็นแมกมาใต้ดินที่พุ่งออกมา) และน้ำพุร้อนที่สำคัญคือ น้ำพุร้อนโอลด์เฟทฟุล ซึ่งมีน้ำพุร้อนพุ่งออกมาทุกๆ 33 และ 93 นาที โดยไม่เปลี่ยนแปลงเลยตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ยังมีน้ำตกอีกกว่า 300 แห่ง ที่สามารถค้นพบและท่องเที่ยวได้อีกมากมาย สัตว์ป่าที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ได้แก่หมีกริซลี หมีดำ ควายป่าไบซัน กวางมูส กวางเอลก์ แพะภูเขาบิกฮอร์น แมวป่า หมาป.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน · ดูเพิ่มเติม »

อีเห็นน้ำอินโดจีน

อีเห็นน้ำอินโดจีน หรือ อีเห็นน้ำตังเกี๋ย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งในอันดับสัตว์กินเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cynogale lowei เป็นสัตว์ที่มีข้อมูลน้อยมาก เนื่องจากพบเห็นได้ยากและมีรายงานการพบเห็นตัวเพียงไม่กี่ครั้ง ข้อมูลเท่าที่มีบ่งให้รู้ว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับอีเห็นน้ำมลายู (C. bennettii) แต่ต่างกันตรงสีขน กล่าวคือ อีเห็นน้ำอินโดจีนมีขนสั้นหนา และมีสีขนที่อ่อนกว่าอีเห็นน้ำมลายู โดยจมูกใต้คอและหน้าอกมีสีขาว ส่วนข้อมูลอื่น ๆ เช่น ขนาดและน้ำหนักนั้นไม่มี มีผู้เก็บซากอีเห็นน้ำอินโดจีนได้ทางภาคเหนือของเวียดนาม และเคยมีรายงานพบเห็นที่ภาคใต้ของจีน และคาดว่าอาจมีอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ของไทยด้วย มีรายงานการพบเห็นใกล้กับแหล่งน้ำ เช่น ทะเลสาบหรือแม่น้ำ ปัจจุบันสันนิษฐานว่า อีเห็นน้ำอินโดจีนได้สูญพันธุ์จากโลกไปนานแล้ว เพราะปัญหาการพัฒนาและขยายพื้นที่เกษตรกรรมอย่างรวดเร็ว ทำให้อีเห็นน้ำอินโดจีนสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย ปัจจุบัน เชื่อว่าอาจจะเป็นชนิดเดียวกันหรือชนิดย่อยของอีเห็นน้ำมลายูก็ได้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอีเห็นน้ำอินโดจีน · ดูเพิ่มเติม »

อ่าว

อ่าวไทย อ่าว (Bay) หมายถึงส่วนพื้นที่ของทะเลที่ล้อมรอบโดยแผ่นดินใกล้เคียง คลื่นทะเลในอ่าวมักจะสงบกว่าทะเลหรือมหาสมุทรที่อยู่ภายนอกเนื่องจากแผ่นดินต้านแรงคลื่นและแรงลมบางส่วนเอาไว้ อ่าวมีลักษณะที่เว้าโค้งเป็นรูปต่างๆ กัน ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนิยมเรียกอ่าวตามลักษณะที่เกิดขึ้นเช่น "อ่าวเขาควาย" จะมีลักษณะชายหาดที่งุ้มเหมือนเขาควาย "อ่าวมะนาว" มีลักษณะของทะเลที่เว้าเข้าไปในแผ่นดินเป็นรูปมะนาว เวิ้งน้ำขนาดใหญ่สามารถเรียกว่าอ่าว (bay, gulf) ทะเล (sea) บึงหรือทะเลสาบ (lake) ในขณะที่อ่าวขนาดเล็กที่เว้าเข้าตามชายฝั่ง (coast) รูปร่างโค้งรีและทางออกแคบเรียกว่าหาด (cove) ซึ่งมักจะมีชายหาดหรือหาดทราย (beach) อยู่ภายในเป็นบริเวณกว้าง ถ้าฝั่งสูงชันโดยตลอดอาจเรียกว่าฟยอร์ด (fjord) พบได้ตามเขตขั้วโลก อ่าวถูกสร้างขึ้นได้ทั้งโดยธรรมชาติและโดยมนุษย์ โดยธรรมชาติเกิดจากน้ำทะเลที่เข้ามาท่วมระหว่างแนวเทือกเขาใต้ทะเลและบนแผ่นดิน หรือการกัดเซาะแนวชายฝั่ง ซึ่งส่วนที่กัดเซาะได้ง่ายจะเว้าลึกเข้าไปมากกว่าส่วนที่กัดเซาะยาก เมื่อนานเข้าก็ทำให้เกิดอ่าวขึ้น สำหรับฟยอร์ดเกิดจากการเคลื่อนตัวและการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง และโดยมนุษย์คือการก่อสร้างสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณโดยรอบที่ไม่ได้ป้องกันจะถูกกัดเซาะเป็นเวิ้งน้ำ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอ่าว · ดูเพิ่มเติม »

อ่างเก็บน้ำ

อ่างแก้ว อ่างเก็บน้ำในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ่างเก็บน้ำ (reservoir) หมายถึง ทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อเก็บน้ำสำหรับการใช้ในหลากหลายจุดประสงค์ อ่างเก็บน้ำถูกสร้างขึ้นจากคอนกรีต ดิน หิน สิงที่อยู่รอบๆ แม่น้ำหรือลำธาร เพื่อเป็นเขื่อนที่แข็งแรง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จสมบูรณ์ กระแสน้ำจะเติมเต็มเขื่อน เขื่อนซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ (มากกว่าเป็นการปรับตัวของอ่างน้ำตามธรรมชาติ) อาจถูกเรียกว่า ที่เก็บน้ำขนาดใหญ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและอ่างเก็บน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

อ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่

อ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยกั้นน้ำที่เนินเขาสองลูก ที่ประชิดกันบริเวณบ้านป่ารังงาม และบ้านหนองกราดน้อย ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการเกษตรกรรม และป้องกันอุทกภัย เขื่อนนี้เปิดใช้เมื่อปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและอ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ · ดูเพิ่มเติม »

ธงชาติเม็กซิโก

งชาติสหรัฐเม็กซิโก มีลักษณะเป็นธงสามสีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบ่งตามแนวตั้ง ประกอบด้วย สีเขียว สีขาว และสีแดง กลางแถบสีขาวมีภาพตราแผ่นดินของเม็กซิโก ซึ่งแม้ว่าการนิยามความหมายในสีธงชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง แต่สีธงที่ใช้ก็ยังคงเป็นสีเดิมตลอดมานับตั้งแต่เม็กซิโกทำสงครามประกาศอิสรภาพจากสเปน แบบธงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 2511 แต่รูปแบบธงชาติโดยรวมนั้นได้เริ่มใช้อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2361 ส่วนกฎหมายว่าด้วยสัญลักษณ์ประจำชาติฉบับปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อในภาษาสเปนว่า "Ley sobre el Escudo, la Bandera y el Himno Nacionales" (รัฐบัญญัติว่าด้วยตราแผ่นดิน ธงชาติ และเพลงชาติ) ซึ่งระบุข้อกำหนดในการชัก ใช้ และแสดงธงชาติ ได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ตามประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก ได้ปรากฏว่าประเทศนี้มีการเปลี่ยนแบบธงชาติมาแล้ว 4 ครั้ง โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงของขนาดสัดส่วนธงและรูปแบบตราแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ตราแผ่นดินของเม็กซิโกทุกแบบล้วนมีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นภาพนกอินทรีจับงูไว้ด้วยกรงเล็บและคาบงูไว้ในปาก โดยนกนั้นยืนอยู่บนต้นกระบองเพชร ซึ่งตั้งอยู่บนโขดหินกลางทะเลสาบ ตราดังกล่าวนี้ มีที่มาจากตำนานของชาวอัซเตก โดยเล่ากันว่า เทพเจ้าของพวกเขาได้บอกนิมิตให้สร้างเมืองขึ้นในจุดที่เห็นนกอินทรีคาบงู ซึ่งที่นั่นก็คือที่ตั้งของกรุงเม็กซิโกซิตีในปัจจุบัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและธงชาติเม็กซิโก · ดูเพิ่มเติม »

ทรัพยากรน้ำ

ทรัพยากรน้ำ หมายถึง แหล่งต้นตอของน้ำที่เป็นประโยชน์หรือมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์ ทรัพยากรน้ำมีความสำคัญเนื่องจากน้ำเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากแก่การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ได้มีการนำน้ำมาใช้ในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บ้านเรือน นันทนาการและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม น้ำที่มนุษย์นำมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าวนั้นจะเป็นน้ำจืด แต่น้ำจืดในโลกเรามีเพียงร้อยละ 2.5 เท่านั้น และปริมาณ 2 ใน 3 ของน้ำจืดจำนวนนี้เป็นน้ำแข็งในรูปของธารน้ำแข็งและน้ำแข็งที่จับตัวกันอยู่ที่ขั้วโลกทั้งสองขั้ว ปัจจุบันความต้องการน้ำมีมากกว่าน้ำจืดที่มีอยู่ในหลายส่วนของโลก และในอีกหลายพื้นที่ในโลกกำลังจะประสบปัญหาความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานของน้ำในอนาคตอันไม่ไกลนัก กรอบปฏิบัติเพื่อการจัดสรรทรัพยากรน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำ (ในพื้นที่ที่มีกรอบปฏิบัติแล้ว) เรียกว่า "สิทธิการใช้น้ำ" (Water rights).

ใหม่!!: ทะเลสาบและทรัพยากรน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบชาด

right ทะเลสาบชาด (Lake Chad) ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อ 4 ประเทศในทวีปแอฟริกา ได้แก่ ชาด ไนเจอร์ ไนจีเรีย และแคเมอรูน เป็นทะเลสาบน้ำจืดตื้น ๆ และเป็นแหล่งที่อยู่ของนกอีกหลายชนิด ซึ่งในช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงในฤดูฝน ทะเลสาบจะครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,800 ตารางกิโลเมตร แต่บางช่วงเวลาขนาดพื้นที่น้ำอาจจะเหลือเพียง 10,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลสาบมีความลึกเพียง 8 เมตร ซึ่งเมื่อ 13,000 ปีก่อน ทะเลสาบชาดเคยเป็นทะเลขนาด 400,000 ตารางกิโลเมตรมาก่อน ชาด.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบชาด · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบการ์ดา

right ทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) ทะเลสาบการ์ดาตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเวโรนาและเบรสชา บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ มีพื้นที่ 360 ตารางกิโลเมตร เป็นทะลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี การ์ดา.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบการ์ดา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบมาราไกโบ

right ทะเลสาบมาราไกโบ (Lake Maracaibo) เป็นทะเลสาบอยู่ตอนบนของประเทศเวเนซุเอลา เป็นทะเลสาบที่ใหญที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ 13,200 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีทางออกสู่ทะเลทางตอนเหนือ มีเมืองที่สำคัญคือเมืองมาราไกโบ และในทะเลสาบเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเวเนซุเอลาและทวีปอเมริกาใต้ มาราไกโบ หมวดหมู่:ประเทศเวเนซุเอลา.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบมาราไกโบ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบมาลาวี

ทะเลสาบมาลาวี หรือ ทะเลสาบนยาซา หรือ ทะเลสาบนิอัสซา (Lake Malawi, Lake Nyasa, Lake Nyassa, Lake Niassa; ชื่อหลังเป็นชื่อที่นิยมเรียกกันในโมซัมบิก) เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา เช่นเดียวกับทะเลสาบวิกตอเรียหรือทะเลสาบแทนกันยีกา นับว่าเป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา 3 ทะเลสาบนี้ ทะเลสาบมาลาวี เกิดจากการที่พื้นผิวโลกในบริเวณหุบเขาเกรตริฟต์แวลลีย์แยกตัวออกจากกันเมื่อ 8 ล้านปีก่อน และกำเนิดเป็นทะเลสาบเมื่อ 4 ล้านปีก่อน จากน้ำที่เอ่อล้นในทะเลสาบแทนกันยีกา ไหลมารวมกันที่นี่Mutant Planet: African Rift Valley Lakes, "Mutant Planet".

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบมาลาวี · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบมิชิแกน

ทะเลสาบมิชิแกนจากดาวเทียมแลนด์แซต ทะเลสาบมิชิแกน (Lake Michigan) เป็นทะเลสาบหนึ่งในหมู่ทะเลสาบทั้งห้า (เกรตเลกส์) ในทวีปอเมริกาเหนือ เป็นทะเลสาบเดียวที่อยู่ในเขตแดนของสหรัฐอเมริกา รัฐสำคัญโดยรอบได้แก่ รัฐวิสคอนซิน รัฐอิลลินอยส์ รัฐอินดีแอนา และรัฐมิชิแกน มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศโครเอเชีย โดยมีพื้นที่ประมาณ 58,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนที่ลึกที่สุด 281 เมตร ความยาวชายฝั่ง 2,636 กิโลเมตร คำว่า "มิชิแกน" มาจากภาษาโอจิบเวคำว่า "มิชิกามิ" (mishigami) ซึ่งแปลว่า (great water).

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบมิชิแกน · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบยังกีเว

ทะเลสาบยังกีเว (Llanquihue Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศชิลี มีเนื้อที่ประมาณ 860 ตร.กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบยังกีเว · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบรูปแอก

ทะเลสาบรูปแอกคดเคี้ยว (สแกนดิเนเวีย) การก่อตัวของทะเลสาบรูปแอกในแม่น้ำโนวิทนาในอะแลสกา ทะเลสาบรูปแอก, บึงโค้ง หรือ กุด (oxbow lake) เป็นทะเลสาบหรือบึงที่มีรูปร่างโค้งเข้าหากัน เกิดจากการที่โค้งน้ำตวัดเปลี่ยนเส้นทางการไหลจากแนวโค้งเดิมเป็นลำน้ำสายใหม่ที่ตรง ทำให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นเกาะระยะหนึ่ง ต่อมาลำน้ำสายเก่าถูกตะกอนมาทับถมปิดหัวและท้ายจึงถูกตัดขาดกลายเป็นบึงที่มีลักษณะเป็นรูปแอก และทะเลสาบรูปแอกนี้จะถูกทำลายจากการทับถมของตะกอนชายฝั่งกลายมาเป็นที่ราบน้ำท่วมถึงเรียกว่า รอยบึงโค้ง (oxbow scar) ซึ่งเป็นที่ลุ่มน้ำขังชื้นแฉะต่อไป คำว่า "รูปแอก" ยังอาจใช้เรียกส่วนโค้งรูปตัวยูของแม่น้ำลำธาร โดยที่ส่วนโค้งนั้นไม่จำเป็นต้องถูกตัดขาดจากลำน้ำสายหลักก็ได้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบรูปแอก · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบลาโดกา

ทะเลสาบลาโดกา (Lake Ladoga; Ладожское озеро) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปและทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสิบสี่ในโลกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย ล้อมรอบด้วยเขตการปกครองของรัสเซีย 2 แห่ง คือ สาธารณรัฐคาเรลียาทางเหนือ และบริเวณทางตอนใต้ติดกับเลนินกราดโอบลาสต์ มีแม่น้ำเนวาอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ไหลออกจากทะเลสาบสู่อ่าวฟินแลนด์ของทะเลบอลติก ทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่ 17,700 ตารางกิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ย 51 เมตร จุดที่ลึกที่สุดอยู่ทางเหนือ มีความลึก 230 เมตร มีเกาะประมาณ 660 เกาะจำนวนพื้นที่ 435 ตารางกิโลเมตร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบลาโดกา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบวอลตา

right ทะเลสาบวอลตา (Lake Volta) ตั้งอยู่ในประเทศกานา เป็นทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ 8,500 ตารางกิโลเมตร มีความยาวจากเหนือเขื่อนขึ้นไปมีระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ทะเลสาบวอลต้าเกิดจากการสร้างเขื่อนอะโกซัมโบ กันแม่น้ำวอลตา วอลตา หมวดหมู่:ประเทศกานา.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบวอลตา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบวิกตอเรีย

right ทะเลสาบวิกตอเรีย (Lake Victoria) อยู่ในเขตติดต่อสามประเทศได้แก่ เคนยา แทนซาเนีย และยูกันดา เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา มีเนื้อที่ 68,800 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบวิกตอเรียเป็นทะเลสาบที่มีอายุน้อยที่สุดในแถบนี้ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหุบเขาทรุดเกรตริฟต์แวลลีย์ และเป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญของทวีปแอฟริกา ทะเลสาบวิกตอเรียเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำไนล์ โดยมีแม่น้ำคาเกรา ไหลเข้ามายังทะเลสาบ วิกตอเรีย หมวดหมู่:ประเทศเคนยา หมวดหมู่:ประเทศแทนซาเนีย หมวดหมู่:ประเทศยูกันดา.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบวิกตอเรีย · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบสงขลา

ทะเลสาบสงขลา หรือ ทะเลสาบพัทลุง หรือ ทะเลสาบลำปำ (ชื่อที่เรียกในเขตจังหวัดพัทลุง) เป็นทะเลสาบแห่งเดียวในประเทศไทยที่อยู่ติดกันถึง 3 จังหวัด มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ จังหวัดพัทลุง ในเขตอำเภอเมืองพัทลุง อำเภอปากพะยูน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสนและอำเภอควนขนุน, จังหวัดสงขลา ในเขตอำเภอระโนด อำเภอสทิงพระ อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอเมืองสงขลา อำเภอควนเนียง อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ทะเลสาบสงขลาตอนล่างมีเกาะขนาดใหญ่อยู่เกาะหนึ่ง คือ เกาะยอ และมีเกาะต่าง ๆ อีก ที่เป็นแหล่งสัมปทานเก็บรังนก คือ เกาะสี่ เกาะห้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบสงขลา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบหนองหาน

หนองหาน ทะเลสาบหนองหาน หรือ หนองหานหลวง เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นรองจากบึงบอระเพ็ด ตั้งอยู่บริเวณอำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่กว่า 77,000 ไร่ ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2.0-10.0 เมตร เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด นกน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศไทย สันนิษฐานว่าหนองหารเกิดจากการยุบตัวของแผ่นเปลือกโลกอันเนื่องมาจากการถูกชะล้างของชั้นหินเกลือใต้ดินจนเกิดโพรงขนาดใหญ่ และเกิดการพังทลายยุบตัวลงเป็นหนองน้ำในเวลาต่อมา ตามคติความเชื่อของชาวสกลนคร หนองหาร เป็นผลจากการกระทำของพญานาค สืบเนื่องมาจากการกระทำอันผิดทำนองคลองธรรมของชาย-หญิง ในตำนานผาแดง นางไอ่ ทะเลสาบหนองหานประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากกว่า 30 เกาะ เกาะที่ขนาดใหญ่ที่สุดคือ เกาะดอนสวรรค์ โดยมีพุทธสถานโบราณภายในเก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบหนองหาน · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบออนแทรีโอ

ทะเลสาบออนแทรีโอ (Lake Ontario) เป็นทะเลสาบหนึ่งในจำนวนห้าทะเลสาบในภูมิภาคเกรตเลกส์ ทางด้านทิศเหนือติดกับรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ส่วนทางด้านใต้ติดกับคาบสมุทรไนแอการาและรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นทะเลสาบที่เล็กที่สุดและเป็นทะเลสาบเดียวที่ไม่มีพรมแดนติดกับรัฐมิชิแกนของสหรัฐอเมริก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบออนแทรีโอ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบอิรี

ทะเลสาบอิรี (Lake Erie) เป็นทะเลสาบที่มีพื้นที่ผิวน้ำใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในหมู่ทะเลสาบของภูมิภาคเกรตเลกส์ และใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ของโลก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบอิรี · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบอีนเล

ทะเลสาบอีนเล (အင်းလေးကန်) หรือไทใหญ่เรียกว่า หนองอางเล เป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่ในรัฐชาน ห่างจากเมืองตองจีประมาณ 25 กิโลเมตร ในประเทศพม่า เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาชาน เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของพม่ามีพื้นที่ประมาณ 44.9 ตารางไมล์ (116 ตารางกิโลเมตร) ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,900 เมตร (880 เมตร) ในช่วงฤดูแล้งความลึกของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ฟุต (2.1 เมตร) โดยมีจุดที่ลึกที่สุดคือ 12 ฟุต (3.7 เมตร) แต่ในช่วงฤดูฝนสามารถเพิ่มขึ้นได้กว่า 5 ฟุต (1.5 เมตร) แม้ว่าทะเลสาบจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสัตว์สายพันธุ์เฉพาะถิ่น หอยทากกว่า 20 สายพันธุ์ และปลา 9 ชนิดพบว่าไม่มีที่ไหนในโลก บางส่วนของสัตว์เฉพาะถิ่นเหล่านี้ เช่น ปลาซิวซอ-บวา ปลาซิวกาแล็กซี มีความสำคัญในเชิงพาณิชย์เล็กน้อยสำหรับการค้าให้แก่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และมีนกนางนวลหัวสีน้ำตาลและสีดำอพยพกว่า 20,000 ตัวในเดือนพฤศจิกายน ธันวาคมและมกราคม ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอินทา (Intha) ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบอีนเลมานานนับร้อยปีแล้ว โดยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการทำการเกษตรบนเกาะวัชพืชที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกลางลำน้ำในทะเลสาบ ในเดือนมิถุนายน..

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบอีนเล · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม

ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ (Hồ Hoàn Kiếm; Lake of the Returned Sword, Lake of the Restored Sword, Hoan Kiem Lake) เป็นทะเลสาบน้ำจืดและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม น้ำในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมโดยปกติจะเป็นสีเขียว จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า "ทะเลสาบหลุกถวี" (Lục Thủy) หรือ "ทะเลสาบน้ำเขียว" ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตเมืองเก่า มีตำนานเล่าขานกันถึงสถานที่แห่งนี้เป็นตำนานการสร้างชาติเวียดนามว่า ในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิเล เหล่ย แห่งราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนแห่งราชวงศ์หมิงที่รุกราน ให้ออกไปจากเวียดนาม ในขณะที่พระองค์ประทับบนเรือ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ก็มีตะพาบยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกให้พระองค์ส่งดาบนั้นกลับคืนแด่จ้าวมังกร ดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งตะพาบยักษ์ชนิดนี้ก็คือ ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง (Rafetus swinhoei) ซึ่งเป็นตะพาบขนาดใหญ่และใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ที่อาศัยอยู่ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบัน ใน "วัดหง็อกเซิน" (Ngọc Sơn) หรือ "วัดเนินหยก" ที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบ ก็มีตัวอย่างสตั๊ฟฟ์ของตะพาบชนิดนี้ให้ชมกันด้วย โดยการเดินทางไปวัดหง็อกเซิน จะมีสะพานไม้ ชื่อ "สะพานเทฮุก" (Thê Húc) หรือ "สะพานแสงอาทิตย์" มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฮานอย ข้ามจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ไปยังวัดซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของทะเลสาบ และยังมีหอคอยโบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า "ท้าปสั่ว" (Tháp Rùa) ซึ่งหมายถึง "หอคอยเต่า" หรือ "หอคอยตะพาบ" และในปัจจุบันยังมีหลายคนได้เห็นตะพาบยักษ์โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูกาล ซึ่งเชื่อกันว่ามีอยู่ 3-4 ตัว ในสถานที่เลี้ยงในโลกเท่านั้น ปัจจุบัน ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจของชาวฮานอย โดยมีการสร้างเป็นสวนสาธารณะล้อมรอบ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งของฮานอย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบฮิบะระ

ทะเลสาบฮิบะระ (桧原湖 Hibara-ko) เป็นทะเลสาบตั้งอยู่บริเวณตำบลยะมะ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบันได-อะซะฮิ ทะเลสาบฮิบะระเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณที่ราบสูงบันได-โคเกน บริเวณรอบทะเลสาบได้รับการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช่น การเดินป่า ล่องเรือ ตั้งค่ายพักแรม และการตกปลาน้ำแข็งซึ่งเป็นที่นิยมในฤดูหนาว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบฮิบะระ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบฮุฟสกุล

ทะเลสาบฮุฟสกุล ทะเลสาบฮุฟสกุล (Хөвсгөл нуур) ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบฮุฟสกุล เขตปกครองจังหวัดฮุฟสกุล ทางเหนือสุดของประเทศมองโกเลีย ติดกับพรมแดนสาธารณรัฐบูเรียตียา (Buryatia) ประเทศรัสเซีย มีประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปีพ.ศ. 2535 โดยกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดูแล ทะเลสาบฮุฟสกุลอยู่ห่างจากที่ราบใจกลางมองโกเลียประมาณ 900 กิโลเมตร มีสภาพอากาศแบบหนาวเย็น ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งหนองน้ำ ทุ่งหญ้าสเตปป์ ทุนดรา ป่าสนไทก้า และเขตอัลไพน์ ทำให้มีนกและสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ในปีพ.ศ. 2540 รัฐบาลมองโกเลียจึงประกาศให้พื้นที่ตะวันตกของอุทยานเป็นพื้นที่คุ้มครองสัตว์สงวนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรทะเลสาบฮุฟสกุล ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่และลึกที่สุดในมองโกเลีย ทะเลสาบฮุฟสกุลมีความลึกประมาณ 238 เมตรตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,645 เมตร ยาวจากเหนือถึงใต้ 125 กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบฮุฟสกุล · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบฮูรอน

ทะเลสาบฮูรอนมองจากเกาะแมคคินอ ทะเลสาบฮูรอน หรือ ทะเลสาบฮิวรอน (Lake Huron; Lac Huron) เป็นทะเลสาบหนึ่งในหมู่ทะเลสาบทั้งห้า (เกรตเลกส์) ในทวีปอเมริกาเหนือ เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างรัฐมิชิแกนของสหรัฐอเมริกากับรัฐออนแทริโอของแคนาดา มีพื้นน้ำรวมทั้งสิ้น 59,600 ตารางกิโลเมตร ความลึกสุดที่ 230 เมตร ความลึกเฉลี่ย 59 เมตร ชายฝั่งยาว 6,156 กิโลเมตร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบฮูรอน · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบคะซุมิงะอุระ

ทะเลสาบคะซุมิงะอุระ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียวราว 60 กิโลเมตรในเขตจังหวัดอิบะระกิ เดิมเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยซึ่งเชื่อมต่ออย่างอ้อมๆกับมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านแม่น้ำฮิตะชิและแม่น้ำโทะเนะ จนกระทั่งในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบคะซุมิงะอุระ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบคังคาตลโอ

ทะเลสาบคังคา (गङ तलओ คังคาตลโอ) หรือ ทะเลสาบใหญ่ (Grand Bassin) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตซาแวนน์ ประเทศมอริเชียส และเป็นสถานที่แสวงบุญและศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูในมอริเชี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบคังคาตลโอ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบคานาส

ทะเลสาบคานาส (Kanas Lake, Kanasi Lake.) หรือ คานาซือ (喀纳斯, พินอิน: Kānàsī Hú) หรือ ฮานาซือ (哈纳斯) ในภาษาจีน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ท่ามกลางวงโอบล้อมของเทือกเขาอัลไต มีพื้นที่กว่า 2,000 ตารางกิโลเมตร โดยอยู่บริเวณตอนเหนือสุดของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ อยู่ระหว่างพรมแดนจีนกับคาซัคสถาน โดยคำว่า "คานาส" เป็นภาษามองโกล แปลว่า "ทะเลสาบท่ามกลางขุนเขา" ทะเลสาบคานาสเป็นทะเลสาบทรงรีอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,370 เมตร มีโค้งใหญ่ ๆ รวม 6 แห่ง ยาวรวมทั้งสิ้น 24 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้ว ทะเลสาบคานาสยังถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกที่สุดในโลกอีกด้วย โดยจุดที่ลึกที่สุดนั้นอยู่บริเวณโค้งที่ 2 มีความลึกราว 188 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึกราว 60 ชั้น ทะเลสาบแห่งนี้ มีฉายาว่า "ทะเลสาบเปลี่ยนสี" ด้วยเหตุที่เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง สีของน้ำในทะเลสาบก็จะเปลี่ยนตาม กล่าวคือ ในวันท้องฟ้าสดใสน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะเป็นสีเขียวครามเข้ม ในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝน น้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเทา และในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงน้ำในทะเลสาบก็จะสะท้อนออกมาเป็นสีเขียวครามขุ่น นอกจากนี้แล้ว รอบ ๆ ทะเลสาบคานาสยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยมีความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์มากมาย มีสัตว์หายากหลายชนิดที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ เช่น หมีสีน้ำตาล (Ursus arctos), แมวป่าลิงซ์ยูเรเซีย (Lynx lynx), เสือดาวหิมะ (Uncia uncia) เป็นต้น ทะเลสาบคานาสยังเป็นสถานที่ ๆ มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในห้วงลึกสุดของทะเลสาบเช่นเดียวกับ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ ของทะเลสาบเนสส์ ในสก็อตแลนด์อีกด้วย โดยเป็นความเชื่อของชาวถูหว่าซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่นั่น ที่เชื่อว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ คือ ปลาไทแมน (Hucho taimen) ปลาจำพวกแซลมอนขนาดใหญ่ ที่มีสีแดงก่ำ แต่ก็เชื่อว่าสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบนี้ได้ลากเอาสัตว์เลี้ยงจำพวก วัว ควาย แพะ แกะและม้า ของชาวบ้านลงไปกินในน้ำด้วย ด้วยการสำรวจของนักสำรวจกลุ่มหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ 80 พบโครงกระดูกที่สมบูรณ์ของสัตว์เหล่านี้ที่ก้นทะเลสาบ ซึ่งต่อมาได้มีการพิสูจน์ความจริงโดยสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน ด้วยการจับภาพ พบว่าเป็นฝูงปลาไทแมนขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างไรความเชื่อในเรื่องสัตว์ประหลาดนี้ก็ยังคงมีอยู.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบคานาส · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบคีวู

ทะเลสาบคีวู (Lake Kivu) เป็นทะเลสาบในทวีปแอฟริกา อยู่ทางตอนกลางของทวีป ระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกับรวันดา ทางเหนือของทะเลสาบแทนกันยีกา และทางใต้ของทะเลสาบเอ็ดเวิร์ด ทะเลสาบมีเนื้อที่ 2,700 ตร.กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบคีวู · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบซือริช

ทะเลสาบซือริช (Zürichsee) เป็นทะเลสาบในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ระดับความสูง 406 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทะเลสาบทอดตัวเป็นแนวยาวไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากนครซือริชเป็นระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ทะเลสาบแห่งนี้รับน้ำมาจากคลองลินท์ ซึ่งเป็นคลองที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ในรัฐกลารุส ทะเลสาบมีพื้นน้ำคิดเป็นพื้นที่กว่า 88.66 ตารางกิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ย 49 เมตร จุดที่ลึกที่สุดมีความลึก 136 เมตร ทะเลสาบซือริชกินพื้นที่คาบเกี่ยวในรัฐสวิสสามรัฐ ได้แก่ รัฐซือริช, รัฐซังคท์กัลเลิน และรัฐชวีซ ส่วนทางตะวันออกของทะเลสาบในรัฐซังคท์กัลเลินและรัฐชวีซมีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบโอเบอร์ (Obersee) ซึ่งมีความหมายว่า "ทะเลสาบที่สูง".

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบซือริช · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบซุวะ

ทะเลสาบซุวะ (諏訪湖; Lake Suwa) เป็นทะเลสาบในเทือกเขาคิโซะ ในเขตภาคกลางของจังหวัดนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบซุวะ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ

ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ (Crater lake) เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นภายในปล่องภูเขาไฟ อย่างเช่น Maar หรือแคลดีรา บางครั้งอาจเรียกว่า ทะเลสาบแคลดีรา แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะไม่เรียกเช่นนั้น ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่อยู่ในปล่องของภูเขาไฟมีพลังอาจเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า Volcanic lakes และน้ำในทะเลสาบลักษณะนี้มักจะมีสภาพเป็นกรด เต็มไปด้วยแก๊สภูเขาไฟ และมีสีเขียวเข้ม ขณะที่ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในปล่องภูเขาไฟสงบหรือภูเขาไฟดับสนิทมักจะมีน้ำที่ใส และจะยิ่งใสมากเป็นพิเศษถ้าไม่มีธารน้ำและตะกอนไหลเข้ามา ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟเกิดขึ้นเมื่อหยาดน้ำฟ้าตกลงมาในแอ่ง ความลึกจะเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งเกิดสมดุลระหว่างอัตราของน้ำที่เข้ามาและอัตราของน้ำที่เสียไปซึ่งอาจเกิดจากการระเหย การซึมลงใต้ดิน และอาจรวมถึงการไหลออกบนผิวดินหากระดับน้ำในทะเลสาบสูงถึงจุดที่ต่ำที่สุดของขอบแอ่ง ซึ่งการไหลออกบนผิวดินนี้อาจกัดเซาะสิ่งทับถมที่กั้นทะเลสาบไว้ และถ้าสิ่งทับถมนี้ถูกกัดเซาะอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้เกิด Lake breakout ขึ้นได้ ตัวอย่างของทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงคือ Crater Lake ซึ่งมีชื่อเดียวกับศัพท์ทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่ในแคลดีราของ Mount Mazama (ดังนั้นชื่อ "Crater Lake" จึงเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง) ในรัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา จัดเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีความลึก 594 เมตร น้ำใน Crater Lake มาจากฝนและหิมะเท่านั้น โดยไม่มีการไหลเข้าและออกที่ระดับผิวดิน ดังนั้นจึงเป็นทะเลสาบที่มีความใสมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในโลกคือ Ojos del Salado ซึ่งมีความสูง 6,893 เมตร มีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 เมตร อยู่ที่ระดับความสูง 6,390 เมตรทางด้านตะวันออกของภูเขาไฟ อาจถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่อยู่ที่ระดับความสูงมากที่สุดในโลก ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟบางแห่งจะคงตัวอยู่เป็นพักๆเท่านั้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ผันแปร ขณะที่ทะเลสาบแคลดีราสามารถคงตัวอยู่ได้นานมาก ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบโทบาที่เกิดขึ้นเมื่อหลังจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณ 70,000 ปีก่อน และมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟหลายแห่งอาจมีความงดงามดั่งวาด แต่ก็มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นแก๊สที่ปล่อยออกจาก Lake Nyos ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจราว 800 คนเมื่อ..

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบนิการากัว

ทะเลสาบนิการากัว หรือ โกซิบอลกา หรือ กรานาดา (Lago de Nicaragua, Lago Cocibolca, Mar Dulce, Gran Lago, Gran Lago Dulce, หรือ Lago de Granada) เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในประเทศนิการากัว มีพื้นที่ 8,264 ตร.กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบนิการากัว · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบแวนดา

แผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุกทะเลสาบแวนดา และแม่น้ำนิล ทะเลสาบแวนดา (Lake Vanda) อยู่ที่หุบเขาไรท์ วิคตอเรีย แอนตาร์กติกา ทะเลสาบนี้ยาว 5 กิโลเมตร มีความลึกสูงสุด 69 เมตร ณ บนชายฝั่งของนิวซีแลนด์ ในสถานีแวนดา เมื่อปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบแวนดา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบแวแนร์น

right ทะเลสาบแวเนร์น (Vänern) ตั้งทางตอนใต้ของประเทศสวีเดน เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดนและทวีปยุโรป มีเนื้อที่กว่า 5,585 เมตร ทะเลสาบแวเนร์น ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 44 เมตร เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศสวีเดน รอบๆ ทะเลสาบส่วนใหญ่เป็นไร่นา และ ป่า วแนร์น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบแวแนร์น · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบแอร์

right ทะเลสาบแอร์ (Lake Eyre) ตั้งอยู่ในกลางประเทศออสเตรเลีย บริเวณพื้นที่แห้งและเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ถูกค้นพบในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบแอร์ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบแทนกันยีกา

ทะเลสาบแทนกันยีกา (Lake Tanganyika) เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อ 4 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ซาอีร์เดิม), แทนซาเนีย, แซมเบีย และบุรุนดี เป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญเป็นอันดับที่สองในแอฟริการองจากทะเลสาบวิกตอเรีย นอกจากนั้นยังเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในทวีปแอฟริกาและลึกที่สุดในทวีปแอฟริกาอีกด้วย จุดที่มีความลึกที่สุดลึกกว่า 1,470 เมตร ทะเลสาบแทนกันยีกาเกิดจากการทรุดตัวของแผ่นเปลือกโลกและภูเขาไฟระเบิด เมื่อราว 20 ล้านปีมาแล้ว นับเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งตั้งอยู่ในแนวเกรตริฟต์แวลลีย์ โดยคำว่า "แทนกันยีกา" นั้นมาจากภาษาสวาฮิลีสองคำ คือ "tangan" หมายถึง "เรือใบ" และ "nyika" หมายถึง "ป่า" หรือ "ไม่มีที่อยู่" โดยรวมอาจหมายความว่า "เรือใบที่แล่นในถิ่นทุรกันดาร" ก็ได้ ทะเลสาบแทนกันยีกา มีความยาวจัดจากเหนือจรดใต้ได้ถึง 673 กิโลเมตร แต่มีความกว้างโดยเฉลี่ยประมาณ 50 กิโลเมตร มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 3,2892 ตารางกิโลเมตร ความยาวรอบชายฝั่งวัดรวมกันได้ 1,828 กิโลเมตร และยังเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกเป็นอันดับสองของโลกรองจากทะเลสาบไบคาล ในไซบีเรีย มีดินแดนติดกับคองโกราวร้อยละ 45 และติดกับแทนซาเนียร้อยละ 41 โดยประมาณ น้ำในทะเลสาบไหลสู่แม่น้ำคองโกในตอนกลางของทวีป และจะไหลไปลงทะเลที่ตอนแอฟริกาตะวันตกที่มหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลสาบแห่งนี้มีความโดดเด่นเรื่องของอุณหภูมิที่ค่อนข้างเสถียร เรื่องจากข้างล่างทะเลสาบยังคงมีภูเขาไฟ น้ำมีการเปลี่ยนแปลงในแนวตั้งน้อยมาก ในความลึกเกิน 300 เมตร ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำค่อนข้างน้อย จึงมักไม่ค่อยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยมีความเปลี่ยนแปลงต่างกันไม่เกิน 5 ฟาเรนไฮต์ โดยบริเวณผิวน้ำจะมีอุณหภูมิประมาณ 73-88 ฟาเรนไฮต์ ค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำอยู่ที่ประมาณ 7.5-9.3 (pH) ระบบนิเวศของทะเลสาบแทนกันยีกา แบ่งออกได้เป็นสองส่วนหลัก คือ ระบบชายฝั่งและพื้นที่นอกชายฝั่ง ซึ่งสามารถแบ่งระบบนิเวศตามสภาพแวดล้อมที่ต่างกันได้ ดังนี้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบแทนกันยีกา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบโกโม

right ทะเลสาบโกโม (Como) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโกโม ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ มีพื้นที่ 146 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลี รองจากทะเลสาบการ์ดาและทะเลสาบมัจจอเร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบโกโม · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบโตบา

ทะเลสาบโตบา (Lake Toba Danau Toba) เป็นทะเลสาบและซูเปอร์ภูเขาไฟ มีความยาว 100 กิโลเมตร กว้าง 33 กิโลเมตร จุดที่ลึกที่สุดลึก 505 เมตร ตั้งอยู่ที่ทางเหนือของเกาะสุมาตราในอินโดนีเซีย ที่ระดับความสูง 900 เมตร พิกัดตั้งแต่ ถึง เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย และเป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลสาบโตบาเคยเป็นสถานที่เกิดเหตุซูเปอร์ภูเขาไฟปะทุเมื่อประมาณ 69,000-77,000 ปีก่อน ซึ่งเป็นการปะทุครั้งใหญ่ที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยถูกประมาณให้อยู่ที่ระดับ 8 ของดัชนีการระเบิดของภูเขาไฟ และเป็นเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในรอบ 25 ล้านปีที่ผ่านมา ตามทฤษฎีมหันตภัยโตบาแล้ว การปะทุครั้งนั้นส่งผลกระทบไปทั่วโลก มนุษย์ส่วนใหญ่ในขณะนั้นเสียชีวิต และเกิดภาวะคอขวดทางประชากรในแอฟริกาตะวันออกตอนกลางและอินเดีย ซึ่งส่งผลต่อ Genetic inheritance ของมนุษย์ทุกคนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สมมุติฐานนี้ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายเนื่องจากขาดหลักฐานที่แสดงถึงการเสียชีวิตหมู่หรือสูญพันธุ์ของสัตว์ชนิดอื่น แม้แต่สัตว์ที่อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมGathorne-Hardy, F. J., and Harcourt-Smith, W. E. H.,, Journal of Human Evolution 45 (2003) 227–230.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบโตบา · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบไบคาล

ทะเลสาบไบคาล (อักษรโรมัน: Lake Baikal, อักษรซีริลลิก: о́зеро Байка́л) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ประเทศรัสเซียเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกกว่า 1,640 เมตร ทะเลสาบไบคาลเกิดจากการที่น้ำเอ่อล้นเข้ามาจนเต็มรอยเปลือกโลกที่แตกเมื่อ 25 ล้านปีที่แล้ว ทะเลสาบมีความยาวประมาณ 650 กิโลเมตร กว้างโดยเฉลี่ย 50 กิโลเมตร มีพื้นที่ 31,722 ตารางกิโลเมตร และมีปริมาตร 23,615 ลูกบาศก์กิโลเมตร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบไบคาล · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบไท่

ทะเลสาบไท่ หรือไท่หู (อังกฤษ: Lake Tai หรือ Lake Taihu; จีน: 太湖; พินอิน: Tài Hú; แปลตามตัวอักษรว่า "Great Lake") เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (Yangtze Delta) ใกล้เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ตั้งอยู่ในเขตมณฑลเจียงซู โดยมีบริเวณตอนใต้ของทะเลสาบติดกับเขตของมณฑลเจ้อเจียง พื้นที่ทะเลสาบมีขนาดประมาณ และความลึกเฉลี่ยประมาณ จึงนับได้ว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามของประเทศจีนต่อจากทะเลสาบโป๋หยาง (อังกฤษ: Poyang; จีน:  鄱阳湖; พินอิน: Póyáng Hú, Gan: Po-yong U) และทะเลสาบต้งถิง (อังกฤษ: Dongting; จีน: 洞庭湖; พินอิน: Dòngtíng Hú) ภายในบริเวณทะเลสาบประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ กว่า 90 เกาะJiangsu.net (http://wuxi.jiangsu.net/attraction/premier.php?name.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบไท่ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบเว็บสเตอร์

ทะเลสาบเว็บสเตอร์ มีชื่อเต็มว่า "'Chaubunagungamaug" เป็นทะเลสาบในเมืองเว็บสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ 5.83 ตารางกิโลเมตร ป้ายทะเลสาบ Chargoggagoggmanchauggagoggchaubunagungamaugg ชื่อเต็มของทะเลสาบแห่งนี้คือ Chargoggagoggmanchauggagoggchaubunagungamaugg (ชะกากะกาก แมนชอกะกาก ชะบันนะกังกะมอก) มีความยาว 45 ตัวอักษร ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ที่ยาวที่สุดในสหรัฐอเมริก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบเว็บสเตอร์ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบเตียนฉือ

250px ทะเลสาบเตียนฉือ (Lake Dian, 滇池) หรือ ทะเลสาบคุนหมิง (昆明湖) เป็นทะเลสาบปิดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,886.5 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร มีความยาวจากริมฝั่งด้านทิศเหนือจรดทิศใต้ 39 กิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ย 4.4 เมตร จากความงดงามของทะเลสาบนี้ ทำให้ถูกขนานนามว่า "ไข่มุกทอแสงแห่งที่ราบสูง" และยังเป็นต้นแบบในการสร้างทะเลสาบคุนหมิงภายในพระราชวังฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่ง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบเตียนฉือ · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลสาบเซวาน

ทะเลสาบเซวาน (Lake Sevan; Սևանա լիճ) เป็นทะเลสาบน้ำจืดและทะเลปิดในประเทศอาร์มีเนียและคอเคซัส ทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลสาบเซวานล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำแม่น้ำฮราซดาน และแม่น้ำมาสริค และมีเมืองลอมรอบมากม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลสาบเซวาน · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลแคสเปียน

ทะเลแคสเปียน (Caspian Sea) เป็นทะเลปิดที่อยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป มีเนื้อที่ผิวน้ำประมาณ 371,000 ตร.กม. และจุดลึกที่สุดลึกประมาณ 980 เมตร ทะเลแคสเปียนมีลักษณะร่วมของทั้งทะเลและทะเลสาบ บางครั้งจึงได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามน้ำในทะเลแคสเปียนกลับไม่ได้เป็นน้ำจืด มีปริมาณเกลือประมาณ 1.2% ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณเกลือในน้ำทะเลทั่วไป.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลแคสเปียน · ดูเพิ่มเติม »

ทะเลเดดซี

ทะเลเดดซีมุมมองจากฝั่งอิสราเอลมองข้ามไปยังจอร์แดน นักท่องเที่ยวสามารถลอยตัวในทะเลเดดซีเนื่องจากความเข้มข้นของเกลือสูง ทะเลเดดซี หรือ ทะเลมรณะ (Dead Sea; البَحْر المَيّت‎, อัลบะฮฺรุ อัลมัยยิต; יָם הַ‏‏מֶ‏ּ‏לַ‏ח‎, ยัม ฮาเมลาห์ (ทะเลเกลือ)) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก อยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดน รัฐปาเลสไตน์ และอิสราเอล ระดับน้ำอยู่ต่ำที่สุด ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนที่ด้านตะวันออก แม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมายังทะเลเดดซีนี้ ซึ่งมีความยาว 80 กิโลเมตร และมีความกว้างถึง 18 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่นั้น 1,020 ตารางกิโลเมตร แหลมอัลลิซาน (แปลว่า ลิ้น) แบ่งทะเลสาบด้านตะวันออกเป็นสองส่วน ตอนเหนือใหญ่กว่า ล้อมรอบพื้นที่ 3/4 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนความลึกนั้นประมาณ 400 เมตร แอ่งตอนเหนือนั้นเล็ก และตื้น (ลึกประมาณ 3 เมตร) ในสมัยที่เขียนคัมภีร์ไบเบิล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 พื้นที่บริเวณตอนเหนือเท่านั้นที่มีผู้อยู่อาศัย และระดับน้ำต่ำกว่าในปัจจุบัน 35 เมตร คนชาวอาหรับจะเรียกทะเลสาบเดดซีกันว่า "อัลบาห์รัลไมยิต” หมายความว่า ทะเลมรณะ เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ ขณะที่ภาษาฮีบรูเรียกทะเลสาบนี้ว่า "ยัมฮาเมละฮ์" ซึ่งหมายความว่า "ทะเลเกลือ" เป็นทะเลที่เค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เค็มกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกอีกแห่งด้วย สำหรับทะเลสาบเดดซี เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ชื่นชอบในการเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียและเห็ดราบางชน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทะเลเดดซี · ดูเพิ่มเติม »

ทาลลินน์

ทาลลินน์ (Tallinn; เยอรมัน; สวีเดน: Reval เรวัล เป็นชื่อประวัติศาสตร์ในภาษาเยอรมัน และ ภาษาสวีเดน) เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าหลักของประเทศเอสโตเนีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลบอลติกทางด้านเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากกรุงเฮลซิงกิ (เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์) 80 กิโลเมตร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและทาลลินน์ · ดูเพิ่มเติม »

ที่สุดในประเทศไทย

ติที่สุดในประเทศไทยเรื่องต่าง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและที่สุดในประเทศไทย · ดูเพิ่มเติม »

ที่สุดในโลก

ติที่สุดในโลก ในเรื่องต่าง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและที่สุดในโลก · ดูเพิ่มเติม »

ที่สูงแคเมอรอน

ที่สูงแคเมอรอน (Tanah Tinggi Cameron, ตานะฮ์ติงกีกาเมรน) เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บนเขาที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย โดยมีขนาดพื้นที่เท่ากับประเทศสิงคโปร์ ครอบคลุมพื้นที่ว่า 712 ตารางกิโลเมตร(275 ตารางไมล์) มีพื้นที่ทางตอนเหนือติดกับรัฐกลันตัน และทางตะวันตกมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตเมืองปีรัก ที่สูงแคเมอรอน อยู่บริเวณทางปลายสุดฝังตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐปาหัง "คาเมรอน" มีระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร(56 ไมล์) ถ้ามาจากทางเมืองอิโป หรือประมาณ 200 กิโลเมตร (120 ไมล์) ถ้ามาจากทางกัวลาลัมเปอร์ ถือว่าเป็นเขตเลือกตั้งที่เล็กที่สุดในปาหัง ผู้ค้นพบที่สูงแคเมอรอน คือ เซอร์ วิลเลียม คาเมรอนในปี 1885 ที่สูงแคเมอรอน ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ริงเลต (5,165 เฮคเตอร์), ทานะ ราตะ(2,081เฮคเตอร์) และอุรู เทลอม (63,981 เฮคเตอร์) ซึ่งแบ่งเป็นตำบลย่อย ๆ อีก 8 ตำบล คือ ริงเลต, ทานะ ราตะ (ศูนย์กลางบริหารของเมือง), บรินชาง, หุบเขาเบอแทม, ฟาร์มเกีย, ทริงแกป, กัวลา เทอรา และ กัมปุง ราจา พื้นที่เหล่านี้มีความต่างของสูงของแต่ละพื้นที่โดยจัดความสูงอยู่ในช่วงจาก 1100 เมตร ถึง 1600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีที่เหมาะแก่การพักผ่อนประมาณ 18 องศาเซลเซียส (64 องศาฟาเรนไฮต์) ในระหว่างวันอุณหภูมิจะไม่สูงเกินกว่า 25 องศาเซลเซียส(77 องศาฟาเรนไฮต์) ส่วนในช่วงกลางคืนอุณหภูมิไม่ต่ำไปกว่า 9 องศาเซลเซียส (48 องศาฟาเรนไฮต์) วัดที่พื้นที่ระดับสูง มีสถานพักตากอากาศไว้สำหรับประชาชนที่หลากหลายเชื้อชาติ สามารถรองรับได้มากกว่า 38,000 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวมลายูที่เป็นมุสลิมและมีถิ่นฐานอยู่ในอาณาเขตของประเทศมาเลเซียปัจจุบัน (ชาวมลายู(7,321), อื่นๆ(5,668)), ชาวจีน(13,099), ชาวอินเดีย (6,988), กลุ่มที่ไม่ใช่พลเมืองมลายู และชนชาติอื่นๆ(202) ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ, พนักงานอุตสาหกรรมบริการ, คนงานฟาร์ม, คนเกษียณ หรือข้าราชการ ภาษาที่ใช้พูด มีภาษามลายู, ภาษาจีนกลาง, ภาษาทามิล และภาษาอังกฤษ ศาสนาอิสลาม, ศาสนาพุทธ, ลัทธิเต๋า, ศาสนาฮินดู, ศาสนาคริสต์ และศาสนาซิกห์ เป็นศานาหลักที่นับถือ ที่สูงแคเมอรอน ได้ถูกพัฒนาในปี 1930 เทเบิ้ลแลนด์ เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกจากอุตสาหกรรมชาแล้วที่ราบสูงแห่งนี้ถูกบันทึกว่าเป็นสถานที่ที่มีอากาศเย็นด้วยสถานที่นี้เอง มีทั้งสวนผลไม้, สถานที่เพาะชำพันธุ์ไม้, แหล่งเพาะปลูก, น้ำตก, แม่น้ำ, ทะเลสาบ, สัตว์ป่า, ป่าที่ปกคลุมด้วยหญ้ามอส, สนามกอล์ฟ, โรงแรม, สถานที่ศักดิ์สิทธิ์, บังกะโล, แลนด์ โรเวอร์, พิพิธภัณฑ์ และชนพื้นเมืองเดิม(โอแรง แอสลี่) ทางถนนที่เดินทางมาที่สูงแคเมอรอน คือ ทาพาธ, ซิมปัง พูราย, กัว มูแซง และ ซันกาย โคยาน ทาพาธ และ ซิมปัง พูราย เป็นสองทางจากเมืองปีรัก กัว มูแซง และ ซันกาย โคยาน เป็นทางเข้าที่มาจากรัฐกลันตัน และรัฐปาหัง ตามลำดั.

ใหม่!!: ทะเลสาบและที่สูงแคเมอรอน · ดูเพิ่มเติม »

ดิอะเมซิ่งเรซ 14

อะเมซิ่ง เรซ 14 (The Amazing Race 14) เป็นฤดูกาลที่ 14 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 20 นาฬิกา ซึ่งยังคงเป็นคืนวันอาทิตย์ เช่นเดิม และเริ่มออกอากาศในประเทศไทยทางช่อง เอเอ็กซ์เอ็น ทาง ทรูวิชั่นส์ ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 21 นาฬิก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและดิอะเมซิ่งเรซ 14 · ดูเพิ่มเติม »

ดิอะเมซิ่งเรซ 16

อะเมซิ่ง เรซ 16 (The Amazing Race 16) เป็นฤดูกาลที่ 16 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและดิอะเมซิ่งเรซ 16 · ดูเพิ่มเติม »

ดิอะเมซิ่งเรซ: A Corrida Milionária

อะเมซิ่ง เรซ: A Corrida Milionária (The Amazing Race: The Million Dollar Race; ดิ อะเมซิ่ง เรซ: การแข่งขันสู่เงินล้าน) เป็นเวอร์ชันบราซิลของรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ ดิ อะเมซิ่ง เรซ โดยมีพิธีกรประจำรายการคือโรนี่ เซิร์ฟเวอร์โร่ รายการนี้มีการผลิตและออกอากาศเป็นอิสระ ในช่วงที่ต้องมีการซื้อเวลาของเครือข่ายโทรทัศน์บราซิล RedeTV! สำหรับรายการนี้เริ่มออกอากาศในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2550 และตอนสุดท้ายออกอากาศในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2551.

ใหม่!!: ทะเลสาบและดิอะเมซิ่งเรซ: A Corrida Milionária · ดูเพิ่มเติม »

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ

right right right ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ (river delta) จะเกิดเฉพาะกับแม่น้ำที่พัดพาเอาตะกอนขนาดเล็ก ๆ จำพวกทรายละเอียดและโคลนมากับลำน้ำเป็นปริมาณมาก แล้วมาตกตะกอนทับถมกันบริเวณปากแม่น้ำ เมื่อแม่น้ำไหลลงสู่ทะเลหรือทะเลสาบ ความเร็วของน้ำในแม่น้ำจะลดลงและตะกอนที่แม่น้ำพัดมาจะค่อย ๆ สะสมตัวบริเวณดังกล่าว ในบางแห่งขณะน้ำขึ้นน้ำลง กระแสน้ำจะพัดพาเอาทรายและโคลนออกไปสู่ทะเลไกลออกไปจึงไม่มีดินดอนปากแม่น้ำเกิดขึ้น ถ้าในกรณีที่กระแสน้ำขึ้นลงไม่ส่งอิทธิพลรุนแรง แม่น้ำก็จะพัดพาเอาตะกอนมาสะสมอยู่เรื่อย ๆ โดยทรายหยาบจะตกตะกอนลงเป็นพวกแรกและนาน ๆ เข้าก็จะปรากฏเป็นสันทรายบริเวณปากแม่น้ำ ในที่สุดแม่น้ำก็จะแตกแขนงออกเป็นสองสาขาในเวลาต่อมา ในเวลาต่อมาแม่น้ำทั้งสองสาขาก็จะถูกปิดกั้นด้วยสันทราย ทำให้สาขาแม่น้ำแตกออกเป็นสาขาลำน้ำย่อยลงไปอีก ดินดอนโดยทั่วไปมักมีสาขาของลำน้ำที่แตกแขนงจากแม่น้ำใหญ่ โคลนเนื้อละเอียดจะถูกพัดพาไปไกลจากสันทรายและตกตะกอนสะสมตัวกันแผ่คลุมท้องทะเลหรือทะเลสาบในบริเวณที่กว้างขวางเป็นรูปคล้ายพัดหรืองอกตัวลงทะเลตลอดเวลา โดยธรรมดาแล้วแม่น้ำทุกสายที่ไหลลงทะเลหรือทะเลสาบจะมีดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเกิดขึ้นเสมอ ที่เราเรียกกันว่า "เดลต้า" (delta) เพราะว่าบริเวณดังกล่าวมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม ซึ่งถึงแม้ว่าดินดอนจะไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมนักภูมิศาสตร์โดยทั่วไปก็เรียกว่า "เดลต้า" แม่น้ำสายใหญ่ ๆ เช่นในเอเชีย เช่น แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีสในอิรัก ซึ่งเดิมเมืองโบราณชื่ออัวร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 6,000 ปีที่แล้วอยู่ติดทะเล แต่ปัจจุบันเมืองดังกล่าวอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน 240 กิโลเมตร แม่น้ำพรหมบุตรใน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ · ดูเพิ่มเติม »

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก

กอากาศของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก หรือ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก (Okavango delta, Okavango swamp) เป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่ในเขตของประเทศบอตสวานา แอฟริกาใต้ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก ได้รับสมญาว่าเป็น "รัตนะแห่งคาลาฮารี" เป็นเสมือนโอเอซิสของทะเลทรายคาลาฮารีที่แห้งแล้งของแอฟริกาใต้ เมื่อมองจากอวกาศ พื้นที่บริเวณนี้มีลักษณะคล้ายรอยเท้าของนกเป็นเขาวงกตประกอบด้วยทะเลสาบและแหล่งน้ำเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางดงกกและปาปิรุส นับเป็นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำในแผ่นดินหรือพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่ติดทะเล) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 15,000 ตารางกิโลเมตร ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโกนับเป็นปากแม่น้ำโอคาวังโก น้ำที่นี่จะระเหยหายไปโดยไม่ไหลลงสู่ทะเลหรือมหาสมุทรใด ๆ เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำหลายสายของแองโกลาและแทนซาเนียสามเหลี่ยมโอคาแวนโก ตอนที่ 5, "สุดหล้าฟ้าเขียว".

ใหม่!!: ทะเลสาบและดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก · ดูเพิ่มเติม »

คลอง

ลองในประเทศฝรั่งเศส คลอง (canal) คือ ทางน้ำหรือลำน้ำที่เกิดขึ้นเองหรือขุดเชื่อมกับแม่น้ำหรือทะเล ในภาษาไทยมีคำที่ใช้เรียกทางน้ำหรือลำน้ำขนาดต่างๆ รวมกันว่า แม่น้ำคูคลอง โดยแม่น้ำเป็นลำน้ำที่มีขนาดใหญ่มาก ส่วนคลอง และคูมีขนาดเล็กรองลงมาตามลำดับ คลองมักจะเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำ สู่แม่น้ำ หรือ ระหว่างทะเลสาบ และมหาสมุทร คลองมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการส่งน้ำสำหรับการเดินทาง และอุปโภคบริโภค คลองที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏในยุคเมโสโปเตเมีย ประมาณ 4000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบันในประเทศไทย คลองในฐานะที่เป็นเส้นทางการขนส่งทางน้ำเริ่มมีใช้ลดน้อยลง เนื่องจากการเพิ่มของถนนและทางรถไฟ ทำให้คลองในหลายสถานที่ไม่ได้รับความดูแล เกิดความเน่าเสียได้ง่าย ในหลายๆเมือง ได้นำคลองมาใช้ในการนันทนาการแทนที่ โดยมีการล่องเรือนำเที่ยวเมืองภายในคลอง ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้มีความเชื่อว่าบนดาวอังคารได้มีคลอง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและคลอง · ดูเพิ่มเติม »

คลองปานามา

แผนที่การเดินทางในคลองปานามา โดยมีรายชื่อประตูกั้นน้ำประกอบ สถานที่ตั้งของคลองปานามาระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียน โดยตัวคลองตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของแผนที่ คลองปานามา (Panama Canal) เป็นคลองเดินเรือสมุทรความยาว 77 กิโลเมตร สร้างขึ้นบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรกและแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ คิดเป็นระยะทางกว่า 22,500 กิโลเมตร ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการเดินเรือระหว่างสองมหาสมุทร โดยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือหลักสำหรับการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ตั้งแต่เปิดทำการ คลองปานามาประสบความสำเร็จและเป็นกุญแจสำคัญในการขนส่งสินค้าทั่วโลก จำนวนเรือที่ผ่านคลองปานามาเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ลำต่อปีในยุคแรกเริ่ม มาเป็น 14,702 ลำต่อปี ในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและคลองปานามา · ดูเพิ่มเติม »

คลองเดินเรือสมุทร

ลองปานามา คลองเดินเรือสมุทร (Ship canal) เป็นคลองที่วางแผนเอาไว้โดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือที่ใช้มหาสมุทร ทะเล หรือทะเล.

ใหม่!!: ทะเลสาบและคลองเดินเรือสมุทร · ดูเพิ่มเติม »

ความหลากหลายทางชีวภาพ

วามหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) หมายถึง การมีสิ่งมีชีวิตน้อยนิด พันธุ์ในระบบนิเวศอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งมีมากมายและแตกต่างกันทั่วโลก หรือง่ายๆ คือ การที่มีชนิดพันธุ์ (Species) สายพันธุ์ (Genetic) และระบบนิเวศ (Ecosystem.) ที่แตกต่างหลากหลายบนจักรวาล ความหลากหลายทางชีวภาพสามารถพิจารณาได้จากความหลากหลายระหว่างสายพันธุ์ ระหว่างชนิดพันธุ์ และระหว่างระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพระหว่างสายพันธุ์ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ความแตกต่างระหว่างพันธุ์พืชและสัตว์ต่างๆ ที่ใช้ในการเกษตร ความแตกต่างหลากหลายระหว่างสายพันธุ์ ทำให้สามารถเลือกบริโภคข้าวเจ้า หรือข้าวเหนียว ตามที่ต้องการได้ หากไม่มีความหลากหลายของสายพันธุ์ต่างๆ แล้ว อาจจะต้องรับประทานส้มตำปูเค็มกับข้าวจ้าวก็เป็นได้ ความแตกต่างที่มีอยู่ในสายพันธุ์ต่างๆ ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถเลือกสายพันธุ์ปศุสัตว์ เพื่อให้เหมาะสมตามความต้องการของตลาดได้ เช่น ไก่พันธุ์เนื้อ ไก่พันธุ์ไข่ดก วัวพันธุ์นม และวัวพันธุ์เนื้อ เป็นต้น ความหลากหลายระหว่างชนิดพันธุ์ สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปถึงความแตกต่างระหว่างพืชและสัตว์แต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น สุนัข แมว จิ้งจก ตุ๊กแก กา นกพิราบ และนกกระจอก เป็นต้น หรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าเขาลำเนาไพร เช่น เสือ ช้าง กวาง กระจง เก้ง ลิง ชะนี หมี และวัวแดง เป็นต้น พื้นที่ธรรมชาติเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย แต่ว่ามนุษย์ได้นำเอาสิ่งมีชีวิตมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร และอุตสาหกรรม น้อยกว่าร้อยละ 5 ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในความเป็นจริงพบว่ามนุษย์ได้ใช้พืชเป็นอาหารเพียง 3,000 ชนิด จากพืชมีท่อลำเลียง (vascular plant) ที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกถึง 320,000 ชนิด ทั้งๆ ที่ประมาณร้อยละ 25 ของพืชที่มีท่อลำเลียงนี้สามารถนำมาบริโภคได้ สำหรับชนิดพันธุ์สัตว์นั้น มนุษย์ได้นำเอาสัตว์เลี้ยงมาเพื่อใช้ประโยชน์เพียง 30 ชนิด จากสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหมดที่มีในโลกประมาณ 50,000 ชนิด (UNEP 1995) ความหลากหลายระหว่างระบบนิเวศเป็นความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งซับซ้อน สามารถเห็นได้จากความแตกต่างระหว่างระบบนิเวศประเภทต่างๆ เช่น ป่าดงดิบ ทุ่งหญ้า ป่าชายเลน ทะเลสาบ บึง หนอง ชายหาด แนวปะการัง ตลอดจนระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ทุ่งนา อ่างเก็บน้ำ หรือแม้กระทั่งชุมชนเมืองของเราเอง ในระบบนิเวศเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตก็ต่างชนิดกัน และมีสภาพการอยู่อาศัยแตกต่างกัน ความแตกต่างหลากหลายระหว่างระบบนิเวศ ทำให้โลกมีถิ่นที่อยู่อาศัยเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ระบบนิเวศแต่ละประเภทให้ประโยชน์แก่การดำรงชีวิตของมนุษย์แตกต่างกัน หรืออีกนัยหนึ่งให้ 'บริการทางสิ่งแวดล้อม' (environmental service) ต่างกันด้วย อาทิเช่น ป่าไม้ทำหน้าที่ดูดซับน้ำ ไม่ให้เกิดน้ำท่วมและการพังทลายของดิน ส่วนป่าชายเลนทำหน้าที่เก็บตะกอนไม่ให้ไปทบถมจนบริเวณปากอ่าวตื้นเขิน ตลอดจนป้องกันการกัดเซาะบริเวณชายฝั่งจากกระแสลมและคลื่นด้วย เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและความหลากหลายทางชีวภาพ · ดูเพิ่มเติม »

ควายป่าแอฟริกา

วายป่าแอฟริกา (African buffalo, Cape buffalo) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในวงศ์วัวและควาย (Bovidae) วงศ์ย่อยวัวและควาย (Bovinae) จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Syncerus ควายป่าแอฟริกามีลักษณะรูปร่างคล้ายกับควายป่า (Bubalus arnee) และควายบ้าน (B. bubalis) ที่พบในทวีปเอเชีย แต่ทว่ามีรูปร่างที่บึกบึนกว่ามาก มีนิสัยว่องไว่และดุร้ายยิ่งกว่างควายป่าเอเชียอย่างมาก และมีส่วนโคนเขาที่ย้อนเข้าหากัน ในตัวผู้จะหนา และโคนเขาชนกัน ขณะที่ตัวเมียจะมีเขาที่เล็กกว่า และโคนเขาไม่ชนกัน ลำตัวมีสีเข้ม กีบเท้ามีลักษณะโค้งกลมขนาดใหญ่ ลำตัวมีความยาว 2.1–3.4 เมตร น้ำหนักมากกว่า 700 กิโลกรัมขึ้นไป มีอายุขัยโดยเฉลี่ย 22–25 ปี พบกระจายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ บริเวณที่เป็นทุ่งหญ้าสะวันน่า และบึงน้ำขนาดใหญ่ทั่วไป กินหญ้าและใบไม้เป็นอาหาร เมื่อโตเต็มวัยมักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ชอบที่จะแช่ปลักโคลนเหมือนควายในทวีปเอเชีย โดยมีตัวเมียและลูกเป็นส่วนใหญ่ของฝูง โดยมีตัวผู้ที่มีอายุมากที่สุดเป็นจ่าฝูง มีระยะเวลาตั้งท้องนานประมาณ 340 วัน เมื่อถูกคุกคามจากสัตว์อื่น เช่น สิงโต ทั้งฝูงจะหันบั้นท้ายเข้าชนกัน เพื่อป้องกันลูกควายวัยอ่อนที่ยังป้องกันตัวไม่ได้ ให้อยู่ในวงล้อมป้องกันจากการถูกโจมตี ควายป่าแอฟริกาได้รับความสนใจในเชิงการท่องเที่ยวดูสัตว์ โดยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 5 ผู้ยิ่งใหญ่ของสัตว์ป่าแอฟริกา อันประกอบไปด้วย สิงโต, ช้างแอฟริกา, ควายป่า, แรด และเสือดาว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและควายป่าแอฟริกา · ดูเพิ่มเติม »

คายัก

การพายเรือคายักในแก่งน้ำเชี่ยว คายัก (kayak) เป็นเรือที่ใช้พลังมนุษย์ประเภทหนึ่ง มีลักษณะปิดทางด้านบนของเรือ และมีผ้าป้องกันน้ำเข้าเรือ (spray skirt) ใช้พายแบบมีใบพายสองด้าน คายักต้นแบบถูกพัฒนาจากชนพื้นเมือง Aleut และ Inuit ซึ่งเป็นนักล่าจากเขตใต้อาร์กติก (อเมริกาเหนือ และกรีนแลนด์) เรือ คายักยุคใหม่นั้นมีการออกแบบและวัสดุที่หลายหลายมาก คายักนั้นสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ หนึ่ง สอง หรือ สามในบางโอกาส ผ้าป้องกันน้ำเข้าเรือทำจากผ้ากันน้ำ ยึดติดกับขอบด้านบนของที่นั่ง ป้องกันคลื่นและละอองน้ำ และเป็นสิ่งที่ทำให้ "พลิกเรือ" หรือที่เรียกว่า Eskimo Roll ทำได้ ในกรณีที่เรือคว่ำน้ำ หากไม่มีผ้าห้องน้ำน้ำเข้าเรือจะทำให้น้ำไหลเข้าเรือ หรือช่วยให้ผู้พายสามารถออกจากเรือได้ คายักนั้นมีความแตกต่างจากเรือแคนูอย่างสิ้นเชิงทั้งการออกแบและประวัติความเป็นมา เรือแคนู เป็นเรือเป็นเรือที่แทบจะเป็นเรือท้องแบน ใช้ใบพายเดี่ยว ถึงแม้ว่าเรือแคนูรุ่นใหม่ๆ จะมีความยากสำหรับผู้ที่ไม่รู้เรื่องในการแยกแยะประเภทออกจาก คายักแต่สำหรับในอังกฤษและไอร์แลนด์ก็มีการเรียก คายักว่าเป็นเรือแคนูแทน เรือคายักแตกต่างกับเรือแคนู ในลักษณะโครงสร้างของตัวเรือ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและคายัก · ดูเพิ่มเติม »

คูเมือง

หาสน์แบดเดสลีย์คลินตันในวอริคเชอร์ในอังกฤษ คูเมือง หรือ คูปราสาท (moat) คือร่องน้ำกว้างและลึกที่อาจจะเป็นคูแห้งหรือที่มีน้ำขังที่ขุดขึ้นรอบปราสาท, สิ่งก่อสร้าง หรือ เมือง เพื่อใช้เป็นระบบการป้องกันจากการโจมตีจากบุคคลภายนอก ในบางกรณีคูก็อาจจะวิวัฒนาการไปเป็นระบบการป้องกันทางน้ำอันซับซ้อนที่อาจจะรวมทั้งทะเลสาบขุดหรือธรรมชาติ, เขื่อน หรือประตูน้ำ แต่ในปราสาทสมัยต่อมาคูรอบปราสาทอาจจะเป็นเพียงสิ่งตกแต่งเพื่อความงามเท่านั้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและคูเมือง · ดูเพิ่มเติม »

คณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนา

ณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนาในเครื่องแบบ "ชุดเดินทาง" ในงานคอนเสิร์ตปี พ.ศ. 2546 ที่ห้องโถง Wiener Musikverein ในนครเวียนนา ซิมโฟนีของคนนับพัน'' ของกุสตาฟ มาห์เลอร์ ร่วมกับคณะประสานเสียง Wiener Singverein แห่งเวียนนา, วงศ์ดุริยางค์ Slovenský filharmonický zbor และ Staatskapelle Berlin, มีผู้ควบคุม คือ Pierre Boulez ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 คณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนา (Wiener Sängerknaben, Vienna Boys' Choir, Vienna Choir Boys, ตัวย่อ VBC) เป็นคณะประสานเสียงของเด็กชายที่มีเสียงระดับโซปราโนและแอลโตแห่งนครเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นคณะประสานเสียงเด็กชายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคณะหนึ่งในโลก เด็กส่วนใหญ่มาจากออสเตรีย แต่ก็มีที่มาจากประเทศอื่น รวมทั้งประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย และไต้หวัน คณะประสานเสียงเป็นองค์กรเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร มีเด็กนักร้องประมาณ 100 คนอายุระหว่าง 10-14 ปี โดยแบ่งออกเป็น 4 คณะที่ออกเดินทาง ตั้งชื่อมุ่งใช้ภายในสถาบันตามผู้ประพันธ์ดนตรีชาวออสเตรียที่ใกล้ชิดกับคณะ คือ บรุกเนอร์ ไฮเดิน โมซาร์ท และชูแบร์ท แต่ละคณะแยกเรียนต่างหากและออกเดินทางประมาณปีละ 11 อาทิตย์ คณะประสานเสียงได้รับค่าเล่าเรียนและเงินสนับสนุนจากการออกคอนเสิร์ตและการขายเสียงอัด นอกจากการร้องเพลงเพื่อพิธีมิสซาทุกวันอาทิตย์ ในโบสถ์ที่พระราชวังฮอฟบูร์กแล้ว คณะจะออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้อุปถัมภ์ จากเทศบาลนครเวียนนา และจากรัฐบาลประเทศออสเตรีย ปกติจะเดินทางไปยังสหรัฐและญี่ปุ่นทุกปี ซึ่งเป็นที่ที่คณะได้รับความนิยมมาก คณะยังเดินทางไปประเทศจีน ไต้หวัน สิงค์โปร์ เกาหลีใต้ เขตตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และประเทศยุโรปอื่น ๆ เป็นประจำ คณะพิจารณาว่าเป็นองค์การทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดองค์การหนึ่งของประเทศ โดยนักการเมืองมักเรียกพวกเด็ก ๆ ว่าเป็น "ทูตที่อายุน้อยที่สุดในออสเตรีย" คณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนา - ร้องเพลง ''ที่ที่ต้นเลมอนออกดอก (Wo die Zitronen bluhn)'' Op. 364 ประพันธ์โดยโยฮันน์ ชเตราสส์ ที่สอง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและคณะประสานเสียงเด็กชายแห่งเวียนนา · ดูเพิ่มเติม »

ค่างดำมลายู

งดำมลายู หรือ ค่างดำ (Banded surili) เป็นค่างชนิดหนึ่งที่พบได้ในประเทศไทย มีรูปร่างทั่วไปคล้ายค่างชนิดอื่น ๆ ขนตามลำตัวสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ขนบริเวณท้องอ่อนกว่าสีตามลำตัว หน้าอกมีสีขาว มีวงแหวนสีขาวรอบดวงตามากกว่าค่างชนิดอื่น ๆ เหมือนสวมแว่นตา ปลายหางมีรูปทรงเนียวเล็กและมีสีอ่อนกว่าโคนหาง ลูกเมื่อยังแรกเกิดจะมีขนสีทอง ส่วนหัวมีสีเทาเข้ม มีความยาวลำตัวและหัวประมาณ 48-58 เซนติเมตร ความยาวหาง 72-84 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 5-7 กิโลกรัม ค่างดำมลายูพบกระจายพันธุ์ตั้งแต่แหลมมลายูลงไปจนถึง เกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา ในอินโดนีเซีย มีนิเวศวิทยามักอาศัยในป่าที่ใกล้กับแหล่งน้ำ อาทิ บึงหรือชายทะเล บางครั้งอาจพบในป่าที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600-2,200 เมตร อยู่รวมกันเป็นฝูง ในจำนวนสมาชิกไม่มากนักเมื่อเทียบกับค่างชนิดอื่น คือ ประมาณ 5-10 ตัวเท่านั้น สถานะของค่างดำมลายูในประเทศไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535.

ใหม่!!: ทะเลสาบและค่างดำมลายู · ดูเพิ่มเติม »

งูสมิงทะเล

งูสมิงทะเล หรือ งูสามเหลี่ยมทะเล (Sea kraits) เป็นสกุลของงูทะเลที่มีขนาดใหญ่สกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Laticauda อยู่ในวงศ์งูพิษเขี้ยวหน้า (Elapidae) โดยงูในสกุลนี้ ยังจัดว่าเป็นงูทะเลที่สามารถเลื้อยบนขึ้นมาบนบกได้ ด้วยเกล็ดท้องยังมีอยู่และค่อนข้างกว้างอย่างน้อยประมาณครึ่งหนึ่งของความกว้างลำตัว ทำให้สามารถเลื้อยขึ้นบนหาดทรายได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีการสืบพันธุ์ด้วยการวางไข่โดยขึ้นมาวางไข่บนบก โดยจะไปวางไข่ในในโพรงหินหรือพนังถ้ำ มีรูปร่างโดยรวม มีหัวขนาดเล็ก ปากมีขนาดเล็ก ปลายหางแผ่แบนเหมือนครีบปลา เพื่อใช้ในการว่ายน้ำ ลำตัวมีลายปล้องดำสลับกันไปทั้งทั่ว จัดเป็นงูที่มีขนาดใหญ่ โดยมีความยาวได้ถึงเกือบ 3 เมตร งูสมิงทะเลพบกระจายพันธุ์อยู่ในทะเลที่ใกล้กับชายฝั่ง จะอาศัยหากินตามแนวปะการัง เป็นงูที่ว่ายได้ช้า จึงไม่สามารถจับปลาที่ว่ายไปมากินเป็นอาหารได้ จึงหาอาหารที่หลบซ่อนตามซอกหลีบปะการัง พบได้ตั้งแต่ทะเลในแถบเอเชียใต้, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงหมู่เกาะโซโลมอน หรือเกาะอื่น ๆ ในแถบโอเชียเนีย และเอเชียตะวันออก มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืดบนหมู่เกาะโซโลมอน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและงูสมิงทะเล · ดูเพิ่มเติม »

งูอนาคอนดาเขียว

งูอนาคอนดาเขียว หรือ งูอนาคอนดาธรรมดา (Green anaconda, Common anaconda) เป็นงูขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกที่ยังคงสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบันชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Eunectes murinus อยู่ในวงศ์ย่อย Boinae ในวงศ์ใหญ่ Boidae สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดย่อย (ดูในตาราง) งูอนาคาคอนดาเขียวนับเป็นงูอนาคอนดา ชนิดที่ใหญ่ที่สุดและรู้จักดีที่สุด เมื่อโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 30 ฟุต และหนักได้ถึง 550 ปอนด์ มีผิวลำตัวสีเขียว มีลายเป็นวงกลมสีดำ ใต้ท้องเป็นสีขาว ตาเป็นสีดำ ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้มาก อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ ในทวีปอเมริกาใต้ เช่น ป่าอเมซอน, บราซิล, โบลิเวีย, กายอานา ในหนองน้ำ หรือบึง โดยมักจะอาศัยอยู่ในน้ำหรือหมกตัวในโคลนมากกว่าจะเลื้อยมาอยู่บนบก เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากทำให้งุ่มง่ามเชื่องช้ามากเมื่ออยู่บนบก แต่จะว่องไวกว่าเมื่ออยู่ในน้ำ ว่ายน้ำได้เก่ง บางครั้งอาจใช้วิธีการลอยน้ำอยู่บริเวณผิวน้ำแล้วปล่อยให้กระแสน้ำไหลพัดไป แต่มักจะขึ้นมาอาบแดดเป็นบางครั้งด้วยการเกาะเกี่ยวกับกิ่งไม้ริมน้ำ ล่าเหยื่อด้วยการใช้แอ่งรับความร้อนอินฟราเรดที่อยู่บริเวณหน้าผาก ในเวลากลางคืน โดยกินอาหารได้หลากหลายมาก ทั้ง สัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ ทั้ง คาปรีบารา, จระเข้ไคแมน, ปลา, กบ หรือแม้กระทั่งวัวหรือควาย หรือปศุสัตว์ต่าง ๆ ของชาวบ้าน โดยใช้วิธีการรัดเหยื่อด้วยลำตัวอย่างแน่น และกดลงไปในน้ำให้จมน้ำตายก่อนจะเขมือบกลืนเข้าไปทั้งตัว โดยเริ่มจากส่วนหัวก่อน ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่กระนั้นก็จะทำให้ไม่ต้องกินอะไรอีกไปนานนับเดือน ในยามที่อาหารขาดแคลนเช่นในช่วงฤดูร้อน อาจอดอาหารได้นานถึง 7 เดือน หลังจากนั้นแล้วจะเร่งรีบกินเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไปและผสมพันธุ์ โดยถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 3-4 ปี ฤดูผสมพันธุ์จะตกอยู่ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ตัวเมียจะปล่อยกลิ่นเพื่อดึงดูดตัวผู้ให้มาผสมพันธุ์ โดยอาจผสมพันธุ์กับตัวผู้ได้มากถึง 2-12 ตัว ใช้เวลาตั้งท้องนาน 6 เดือน ตกลูกเป็นตัว ซึ่งอาจออกได้ครั้งละ 40 ตัวหรือมากกว่านั้น ลูกงูที่ออกมาใหม่จะมีความยาวราว 2 ฟุต และจะไม่ถูกดูแลโดยแม่ ซึ่งอาจจะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ที่ใหญ่กว่าหรือแม้กระทั่งงูอนาคอนดาด้วยกันเองกินก่อนที่จะโตต่อไปในอนาคต งูอนาคอนดาเขียวเป็นงูที่มนุษย์ให้ความสนใจมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและพละกำลังที่มากมายมหาศาล ดังนั้น เมื่อมีการจับงูชนิดนี้ได้ในแต่ละครั้งมักปรากฏเป็นข่าวโด่งดัง และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ อาทิ Anaconda เมื่อปี ค.ศ. 1997 ของฮอลลีวู้ด เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและงูอนาคอนดาเขียว · ดูเพิ่มเติม »

งูทะเล

งูทะเล เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงู ที่อาศัยและดำรงชีวิตอยู่ในทะเลตลอดชีวิต ไม่เคยขึ้นมาบนบกเลย ยกเว้นการผสมพันธุ์และวางไข่ในบางชนิด งูทะเลเป็นงูที่อยู่ในวงศ์ย่อย Hydrophiinae และ Laticaudinae งูทะเลทุกชนิดอาศัยอยู่ในทะเลหรือปากแม่น้ำชายฝั่งหมด ยกเว้น ชนิด Hydrophis semperi และ Laticauda crokeri เท่านั้น ที่พบอาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืดในประเทศฟิลิปปิน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและงูทะเล · ดูเพิ่มเติม »

ตำบลบางดี

งดี เป็นตำบลหนึ่งในจังหวัดตรัง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและตำบลบางดี · ดูเพิ่มเติม »

ประวัติศาสตร์รัฐชัมมูและกัษมีระ

ประวัติศาสตร์รัฐชัมมูและกัษมีระ มีความเป็นมายาวนาน รัฐชัมมูและกัษมีระเคยเป็นดินแดนที่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ต่อมาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม เคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิดุรรานีในอัฟกานิสถาน จักรวรรดิโมกุล ในอินเดีย และเคยอยู่ภายใต้การปกครองของชาวสิกข์ ภายหลังขับไล่ชาวสิกข์ออกไปได้ ในยุคที่อังกฤษเข้ามา กษัตริย์ของชัมมูและกัษมีระช่วยอังกฤษรบกับชาวสิกข์และได้เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ เมื่ออังกฤษให้เอกราชแก่อินเดียและมีการแบ่งเป็นอินเดียและปากีสถาน รัฐชัมมูและกัษมีระกลายเป็นกรณีพิพาทของทั้งสองประเทศจวบจนปัจจุบัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประวัติศาสตร์รัฐชัมมูและกัษมีระ · ดูเพิ่มเติม »

ประตูระบายน้ำ

ประตูระบายน้ำ (ปตร.) คือ สิ่งก่อสร้างในบริเวณทางน้ำที่ใช้ควบคุมการไหลของน้ำ ใน แม่น้ำ คลอง ทะเลสาบ ฝาย อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำจะใช้สำหรับในการปรับปริมาณน้ำที่ต้องการให้ไหลผ่าน ปรับความเร็วของน้ำ หรือใช้ในการกักเก็บน้ำได้ ในขณะเดียวกันประตูระบายน้ำยังช่วยป้องกันในกรณีที่มีพายุ ในกรณีของระบบป้องกันน้ำท่วม ประตูระบายน้ำใช้ในการลดระดับของผิวน้ำสำหรับแม่น้ำหรือคลองเส้นหลัก โดยให้น้ำไหลผ่านคลองลัดน้ำ เมื่อปริมาณระดับน้ำใกล้ล้นตลิ่ง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประตูระบายน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศบาร์เบโดส

ร์เบโดส (Barbados) เป็นประเทศที่เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกทางตะวันตก ทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียนเล็กน้อย ที่ 13 องศาเหนือและ 59 องศาตะวันตก ตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับอเมริกาใต้โดยตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวเนซุเอลาประมาณ 434.5 กิโลเมตร (270 ไมล์) เกาะที่อยู่ใกล้บาร์เบโดสมากที่สุดคือเซนต์ลูเซีย และเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศตั้งอยู่ทางตะวันตก และเมื่อรวมกับบาร์เบโดสแล้ว เกาะเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเลสเซอร์แอนทิลลีส (Lesser Antilles) ในภูมิภาคแคริบเบียน บาร์เบโดสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานชีวิตและความสามารถในการอ่านออกเขียนได้สูงที่สุดในโลกที่กำลังพัฒนา และจาก UNDP (United Nations Development Programme) บาร์เบโดสเป็นประเทศที่พัฒนาเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ บาร์เบโดสยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศบาร์เบโดส · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศสวีเดน

วีเดน (Sweden; สฺแวรฺแย) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสวีเดน (Kingdom of Sweden) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบ สแกเกอร์แรก (Skagerrak) ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบแคทีแกต (Kattegat) และทางตะวันออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย มีกรุงสต็อกโฮล์มเป็นเมืองหลวง ประเทศสวีเดนมีประชากรที่เบาบาง เว้นแต่ในเขตเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบด้วยป่าไม้ และภูเขาสูง หลังจากสิ้นสุดยุคไวกิง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคาลมาร์ ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ (ในช่วงเวลานี้ ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน) สวีเดนได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และได้รบสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย และเดนมาร์กกับนอร์เวย์ที่ยังเป็นสหภาพอยู่ ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในคริสศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายเขตด้วยสงครามและกลายเป็นมหาอำนาจด้วยขนาด 2 เท่าของปัจจุบัน ถึง..

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศสวีเดน · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศออสเตรีย

ออสเตรีย (Austria; Österreich เออสฺตะไรฌ) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐออสเตรีย (Republic of Austria; Republik Österreich) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปกลาง มีอาณาเขตทางเหนือจรดประเทศเยอรมนีและเช็กเกีย ทางตะวันออกจรดสโลวาเกียและฮังการี ทางใต้จรดสโลวีเนียและอิตาลี และทางตะวันตกจรดสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์ มีการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนภายใต้หลักการของรั.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศออสเตรีย · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศอาเซอร์ไบจาน

อาเซอร์ไบจาน (Azərbaycan) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน (Azərbaycan Respublikası) เป็นประเทศในแถบเทือกเขาคอเคซัส บริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อของภูมิภาคยุโรปตะวันออกกับเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีอาณาเขตทิศตะวันออกจรดทะเลแคสเปียน ทิศเหนือติดต่อกับสหพันธรัฐรัสเซีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับจอร์เจีย ทิศตะวันตกติดต่อกับอาร์มีเนีย และทิศใต้ติดต่อกับอิหร่าน อาเซอร์ไบจานเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต สาธารณรัฐปกครองตนเองนาคีเชวาน (ดินแดนส่วนแยกของอาเซอร์ไบจาน) มีอาณาเขตติดต่อกับอาร์มีเนียทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ติดต่อกับอิหร่านทางทิศใต้และทิศตะวันตก และติดต่อกับตุรกีทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนเขตนากอร์โน-คาราบัคทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ได้ประกาศเอกราชจากอาเซอร์ไบจานในปี พ.ศ. 2534 แต่ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาต.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศอาเซอร์ไบจาน · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล

ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มักจะถูกนิยามว่าเป็นประเทศที่ถูกปิดล้อมหรือเกือบถูกปิดล้อมด้วยแผ่นดิน ในปี 2551 มีทั้งหมด 45 ประเทศ การเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนับเป็นข้อด้อยทางภูมิศาสตร์ เพราะนอกจากจะถูกปิดกั้นจากทรัพยากรทางทะเลแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถค้าขายทางทะเลได้อีกด้วย ประเทศที่มีชายฝั่งมีแนวโน้มที่จะร่ำรวยกว่าและมีประชากรมากกว่าประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล นอกจากนี้ยังมีคำว่า ทะเลปิด หมายถึงทะเลที่ไม่ได้เชื่อมกับมหาสมุทร เช่น ทะเลแคสเปียน ซึ่งในบางครั้งมองเป็นทะเลสาบ นอกจากนี้ทะเลอื่นๆ เช่น ทะเลดำ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลบอลติก และ ทะเลแดง มีช่องทางออกสู่ทะเลน้อ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล · ดูเพิ่มเติม »

ประเทศเช็กเกีย

็กเกีย (Czechia; Česko) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic; Česká republika) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลาง พรมแดนทางตอนเหนือจรดประเทศโปแลนด์ ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือจรดเยอรมนี ทางใต้จรดออสเตรีย และทางตะวันออกจรดสโลวาเกีย เช็กเกียประกอบด้วยภูมิภาคที่เก่าแก่สองส่วน คือ โบฮีเมียและมอเรเวีย และส่วนหนึ่งของภูมิภาคที่สาม เรียกว่า ไซลีเซีย ประเทศนี้ได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 เมืองหลวงของประเทศคือ ปราก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วย เมืองสำคัญอื่น ๆ ของประเทศ ได้แก่ เบอร์โน, ออสตราวา, เปิลเซน, ฮราเดตส์กราลอเว, เชสเกบุดเยยอวีตเซ และอูสตีนัดลาเบม นับตั้งแต่การยุบเลิกประเทศเชโกสโลวาเกียเมื่อปลายปี พ.ศ. 2535 กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐเช็กได้สนับสนุนให้ใช้ชื่อประเทศแบบสั้นเป็นภาษาอังกฤษว่า "เช็กเกีย" (Czechia) แต่ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จนกระทั่งในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็กได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ชื่อ "เช็กเกีย" เป็นชื่อเรียกประเทศแบบสั้นอย่างเป็นทางการ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและประเทศเช็กเกีย · ดูเพิ่มเติม »

ปลา

ปลา (อังกฤษ: Fish) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ เป็นสัตว์เลือดเย็น หายใจด้วยเหงือกและมีกระดูกสันหลัง สามารถเคลื่อนไหวไปมาด้วยครีบและกล้ามเนื้อของลำตัว บางชนิดมีเกล็ดปกคลุมทั่วตัว บางชนิดไม่มีเกล็ดแต่ปกคลุมด้วยเมือกลื่น ๆ หรือแผ่นกระดูก มีหัวใจสองห้องและมีขากรรไกร สัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำบางประเภท ถูกเรียกติดปากว่าปลาเช่นเดียวกันเช่น ปลาดาว, โลมา, วาฬและหมึก ซึ่งสัตว์ทั้งหมดนี้ก็มีแหล่งอาศัยอยู่ในน้ำด้วยกันทั้งสิ้น แต่ไม่ได้จัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับปลา ด้วยลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิทยาที่แตกต่างกันเช่น ปลาดาวเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นเดียวกับปลา มีโครงสร้างที่เป็นหินปูน โลมาและวาฬถูกจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สามารถหายใจได้ทางปอดไม่ใช่ทางเหงือก และปลาหมึกจัดเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ถูกจัดรวมอยู่กับสัตว์ประเภทเดียวกันกับหอ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลา · ดูเพิ่มเติม »

ปลากระสูบขีด

ปลากระสูบขีด หรือ ปลากระสูบขาว (Hampala barb, Tranverse-bar barb) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีรูปร่างคล้ายปลากระสูบจุด (H. dispar) แต่ด้านข้างลำตัวมีแถบขวางบริเวณใต้ครีบหลังลงมาถึงท้อง ในปลาขนาดเล็กมีแถบ 2 แถบที่กลางลำตัวและโคนหาง และมีแถบใต้ตาด้วย ครีบมีสีคล้ำแดงเรื่อ ขอบบนและขอบล่างของครีบหางมีแถบสีคล้ำ มีขนาดใหญ่กว่าปลากระสูบจุดซึ่งเป็นปลาในสกุลเดียวกัน คือ สามารถยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร หรือ 70 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดใหญ่เต็มที่ โดยชื่อวิทยาศาสตร์ macrolepidota มีความหมายว่า "เกล็ดใหญ่" โดยมาจากภาษากรีกโบราณคำว่า μακρός (makrós) หมายถึง "ยาว" หรือ "ใหญ่" และ λεπτδωτος (lepdotos) หมายถึง "เกล็ด" โดยสถานที่ค้นพบครั้งแรกคือ เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย พบมากในแม่น้ำโขง และพบบ้างในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะพบได้มากกว่าปลากระสูบจุด เป็นปลากินเนื้อ จัดเป็นปลานักล่าชนิดหนึ่ง มักไล่จับปลาขนาดเล็ก เช่น ปลาซิว, ปลาวัยอ่อน รวมถึงแมลงน้ำต่าง ๆ ในแม่น้ำและหนองบึงต่าง ๆ เป็นที่นิยมของนักตกปลาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นโดยใช้เหยื่อปลอม บริโภคด้วยการปรุงสด หรือทำปลาร้า, ปลาส้ม เป็นต้น และยังเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้อีกด้วย ปลากระสูบขีดมีชื่อเรียกทางภาษาอีสานว่า "ปลาสูบ", "ปลาสูด", "ปลาสิก" หรือ "ปลาขม" เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลากระสูบขีด · ดูเพิ่มเติม »

ปลากรายแอฟริกา

ปลากรายแอฟริกา (African brown knifefish, African knifefish, False featherbackfish) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Xenomystus nigri ในวงศ์ปลากราย (Notopteridae) นับเป็นปลาเพียงชนิดเดียวเท่านั้นทีอยู่ในสกุล Xenomystus มีรูปร่างคล้ายกับปลาสลาด (Notopterus notopterus) ที่พบได้ในทวีปเอเชีย แต่ทว่ามีขนาดลำตัวที่เพรียวบางกว่า ไม่มีครีบหลัง ครีบท้องและก้นพริ้วไหวได้เร็วกว่า และมีจุดเด่นที่เห็นชัดคือ จมูกมีสองคู่ คู่หน้ายื่นออกมาคล้ายหลอดหรือหนวด ซึ่งใช้เป็นประสาทสัมผัสในการหาอาหาร ซึ่งเห็นได้ชัดเจนกว่าปลาชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน พบกระจายทั่วไปในทวีปแอฟริกาตอนกลาง ในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์และแอ่งน้ำในเซียร์รา ลีโอน, ชาด, ซูดาน, โตโก, เบนิน และแคเมอรูน ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1 ฟุต แต่โดยเฉลี่ยที่พบทั่วไป คือประมาณ 8 นิ้ว โดยอาศัยในแหล่งน้ำที่มีพืชน้ำขึ้นหนาแน่น ปลาตัวเมียวางไข่ประมาณ 150-200 ฟอง ไข่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 มิลลิเมตร และยังมีความสามารถพิเศษคือ สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ด้วย เพื่อหาอาหาร เนื่องจากหากินในเวลากลางคืน โดยกินอาหารจำพวก แมลงน้ำและสัตว์มีเปลือกขนาดเล็กต่าง ๆ เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันเป็นปลาสวยงาม มีอุปนิสัยที่ค่อนข้างก้าวร้าวในหมู่พวกเดียวกัน แต่ทว่าจะไม่แสดงพฤติกรรมเหล่านี้ต่อปลาชนิดอื่น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลากรายแอฟริกา · ดูเพิ่มเติม »

ปลากะพงขาว (สกุล)

ปลากะพงขาว สกุลของปลาน้ำจืด, น้ำกร่อย และปลาทะเลจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ปลากะพงขาว (Latidae) ใช้ชื่อสกุลว่า Lates (/ลา-ติส/) มีรูปร่างโดยรวม คือ รูปร่างลำตัวหนาและด้านข้างแบน หัวโต จะงอยปากค่อนข้างยาวและแหลม นัยน์ตาโต ปากกว้างยืดหดได้ มุมปากอยู่เลยไปทางหลังนัยน์ตา ฟันเป็นฟันเขี้ยวอยู่บนขากรรไกรบนและล่าง ขอบกระดูกแก้มเป็นหนามแหลม ขอบกระดูกกระพุ้งเหงือกแข็งและคม คอดหางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง เกล็ดใหญ่มีขอบหยักเป็นหนามเมื่อลูบจะสากมือ ครีบหลังอันแรกมีก้านครีบเป็นหนามแข็ง ปลายแหลม อันที่สองเป็นครีบอ่อนมีขนาดใกล้เคียงกัน ครีบใหญ่ปลายกลมมน มีขนาดตั้งแต่ประมาณ 1 ฟุต ไปจนถึงเกือบ 2 เมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม ในปลากะพงแม่น้ำไนล์ (L. niloticus) ซึ่งจัดว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลนี้และวงศ์นี้ ที่พบได้ในแหล่งน้ำจืดของทวีปแอฟริกา ปลากะพงขาวมีทั้งหมด 9 สปีชีส์ ซึ่งจัดว่ามีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในวงศ์นี้ ทั้งหมดนิยมใช้ตกเป็นปลาเกมกีฬา และนิยมบริโภคเนื้อเป็นอาหาร พบตั้งแต่ทะเลสาบน้ำจืดหลายแห่งในทวีปแอฟริกาไปจนถึงชายฝั่งทะเลในทวีปเอเชีย ไปจนถึงโอเชียเนีย โดยมี 2 ชนิดเท่านั้นที่พบในทวีปเอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งคำว่า Lates นั้นมาจากภาษาละตินคำว่า latēre หมายถึง "ถูกซ่อนไว้".

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลากะพงขาว (สกุล) · ดูเพิ่มเติม »

ปลากดขาว

ปลากดขาว หรือ ปลากดชงโลง หรือ ปลากดนา เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hemibagrus nemurus อยู่ในวงศ์ปลากด (Bagridae) มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับปลากดเหลือง (H. filamentus) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่ปลากดขาวหลังจะไม่โค้ง ขอบก้านครีบแข็งของครีบหลังเรียบ ครีบหลังยาวไม่ถึงจุดเริ่มต้นของครีบไขมัน ครีบไขมันมีสีเข้มกว่าลำตัวและมีขอบครีบสีขาว มีก้านครีบเดี่ยวของครีบหลัง 2 ก้าน และก้านครีบแขนง 7 ก้าน ครีบก้นมีก้านครีบเดี่ยว 1–2 ก้าน มีก้านครีบแขนง 7–8 ก้าน พบกระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำนิ่งและแม่น้ำสายใหญ่ทั่วประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ มีขนาดโตเต็มที่ 72–80 เซนติเมตร ปลากดขาวเป็นปลากดที่พบได้มากกว่าปลากดเหลืองที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่งในบางครั้งยังอาจเรียกชื่อซ้ำกันได้ว่า "ปลากดเหลือง" แต่เมื่อนำมาเลี้ยงเปรียบเทียบกันแล้ว ปรากฏว่าปลากดขาวมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้ากว่า นิยมนำมาบริโภคเหมือนกันและเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย ซึ่งจะได้รับความนิยมอย่างมากในชนิดที่เป็นปลาเผือก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลากดขาว · ดูเพิ่มเติม »

ปลากดเกราะ

ปลากดเกราะ (Atipa, Brown hoplo) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ในอันดับปลาหนัง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hoplosternum littorale ในวงศ์ปลาแพะ (Callichthyidae) มีลำตัวป้อม ค่อนข้างแบนข้าง ส่วนหัวกลมมน มีหนวดสองคู่ ลำตัวปกคลุมด้วยแผ่นกระดูกสองแถวเรียงสานกัน ลำตัวด้านบนสีเทาอมเขียว ด้านหลังสีเทาอมสีเหลืองทอง ครีบทั้งหมดเป็นสีเทาดำ ครีบอกสีเหลืองทองโดยส่วนเงี่ยงจะมีสีเหลืองเข้มกว่าก้านครีบ มีความยาวสูงสุดราว 24 เซนติเมตร เป็นปลาที่พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางมากในทวีปอเมริกาใต้ โดยสามารถพบได้ในลุ่มแม่น้ำในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ภาคเหนือของเวเนซุเอลา ตลอดจนพบเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในรัฐฟลอริดา ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย เป็นปลาที่หากินบริเวณพื้นน้ำ อาหารได้แก่ หนอนแดงและซากอินทรีย์สาร แต่จะเปลี่ยนไปกินแมลงและสัตว์มีกระดองขนาดเล็กในช่วงฤดูแล้ง ปลาจะเริ่มผสมพันธุ์ในช่วงต้นฤดูฝน โดยจะสร้างหวอดคล้ายกับปลากัด ซึ่งทั้งเพศผู้และเพศเมียจะร่วมกันสร้างขึ้นมา ด้วยการเสียดสีร่างกายของกันและกัน หลังจากวางไข่แล้ว ปลาเพศผู้จะทำหน้าที่ดูแลปกป้องไข่ จนกระทั่งฟักออกเป็นตัวแล้วประมาณสองวันถัดมา จึงปล่อยให้หากินตามลำพัง เป็นปลาที่มักพบในแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 18-26 องศาเซลเซียส และค่าความเป็นกรด-ด่างประมาณ 5.9-7.2 (pH) ที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและบึง ที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งซึ่งมีปริมาณออกซิเจนละลายอยู่ค่อนข้างต่ำ หรือในป่าที่มีน้ำท่วมเกือบทั้งปี ปลากดเกราะ ถือเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ นิยมบริโภคกันทั่วไป ในตรินิแดดและเฟรนช์เกียนา มีการเพาะเลี้ยงกันด้วย อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยมีชื่อเรียกในภาษาถิ่นว่า Camboatám และ Tamboatá.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลากดเกราะ · ดูเพิ่มเติม »

ปลาวาเรียตัส

ปลาวาเรียตัส (Variable platyfish, Variegated platy) ปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาสอด (Poeciliidae) อันดับปลาออกลูกเป็นตัว (Cyprinodontiformes) มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับปลาพลาตี้ (X. maculatus) แต่มีความแตกต่างกันที่รูปร่าง, ลำตัว และครีบหลังโดย ปลาวาเรียตัสมีลำตัวกว้างน้อยกว่า และครีบหลังสูงกว่า และลักษณะลำตัวมีลักษณะกึ่งกลางระหว่างปลาพลาตี้ กับปลาสอดหางดาบ (X. helleri) คือ มีขนาดยาวกว่าปลาพลาตี้ แต่มีความยาวไม่เท่าปลาพลาตี้ ลักษณะสีดั้งเดิมในธรรมชาติคล้ายกับปลาพลาตี้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในประเทศเม็กซิโกตอนใต้ และตะวันออก มักอาศัยอยู่แหล่งน้ำนิ่งขนาดเล็ก เช่น หนอง, บึง เป็นต้น อุหณภูมิประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส กินสัตว์น้ำขนาดเล็ก และตัวอ่อนของแมลง เป็นอาหาร ปลาวาเรียตัส ก็เช่นเดียวกับปลาพลาตี้หรือปลาสกุลอื่นในวงศ์เดียวกัน ที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และมีการเพาะขยายพันธุ์จนได้สีและลวดลายหรือครีบต่าง ๆ หลากหลายสวยกว่าปลาดั้งเดิมในธรรมชาต.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาวาเรียตัส · ดูเพิ่มเติม »

ปลาสเตอร์เจียน

ปลาสเตอร์เจียน (Sturgeon, Oсетр, 鱘) ปลากระดูกแข็งขนาดใหญ่ในวงศ์ Acipenseridae ในอันดับ Acipenseriformes อาศัยได้อยู่ทั้งน้ำจืด, น้ำกร่อย และทะเล เมื่อยังเล็กจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด ทะเลสาบหรือตามปากแม่น้ำ แต่เมื่อโตขึ้นจะว่ายอพยพสลงสู่ทะเลใหญ่ และเมื่อถึงฤดูวางไข่ก็จะว่ายกลับมาวางไข่ในแหล่งน้ำจืด ปลาสเตอร์เจียน เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ปลา ที่เรียกว่า คาเวียร์ ซึ่งนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ปลาสเตอร์เจียน มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม มีหนามแหลมสั้น ๆ บริเวณหลัง หัว และเส้นข้างลำตัวไว้เพื่อป้องกันตัว มีหนวดทั้งหมด 2 คู่อยู่บริเวณปลายจมูก ปลายหัวแหลม ปากอยู่ใต้ลำตัว ลำตัวไม่มีเกล็ด ภายในปากไม่มีฟัน ตามีขนาดเล็ก ซึ่งหนวดของปลาสเตอร์เจียนนี้มีหน้าที่สัมผัสและรับคลื่นกระแสไฟฟ้าขณะที่ว่ายน้ำ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ด้านใต้ของลำตัว เพราะฉะนั้นหนวดเหล่านี้มีหน้าที่เหมือนมือที่คอยสัมผัสกับสิ่งของที่อยู่ข้างใต้ของตัวเอง หากินตามพื้นน้ำโดยอาหารได้แก่ สัตว์น้ำขนาดเล็กต่าง ๆ สเตอร์เจียนจะพบแต่เฉพาะซีกโลกทางเหนือซึ่งเป็นเขตหนาวเท่านั้น ได้แก่ ทวีปเอเชียตอนเหนือและตะวันออก, ทวีปยุโรปตอนเหนือ และทวีปอเมริกาเหนือตอนบน เช่น อะแลสกา, แคนาดา และบางส่วนในสหรัฐอเมริกา สถานะปัจจุบันของปลาชนิดนี้ในธรรมชาติใกล้สูญพันธุ์เต็มที แต่ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในบางชนิด ปลาสเตอร์เจียน มีทั้งหมด 27 ชนิด ใน 3 สกุล โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ ปลาฮูโซ่ (Huso huso) พบในรัสเซีย สามารถโตเต็มที่ได้ถึง 5 เมตร หนักกว่า 900 กิโลกรัม และมีอายุยืนยาวถึง 210 ปี นับเป็นปลาที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก เท่าที่มีการบันทึกมา และเป็นชนิดที่ให้ไข่รสชาติดีที่สุดและแพงที่สุดด้วย ส่วนชนิดที่เล็กที่สุดคือ ปลาสเตอร์เจียนแคระ (Pseudoscaphirhynchus hermanni) ที่โตเต็มที่มีขนาดไม่ถึง 1 ฟุตเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้แล้ว ปลาสเตอร์เจียนยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย ในประเทศไทย ปลาสเตอร์เจียนชนิด ปลาสเตอร์เจียนไซบีเรีย (Acipenser baerii) ได้มีการทดลองเลี้ยงในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ดอยคำ อันเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อำเภอเวียงแหง ที่หน่วยวิจัยประมงบนพื้นที่สูงดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผลการทดลองเป็นไปได้อย่างดี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาสเตอร์เจียน · ดูเพิ่มเติม »

ปลาสเตอร์เจียนยุโรป

ปลาสเตอร์เจียนยุโรป หรือ ปลาสเตอร์เจียนธรรมดา (Baltic sturgeon, Common sturgeon, European sturgeon) เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาสเตอร์เจียน (Acipenseridae) มีรูปร่างหนาตัวยาวเรียว มีเกล็ดซึ่งเรียงกันเป็นหนามอยู่ 5 แถวทำให้ลำตัวเป็นเหลี่ยม ส่วนหัวขนาดใหญ่ค่อนข้างยาวแบนลง ส่วนปลายสุดค่อน ข้างแหลมงอนขึ้นเล็กน้อย มีลักษณะคล้ายพลั่วตักดิน ตามีขนาดเล็กสีดำกลมกลืนกับ สีลำตัวที่ด้านหน้าตอนใต้ของตามีช่องเปิด 2 ช่อง ช่วยในการหายใจ และดมกลิ่น ปาก อยู่ด้านใต้ที่ส่วนหน้าของปากมีหนวด 4 เส้น ซึ่งเป็นประสาทสัมผัสที่ไวมาก ปากสามารถ ยืดหดออกมาเพื่อดูดอาหาร มีครีบ 7 ครีบ ครีบหลังอยู่ค่อนไปทางโคนหางมีขนาดเล็ก หน้าครีบหลังมีแถวหนามเรียงกัน โดยเริ่มตั้งแต่ด้านหลังส่วนหัวเป็นต้นไป ครีบหางเป็นแฉกเว้ายาวไม่เท่ากัน ครีบหางตอนบนจะยื่นยาวออกไปมากกว่าครีบหางตอนล่าง ซึ่งสั้นมากลักษณะคล้ายหางของปลาฉลาม ครีบท้องและครีบก้นอยู่ค่อนมาทางตอน ท้ายของลำตัว สีลำตัวเป็นสีเทาเข้ม หรือสีดำ ส่วนใต้ท้องมีสีขาวจาง มีความยาวโดยเฉลี่ย 1–2 เมตร พบใหญ่ที่สุดถึง 3.5 เมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ย 150 กิโลกรัม พบหนักที่สุดถึง 315 กิโลกรัม อายุเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ในตัวเมียอยู่ที่ 16–18 ปี ขณะที่ตัวผู้อยู่ที่ 12–14 ปี มีอายุยืนได้ถึง 40 ปี พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น ทะเลสาบ, แม่น้ำ ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ยกเว้นทะเลดำ ปลาสเตอร์เจียนยุโรป เป็นปลาสเตอร์เจียนชนิดที่นิยมบริโภคและนำไข่ทำคาเวียร์ มากที่สุด อีกทั้งลูกปลาขนาดเล็กยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้อีกด้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาสเตอร์เจียนยุโรป · ดูเพิ่มเติม »

ปลาสเตอร์เจียนแปซิฟิก

ปลาสเตอร์เจียนแปซิฟิก หรือที่นิยมเรียกกันว่า ปลาสเตอร์เจียนขาว (Pacific sturgeon, White sturgeon; หมายถึง "ปลาสเตอร์เจียนที่ใหญ่กว่าภูเขา") เป็นปลาสเตอร์เจียนชนิดหนึ่ง มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับปลาสเตอร์เจียนชนิดอื่น ๆ พบกระจายพันธุ์ในเขตน้ำเย็นของชายฝั่งอ่าวมอนเทอเรย์ของทวีปอเมริกาเหนือ หมู่เกาะอาลิวเชียน ทะเลสาบอิลลิแอมนาในรัฐอะแลสกา แม่น้ำโคลอมเบียในแคนาดา ไปจนถึงแคลิฟอร์เนียตอนกลาง ใต้ส่วนหัวมีหนวดใช้สำหรับสัมผัสหาอาหารใต้น้ำเป็นอาหาร 4 เส้น กินอาหารได้แก่ ปลาขนาดเล็กทั่วไป และสัตว์น้ำมีกระดอง เช่น ปู กุ้ง และหอย ส่วนหัวมีเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก ข้างลำตัว ส่วนหัว และส่วนหลังมีกระดูกยื่นออกมาโดยรอบใช้สำหรับป้องกันตัว จัดเป็นปลาสองน้ำจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด ทะเลสาบ หรือบริเวณปากแม่น้ำในวัยอ่อน แต่เมื่อโตขึ้นจะว่ายอพยพลงสู่ทะเลบริเวณชายฝั่ง และเมื่อถึงฤดูวางไข่ก็จะว่ายกลับมาวางไข่ในแหล่งน้ำจืดอีกครั้ง ปลาสเตอร์เจียนขาวนับเป็นปลาสเตอร์เจียนที่มีความใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ ปลาสเตอร์เจียนฮูโซ่ (Huso huso) และนับเป็นปลาสเตอร์เจียนที่มีความใหญ่ที่สุดที่อยู่ในสกุล Acipenser ด้วย โดยเคยมีบันทึกไว้ว่าตัวที่ใหญ่ที่สุดยาวถึง 20 ฟุต และน้ำหนักถึง 816 กิโลกรัม เชื่อว่ามีอายุยืนยาวได้นานถึง 200 ปี จัดเป็นปลาเศรษฐกิจและนิยมตกกันเป็นเกมกีฬา นอกจากนี้แล้ว ปลาสเตอร์เจียนขาวยังสามารถกระโดดขึ้นเหนือน้ำได้ด้วยเมื่อตกใจ ทั้ง ๆ ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เรือของชาวประมงและชาวพื้นเมืองอับปาง และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ จึงทำให้ได้ได้รับการขนานนามว่าเป็นสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบอิลลิแอมนา โดยที่ชาวพื้นเมืองมีความเชื่อหากได้พบเจอกับสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้วจะพบกับความหายน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาสเตอร์เจียนแปซิฟิก · ดูเพิ่มเติม »

ปลาหมอฟรอนโตซ่า (สกุล)

ปลาหมอฟรอนโตซ่า (Frontosa cichilds, Humphead cichlids) เป็นสกุลของปลาน้ำจืดในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) สกุลหนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cyphotilapia เป็นปลาหมอสีที่พบอาศัยอยู่ในทะเลสาบแทนกันยีกาในทวีปแอฟริกาเท่านั้น โดยกระจายพันธุ์ไปทั่วทะเลสาบ ในความลึกตั้งแต่ 10-50 เมตร ซึ่งตามแนวความลึกนั้นจะมีภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เป็นปลาที่มีขนาดโตเต็มที่ได้ราว 14 นิ้ว มีอายุยืนยาวถึง 25 ปี ลำตัวมีแถบสีดำ 6 แถบ หรือ 7 แถบ (ในบางสายพันธุ์) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแหล่งอาศัย บ้างก็เป็นขีดเส้นตัดตรงพาดจากหน้าผากผ่านมาที่แก้ม บ้างก็มีลักษณะเป็นหน้ากากสามเหลี่ยมครอบบริเวณดวงตา บ้างก็เป็นปื้นสีดำเหมือนเคราของมนุษย์ เป็นต้น เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร นิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง ล่าปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร รวมทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตามพื้นน้ำด้วย มีพฤติกรรมเมื่อว่ายน้ำจะกางครีบ ทำตัวอยู่นิ่ง ๆ ในแนวหินในระดับความลึกตั้งแต่ 10 เมตรลงไป โดยมักไม่ค่อยเคลื่อนไหวเพื่อเป็นการออมการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งในบางครั้งทำให้สามารถอดอาหารได้เป็นเดือน แต่เมื่อเวลากินหรือล่าเหยื่อนั้นจะว่องไวมาก มีตัวผู้ตัวใหญ่สุดเป็นจ่าฝูง ซึ่งในฝูงจะประกอบด้วยปลาตัวเมีย และปลาตัวผู้ที่เล็กกว่าตัวอื่น ปลาที่เป็นจ่าฝูงมักจะขับสีตัวเองให้เป็นสีเข้มเหมือนสีดำเพื่อเป็นการข่มปลาตัวอื่น เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 4 ปี โดยปลาตัวผู้จะเป็นฝ่ายต้อนปลาตัวเมียมายังรังที่สร้างไว้เพื่อวางไข่ พร้อมกับขับไล่ปลาตัวอื่น ไม่ให้เข้าใกล้ เมื่อตัวเมียวางไข่จะอมไข่ไว้ในปาก ปลาตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อ เพื่อให้ตัวเมียเก็บน้ำเชื้อเข้าปากเพื่อปฏิสนธิ และหลังจากนั้นปลาตัวเมียจะไม่กินอาหารเลย เป็นระยะเวลาราว 21 วัน ซึ่งปลาจะฟักเป็นตัว จึงคายลูกปลาออกมา ได้รับความนิยมอย่างมากในแง่ของการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยแบ่งเป็นสายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่เป็นหลักในการอนุกรมวิธาน โดยเรียกชื่อกันตามลักษณะภายนอกของปลาและถิ่นที่อยู่อาศัยตามพื้นที่ต่าง ๆ ของทะเลสาบ แต่โดยหลักของการอนุกรมวิธานแล้ว จะแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาหมอฟรอนโตซ่า (สกุล) · ดูเพิ่มเติม »

ปลาอัลลิเกเตอร์

ปลาอัลลิเกเตอร์ หรือ ปลาจระเข้ (Alligator gar; ชื่อวิทยาศาสตร์: Atractosteus spatula) เป็นปลากินเนื้อน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปลาการ์ มีลักษณะเด่น คือ มีส่วนปากยาวคล้ายกับจระเข้หรืออัลลิเกเตอร์ รูปร่างกลมยาว ตากลมสีดำ บริเวณลำตัวจรดหางคล้ายปลา มีครีบเล็กใต้ท้อง 2 ครีบคู่ ใต้ท้องสีขาว บริเวณปลายหาง ใกล้หางมีครีบใหญ่อีก 2 ครีบ ซึ่งโคนหางด้านบนมีขนาดใหญ่กว่าโคนหางด้านล่างอย่างเห็นได้ชัดเจน ครีบหางกลมมนเป็นรูปพัด เป็นปลาที่กระจายพันธุ์อยู่ในแหล่งน้ำจืดต่าง ๆ เช่น แม่น้ำ หรือทะเลสาบ ของสหรัฐอเมริกาทางตอนใต้ เช่น รัฐฟลอริดา และหลุยส์เซียนา ปลาอัลลิเกเตอร์มีปากเรียวยาวเหมือนอัลลิเกเตอร์ ที่ภายในมีฟันที่แหลมคม 2 แถว ประมาณ 500 ซี่ ใช้สำหรับงับเหยื่อก่อนที่จะกลืนลงไป เกล็ดของปลาอัลลิเกเตอร์มีความหนาและแข็ง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนเพชร มีสารเหมือนกับสารเคลือบฟันเคลือบอยู่ มีความคมเมื่อถูจะถูกบาดทำให้เกิดบาดแผลได้ อินเดียนแดง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของอเมริกาใช้เกล็ดของปลาอัลลิเกเตอร์ทำเป็นหัวลูกศร ปลาอัลลิเกเตอร์สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพต่ำ มีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำต่ำ เช่น น้ำที่ขุ่นข้นสภาพพื้นน้ำเป็นโคลน เนื่องจากมีถุงลมที่ทำหน้าที่เสมือนปอดช่วยในการหายใจ ทำให้สามารถขึ้นมาฮุบอากาศบนผิวน้ำได้ ปลาอัลลิเกเตอร์ ถือกำเนิดขึ้นมานานกว่า 100 ล้านปีแล้ว ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่และเกล็ดที่แข็งแรงทำให้ปรับตัวและอยู่รอดได้มาจนถึงปัจจุบัน ปลาอัลลิเกเตอร์มีความยาวโดยเฉลี่ยได้ถึง 6–7 ฟุต น้ำหนักมากกว่า 100 ปอนด์ มีอายุขัยได้มากถึง 60 ปี ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ แต่ก็มีคำกล่าวอ้างจากนักตกปลาพื้นถิ่นว่าเคยพบเห็นตัวที่ยาวถึง 14 ฟุต ในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาอัลลิเกเตอร์ · ดูเพิ่มเติม »

ปลาจีดเขมราฐ

ปลาจีดเขมราฐ เป็นปลาน้ำจืดในอันดับปลาหนัง (Siluriformes) ในวงศ์ปลาจีด (Heteropneustidae) ปลาจีดเขมราฐ มีลักษณะลำตัวคล้ายปลาดุกที่อยู่ในสกุล Clarias แต่มีส่วนหัวที่แบนราบกว่า ตาและปากมีขนาดเล็ก มีหนวดยาว 4 คู่ ด้านหลังมีครีบหลังอันเล็ก ไม่มีครีบไขมันเช่นปลาในอันดับปลาหนังอื่น ๆ ครีบก้นยาว ครีบหางมีขนาดเล็กและปลายมน ครีบอกมีก้านแข็งแรงและแหลมคม ลำตัวมีสีน้ำตาลแดง ท้องสีขาวจาง และข้างลำตัวมีแถบสีขาวจาง ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 15 เซนติเมตร พบใหญ่สุดได้ถึง 1 ฟุต นิยมอยู่เป็นฝูงใหญ่ โดยที่ครีบอกมีพิษที่ร้ายแรงกว่าปลาดุกในสกุล Clarias พบกระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำต่าง ๆ เช่น แม่น้ำและหนองคลองบึงต่าง ๆ ในภาคกลาง, ภาคอีสานและภาคใต้ของประเทศไทย โดยมีชื่อเรียกในภาษาใต้ว่า "ปลาเมง" นิยมเลี้ยงกันเป็นปลาเศรษฐกิจในบ่อในภาคใต้ เนื้อมีรสชาติอร่อย ขณะที่สถานภาพของปลาที่พบในธรรมชาติของภาคกลาง ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาจีดเขมราฐ · ดูเพิ่มเติม »

ปลาที่มีครีบเป็นพู่

ปลาที่มีครีบเป็นพู่ หรือ ปลาครีบเป็นพู่ (Lobe-finned fishes) เป็นปลาที่อยู่ในชั้นใหญ่ Sarcopterygii (มาจากภาษากรีกคำว่า σαρξ (sarx), "เนื้อ" และ πτερυξ (pteryx), "ครีบ") หรือในบางครั้งอาจใช้ชื่อว่า Crossopterygii (แปลว่า "Fringe-finned fish", มาจากภาษากรีก κροσσός krossos, "ชายขอบ") เป็นปลาที่มีลักษณะแตกต่างจากปลาในชั้นอื่น ๆ คือ มีเกล็ดเป็นแบบ Cosmoid มีลักษณะเฉพาะ คือ ครีบที่บริเวณหน้าอกวิวัฒนาการจากครีบธรรมดา ๆ มาเป็นเสมือนอวัยวะที่ใช้เคลื่อนไหวได้เหมือนการเดินในน้ำ โดยลักษณะของครีบจะเป็นพู่เนื้อหรือเนื้อเยื่อ มีความแข็งแรงมาก โดยมีแกนกระดูก จึงเป็นเสมือนรอยต่อของการวิวัฒนาการของปลาซึ่งเป็นสัตว์น้ำอาศัยอยู่ในน้ำได้อย่างเดียว ขึ้นมาอยู่บนบกกลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำก่อนจะวิวัฒนาการเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ในชั้นอื่น ๆ ต่อไป ปลาที่มีครีบเป็นพู่ ถือกำเนิดมาในยุคซิลูเรียนตอนปลาย (418 ล้านปีก่อน) ในทะเลและค่อยคืบคลานสู่แหล่งน้ำจืดที่มีลักษณะเป็นหนองหรือคลองบึง สันนิษฐานว่าการที่พัฒนาเช่นนี้ คงเป็นเพราะต้องการหนีจากปลาที่เป็นปลากินเนื้อขนาดใหญ่ที่ครองพื้นที่ทะเลในขณะนั้น เช่น ดังเคิลออสเตียส เป็นต้น ปัจจุบัน ปลาในชั้นนี้ได้สูญพันธุ์หมดแล้ว คงเหลือไว้เพียง 2 จำพวกเท่านั้น คือ ปลาซีลาแคนท์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว กับปลาปอด ที่กลายมาเป็นปลาน้ำจืดอย่างถาวร และได้มีพัฒนาถุงลมที่ใช้ในการว่ายน้ำและทรงตัวเหมือนปลาทั่วไป กลายเป็นอวัยวะที่ใช้ในการหายใจคล้ายกับปอดของสัตว์บก สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้เป็นอย่างดี จึงทำให้อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่คุณภาพน้ำแย่ มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาที่มีครีบเป็นพู่ · ดูเพิ่มเติม »

ปลาดุกหนามไนเจอร์

ปลาดุกหนามไนเจอร์ (Ripsaw catfish) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pseudodoras niger ในวงศ์ปลาทอล์คกิ้งแคทฟิช (Doradidae) มีรูปร่างค่อนข้างยาว มีส่วนหัวเป็นทรงกรวย มีกระดูกแข็ง ครีบอกมีเงี่ยงแข็ง ด้านข้างลำตัวมีชุดของแผ่นกระดูกแข็งคล้ายเกราะมีปลายแหลม เรียงตัวไปทางท้ายของลำตัวจนสุดปลายหาง ลำตัวมีสีเทาอมดำ ปลายแหลมของเกล็ดแข็งเป็นสีขาว ครีบหลัง ครีบหาง และครีบอกมีสีเข้ม มีขนาดใหญ่เต็มที่ 1 เมตร แต่ขนาดโดยเฉลี่ยคือ 59 เซนติเมตร มักอาศัยอยู่เป็นฝูง หากินบริเวณพื้นน้ำ โดยกินอาหารจำพวก ซากพืช ซากสัตว์ อินทรียสารต่าง ๆ รวมทั้งไส้เดือนน้ำ, แมลง และสัตว์มีกระดองด้วย พบกระจายพันธุ์ในลุ่มแม่น้ำหลักทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ เช่น ประเทศโบลิเวีย, บราซิล, เวเนซุเอลา, เอกวาดอร์, เฟรนช์เกียนา, เปรู โดยอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่เป็นแม่น้ำหรือบึงขนาดใหญ่ ที่มีสภาพน้ำค่อนข้างขุ่นหรือมีโคลนตมขุ่นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิประมาณ 21-29.8 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำ (pH) ประมาณ 5.0-9.0 เป็นปลาที่ใช้บริโภคกันในท้องถิ่น โดยมีชื่อเรียกในภาษาถิ่นว่า Cuyú-cuyú และยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาดุกหนามไนเจอร์ · ดูเพิ่มเติม »

ปลาคิลลี่ฟิช

ปลาคิลลี่ฟิช (Killifish) เป็นชื่อสามัญของปลาน้ำจืดและน้ำกร่อยขนาดเล็กหลายชนิด ในอันดับ Cyprinodontiformes ซึ่งเป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว นับ 1,000 กว่าชนิด ในแทบทุกทวีปทั่วโลก แต่ปลาคิลลี่ฟิชจะเป็นปลาที่แพร่ขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่ โดยปลาคิลลี่ฟิช มีลักษณะโดยทั่วไป จะเป็นปลาขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะในตัวผู้ ในหลากหลายพฤติกรรม ในบางชนิดจะหากินและดำรงชีวิตอยู่บนผิวน้ำ, บางชนิดหากินและดำรงชีวิตอยู่ระดับพื้นน้ำ และบางชนิดจะรวมตัวกันเป็นฝูง และบางชนิดจะว่ายน้ำอย่างกระจัดกระจาย ปลาคิลลี่ฟิช เป็นปลาที่มักพบในแหล่งน้ำต่าง ๆ ตั้งแต่ ต้นน้ำตลอดจนไปถึง คลอง, บึง และแม่น้ำต่าง ๆ ทั้งที่เป็นแหล่งน้ำถาวรและแหล่งน้ำชั่วคราวที่เหือดแห้งหายไปได้ตามฤดูกาล แม้กระทั่งแอ่งน้ำในรอยเท้าสัตว์ ซึ่งคำว่า "คิลลี่" (Killi) มาจากภาษาดัตช์คำว่า "kilde" หมายถึง "แหล่งน้ำขนาดเล็ก" โดยมีลักษณะการวางไข่หลากหลายแตกต่างออกไป เช่น วางไข่ทิ้งไว้ในพื้นดินและมีวงจรชีวิตที่สั้น หรือวางไข่ไว้กับใบของไม้น้ำ สำหรับในประเทศไทย มีปลาเพียงชนิดเดียวที่เข้าข่ายปลาคิลลี่ฟิช คือ ปลาหัวตะกั่ว (Aplocheilus panchax) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Aplocheilidae ที่พบได้ทุกแหล่งน้ำทั่วทุกภาค ปลาคิลลี่ฟิช เป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยมักจะนิยมเลี้ยงรวมเป็นฝูงหรือปะปนกับปลาชนิดอื่น ในตู้ไม้น้ำ และเลี้ยงเพื่อฟักลูกปลาให้ออกจากไข่ที่วางไว้ในดิน ซึ่งสามารถห่อส่งขายทางไปรษณีย์ได้ นับว่าเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของผู้เลี้ยง โดยสกุลที่นิยมเลี้ยงได้แก่ Nothobranchius ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา และปลาหัวตะกั่วทองคำ (Aplocheilus lineatus) ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาคิลลี่ฟิช · ดูเพิ่มเติม »

ปลาตะพัด

ปลาตะพัด หรือที่นิยมเรียกว่า ปลาอาโรวาน่า (Malayan bonytongue fish, Arowana, Asian arowana, Arawana) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาตะพัด (Osteoglossidae) ซึ่งถือได้ว่าเป็นปลาที่สืบเผ่าพันธุ์มาตั้งแต่ปลาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จัดได้ว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตชนิดหนึ่ง นับว่าเป็นปลาที่ใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ เนื่องจากเป็นปลาที่สืบพันธุ์ยาก ประกอบกับแหล่งที่อยู่ถูกทำลายไป ได้รับความนิยมอย่างสูงของนักเลี้ยงปลาสวยงาม ในฐานะของปลาสวยงาม ราคาแพง และถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาตะพัด · ดูเพิ่มเติม »

ปลาตะพัดพม่า

ปลาตะพัดพม่า หรือ ปลาตะพัดลายงู (Blue arowana, Myanmar arowana, Batik myanmar arowana) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาตะพัด (Osteoglossidae).

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาตะพัดพม่า · ดูเพิ่มเติม »

ปลาฉลามปากเป็ดจีน

ปลาฉลามปากเป็ดจีน (จีนตัวย่อ: 白鲟; จีนตัวเต็ม: 白鱘; พินอิน: báixún) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Psephurus gladius อยู่ในวงศ์ปลาฉลามปากเป็ด (Polyodontidae) ในอันดับปลาสเตอร์เจียน (Acipenseriformes) ซึ่งมีอยู่ด้วยกันเพียง 2 ชนิด (อีกชนิดหนึ่งคือ ปลาฉลามปากเป็ด (Polyodon spathula) พบในทวีปอเมริกาเหนือบริเวณลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี) ปลาฉลามปากเป็ดจีนเป็นปลาที่พบเฉพาะแม่น้ำ, ทะเลสาบ และสาขาของแม่น้ำแยงซี และตัวโตเต็มวัยมักจะอพยพลงสู่ทะเล และบ่อยครั้งที่จะถูกพบในทะเลเหลือง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน หากจะกล่าวว่ามีการพบเห็นบางตัวได้โดยบังเอิญโดยการเดินทางเนื่องจากกระแสน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ปลาชนิดนี้เป็นปลาที่อยู่ตัวเดียว แต่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กลับพบเห็นตัวเต็มวัยขนาดต่าง ๆ มารวมตัวกันในแหล่งน้ำตื้น ปลาฉลามปากเป็ดจีนเป็นปลากินปลา ซึ่งต่างจากอีกชนิดที่พบในทวีปอเมริกาเหนือที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหารหลัก การหาอาหารจะอยู่ในระดับความลึกจากกลางน้ำลงไป ขากรรไกรของปลาชนิดนี้สามารถยื่นออกมาได้ในขณะที่ขากรรไกรปลาฉลามปากเป็ดอเมริกาเหนือไม่สามารถยื่นยาวออกไปคว้าเหยื่อได้ ปลาฉลามปากเป็ดจีนสามารถโตเต็มที่ได้ถึง 7 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าปลาฉลามปากเป็ดอเมริกาเหนือมาก น้ำหนักถึง 300 กิโลกรัม ฤดูผสมพันธุ์ของปลาฉลามปากเป็ดจีนจะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ปลาที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 25 กิโลกรัมขึ้นไป มารวมตัวกันบริเวณพื้นที่กลางแม่น้ำที่มีท้องน้ำเป็นดินโคลนหรือทราย ที่มีความเร็วของกระแสน้ำ 0.72–0.94 m/s ปริมาณอ็อกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ 8–10 มิลลิกรัม/l ค่า pH 8.2 อุณหภูมิประมาณ 18.3–20.0 องศาเซลเซียส ช่วงที่ตัวผู้ปล่อยน้ำเชื้อน้ำบริเวณนั้นจะขุ่นราวกับสีน้ำนม ในขณะที่ตัวเมียสามารถผลิตไข่ได้ถึง 100,000 ฟอง มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2.7 มิลลิเมตร มีสีเทาอมน้ำตาล ปัจจุบัน ปลาฉลามปากเป็ดจีนเป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในภาวะวิกฤตใกล้สูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง เป็นปลาที่หาได้ยากมาก น้อยครั้งที่จะพบตัวแม้จะเป็นเพียงซากก็ตาม ในปัจจุบัน ทางการจีนได้ให้การอนุรักษ์และศึกษาเป็นการด่วน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาฉลามปากเป็ดจีน · ดูเพิ่มเติม »

ปลาฉนากฟันเล็ก

ปลาฉนากฟันเล็ก (Smalltooth sawfish) เป็นปลากระดูกอ่อนขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pristis pectinata อยู่ในวงศ์ปลาฉนาก (Pristidae) มีรูปร่างเหมือนปลาฉนากทั่วไป มีจะงอยปากมีความยาวประมาณ 1/4 ของขนาดลำตัวและหาง มีรูปทรงที่แคบและยาวเมื่อเทียบกับฉนากชนิดอื่น ๆ มีซี่ฟัน 21-34 คู่ ขนาดเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 7.6 เมตร ขนาดเมื่อแรกเกิด 60 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์อยู่กว้างขวาง ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งของทวีปอเมริกาเหนือ ไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้, ประเทศบราซิล, ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, มหาสมุทรอินเดีย, มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นปลาฉนากอีกชนิดหนึ่งที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในน้ำกร่อย หรือน้ำจืดได้ โดยมีรายงานพบที่ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ฉนากฟันเล็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวใส่ปลาฉลามที่ร่วมตู้เดียวกัน ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาฉนากฟันเล็ก · ดูเพิ่มเติม »

ปลาซิวหนวดยาว

ปลาซิวหนวดยาว (Flying barb, Striped flying barb) เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กจำพวกปลาซิว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Esomus metallicus ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีลำตัวยาวทรงกระบอก แบนข้าง นัยน์ตาโต ครีบหลังและครีบก้นมีขนาดใกล้เคียงกัน ครีบอกมีขนาดใหญ่ปลายแหลม ครีบหางปลายแยกเป็นแฉกลึก มีหนวดที่มุมปากยาวมากหนึ่งคู่เห็นได้ชัดเจน มีแถบสีดำยาวตามลำตัวจากหลังตาจรดปลายหาง มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 7.2 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในแม่น้ำ หนอง คลอง บึง ทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงนาข้าวหรือตามท้องร่องสวนผลไม้ต่าง ๆ ด้วย ในต่างประเทศพบได้จนถึงแหลมมลายู เป็นปลาที่ใช้บริโภคเป็นอาหารในพื้นที่ และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาซิวหนวดยาว · ดูเพิ่มเติม »

ปลานิล

ปลานิล เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oreochromis niloticus เป็นปลาเศรษฐกิจ แพร่ขยายพันธุ์ง่าย และมีรสชาติดี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลานิล · ดูเพิ่มเติม »

ปลาน้ำจืด

วงศ์นี้ล้วนแต่เป็นปลาน้ำจืดทั้งหมด ปลาน้ำจืด (Freshwater fish) หมายถึง ปลาที่อาศัยอยู่ได้ในเฉพาะแหล่งน้ำที่เป็นน้ำจืด คือ น้ำที่มีปริมาณเกลือหรือความเค็มละลายน้อยกว่าร้อยละ 00.5 เท่านั้น โดยอาศัยอยู่ในแม่น้ำ, คลอง พื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ ที่เป็นน้ำจืด เช่น ทะเลสาบน้ำจืด, บึง หนอง หรือลำธารน้ำตกบนภูเขาหรือในป่าดิบ โดยโครงสร้างของปลาน้ำจืดนั้น จะมีแรงดันออสโมซิสในเลือดอยู่ในระดับสูงกว่าน้ำที่อาศัยอยู่มาก จึงทำให้มีการไหลของน้ำเข้าสู่ร่างกายและเกลือแร่แพร่ออกสู่น้ำภายนอกได้ง่าย โดยไม่ให้น้ำซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายและออกจากร่างกายได้ แต่ทว่ากระบวนการดังกล่าวก็ยังไม่ดีพอ เพราะเหงือกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ปลาใช้หายใจมีน้ำไหลผ่าน เมื่อมีเหงือก น้ำก็มีโอกาสไหลผ่านเข้าสู่ภายในร่างกายได้ จึงกำจัดน้ำส่วนที่เกินที่ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายออกสู่นอกร่างกายได้วิธีการขับถ่ายนำเอาปัสสาวะซึ่งมีความดันออสโมซิสต่ำกว่าเลือดออกสู่ภายนอกร่างกาย ร่างกายส่วนใหญ่ของปลาน้ำจืดจะปกคลุมด้วยผิวหนังและเกล็ดซึ่งไม่ยอมให้น้ำซึมผ่านนอกจากบริเวณที่เป็นเหงือกแลกเปลี่ยนก๊าซหายใจเท่านั้นที่น้ำผ่านได้ และโดยธรรมชาติปลาน้ำจืดไม่ดื่มน้ำเลย ซึ่งแตกต่างจากปลาทะเล เพราะการดื่มน้ำจะทำให้ร่างกายมีน้ำมากเกินความจำเป็น ซึ่งจะมีน้ำบางส่วนไหลผ่านบริเวณปากและเหงือกเพื่อช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซหายใจก็จะมีโอกาสซึมเข้าไปในร่างกายได้บ้าง และเกลือแร่จากเลือดก็จะแพร่ออกมาทางเหงือกได้มากพอดู ปลาน้ำจืดจึงมีไตขับน้ำส่วนเกินออกไปเป็นปัสสาวะ และมีกลุ่มเซลล์พิเศษอยู่บริเวณเหงือกคอยดูดเอาเกลือแร่ต่าง ๆ ที่จำเป็นกลับสู่ร่างก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาน้ำจืด · ดูเพิ่มเติม »

ปลาแรด

ปลาแรด (Giant gourami) เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในวงศ์ Osphroneminae ซึ่งอยู่ในวงศ์ใหญ่ Osphronemidae นับเป็นปลาแรดชนิดที่เป็นที่รู้จักมากที.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาแรด · ดูเพิ่มเติม »

ปลาแซลมอน

วาดปลาแซลมอนชนิดต่าง ๆ ปลาแซลมอน http://www.royin.go.th/th/webboardnew/answer.php?GroupID.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาแซลมอน · ดูเพิ่มเติม »

ปลาโอรีโนโกพีค็อกแบส

ปลาโอรีโนโกพีค็อกแบส (Orinoca peacock bass; ชื่อท้องถิ่น: Tucanare) ปลาน้ำจืดขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ชนิดหนึ่ง ในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) มีรูปร่างคล้ายกับปลาหมอออสเซลาริส (C. ocellaris‎) ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน ต่างกันที่ปลาโอรีโนโกพีค็อกแบสจะไม่มีแถบสีดำที่ลำตัว และไม่มีจุดสีดำที่เหนือแผ่นปิดเหงือก มีขนาดโตเต็มที่ได้ 61.7 เซนติเมตร แพร่กระจายพันธุ์เฉพาะแม่น้ำโอรีโนโก ในประเทศเวเนซุเอลา และโคลอมเบีย และแม่น้ำริโอเนโกร ในประเทศบราซิล โดยพบกระจายอยู่ทั้งในบริเวณที่ใกล้ชายฝั่ง และในร่องน้ำลึก รวมทั้งบึงที่มีส่วนติดต่อกับแม่น้ำสายใหญ่ด้วย ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำที่ปลาอาศัยอยู่ที่ระหว่าง 5.5-6.5 pH อุณหภูมิประมาณ 27-23 องศาเซลเซียส จากการศึกษาพบว่า ปลาโอรีโนโกพีค็อกแบสกินอาหารหลัก คือ ปลาในกลุ่มปลาคาราซิน และแมลง รวมถึงสัตว์น้ำมีกระดองแข็งด้วย เป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่นิยมตกกันเป็นเกมกีฬา เป็นปลาที่ใช้บริโภค โดยพบขายในตลาดสดท้องถิ่น และเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาโอรีโนโกพีค็อกแบส · ดูเพิ่มเติม »

ปลาเรนโบว์เทราต์

ปลาเรนโบว์เทราต์ หรือ ปลาเทราต์สายรุ้ง (Rainbow trout, Steelhead, Trout salmon) เป็นปลาชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาแซลมอน (Salmonidae) จัดอยู่ในจำพวกปลาแซลมอน อาศัยอยู่ในสาขาแม่น้ำที่ไหลสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นช่วงที่มีวงจรชีวิตอาศัยอยู่ในทะเล ปกติจะว่ายจากทะเลสู่แม่น้ำเพื่อวางไข่หลังจากอาศัยอยู่ในทะเลไปแล้ว 2-3 ปี ปลาเรนโบว์เทราต์มักถูกนำมาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารและตกเป็นเกมกีฬา ได้ถูกเพาะเลี้ยงและนำเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ที่มิใช่แหล่งกำเนิดดั้งเดิมถึง 87 ประเทศ อาทิ เยอรมนี, ฟินแลนด์, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น ทั้งในประเทศในเขตอบอุ่นและเขตหนาว หรือแม้แต่เขตร้อน เพื่อสนองความต้องการในการบริโภคและตกเป็นเกมกีฬา ปลาเรนโบว์เทราต์ เป็นปลาที่ดั้งเดิมอาศัยอยู่ในลำธารหรือทะเลสาบที่น้ำมีอุณหภูมิที่เย็น (ไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส ขณะที่บางข้อมูลระบุว่าไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส) เป็นปลาที่มีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในตัว โดยเป็นปลาที่กินสัตว์น้ำต่าง ๆ ไม่เลือก ทั้งปลาและแมลงน้ำ ด้วยสรีระที่เป็นทรงกระสวย หางมีขนาดใหญ่ช่วยในการว่ายทวนกระแสน้ำได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะไม่มีฟันหรือเขี้ยวขนาดใหญ่ แต่ก็มีจะงอยปากที่เป็นลักษณะตะขอ เมื่อสบกับจะงอยปากบนที่เป็นร่องลึกก็จะประกบกันได้ลงตัวพอดี ทำให้จับเหยื่อได้อย่างมั่นคง มีขนาดโตเต็มที่ได้ถึง 1.2 เมตร น้ำหนักกว่า 25 กิโลกรัม สีตามลำตัวสวยงาม เนื้อมีรสชาติดี มีก้างน้อย และยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด โอเมกา 3 อยู่ในปริมาณที่มากด้วย จากรายงานของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ในการจัดอันดับชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มีประสิทธิภาพในการรุกรานสิ่งมีชีวิตพื้นถิ่นให้เสียหายอย่างรุนแรง 100 อันดับแรก มีปลาอยู่ 5 ชนิด และหนึ่งในนั้นก็คือ ปลาเรนโบว์เทราต์ ปลาเรนโบว์เทราต์ ได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยด้วยการเป็นไข่ปลาจากสหรัฐอเมริกา ที่สถานีเพาะเลี้ยง ในโครงการหลวง ที่ดอยอินทนนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2541 จนประสบความสำเร็จ มีลูกปลาที่รอดจากการฟักถึงร้อยละ 90 สามารถผลิตปลาได้ปริมาณสูงถึง 18-20 ตันต่อปี แต่ก็มีประชากรบางส่วนที่หลุดรอดไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ มีรายงานการพบลูกปลาขนาดเล็กมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร หลุดรอดออกมาจากสถานีเพาะเลี้ยง และพบปลาขนาดใหญ่ราว 1 ฟุตอยู่ในลำธารใกล้ ๆ สถานีเพาะเลี้ยง และมีการจับปลาขนาดใหญ่ได้ในช่วงท้ายน้ำของผู้คนพื้นถิ่น จากการให้สัมภาษณ์ของคนพื้นถิ่นพบว่า ตั้งแต่มีปลาเรนโบว์เทราต์เข้ามา ลูกปลาชนิดต่าง ๆ ก็ได้หายไปเป็นจำนวนมาก จึงหวั่นเกรงกันว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไปปลาเทราต์สายรุ้ง การรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น หน้า 28-32 โดย siamensis.org.

ใหม่!!: ทะเลสาบและปลาเรนโบว์เทราต์ · ดูเพิ่มเติม »

ป่าชายเลน

ป่าชายเลน ป่าชายเลน คือเป็นกลุ่มสังคมพืชซึ่งขึ้นอยู่ในเขตน้ำลงต่ำสุดและน้ำขึ้นสูงสุด บริเวณชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำหรืออ่าว อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง สังคมพืชที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิดหลายตระกูล และเป็นพวกที่มีใบเขียวตลอดปี (evergreen species) ซึ่งมีลักษณะทางสรีรวิทยาและความต้องการสิ่งแวดล้อมที่คล้ายกัน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้สกุลโกงกาง (Rhizophora spp.) เป็นไม้สำคัญและมีไม้ตระกูลอื่นบ้าง ได้มีการค้นพบป่าประเภทนี้มาตั้งแต่เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางมาบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะคิวบา ต่อมา เซอร์ วอลเตอร์ เรลห์ ได้พบป่าชนิดเดียวกันนี้อยู่บริเวณปากแม่น้ำในตรินิแดดและเกียนา คำว่า "mangrove" เป็นคำจากภาษาโปรตุเกสคำว่า "mangue" ซึ่งหมายถึงกลุ่มสังคมพืชที่ขึ้นอยู่ตามชายฝั่งทะเลดินเลน และใช้กันแพร่หลายในประเทศแถบลาตินอเมริกา ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็ใช้เรียกตามภาษาของตัวเอง เช่น ประเทศมาเลเซียใช้คำว่า "manggi-manggi" ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเรียกป่าชายเลนว่า "mangrove" ส่วนภาษาไทยเรียกป่าชนิดนี้ว่า "ป่าชายเลน" หรือ "ป่าโกงกาง" บริเวณที่พบป่าชายเลนโดยทั่วไป คือตามชายฝั่ง ทะเล บริเวณปากน้ำ อ่าว ทะเลสาบ และเกาะ ซึ่งเป็นบริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึงของประเทศ ในแถบภูมิภาคเขตร้อน ส่วนเขตเหนือหรือใต้เขตร้อน จะพบป่าชายเลนอยู่บ้างแต่ไม่มาก โดยพื้นที่ที่พบป่าชายเลนเช่น ในกลุ่มประเทศของภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า และ ไทย เป็นต้น สำหรับพื้นที่ป่าชายเลนของโลกทั้งหมดมีประมาณ 113,428,089 ไร่ อยู่ใน เขตร้อน 3 เขตใหญ่ คือ เขตร้อนแถบเอเชียพื้นที่ประมาณ 52,559,339 ไร่ หรือร้อยละ 46.4 ของป่าชายเลนทั้งหมด โดยประเทศอินโดนีเซียมีป่าชายเลนมากที่สุด ถึง 26,568,818 ไร่ สำหรับในเขตร้อนอเมริกามีพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมดประมาณ 39,606,250 ไร่ หรือร้อยละ 34.9 ของพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด ในเขตร้อนอเมริกาประเทศที่มีพื้นที่ โดยประเทศบราซิล มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 15,625,000 ไร่ รองจากอินโดนีเซีย ส่วนเขตร้อนอัฟริกามีพื้นที่ ป่าชายเลนน้อยที่สุดประมาณ 21,262,500 ไร่ หรือร้อยละ 18.7 ของพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด โดยประเทศไนจีเรีย มีพื้นที่ป่าชายเลน 6,062,500 ไร่ มากที่สุดในโซนนี้ โดยป่าชายเลนที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ซันดาร์บานส์ ซึ่งเป็นปากแม่น้ำคงคาระหว่างประเทศอินเดียกับบังกลาเทศ ซึ่งมีเนื้อที่ 10,000 ตารางกิโลเมตร (3,900 ตารางไมล์) ซึ่งถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและป่าชายเลน · ดูเพิ่มเติม »

ป่าพรุ

ป่าพรุ ป่าพรุ (Swamp forest, Peat swamp forest) เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีตกับดินตะกอนทะเลสลับกันชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอนน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายลงไป และเกิดเป็นป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสมน้ำที่ขังอยู่จึงจืดจางลง และเกิดป่าพรุขึ้นมาอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี สภาพโดยทั่วไปของป่าพรุ นั้น คือ พื้นด้านล่างจะเป็นพรุมีน้ำขังตลอดทั้งปี น้ำจะมีสีเขียวหรือน้ำตาลเข้ม อันเกิดจากการหมักหมมตัวมาอย่างยาวนานของซากพืช ซากสัตว์ น้ำจะมีสภาพเป็นกรดมากกว่าค่าของน้ำปกติ (pH ต่ำกว่า 7) ระบบนิเวศในป่าพรุนั้นมีความหลากหลาย และเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน ไม้ยืนต้นจะมีระบบรากแขนงแข็งแรงแผ่ออกไปเกาะเกี่ยวกันเพื่อจะได้ช่วยพยุงลำต้นของกันและกัน และให้ยืนตัวทรงอยู่ได้ ดังนั้นต้นไม้ในป่าพรุจึงอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากต้นใดต้นหนึ่งล้ม ต้นอื่นจะล้มตามไปด้วย สำหรับในประเทศไทย พื้นที่ที่มีป่าพรุเกิดขึ้นนั้น มักจะเป็นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป และพบในบางส่วนบ้างของภาคกลาง ในปัจจุบัน พื้นที่ป่าพรุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ ป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ในจังหวัดนราธิวาส มีเนื้อที่กว่า 125,625 ไร่ ในอดีต เคยมีป่าพรุในประเทศไทยมากถึงกว่า 400,000 ไร่ กินเนื้อที่กว่า 50 ล้านไร่ แต่ได้ค่อย ๆ ลดปริมาณลงจากการถูกบุกรุกแผ้วถางทำการเกษตร จนปัจจุบันเหลือไม่ถึง 60,000 ไร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและป่าพรุ · ดูเพิ่มเติม »

ป่าโลกล้านปี

ป่าโลกล้านปี เป็นตอนที่ห้าของเพชรพระอุมาจำนวน 4 เล่ม ได้แก่ป่าโลกล้านปี เล่ม 1 - 4.

ใหม่!!: ทะเลสาบและป่าโลกล้านปี · ดูเพิ่มเติม »

นกกระสาปากพลั่ว

นกกระสาปากพลั่ว (Shoebill, Whale-headed stork) เป็นนกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในอันดับนกกระสา (Ciconiiformes) ขณะที่บางข้อมูลจะถือว่าให้อยู่ในอันดับนกกระทุง (Pelecaniformes) แต่จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ที่อยู่ในวงศ์ Balaenicipitidae นกกระสาปากพลั่วจัดเป็นนกที่มีขนาดใหญ่มากชนิดหนึ่ง ขนาดเมื่อโตเต็มที่มีส่วนสูงตั้งแต่ 115-150 เซนติเมตร โดยประมาณ หากกางปีกจะกว้าง 230-260 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 4-7 กิโลกรัม ขณะที่เป็นวัยรุ่นหรือตัวเต็มวัยจะมีสีเทา ส่วนนกขนาดเล็กจะมีสีออกน้ำตาลกว่า อาศัยอยู่บริเวณบึงใหญ่ในแอฟริกาตะวันออก แถบประเทศซูดานและแซมเบีย นกกระสาปากพลั่ว มีจุดเด่น คือ จะงอยปากที่หนาและรูปทรงประหลาดไม่เหมือนนกชนิดอื่น เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงวิทยาศาสตร์ จากการมีการอนุกรมวิธาน ในช่วงศตวรรษที่ 19 จากการที่หนังของนกชนิดนี้ถูกนำมาขายในยุโรป อย่างไรก็ดี นกกระสาปากพลั่วเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยโบราณในอารยธรรมอียิปต์โบราณที่มีการเขียนภาพถึง และอารยธรรมอาหรับที่เรียกขานว่า "abu markub" ที่มีความหมายว่า "ผู้มากับรองเท้า" ซึ่งก็มาจากจะงอยปากมีลักษณะเหมือนรองเท้านั้นเอง นกกระสาปากพลั่ว หาอาหารในบึงน้ำหรือบ่อโคลน อาหารได้แก่ ปลา, กบ กระทั่งลูกจระเข้ หรือลูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ไร้ทางสู้ ทำรังบนพื้นดิน ออกไข่ครั้งละ 2 ฟอง ปัจจุบัน เป็นนกที่ถูกจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์จากบัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) จากความที่เป็นนกขนาดใหญ่ หายาก และหากินใกล้แหล่งน้ำ นกกระสาปากพลั่วคาดว่าเป็นนกที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็น "คองกามาโต" คือ สัตว์ประหลาดที่คล้ายนกขนาดใหญ่ ที่โจมตีใส่มนุษย์ในบึงน้ำแถบแอฟริกากลางนั่นเอง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกกระสาปากพลั่ว · ดูเพิ่มเติม »

นกกระเรียนมงกุฎแดง

วนหัวของนกกระเรียนมงกุฎแดง นกกระเรียนมงกุฎแดง หรือ นกกระเรียนญี่ปุ่น หรือ นกกระเรียนแมนจูเรีย (Red-crowned crane).

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกกระเรียนมงกุฎแดง · ดูเพิ่มเติม »

นกกาน้ำ

นกกาน้ำ (Cormorant, Shag) เป็นนกที่อยู่ในวงศ์ Phalacrocoracidae ซึ่งมีเพียงสกุลเดียว คือ Phalacrocorax.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกกาน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

นกยางโทนใหญ่

นกยางโทนใหญ่ (Great egret) เป็นนกลุยน้ำขนาดใหญ่ในวงศ์นกยาง (Ardeidae) มีขนสีขาวตลอดตัว คอยาว มีลักษณะคล้ายนกยางโทนน้อย แต่ปากจะยาวกว่า หัวไม่กลมเหมือนนกยางโทนน้อ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกยางโทนใหญ่ · ดูเพิ่มเติม »

นกออก

นกออก หรือ อินทรีทะเลปากขาว (อังกฤษ: White-bellied Sea-eagle, White-bellied Fish-eagle, White-breasted Sea Eagle; ชื่อวิทยาศาสตร์: Haliaeetus leucogaster) เป็นนกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งจำพวกเหยี่ยวและอินทรี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกออก · ดูเพิ่มเติม »

นกอัญชันคิ้วขาว

นกอัญชันคิ้วขาวหนังสือคู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล,นกเมืองไทย,โดยคณะบุคคลนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล,หน้า136 (White-browed Crake)) จัดอยู่ในวงศ์นกอัญชัน (Rallidae) เป็นนกอัญชันขนาดเล็ก นกชนิดนี้หากินตาม ทะเลสาบ บึง หนอง พรุ นากุ้ง นาข้าว ห้วย คลอง หรือ พื้นที่ที่ชุ่มน้ำต่างๆที่มีพืชลอยน้ำปกคลุมหนาแน่นในพื้นที่ราบ อาหารของนกชนิดนี้ได้แก่เมล็ดของพืชน้ำ แมลง ไข่แมลง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเล็ก ๆ ที่หาพบได้ตามกอพืชรก ๆ หรือบริเวณชายน้ำในแหล่งน้ำที่อาศัย โดยนกจะเดินจิกกินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับกระดกหางขึ้น ๆ ลง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกอัญชันคิ้วขาว · ดูเพิ่มเติม »

นกอ้ายงั่ว

นกอ้ายงั่ว หรือ นกคองู (Oriental darter; Snakebird) เป็นนกน้ำชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์นกอ้ายงั่ว (Anhingidae) ในอันดับนกกระทุง (Pelecaniformes) (แต่บางข้อมูลจัดให้อยู่ในอันดับ Suliformes) ในประเทศไทยพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ขนาดลำตัวยาวประมาณ 90-95 เซนติเมตร ปากตรง ปลายปากแหลม หัวเล็กคอยาวมาก ปีกยาว ปลายปีกค่อนข้างมน ขนปลายปีกเส้นที่ 2 และ 3 นับจากด้านนอกยาวที่สุด หางยาวแข็ง ปลายหางเป็นหางพลั่ว มีขนหาง 12 เส้น ขาค่อนข้างสั้นแต่ใหญ่ มีพังผืดนิ้วเป็นแบบตีนพัดเติม ทั้งสองเพศมีลักษณะและสีเหมือนกัน ตัวเต็มวัยหัวและคอสีน้ำตาล มีลายสีขาวคาดจากคางจนถึงข้างคอ ลำตัวสีดำ ช่วงไหล่ คอด้านบน และลำตัวด้านบนมีลายขีดสีเทาแกมสีเงิน ตัวไม่เต็มวัยสีจางกว่าตัวเต็มวัย หัวและคอสีขาว ลำตัวสีน้ำตาล มีลักษณะเด่น คือ มีลำคอยาวเรียวดูคล้ายงู จนได้อีกชื่อหนึ่งว่า "นกคองู" เพราะขณะว่ายน้ำ ลำตัวทั้งหมดจะจมลงใต้น้ำ ชูเฉพาะคอและหัวขึ้นเหนือน้ำ ดูคล้ายกับงูที่อยู่ในน้ำมาก อยู่เป็นกลุ่มตามแหล่งน้ำ เช่น บึง, อ่างเก็บน้ำ, เขื่อน หรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และอาจอยู่รวมกับนกและสัตว์ชนิดอื่น ว่ายน้ำและดำน้ำได้ดีมาก นอกจากนี้ยังบินได้ดี และชอบเกาะตามกิ่งไม้แห้งใกล้กับแหล่งน้ำหากินหรือบริเวณแหล่งอาศัย เพื่อผึ่งแดดหรือไซ้ขนหลังจากว่ายน้ำและดำน้ำหาอาหาร อาหารได้แก่ปลาชนิดต่าง ๆ ที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป โดยใช้ปากแทงทะลุตัวปลา จากนั้นจะชูหัวและลำคอขึ้นเหนือน้ำ โยนปลาขึ้นไปในอากาศพร้อมกับอ้าปากรับ แล้วกลืนเข้าไปทั้งตัว แต่ถ้าปลาตัวใหญ่เกินไปก็อาจจะนำขึ้นมากินบนกิ่งไม้ นกอ้ายงั่วผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝนหรือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม ทำรังรวมกันเป็นกลุ่มตามต้นไม้สูง (ไม่ต่ำกว่า 20 เมตร) รังเป็นแบบง่าย ๆ ใช้กิ่งไม้มาวางซ้อนกันตามง่ามไม้ขนาดใหญ่ รังมีไข่ 3-5 ฟอง ทั้งสองคู่ผลัดกันฟักไข่ เนื่องจากนกอ้ายงั่ววางไข่ครั้งละไม่กี่ฟอง จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกศัตรูของนกอ้ายงั่ว เช่น งู, หนู และนกล่าเหยื่อ ชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง รวมทั้งการรบกวนของมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอย่างยิ่งต่อการสูญพันธุ์ คอที่ยาวคล้ายงู ขณะจับปลา นกอ้ายงั่ว จัดเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ดีอย่างหนึ่ง เพราะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งปริมาณของอาหาร และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จัดเป็นนกประถิ่นในประเทศไทย แต่อยู่ในภาวะถูกคุกคาม ในประเทศจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ปัจจุบันพบเพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้น เช่น จังหวัดสระแก้วในภาคตะวันออก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกอ้ายงั่ว · ดูเพิ่มเติม »

นกเป็ดผีใหญ่

นกเป็ดผีใหญ่ (Great Crested Grebe) เป็นนกน้ำในวงศ์นกเป็ดผี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนกเป็ดผีใหญ่ · ดูเพิ่มเติม »

นาก

นาก (ไทยถิ่นเหนือ: บ้วน) เป็นสัตว์อยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับสัตว์กินเนื้อ ในวงศ์ใหญ่ Mustelidae อันเป็นวงศ์เดียวกับวีเซลหรือเพียงพอน แต่นากจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Lutrinae มีทั้งหมด 6 สกุล (ดูในตาราง) เป็นสัตว์บกที่สามารถว่ายน้ำและหากินในน้ำได้อย่างคล่องแคล่วมาก มีรูปร่างโดยรวมหัวสั้นและกว้างแบน หูมีขนาดเล็กซ่อนอยู่ใต้ขน นิ้วตีนทั้ง 4 ข้างมีพังผืดคล้ายตีนเป็ด ขนลำตัวสีน้ำตาลอมเทา มี 2 ชั้น ชั้นในละเอียด ชั้นนอกหยาบ ขาหลังใหญ่และแข็งแรงกว่า ขาหน้า ใช้ว่ายน้ำร่วมกับหาง มีฟันแหลมและแข็งแรง มีหนวดยาวใช้เป็นอวัยวะจับการเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำและใช้เป็นประสาทสัมผัสเมื่อเวลาอยู่ในน้ำ ไล่จับปลาและสัตว์น้ำเล็ก ๆ เป็นอาหาร ในบางชนิดอาจกินสัตว์จำพวกอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ด้วย ออกหากินทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีพฤติกรรมอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ ขุดรูอยู่ริมตลิ่งใช้เป็นรังสำหรับอาศัยและเลี้ยงดูลูกอ่อน นากจึงเป็นสัตว์ที่มีที่อยู่ในธรรมชาติใกล้กับแหล่งน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ หลากหลายประเภท เช่น บึง, ทะเลสาบ, ลำธาร, ป่าชายเลน แม้แต่พื้นที่เกษตรกรรมของมนุษย์ เช่น ท้องร่องในสวนผลไม้, นาข้าว หรือนากุ้ง เป็นต้น พบได้ทั่วโลก โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุด คือ นากยักษ์ (Pteronura brasiliensis) พบในลุ่มแม่น้ำอเมซอนในทวีปอเมริกาใต้ บางชนิดพบในทะเล คือ นากทะเล (Enhydra lutris) ที่สามารถนอนหงายท้องบนผิวน้ำทะเลและเอาหินทุบเปลือกหอยกินเป็นอาหารได้ด้วย นากมีความสำคัญต่อมนุษย์ คือ ในอดีตมีการล่าเพื่อเอาหนังและขนทำเป็นเสื้อขนสัตว์ โดยเฉพาะในทวีปยุโรปมีการล่าอย่างหนัก ทำให้นากหลายชนิดเกือบสูญพันธุ์ ซึ่งเสื้อขนสัตว์ 1 ตัว ต้องใช้ขนของนากมากถึง 40 ตัว จนทำให้ใกล้สูญพันธุ์ กระทั่งในปี ค.ศ. 1975 ทางกองทุนสัตว์ป่าโลก ได้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยกเลิกการค้าหนังนาก ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้นากได้รับความคุ้มครอง แต่กระนั้นในบางพื้นที่ก็ยังคงมีการลักลอบกันอยู.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนาก · ดูเพิ่มเติม »

นากใหญ่ธรรมดา

นากใหญ่ธรรมดา หรือ นากยุโรป (Common otter, European otter) เป็นนากชนิดที่สามารถพบได้กว้างขวางมาก มีลำตัวยาว ขนหนาและหยาบเพื่อป้องกันมิให้น้ำซึมเข้ามา ทำให้ว่ายน้ำได้คล่องแคล่ว และป้องกันอากาศเย็นได้เป็นอย่างดี สีขนตามลำตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อน ในบางครั้งอาจเปลี่ยนหรือเห็นเป็นสีเทา บริเวณท้องมีสีขนที่อ่อนกว่า หัวแบนและกว้าง หูกลม หางเรียวยาว ขนสั้น นิ้วเท้ามีพังผืดยึดติดกัน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนากใหญ่ธรรมดา · ดูเพิ่มเติม »

นากใหญ่ขนเรียบ

นากใหญ่ขนเรียบ (smooth-coated otter) เป็นนากชนิดหนึ่ง จัดเป็นนากชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียมาก มีลักษณะแตกต่างไปจากนากใหญ่ธรรมดา (Lutra lutra) และ นากจมูกขน (L. sumatrana) คือ มีหัวกลม แนวขนบนจมูกเป็นรูปตัววีคว่ำ ขนสั้น หูมีขนาดเล็กและมีลิ้นปิดหูเวลาว่ายน้ำเพื่อมิให้น้ำเข้าหู ขนตามลำตัวมีสีน้ำตาลปนสีดำหรือสีน้ำตาลอ่อน บริเวณท้องมีสีอ่อนกว่าบริเวณหลัง หางแบน และมีความยาวประมาณร้อยละ 60 ของลำตัว อุ้งเท้าและนิ้วเท้ามีขนาดใหญ่ มีความยาวลำตัวและหัว 65–75 เซนติเมตร ความยาวหาง 40–45 เซนติเมตร น้ำหนักเต็มที่ 7–11 กิโลกรัม มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่เนปาล, อินเดีย, ภาคตะวันตกของมณฑลยูนาน, พม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนามตอนใต้, มาเลเซีย และเกาะสุมาตรา มีพฤติกรรมอาศัยตามพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นที่ลุ่มต่ำ เช่น ริมทะเลสาบ ลำธาร คลอง ใช้หนวดเป็นประสาทสัมผัสในการรับรู้ เช่นเดียวกับนากชนิดอื่น ๆ โดยใช้หนวดทำหน้าที่รับแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ กินอาหารได้หลากหลายประเภท ทั้ง สัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ รวมทั้งนกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก เช่น หนู ด้วย ออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืน มักอยู่รวมกันเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ยกเว้นในสถานที่ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์อาจอยู่รวมเป็นฝูงใหญ่ มีเท้าและเล็บแข็งแรงจึงสามารถขุดรูริมตลิ่งได้ลึกถึง 3 เมตร เพื่อใช้การเลี้ยงดูลูกอ่อน ลูกนากที่เกิดใหม่จะลืมตาภายในเวลา 10 วัน และออกหากินได้เองเมื่ออายุได้ 3 เดือน สำหรับในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภาค โดยพบได้แม้กระทั่งในเมืองใหญ่ ๆ เช่น เมืองหลวงอย่าง กรุงเทพมหานคร ในแถบป่าชายเลน ในเขตบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรี รวมถึงบริเวณพื้นที่พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นเขตปริมณฑลกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้แล้วในประเทศสิงคโปร์ แถบหน้ามารีนาเบย์แซนส์ โรงแรมขนาดใหญ่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่เป็นที่รู้จักดี ก็มีฝูงนากใหญ่ขนเรียบอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนากใหญ่ขนเรียบ · ดูเพิ่มเติม »

นากเล็กเล็บสั้น

นากเล็กเล็บสั้น (oriental small-clawed otter, Asian small-clawed otter) เป็นนากขนาดเล็กที่สุดในโลก ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย ขนตามลำตัวมีสีเทาเข้มหรือสีน้ำตาล แต่สีขนบริเวณท้องจะอ่อนกว่า แต่สามารถเปลี่ยนสีขนได้ตามฤดูกาล ลักษณะเด่นคือ พังผืดบริเวณนิ้วตีนจะมีขนาดเล็กลง ช่วยให้นิ้วเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น ใต้คอมีสีขาว มีจมูกที่สั้นมากกว่านากชนิดอื่น ๆ ตัวที่ยังไม่โตเต็มวัยจะมีจมูกยาว และโค้งกว่า เมื่ออายุได้ 5 สัปดาห์จมูกก็จะหดสั้นลง มีความยาวลำตัวและหางประมาณ 45-55 เซนติเมตร ความยาวหาง 25-35 เซนติเมตร น้ำหนัก 1-3 กิโลกรัม พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางทั้งในทวีปแอฟริกาและในทวีปเอเชีย ในทวีปเอเชียพบตั้งแต่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย, เนปาล, บังกลาเทศ, ภาคใต้ของจีน, พม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, เกาะสุมาตรา, เกาะบอร์เนียวและเกาะชวา (แบ่งเป็น 3 ชนิดย่อย ดูในตาราง) นากเล็กเล็บสั้นมีความสามารถปรับตัวให้อยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ในธรรมชาติจะอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น ลำธารขนาดเล็ก, ป่าชายเลน, ริมทะเลสาบ, ห้วย, หนอง, คลอง, บึง หรือแม้แต่ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นเขตเกษตรกรรมของมนุษย์ เช่น ตามท้องร่องสวนต่าง ๆ อาหารหลักได้แก่ สัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ แต่ชอบกินปูมากที่สุด มักอาศัยอยู่เป็นฝูงเล็ก ๆ นากเล็กเล็บสั้นไม่ได้ใช้หนวดเป็นประสาทสัมผัสในการรับรู้เหมือนนากชนิดอื่น ๆ เพราะมีประสาทสัมผัสอยู่ที่ขาหน้า ออกลูกตามโพรงไม้หรือโพรงหินที่มีอยู่แล้ว เพราะขาหน้าไม่แข็งแรงพอจะขุดโพรงริมตลิ่งได้เหมือนนากชนิดอื่น ๆ ออกหากินในเวลากลางคืน บางครั้งอาจพบได้ตั้งแต่ช่วงพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า นากเล็กเล็บสั้นหากนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก จะเชื่องและสามารถทำตามคำสั่งของมนุษย์ได้ จึงมีการนำมาแสดงโชว์ตามสวนสัตว์ต่าง ๆ เช่น ซาฟารีเวิลด์ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค แม้แต่กระทั่งพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยพบในพื้นที่แถบคลองบางมด เขตทุ่งครุ ฝั่งธนบุรี เป็นนากเล็กเล็บสั้นที่อาศัยอยู่รวมเป็นฝูง มีพฤติกรรมขโมยกินปลาของเกษตรกรในพื้นที่ตามท้องร่องสวนในเวลากลางคืน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนากเล็กเล็บสั้น · ดูเพิ่มเติม »

นิเวศวิทยา

นิเวศวิทยา (ecology) (มาจากภาษากรีก: οἶκος "บ้าน"; -λογία, "การศึกษาของ") คือ การวิเคราะห์และการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชีวิต ได้แก่ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่มีต่อกันและกัน และปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่มีกับสิ่งแวดล้อมแบบ'อชีวนะ' (abiotic) ของสิ่งมีชีวิตนั้น หัวข้อนักนิเวศวิทยามักสนใจจะรวมถึงความหลากหลายทางนิเวศวิทยา การกระจาย ปริมาณ (ชีวมวล) จำนวน (ประชากร) ของสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับการแข่งขันระหว่างพวกมันภายในและระหว่างระบบนิเวศ ปฏิสัมพันธ์ที่เป็นองค์ประกอบของระบบนิเวศมีลักษณะเป็นไดนามิค ซึ่งประกอบไปด้วย สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศ ชุมชนของสิ่งมีชีวิตที่พวกมันสร้างขึ้น และองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิตของสภาพแวดล้อมของสิ่งมีชีวิต กระบวนการในระบบนิเวศ (ecosystem process) เช่น การผลิตโดยผู้ผลิต (เช่น พืช สาหร่าย) การเกิดขึ้นของดิน (pedogenesis) วัฏจักรสารอาหาร และกิจกรรมการสร้างสภาวะที่เหมาะสม (niche construction) จะเป็นตัวกำหนดการไหลของพลังงานและสสารจากสถานะหนึ่งไปยังอีกสถานะหนึ่งในระบบนิเวศ กระบวนการเหล่านี้จะทำงานอย่างเป็นปกติโดยสิ่งมีชีวิตที่มีบทบาทที่เฉพาะเจาะจงและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศนั้น โดยความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) ที่หมายถึงความหลากหลายของสายพันธุ์ ของยีน และของระบบนิเวศ จะช่วยเพิ่มการบริการในระบบนิเวศ (ecosystem services) นิเวศวิทยาเป็นสาขาการศึกษาแบบสหวิทยาการที่รวมชีววิทยาและวิทยาศาสตร์โลก โดยคำว่า "ระบบนิเวศ" ("Ökologie") เกิดขึ้นในปี 1866 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน แอรนส์ แฮกเกล (Ernst Haeckel) (1834-1919) ความคิดเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความคิดในเชิงปรัชญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจริยธรรมและการเมือง นักปรัชญากรีกโบราณเช่น Hippocrates และ อริสโตเติล ได้วางรากฐานของนิเวศวิทยาในการศึกษาเรื่อง 'ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ' (natural history) ของพวกเขา นิเวศวิทยาสมัยใหม่ถูกแปลงให้เป็น 'วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ' ที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แนวคิดวิวัฒนาการในการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตและ 'การคัดเลือกโดยธรรมชาติ' กลายเป็นเสาหลักของ 'ทฤษฎีทางนิเวศวิทยาสมัยใหม่' คำว่านิเวศวิทยาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ 'ชีววิทยาวิวัฒนาการ' พันธุศาสตร์ และ พฤฒิกรรมของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ (ethology) ความเข้าใจถึงกระบวนการที่ความหลากหลายทางชีวภาพจะสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบนิเวศเป็นหัวข้อที่สำคัญในการศึกษาระบบนิเวศ โดยนักนิเวศวิทยาพยายามที่จะอธิบายดังต่อไปนี้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและนิเวศวิทยา · ดูเพิ่มเติม »

น้ำ (โมเลกุล)

น้ำมี สูตรเคมี H2O, หมายถึงหนึ่ง โมเลกุล ของน้ำประกอบด้วยสองอะตอมของ ไฮโดรเจน และหนึ่งอะตอมของ ออกซิเจน เมื่ออยู่ในภาวะ สมดุลพลวัต (dynamic equilibrium) ระหว่างสถานะ ของเหลว และ ของแข็ง ที่ STP (standard temperature and pressure: อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน) ที่อุณหภูมิห้อง เป็นของเหลวเกือบ ไม่มีสี, ไม่มีรส, และ ไม่มีกลิ่น บ่อยครั้งมีการอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ว่ามันเป็น ตัวทำละลายของจักรวาล และน้ำเป็นสารประกอบบริสุทธิ์ชนิดเดียวเท่านั้นที่พบในธรรมชาติทั้ง 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและน้ำ (โมเลกุล) · ดูเพิ่มเติม »

น้ำจืด

น้ำจืดในลำธาร น้ำจืด หมายถึงน้ำในแหล่งน้ำทั่วไปอาทิ บ่อน้ำ ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร เป็นต้น ที่ซึ่งมีเกลือและของแข็งอื่นละลายอยู่ในระดับต่ำ มีความหนาแน่นน้อย นั่นคือน้ำจืดไม่ได้เป็นน้ำเค็มและน้ำกร่อย น้ำจืดสามารถเป็นผลผลิตของน้ำทะเลที่เอาเกลือออกแล้วได้ น้ำจืดเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตบนบกเป็นส่วนใหญ่ และเป็นที่จำเป็นต่อมนุษย์สำหรับน้ำดื่ม และใช้ในเกษตรกรรม เป็นต้น องค์การสหประชาชาติได้คาดการณ์ไว้ว่า ประชากรโลกประมาณร้อยละ 18 ขาดแคลนน้ำดื่มที่ปลอดภั.

ใหม่!!: ทะเลสาบและน้ำจืด · ดูเพิ่มเติม »

แก๊งฉึกฉักไดโนเสาร์

แก๊งฉึกฉักไดโนเสาร์ (Dinosaur train) เป็นการ์ตูนสำหรับเด็กจากประเทศสหรัฐอเมริกา จัดทำโดย เคร็ก บาร์ทเล็ตต์ คนเดียวกันที่ผลิตเรื่อง เฮ้ อาร์โนล! ในเรื่องนี้ได้มีการเล่าเรื่องถึงที-เร็กซ์ที่ชื่อว่า บัดดี้ ที่เลี้ยงโดยครอบครัวเทอราโนดอน แล้วผจญภัยทุกยุคที่เขาอยากจะไป และเรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เรื่องนี้จัดจำหน่ายโดย The Jim Henson Company ร่วมกับ Media Development Authority, Sparky Animation, FableVision และ Snee-Oosh, Inc.

ใหม่!!: ทะเลสาบและแก๊งฉึกฉักไดโนเสาร์ · ดูเพิ่มเติม »

แมงมุมน้ำ

แมงมุมน้ำ หรือ แมงมุมระฆังดำน้ำ (Diving bell spider, Water spider) เป็นแมงมุมชนิดหนึ่ง เป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Argyroneta โดยมาจากภาษากรีกคำว่า "Argyros" (ἄργυρος) แปลว่า "เงิน" และ "neta" หรือคำประดิษฐ์ใหม่ (บางทีอาจจะมาจาก νητής) มาจากคำกริยา "นีโอ" (νέω) "ปั่น" หรือ "กรอ" โดยหมายถึง "เครื่องปั่นเงิน" แมงมุมน้ำ เป็นแมงมุมที่แตกต่างจากแมงมุมชนิดอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้ โดยอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำตื้น ๆ เช่น หนอง, บึง หายใจโดยอาศัยโพรงอากาศที่สร้างไว้ใต้น้ำ โดยมีสาหร่ายหรือพืชน้ำสำหรับโพรงอากาศนั้นเกาะติดอยู่ มีขนที่มีลักษณะพิเศษที่นอกจากกันน้ำได้เหมือนแมงมุมชนิดอื่น ๆ แล้ว ยังสามารถกักอากาศได้มากกว่า ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับระฆังดำน้ำ เมื่อขึ้นมายังผิวน้ำ และใช้ส่วนที่เป็นท้องขึ้นมาสัมผัสกับอากาศ ขนเหล่านี้จะดูดซับอากาศไว้ และก็จะดำน้ำลงไปยังที่ ๆ จะสร้างโพรงอากาศนั้นแล้วเติมอากาศที่นำมา รอบแล้วรอบเล่าจนกว่าจะพอที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ข้างในได้ โดยในแต่ละรอบจะอยู่ใต้น้ำได้ประมาณ 40 นาที แต่มีงานวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันและออสเตรเลีย ระบุว่า แมงมุมน้ำสามารถที่จะอาศัยอยู่ใต้น้ำอย่างต่อเนื่องได้นานสุดถึง 24 ชั่วโมง แมงมุมน้ำ พบกระจายพันธุ์ในทวีปยุโรป เช่น เกาะอังกฤษ จนถึงทางตอนเหนือของเอเชียและเอเชียตะวันออก เช่น คาบสมุทรเกาหลี, เกาะญี่ปุ่น โดยล่าเหยื่อซึ่งได้แก่แมลงและสัตว์น้ำขนาดเล็กต่าง ๆ กินเป็นอาาหร เช่น ลูกปลา, ลูกอ๊อด, ลูกกุ้ง, ตัวอ่อนแมลงน้ำ เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและแมงมุมน้ำ · ดูเพิ่มเติม »

แม่น้ำ

แม่น้ำตาปี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่น้ำ (river) เป็นทางน้ำธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่ในทางวิทยาศาสตร์หมายถึงกระแสน้ำตามธรรมชาติทั้งหลาย รวมทั้งกระแสน้ำขนาดเล็ก เช่น ลำธาร คลอง เป็นต้น น้ำฝนที่ตกลงบนพื้นดินจะไหลไปยังแม่น้ำแล้วออกสู่มหาสมุทรหรือแอ่งน้ำขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่น ทะเลสาบ แม่น้ำมีส่วนประกอบโดยพื้นฐานหลายส่วน อาจมีแหล่งกำเนิดจากต้นน้ำหรือน้ำซับ แล้วไหลสู่กระแสน้ำหลัก ลำธารสายเล็กที่ไหลลงสู่แม่น้ำเรียกว่าแคว โดยปกติกระแสน้ำจะไหลไปตามร่องน้ำที่ขนาบข้างด้วยตลิ่ง ที่จุดสิ้นสุดของแม่น้ำหรือปากแม่น้ำ มักมีลักษณะแผ่ขยายออก เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่าดินดอนสามเหลี่ยม (Delta) หรือชะวากทะเล (Estuary).

ใหม่!!: ทะเลสาบและแม่น้ำ · ดูเพิ่มเติม »

แม่น้ำแยงซี

้นทางแม่น้ำแยงซีในประเทศจีน แม่น้ำแยงซี, แยงซีเกียง (Yangtze river) หรือแม่น้ำฉางเจียง เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ในทวีปแอฟริกาและแม่น้ำแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ แม่น้ำแยงซียาว 6,300 กิโลเมตร ต้นน้ำอยู่ที่มณฑลชิงไห่และทิเบต ในทิศตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน และไหลมาทางทิศตะวันออก ออกสู่ทะเลจีนตะวันออก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและแม่น้ำแยงซี · ดูเพิ่มเติม »

แอกโซลอเติล

แอกโซลอเติล (axolotl) หรือ อาโชโลตล์ (นาอวตล์: āxōlōtl) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในอันดับซาลาแมนเดอร์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะใกล้เคียงกับซาลาแมนเดอร์เสือ (A. tigrinum) ซึ่งอยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกัน โดยที่ชื่อ "แอกโซลอเติล" นั้น มาจากชื่อของเทพเจ้าโชโลตล์ (Xolotl) ซึ่งเป็นพระเจ้าแห่งความตายตามความเชื่อของชาวแอซเท็ก แอกโซลอเติลเป็นซาลาแมนเดอร์ขนาดเล็ก ที่มีถิ่นที่อยู่ค่อนข้างจำกัด โดยจะพบได้เฉพาะทะเลสาบหรือพื้นที่ชุ่มน้ำใกล้กับกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโกเท่านั้น จุดเด่นของแอกโซลอเติลก็คือ มีพู่เหงือกสีแดงสดซึ่งเป็นอวัยวะช่วยในการหายใจซึ่งติดตัวมาตั้งแต่ฟักออกจากไข่ โดยที่ไม่หายไปเหมือนกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจำพวกอื่น เช่น กบหรือซาลาแมนเดอร์ชนิดอื่น ซึ่งที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกประการหนึ่งของแอกโซลอเติล คือ เมื่ออวัยวะไม่ว่าส่วนใดของร่างกายขาดหายไปจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะภายนอกหรืออวัยวะสำคัญภายในร่างกาย เช่น หัวใจ ปอด แอกโซลอเติลยังเป็นสัตว์ที่ไม่มีเปลือกตา และของเหลวที่ขับออกมาเป็นของเสียออกจากร่างกายก็ไม่ใช่ปัสสาวะ แต่เป็นน้ำที่ผ่านเหงื่อ อีกทั้งยังมีสีผิวแตกต่างกันหลากหลายด้วย เช่น สีน้ำตาลเข้ม สีดำ สีส้ม สีขาวตาดำ หรือแม้กระทั่งสีขาวตาแดงหรือสภาพที่เป็นอัลบิโน โดยทั้งนี้ที่เป็นแบบนี้ เพราะแอกโซลอเติลเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการแบบย้อนกลับเพื่อให้เข้าได้กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย แอกโซลอเติลมีความยาวเต็มที่ประมาณ 30 เซนติเมตร แต่โดยทั่วไปจะมีขนาดเฉลี่ย 15 เซนติเมตร ใช้เวลาโตเต็มที่ประมาณ 18-24 เดือน มีอายุยืนยาวประมาณ 15 ปี โดยอาศัยในน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส ซึ่งจัดว่าค่อนข้างเย็น กินสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น ปลาขนาดเล็ก กุ้ง หอยชนิดต่าง ๆ รวมถึงไส้เดือนดินหรือไส้เดือนน้ำ เป็นต้น ขยายพันธุ์เมื่ออายุได้ 5 เดือนจนถึงโต ซึ่งขึ้นอยู่กับความถี่และคุณภาพของอาหาร รวมถึงอุณหภูมิกับคุณภาพของน้ำด้วย มีรายงานว่ามีตัวผู้ที่พร้อมผสมพันธุ์มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนอยู่พอสมควร โดยที่ตัวผู้เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จะมีความยาว 7 นิ้ว ขณะที่ตัวเมียมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ช่วงวัยนี้ช้ากว่าตัวผู้ 1-2 เดือน ตัวผู้มีลักษณะโคนหางที่ใหญ่และยาวกว่าตัวเมีย ฤดูการขยายพันธุ์อยู่ในเดือนมิถุนายนถึงธันวาคมในแต่ละปี ซึ่งในสถานที่เลี้ยงพบว่าสามารถขยายพันธุ์ได้ทุกช่วงเดือนของปี ไข่ใช้เวลาฟักประมาณ 2 สัปดาห์ สถานะในธรรมชาติของแอกโซลอเติลจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามอย่างหนักในถิ่นที่อยู่จากมนุษย์และยังตกเป็นอาหารของสัตว์ขนาดใหญ่กว่าตามห่วงโซ่อาหาร เช่น นกกินปลา ปลาขนาดใหญ่ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว แอกโซลอเติลยังกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ อีกด้วย โดยนิยมเลี้ยงในตู้ปลาเช่นเดียวกับปลาสวยงามทั่วไป ในประเทศไทย บางครั้งแอกโซลอเติลจะถูกเรียกว่า "หมาน้ำ".

ใหม่!!: ทะเลสาบและแอกโซลอเติล · ดูเพิ่มเติม »

แอ่งปัตตานี

แหล่งปิโตรเลียมในแอ่งปัตตานีข้อมูลจากการสำรวจด้วยคลื่นไหวสั่นสะเทือน ภาพจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน Cross-section patani basin แอ่งปัตตานี เป็นแอ่งสะสมตะกอนอายุเทอร์เชียรี อยู่ในอ่าวไทย เป็นแอ่งที่มีการสะสมตัวของก๊าซธรรมชาติ และ น้ำมัน เป็นแหล่งปิโตรเลียมที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยแอ่งย่อยหลาย ๆ แอ่ง อาทิ แอ่งเอราวัณ แอ่งปลาทอง แอ่งไพลิน แอ่งบรรพต เป็นต้น โดยมีลักษณะการวางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ มีลักษณะเป็นแอ่งย่อยโดยลักษณะแคบและยาวเป็นทั้งกึ่งกราเบนและกราเบน มีความกว้างประมาณ 70 กิโลเมตร และยาวประมาณ 400 กิโลเมตร โดยอยู่ใกล้กับแอ่งมลายู วางตัวแบบรอยชั้นไม่ต่อเนื่องอยู่บนหินแกรนิตยุคครีเทเชียสและหินแปรมหายุคพาลีโอโซอิกโดยตะกอนที่สะสมตัวช่วงสมัยโอลิโกซีนนั้น เป็นตะกอนน้ำพา (Alluvial) ทะเลสาบ (Lacustrine) ธารน้ำพา (Fluviatile) และทะเลน้ำตื้น (Shallow Marine) มีความหนาไม่เท่ากันโดยที่ชั้นตะกอน Main Basinal Area หนา 8 กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและแอ่งปัตตานี · ดูเพิ่มเติม »

โมแกเล-อึมแบมเบ

วาดโมแกเล-อึมแบมเบ โมแกเล-อึมแบมเบ (Mokèlé-mbèmbé; ลิงกาลา: Mokɛle-mbɛmbe) เป็นชื่อเรียกของสัตว์ลึกลับขนาดใหญ่ที่พบในหนองน้ำหรือทะเลสาบของตอนกลางของทวีปแอฟริกา ได้แก่บริเวณลุ่มแม่น้ำคองโกของประเทศแคเมอรูน, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และแซมเบีย โมแกเล-อึมแบมเบมีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์จำพวกซอโรพอด เช่น แบรคิโอซอรัสหรือบรอนโตซอรัส โดยชื่อนี้เป็นภาษาลิงกาลามีความหมายว่า "ผู้เดียวที่หยุดการไหลของน้ำได้" โมแกเล-อึมแบมเบเป็นสัตว์ที่อยู่ในตำนานเล่าขานของชนเผ่าพื้นเมือง เช่น ปิกมี ว่าเป็นสัตว์ดุร้าย มักทำร้ายคนหรือสัตว์ที่เข้าใกล้ตัว โดยจะฆ่าให้ถึงตายแต่จะไม่กิน มีรายงานการพบเห็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ค.ศ. 1766 โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่เข้าไปเผยแพร่ศาสนาในแคเมอรูนชื่อ ลีแว็ง บอนาว็องตูร์ ว่าพบเห็นรอยเท้าขนาด 3 ฟุต ที่มีนิ้วเท้า 3 นิ้ว ริมแม่น้ำ พร้อมกับเรื่องเล่าจากชาวพื้นเมือง จากนั้นก็มีรายงานการพบเห็นอีกครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 1909 โดยพอล กราตซ์ ได้บันทึกว่าเขาพบโมแกเล-อึมแบมเบในขณะที่มันว่ายน้ำอยู่ในบึงอย่างสบายอารมณ์ใกล้กับทะเลสาบบังเวอูลูของประเทศแซมเบีย และเรียกชื่อมันว่า อึนซังกา (Nsanga) จากนั้นก็มีการอ้างว่าพบเห็นอีกหลายครั้ง โดยนักสำรวจหรือนักผจญภัยชาวตะวันตกในอีกหลายปีต่อมา จนกระทั่งในทศวรรษที่ 90 มีปฏิบัติการตามล่าอย่างจริงจังถึง 2 ครั้งใหญ่ รวมทั้งมีการบันทึกภาพได้ด้วยในระยะไกลโดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ใน ค.ศ. 1988 และพบสิ่งที่คล้ายรอยเท้า แต่ก็ยังไม่มีใครพบหลักฐานหรือสิ่งที่ยืนยันได้จะจะจริง ๆ แต่พอสรุปรูปร่างและขนาดของโมแกเล-อึมแบมเบได้ว่า มีความยาวลำตัว 5-10 เมตร คอยาว 1.6-3.3 เมตร หางยาว 1.6-3.3 เมตร มีผิวสีน้ำตาลแดง ไม่มีเกล็ด กินพืช 2 ชนิดเป็นอาหาร การพบเห็นครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2000 ในประเทศแคเมอรูน โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าแคเมอรูน 2 คนมีความเชื่อว่าเนื้อโมแกเล-อึมแบมเบมีอาถรรพ์ด้วย เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่าเผ่าปิกมีกลุ่มหนึ่งได้ฆ่ามันและกินเนื้อของมัน แล้วจู่ ๆ ทุกคนที่ได้กินเนื้อของมันได้ตายอย่างลึกลับทุกคน ปัจจุบันคาดว่า โมแกเล-อึมแบมเบอาจสูญพันธุ์ไปแล้วก็เป็นได้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและโมแกเล-อึมแบมเบ · ดูเพิ่มเติม »

โลก (ดาวเคราะห์)

ลก (Earth) เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สามจากดวงอาทิตย์ และเป็นวัตถุทางดาราศาสตร์เพียงหนึ่งเดียวที่ทราบว่ามีสิ่งมีชีวิต จากการวัดอายุด้วยกัมมันตรังสีและแหล่งหลักฐานอื่นได้ความว่าโลกกำเนิดเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปีก่อน โลกมีอันตรกิริยะเชิงโน้มถ่วงกับวัตถุอื่นในอวกาศโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งเป็นดาวบริวารถาวรหนึ่งเดียวของโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365.26 วัน เรียกว่า ปี ซึ่งระหว่างนั้นโลกโคจรรอบแกนตัวเองประมาณ 366.26 รอบ แกนหมุนของโลกเอียงทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนผิวโลก อันตรกิริยาความโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ก่อให้เกิดน้ำขึ้นลงมหาสมุทร ทำให้การหมุนบนแกนของโลกมีเสถียรภาพ และค่อย ๆ ชะลอการหมุนของโลก โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงสุดในระบบสุริยะและใหญ่สุดในดาวเคราะห์คล้ายโลก 4 ดวง ธรณีภาคของโลกแบ่งออกได้เป็นหลาย ๆ ส่วน เรียกว่าแผ่นธรณีภาค ซึ่งย้ายที่ตัดผ่านพื้นผิวตลอดเวลาหลายล้านปี ร้อยละ 71 ของพื้นผิวโลกปกคลุมด้วยน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมหาสมุทร อีกร้อยละ 29 ที่เหลือเป็นแผ่นดินประกอบด้วยทวีปและเกาะซึ่งมีะเลสาบ แม่น้ำและแลห่งน้ำอื่นจำนวนมากกอปรเป็นอุทกภาค บริเวณขั้วโลกทั้งสองปกคลุมด้วยน้ำแข็งเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติก และน้ำแข็งทะเลของแพน้ำแข็งขั้วโลก บริเวณภายในของโลกยังคงมีความเคลื่อนไหวโดยมีแก่นชั้นในซึ่งเป็นเหล็กในสถานะของแข็ง มีแก่นเหลวชั้นนอกซึ่งกำเนิดสนามแม่เหล็ก และชั้นแมนเทิลพาความร้อนที่ขับเคลื่อนการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค ภายในพันล้านปีแรก สิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นในมหาสมุทรและเริ่มส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศและผิวดาว เกื้อหนุนให้เกิดการแพร่ขยายของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ออกซิเจนเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช้ออกซิเจน หลักฐานธรณีวิทยาบางส่วนชี้ว่าชีวิตอาจกำเนิดขึ้นเร็วสุด 4.1 พันล้านปีก่อน นับแต่นั้นตำแหน่งของโลกในระบบสุริยะ คุณสมบัติทางกายภาพของโลก และประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของโลกประกอบกันทำให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการและแพร่พันธุ์ได้ Early edition, published online before print.

ใหม่!!: ทะเลสาบและโลก (ดาวเคราะห์) · ดูเพิ่มเติม »

โลมาอิรวดี

ำหรับโลมาน้ำจืดจำพวกอื่น ดูที่: โลมาแม่น้ำ โลมาอิรวดี หรือ โลมาหัวบาตรมีครีบหลัง (Irrawaddy dolphin, Ayeyarwaddy dolphin) เป็นโลมาชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์โลมามหาสมุทร (Delphinidae) รูปร่างหน้าตาคล้ายโลมาทั่วไป แต่มีลักษณะเด่นคือ หัวที่มนกลมคล้ายบาตรพระ ลำตัวสีเทาเข้ม แต่บางตัวอาจมีสีอ่อนกว่า ตามีขนาดเล็ก ปากอยู่ด้านล่าง ครีบข้างลำตัวแผ่กว้างเป็นรูปสามเหลี่ยม ครีบบนมีขนาดเล็กมาก มีรูปทรงแบนและบางคล้ายเคียว มีขนาดประมาณ 180-275 เซนติเมตร น้ำหนักไม่มีรายงาน มีการกระจายอย่างกว้างขวางในมหาสมุทรแปซิฟิก, มหาสมุทรอินเดีย, อ่าวไทย มักพบเข้ามาอยู่ในแหล่งน้ำกร่อยและทะเลสาบหรือน้ำจืด เช่น บริเวณปากแม่น้ำ โลมาอิรวดีบางกลุ่มอาจเข้ามาอาศัยอยู่ในแม่น้ำสายใหญ่ ๆ ด้วย เช่น แม่น้ำโขง และทะเลสาบเขมร ในปี พ.ศ. 2459 มีรายงานว่าพบอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา และเคยมีผู้จับได้ที่คลองรังสิต ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ถูกค้นพบครั้งแรกที่แม่น้ำอิรวดีในประเทศพม่า จึงเป็นที่มาของชื่อ ปัจจุบันในน้ำจืด สามารถพบได้ 5 แห่ง คือ ทะเลสาบชิลิก้า ประเทศอินเดีย, แม่น้ำโขง, ทะเลสาบสงขลา, แม่น้ำมหาคาม ประเทศอินโดนีเซีย และปากแม่น้ำบางปะกง โดยสถานที่ ๆ พบได้น้อยที่สุดและถือเป็นแหล่งวิกฤตที่สุด คือ ทะเลสาบสงขลา ในส่วนที่เป็นน้ำจืดหรือน้ำกร่อย หรือที่เรียกว่า ทะเลน้อย มีพฤติกรรมพบได้บริเวณที่มีน้ำขุ่น สามารถอยู่ใต้ผิวน้ำได้นานถึง 70-150 วินาที แล้วจะโผล่ขึ้นมาหายใจสลับกัน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 9 เดือน ลูกที่เกิดมามีขนาด 40 % ของตัวโตเต็มวัย อาหารได้แก่ กุ้ง ปลา และหอยที่อยู่บนผิวน้ำและใต้โคลนตม สถานภาพจัดอยู่ในบัญชีประเภทที่ 1 ของไซเตส (Appendix I) คือ ห้ามซื้อขาย ยกเว้นมีไว้ในการศึกษาและขยายพันธุ์ โลมาอิรวดีมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "โลมาหัวบาตรมีครีบหลัง", "โลมาน้ำจืด", "โลมาหัวหมอน" ในภาษาใต้ และ "ปลาข่า" (ປາຂ່າ) ในภาษาลาว เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและโลมาอิรวดี · ดูเพิ่มเติม »

โลมาแม่น้ำ

ำหรับโลมาน้ำจืดชนิดอื่น ดูที่: โลมาน้ำจืด โลมาแม่น้ำ หรือ โลมาน้ำจืด (River dolphin, Freshwater dolphin) เป็นวงศ์ใหญ่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหนึ่ง ในอันดับวาฬและโลมา (Cetacea) ในกลุ่มโลมา ใช้ชื่อวงศ์ใหญ่ว่า Platanistoidea ซึ่งแยกออกเป็นวงศ์ต่าง ๆ ได้อีก นับเป็นสัตว์เพียงจำพวกเดียวในอันดับวาฬและโลมานี้เท่านั้นที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดได้อย่างแท้จริง โลมาแม่น้ำ มีลักษณะส่วนใหญ่เหมือนกับโลมาทั่วไป หรือโลมาทะเล มีความยาวเต็มที่ประมาณ 2.4 เมตร (8 ฟุต) มีสีลำตัวหลากหลายตั้งแต่ ชมพู, ขาว, เหลือง, น้ำตาล และดำ Rice, D. W. (1998).

ใหม่!!: ทะเลสาบและโลมาแม่น้ำ · ดูเพิ่มเติม »

โตนเลสาบ

ทะเลสาบเขมร หรือ โตนเลสาบ (បឹងទន្លេសាប บึงทนฺเลสาบ) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของประเทศกัมพูชา มีพื้นที่ ประมาณ 7,500 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 7 เท่า ความลึกโดยเฉลี่ย อยู่ที่ 10 เมตร และเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณรอบ ๆ ทำให้โตนเลสาบขยายตัวออกกว้างมากถึง 6 เท่า ทะเลสาบเขมรเกิดจากแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่านมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดของกัมพูชา ได้แก่ กำปงธม กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ เป็นทะเลสาบที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมมากแห่งหนึ่งประมาณ 300 ชนิด จึงมีชาวกัมพูชาเป็นจำนวนมากที่ประกอบอาชีพประมงในบริเวณทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบเขมรยังเป็นที่ที่ค้นพบหนึ่งในราชกกุธภัณฑ์ พระแสงขรรค์ชัยศรี อีกด้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและโตนเลสาบ · ดูเพิ่มเติม »

โซเดียมคาร์บอเนต

ซเดียมคาร์บอเนต หรือ โซดา แอช หรืออีกชื่อคือ โซดาซักผ้า สูตรเคมี คือ Na2CO3 เป็นสารประกอบเกลือของกรดคาร์บอนิก มีลักษณะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น สามารถดูดความชื้นจากอากาศได้ดี ละลายได้ในน้ำ มีฤทธิ์เป็นด่างแก่เมื่อละลายน้ำ ละลายได้เล็กน้อยในแอลกอฮอล์ พบในขี้เถ้าของพืชหลายชนิดและสาหร่ายทะเล (จึงได้ชื่อว่า โซดา แอช เนื่องจาก แอช ในภาษาอังกฤษ หมายถึง ขี้เถ้า) เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น แก้ว เซรามิคส์ กระดาษ ผงซักฟอก สบู่ การแก้ไขน้ำกระด้าง โซเดียมคาร์บอเนต พบได้ในธรรมชาติในเขตแห้งแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งแร่ที่เกิดจากทะเลสาบที่ระเหยแห้งไป ในสมัยอียิปต์โบราณ มีการขุดแร่ที่เรียกว่า เนทรอน (natron) (ซึ่งเป็นเกลือที่ประกอบด้วยโซเดียมคาร์บอเนต (หรือ โซดา แอช) และโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้ง โซดา) และมีโซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง) และโซเดียมซัลเฟต ปนอยู่เล็กน้อย) จากก้นทะเลสาบที่แห้ง ใกล้แม่น้ำไนล์ และนำมาใช้ในการทำมัมมี่ ใน ปี พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) พบแหล่งแร่โซเดียมคาร์บอเนตขนาดใหญ่ใกล้แม่น้ำกรีนริเวอร์ รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา ทำให้สหรัฐขุดแร่มาใช้แทนการผลิตทางกรรมวิธีทางเคมี ในประเทศอื่น ๆ การผลิตโซเดียมคาร์บอเนตทำโดยกรรมวิธีทางเคมีที่เรียกว่า กระบวนการโซลเวย์ (Solvay process) ซึ่งค้นพบโดย เออร์เนส โซลเวย์ นักอุตสาหกรรมเคมีชาวเบลเยี่ยม ในปี พ.ศ. 2404 (ค.ศ. 1861) โดยเปลี่ยน โซเดียมคลอไรด์ (น้ำเกลือ) เป็น โซเดียมคาร์บอเนต โดยใช้ แอมโมเนีย และ แคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) และสารที่เหลือจากกระบวนการมีเพียง แคลเซียมคลอไรด์ ซึ่งไม่เป็นพิษแม้ว่าอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ และ แอมโมเนียนั้นยังสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ทำให้กระบวนการโซลเวย์มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่ากรรมวิธีแบบเดิมมาก จึงถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตโซเดียมคาร์บอเนตอย่างแพร่หลาย ในคริสต์ศตวรรษ 1900 โซเดียมคาร์บอเนต 90% ที่ผลิต ใช้วิธีการนี้ และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน เดิมนั้นการผลิตโซเดียมคาร์บอเนตทำโดยกระบวนเคมีที่เรียกว่า กระบวนการเลอบลังก์ (Leblanc process) ซึ่งค้นพบโดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ชื่อ นิโคลาส เลอบลังก์ ในปี พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) โดยใช้ โซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง) กรดซัลฟูริก (กรดกำมะถัน) แคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) และถ่าน แต่กรดไฮโดรคลอริค (กรดเกลือ) ที่เกิดจากกระบวนการนี้ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ และแคลเซียมซัลไฟด์ ที่เหลือจากกระบวนการทำให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากโซเดียมคาร์บอเนตเป็นสารเคมีพื้นฐานในอุตสาหกรรมหลายชนิด ทำให้มีการผลิตโซเดียมคาร์บอเนตโดยกรรมวิธีนี้ และเป็นกรรมวิธีหลักมาจนถึงช่วงปี พ.ศ. 2423 - 2433 (ช่วง ค.ศ. 1880 - 1890) หลังการค้นพบกระบวนการโซลเวย์ กว่า 20 ปี โรงงานผลิตแคลเซียมคาร์บอเนตที่ใช้กระบวนการ เลอบรังค์แห่งสุดท้ายปิดลงในช่วงปี พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920).

ใหม่!!: ทะเลสาบและโซเดียมคาร์บอเนต · ดูเพิ่มเติม »

ไอส์เซิลเมร์

อส์เซิลเมร์ (IJsselmeer) เป็นทะเลสาบตื้น มีเนื้อที่ 1,100 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นน้ำส่วนในของอ่าวเซยเดอร์เซ อยู่ใจกลางของเขตแดนของจังหวัดเฟลโฟลันด์ จังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ และจังหวัดฟรีสลันด์ มีความลึกเฉลี่ย 5 ถึง 6 เมตร ไอส์เซิลเมร์ถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ปัจจุบันไอส์เซิลเมร์มีขนาดเล็กลง เนื่องจากมีโครงการพัฒนาพื้นที่ รับน้ำจากแม่น้ำไอส์เซิล.

ใหม่!!: ทะเลสาบและไอส์เซิลเมร์ · ดูเพิ่มเติม »

ไซเรน (สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก)

ำหรับสัตว์ประหลาดในเทพปกรณัมกรีก ดูที่: ไซเรน ไซเรน (Sirens) สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจำพวกซาลาแมนเดอร์วงศ์หนึ่ง ใช้ชื่อวงศ์ว่า Sirenidae จัดอยู่ในอันดับย่อย Sirenoidea ไซเรน มีความแตกต่างจากซาลาแมนเดอร์จำพวกอื่น ๆ พอสมควร เนื่องจากมีลำตัวเรียวยาวคล้ายปลาไหลหรือเขียดงู ไม่มีขาคู่หลังและกระดูกเชิงกราน ขาคู่หน้าเล็กมากและนิ้วเท้าลดจำนวนลง ปากเป็นจะงอยแข็ง เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ยังคงรูปโครงสร้างของระยะวัยอ่อนไว้หลายประการ เช่น ไม่มีเปลือกตา, มีเหงือก, มีช่องเปิดเหงือก 1 คู่ หรือ 3 ช่อง, ไม่มีฟัน, ไม่มีกระดูกแมคซิลลา หรือมีขนาดเล็กมาก รวมทั้งลักษณะโครงสร้างของผิวหนัง มีความยาวของลำตัวประมาณ 10–90 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในน้ำตลอดเวลา เช่น บึง, ทะเลสาบ หรือแหล่งน้ำที่มีกระแสน้ำไม่แรง และมีพืชน้ำขึ้นหนาแน่น กินอาหารจำพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก เช่น กุ้ง, ปู, แมลงน้ำ, หนอนแดง, ไส้เดือนน้ำ เป็นต้น โดยกินด้วยการดูด ในช่วงฤดูแล้งจะฝังตัวอยู่ใต้โคลน โดยสร้างปลอกหุ้มตัวคล้ายดักแด้ของแมลง การปฏิสนธิของไซเรน เกิดขึ้นภายนอกตัว และไม่พบมีพฤติกรรมเกี้ยวพาราสี และไม่มีต่อมโคลเอคัลซึ่งเป็นต่อมที่ตัวผู้ของซาลาแมนเดอร์จำพวกอื่นใช้สร้างสเปอร์มาโทฟอร์ และของตัวเมียใช้เก็บสเปิร์ม ตัวเมียวางไข่ติดกับพืชน้ำหรือสร้างรังอยู่ในกอของพืชน้ำที่อยู่ใต้น้ำ บางชนิดมีพฤติกรรมเฝ้.

ใหม่!!: ทะเลสาบและไซเรน (สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก) · ดูเพิ่มเติม »

เฟนรีร์

ฟนรีร์กำลังต่อสู้กับโอดินในภาพ "Kampf der untergehenden Götter" หรือ "การยุทธ์ของเทพผู้ถูกตัดสินไว้แล้ว" ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย หมาป่าเฟนริล (ภาษานอร์สโบราณ Fenrir: "ผู้อาศัยในบึงเลน"Orchard (1997:42). Fenrisúlfr: "หมาป่าเฟนรีร์"Simek (2007:81). Hróðvitnir: "หมาป่าที่เลื่องลือ"Simek (2007:160). หรือ Vánagandr: "อสูรกายแห่งแม่น้ำวาน"Simek (2007:350).) เป็นหมาป่าขนาดมหึมา มีตัวตนอยู่ในบทกวีเอ็ดดา (Poetic Edda) ที่เรียบเรียงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากต้นฉบับโบราณ และร้อยแก้วเอ็ดดา (Prose Edda) และ ฮีมสกรินก์กา (Heimskringla) ที่เขียนขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) ทั้งในบทกวีเอ็ดดาและมหากาพย์เอ็ดดาเฟนรีร์เป็นหนึ่งในบุตรของโลกิ เป็นบิดาแห่งหมาป่าสกอลล์ (Sköll) และฮาตี (Hati Hróðvitnisson) เป็นหนึ่งในลางบอกเหตุที่จะทำให้เกิดวันแร็กนาร็อก หมาป่าตนนี้เจริญเติบโตขึ้นทุกวันกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้ายและมีกำลังมหาศาล โอดินจึงสั่งให้พันธนาการเฟนรีร์ไว้ด้วยริบบิ้นไกลพ์นิร์ของเหล่าคนแคระที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเหล่าเทพแอซิร์จะหลอกพันธนาการเฟนริร์ มันเรียกร้องให้เหล่าเทพพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยการวางมือลงในปากของมัน เทพทิร์อาสาทำหน้าที่นี้ เมื่อเฟนริร์เห็นว่าตนเองโดนหลอกและไม่สามารถดิ้นหลุดจากโซ่ได้จึงกัดมือของทิร์ขาด จากคำทำนายในวันแร็กนาร็อก เฟนริร์จะหลุดออกมาได้ และสังหารโอดิน แต่ในเวลาต่อมาเฟนริร์จะถูกวีดาร์ หนึ่งในบุตรของโอดินสังหาร หมาป่าเฟนริร์เป็นการสะท้อนความเชื่อ และความรู้สึกอย่างหนึ่งของชาวไวกิ้งที่มองเห็นเหล่าหมาป่าเป็นศัตรูเป็นปีศาจร้าย นอกเหนือจากเหล่ายักษ์น้ำแข็ง (หิมะและหน้าหนาว) และยักษ์เพลิง (ภูเขาไฟ).

ใหม่!!: ทะเลสาบและเฟนรีร์ · ดูเพิ่มเติม »

เกรตเลกส์

วเทียมบริเวณเกรตเลกส์ แผนที่ เกรตเลกส์ ทะเลสาบทั้ง 5 แห่ง เกรตเลกส์ (อังกฤษ: Great Lakes) เป็นชื่อเรียกทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ สุพีเรีย มิชิแกน ฮูรอน อิรี และออนแทรีโอ เป็นกลุ่มของทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก บางครั้งชาวอเมริกันให้ฉายาว่าเป็น "ชายหาดที่สาม" เนื่องจากอาณาบริเวณที่กว้างขวาง ลักษณะระบบนิเวศ ชายหาดและพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ทะเลในแผ่นดิน" เพราะปริมาณน้ำจืดในทะเลสาบทั้ง 5 คิดเป็น 20 % ของปริมาณน้ำจืดที่มีอยู่บนโลก ในทางภูมิศาสตร์เส้นแบ่งประเทศของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาลากผ่านกลุ่มทะเลสาบเหล่านี้ มีเพียงทะเลสาบเดียวที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาคือทะเลสาบมิชิแกน บริเวณนี้เป็นแหล่งแร่เหล็กที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะทะเลสาบซุพีเรี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเกรตเลกส์ · ดูเพิ่มเติม »

เกาะ

กาะเล็ก ๆ ในทะเลสาบซารานักล่าง เกาะ (island) เป็นพื้นดินที่ล้อมรอบด้วยน้ำ มีขนาดเล็กกว่าทวีป อาจอยู่ในมหาสมุทร ทะเล ทะเลสาบ หรือแม่น้ำ เกาะขนาดเล็กเรียกว่า เกาะเล็ก (isle) ซึ่งรวมถึงอะทอลล์ (atoll) หรือ เกาะปะการังวงแหวน และ เกาะปริ่มน้ำ (key หรือ cay) ที่เป็นเกาะขนาดเล็กโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำ เกาะหลายเกาะที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่า กลุ่มเกาะ (archipelago) อาจแบ่งเกาะได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ เกาะริมทวีป (continental island) เกาะแม่น้ำ (river island) และ เกาะภูเขาไฟ (volcanic island) นอกจากนี้ยังมีเกาะเทียม (artificial island) ที่สร้างขึ้นโดยมนุษ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเกาะ · ดูเพิ่มเติม »

เมืองทองธานี

มืองทองธานี (Muang Thong Thani) เป็นหมู่บ้านจัดสรรและโครงการอาคารชุดขนาดใหญ่ในตำบลคลองเกลือ,ตำบลบางพูดและตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ เดิมชื่อหมู่บ้าน เมืองทองนิเวศน์ 3 รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองทอง 3 เป็นที่ตั้งของศูนย์การแสดงนิทรรศการและการประชุมอิมแพค มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และมหาวิทยาลัยศิลปากร City Campus นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, สถานกีฬาเมืองทองธานี (ธันเดอร์โดม), สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม, การกีฬาแห่งประเทศไทย, The Tennis Academy of Asia, วัดผาสุกมณีจักร, และโรงเรียนอีกหลายโรงเรียน อาทิ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ ปากเกร็ด นนทบุรี, โรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร, โรงเรียนกุมุทมาท, โรงเรียนอนุบาลจุติพร เป็นต้น.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเมืองทองธานี · ดูเพิ่มเติม »

เยลมาเรน

ทะเลสาบเยลมาเรน (Hjälmaren) เป็นทะเลสาบใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบมาลาเรน สามารถเชื่อมต่อกับกรุงสตอกโฮล์มผ่านทางคลองเยลมาเร ทะเลสาบมีความยาว 63 กม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเยลมาเรน · ดูเพิ่มเติม »

เวิตส์ยาร์ฟ

ทะเลสาบเวิตส์ยาร์ฟ (Võrtsjärv) เป็นทะเลสาบในประเทศเอสโตเนีย มีเนื้อที่ 270 กม² (104 ไมล์²) เป็นทะเลสาบใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีความลึก 33.7 ม. เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง มีแม่น้ำเอมาไหลออกจากทะเลสาบนี้ไปทางตะวันออกลงสู่ทะเลสาบไปปั.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเวิตส์ยาร์ฟ · ดูเพิ่มเติม »

เสือ

ือ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ฟิลิดีซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมวโดยชนิดที่เรียกว่าเสือมักมีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่กว่าและอาศัยอยู่ภายในป่า ขนาดของลำตัวประมาณ 168 - 227 เซนติเมตรและหนักประมาณ 180 - 245 กิโลกรัม รูม่านตากลม เป็นสัตว์กินเนื้อกลุ่มหนึ่ง มีลักษณะและรูปร่างรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากสัตว์ในกลุ่มอื่น หากินเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในป่า เสือส่วนใหญ่ยังคงมีความสามารถในการปีนป่ายต้นไม้ ซึ่งยกเว้นเสือชีต้า เสือทุกชนิดมีกรามที่สั้นและแข็งแรง มีเขี้ยว 2 คู่สำหรับกัดเหยื่อ ทั่วทั้งโลกมีสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เสือและแมวประมาณ 37 ชนิด ซึ่งรวมทั้งแมวบ้านด้วย เสือจัดเป็นสัตว์นักล่าที่มีความสง่างามในตัวเอง โดยเฉพาะเสือขนาดใหญ่ที่แลดูน่าเกรงขราม ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาว ผู้ที่พบเห็นเสือในครั้งแรกย่อมเกิดความประทับใจในความสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความหวาดหวั่นเกรงขามในพละกำลังและอำนาจภายในตัวของพวกมัน เสือจึงได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งสัตว์ปา และเป็นจ้าวแห่งนักล่าอย่างแท้จริง เสือ จ้าวแห่งนักล่า, ศลิษา สถาปรวัฒน์, ดร.อลัน ราบิโนวิทซ์, สำนักพิมพ์สารคดี, 2538, หน้า 14 ปัจจุบันจำนวนของเสือในประเทศไทยลดจำนวนลงเป็นอย่างมากในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี เสือกลับถูกล่า ป่าภายในประเทศถูกทำลายเป็นอย่างมาก สภาพธรรมชาติในพื้นที่ต่าง ๆ ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของมนุษย์เอง ทุกวันนี้ปริมาณของเสือที่จัดอยู่ในลำดับสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการสูญสิ้นหรือลดจำนวนลงอย่างมากของเสือซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อ จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและระบบนิเวศทั้งหมด การลดจำนวนอย่างรวดเร็วของเสือเพียงหนึ่งหรือสองชนิดในประเทศไทย ทำให้ปริมาณของสัตว์กินพืชเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ธรรมชาติเสียความสมดุลในที.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเสือ · ดูเพิ่มเติม »

เส้นทางการเดินทางในเพชรพระอุมา

้นทางการเดินทางในเพชรพระอุมา เป็นเส้นทางการเดินทางของตัวละครภายในเพชรพระอุมาที่เกิดจากจินตนาการของพนมเทียน ในการกำหนดเส้นทางการเดินทางของตัวละครในภาคแรกและภาคสมบูรณ์ โดยที่มีจุดเริ่มต้นจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้งของรพินทร์ ไพรวัลย์ หมู่บ้านหล่มช้างจนถึงเมืองมรกตนครในภาคแรก และจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้ง อาณาจักรนิทรานครจนถึงเมืองมรกตนครในภาคสมบูรณ.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเส้นทางการเดินทางในเพชรพระอุมา · ดูเพิ่มเติม »

เหยี่ยวปลา

ระวังสับสนกับ: อินทรีกินปลา เหยี่ยวปลา (Fish-eagle, Fishing eagle) เป็นสกุลของนกล่าเหยื่อสกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Ichthyophaga เหยี่ยวปลา มีลักษณะคล้ายกับอินทรีหรือเหยี่ยวในสกุล Haliaeetus หรืออินทรีทะเล แต่มีขนาดเล็กกว่า แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ทั้งหมดพบในทวีปเอเชียในแต่ละภูมิภาค คือ อนุทวีปอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงสุลาเวสี มีลักษณะเด่น คือ ขนส่วนหัวเป็นสีเทา หน้าแข้งขาว เหยี่ยวปลาเล็กหัวเทามีน้ำหนักน้อยกว่าเหยี่ยวปลาใหญ่หัวเทาถึงครึ่งเท่าตัว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเหยี่ยวปลา · ดูเพิ่มเติม »

เอาชีวิตรอด

อาชีวิตรอด (살아남기; Survival) เป็นหนังสือการ์ตูนความรู้จากประเทศเกาหลีใต้ ที่แทรกเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดกับตัวเรา จัดพิมพ์ฉบับลิขสิทธิ์ภาษาไทยโดย สำนักพิมพ์นานมี.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเอาชีวิตรอด · ดูเพิ่มเติม »

เผ่า ศรียานนท์

ลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ (1 มีนาคม พ.ศ. 2452 — 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503) อดีตอธิบดีกรมตำรว..

ใหม่!!: ทะเลสาบและเผ่า ศรียานนท์ · ดูเพิ่มเติม »

เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา)

้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) หรือ ทองอินท์, ทองอิน เจ้าเมืองนครราชสีมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น ณ ราชสีมา) เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นแม่ทัพคนสำคัญของไทยในสงครามปราบกบฏเวียงจันทน์ และสงครามอานามสยามยุท.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอินทร์ ณ ราชสีมา) · ดูเพิ่มเติม »

เจ้าแมวยอดนักสืบ

้าแมวยอดนักสืบ หรือ เนะโกะโนะอนกะเอะชิ (The Cat Returns) เป็นภาพยนตร์อะนิเมะ ในปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและเจ้าแมวยอดนักสืบ · ดูเพิ่มเติม »

เทือกเขาแอนดีส

ทือกเขาแอนดีสระหว่างชิลีและอาร์เจนตินา right เทือกเขาแอนดีส เป็นเทือกเขาที่วางตัวขนานกับด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ เป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก พาดผ่าน 7 ประเทศตั้งแต่ เวเนซุเอลา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู โบลิเวีย อาร์เจนตินา และชิลี เทือกเขาเกิดจากแนวรอยปะทะกันของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นปะทะกันเป็นเวลานานหลายล้านปี โดยแผ่นเปลือกโลกอเมริกาใต้กดทับแผ่นเปลือกโลกนาซกา โดยแนวเทือกเขาแอนดิสจะมีความสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีและมียอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาอากอนกากัว เทือกเขาแอนดิสบริเวณประเทศโบลิเวียมีที่ราบสูงที่ชาวโบลีเวียเรียกว่า อัลติพลาโน (altiplano) หรือที่ราบสูงโบลิเวีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของประเทศโบลิเวียชื่อลาปาซซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก และบริเวณที่ราบสูงโบลิเวียนี้ก็เป็นที่ตั้งของทะเลสาบติติกากาซึ่งตั้งอยู่พรมแดนระหว่างประเทศเปรูกับประเทศโบลิเวีย และได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกด้วย แนวเขาในเขตประเทศเปรูเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำอเมซอนที่ความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ บริเวณตอนใต้ของเทือกเขาแอนดิสเป็นที่ราบเชิงเขาอยู่เขตรอยต่อระหว่างประเทศอาร์เจนตินากับประเทศชิลี และเรียกบริเวณนั้นว่าที่ราบสูงปาตาโกเนีย บริเวณเทือกเขาแอนดีนั้นเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรอินคา และเป็นแหล่งกำเนิดของตัวลาม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเทือกเขาแอนดีส · ดูเพิ่มเติม »

เขาไกรลาส

กรลาส แผนที่แสดงที่ตั้ง เขาไกรลาส (कैलास ไกลาส; ทิเบต: གངས་རིན་པོ་ཆེ; 冈仁波齐峰; พินอิน: Gāngrénbōqí fēng) เป็นยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ตั้งอยู่ในทิศตะวันตกของเขตปกครองตนเองทิเบต ทางตอนเหนือของยอดเขานันทาเทวีราว 100 ไมล์ มีความสูง 22,020 ฟุต จัดว่าเป็นยอดเขาสูงเป็นอันดับที่ 32 ของโลก และสูงเป็นที่ 19 ในบรรดายอดเขาของเทือกเขาหิมาลัย เป็นยอดเขาที่มีอายุกำเนิดมาจนถึงปัจจุบัน 50 ล้านปี ในศาสนาฮินดูเชื่อว่าเขาไกรลาสเป็นที่ประทับของพระศิวะ ในศาสนาพุทธมีคัมภีร์สารัตถปกาสินีระบุว่าเขาไกรลาสเป็นเขาที่ประเสริฐสุดในบรรดาภูเขาในป่าหิมพานต์ และยังปรากฏในศาสนาเชนและศาสนาบอนด้วย ตามความเชื่อของศาสนาต่าง ๆ เหล่านี้ เขาไกรลาสเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และเชื่อว่า คือแห่งเดียวกันกับเขาพระสุเมรุ เชิงเขาไกรลาส เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสายของภูมิภาคแห่งนี้ ได้แก่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำสินธุ และยังมีทะเลสาบอีก 7 แห่งอยู่รายรอบ ซึ่งแห่งที่สำคัญ คือ "ทะเลสาบมานสโรวระ" หรือ "ทะเลสาบมานัสสะ" อยู่ทางเหนือของเขาไกรลาส ที่เชื่อกันว่า คือ "สระอโนดาต" ในป่าหิมพานต์ เชื่อกันว่าเป็นสถาน ๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของหงส์ และหงส์จะบินกลับมาที่นี่ทุกปี ทะเลสาบมานัส ได้ถูกอ้างอิงถึงในรามายณะและมหาภารตะ ที่ระบุว่า "ทะเลสาบมานัสอันศักดิ์สิทธิ์นี้ แม้แต่ใครได้ถูกต้องสัมผัสหรือนำเอามาล้างร่างกายหรือได้อาบน้ำในทะเลสาบนี้ ผู้นั้นจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ และถ้าใครได้ดื่มน้ำในทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็จะได้ขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ใกล้ที่สถิตของพระศิวะ" เขาไกรลาส ปกติจะปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งสีขาวโพลน จนได้อีกชื่อหนึ่งว่า "ภูเขาสีเงิน" ("ไกรลาส" หรือ "ไกลาส" เป็นคำวิเศษณ์ในภาษาสันสกฤต แปลว่า "สีเงินยวง") ทุกปีจะมีผู้จารึกแสวงบุญตามศาสนาต่าง ๆ เดินทางมาที่นี่ โดยเชื่อว่าเป็นการบูชาและได้อยู่ใกล้พระศิวะ โดยทำการประทักษิณให้ครบ 39 รอบ เป็นการเคารพบูชาอันสูง.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเขาไกรลาส · ดูเพิ่มเติม »

เขื่อนลำพระเพลิง

ื่อนลำพระเพลิง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 โดยกั้นน้ำที่ภูเขาโซ่ และภูเขาหลวงที่ประชิดกันบริเวณบ้านบุหัวช้าง ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการเกษตรกรรม และป้องกันอุทกภัย เขื่อนนี้เปิดใช้เมื่อปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและเขื่อนลำพระเพลิง · ดูเพิ่มเติม »

เขื่อนอัสวาน

ื่อนอัสวาน เขื่อนอัสวาน (السد العالي as-Sad al-'Aly; Aswan Dam) เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ของประเทศอียิปต์ สร้างโดยการสนับสนุนของสหภาพโซเวียต เป็นเขื่อนขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเขื่อนอัสวาน · ดูเพิ่มเติม »

เขื่อนแก่งกระจาน

รือของชาวบ้านจอดอยู่ริมทะเลสาบแก่งกระจานซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนแก่งกระจาน เป็นเขื่อนดินกั้นแม่น้ำเพชรบุรี ที่บริเวณเขาเจ้า และเขาไม้รวกประชิดกับ ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อยู่ทางด้านเหนือน้ำ ของเขื่อนเพชรขึ้นไปตามถนน 27 กิโลเมตร สันเขื่อนยาว 760 เมตร กว้าง 8 เมตร สูง 58 เมตร ระดับสันเขื่อน 106 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ฐานตอนที่กว้างที่สุด 250 เมตร สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เขื่อนแก่งกระจาน อยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี 53 กิโลเมตร และห่างจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 3 กิโลเมตร เดินทางตามเส้นทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเขื่อนแก่งกระจาน · ดูเพิ่มเติม »

เดอะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพ

อะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพ (The Hobbit: The Battle of the Five Armies) เป็นภาพยนตร์แนวมหากาพย์แฟนตาซี เขียนบทร่วมและกำกับโดย ปีเตอร์ แจ็กสัน โดยเป็นภาคจบของภาพยนตร์ไตรภาคชุดเดอะ ฮอบบิท ดัดแปลงจากนิยายในชื่อเดียวกัน ประพันธ์โดยเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ต่อจากภาคสองคือ ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค (The Desolation of Smaug) ที่ออกฉายในปี 2014.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเดอะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพ · ดูเพิ่มเติม »

เดอะบิ๊กเอียร์

กล้องโทรทรรศน์วิทยุ Big Ear มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต เดอะบิ๊กเอียร์ เป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณหอดูดาวเพอร์กินส์ เมืองเดลาแวร์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา อยู่ในการดูแลของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต กล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งนี้ออกแบบโดย ดร.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเดอะบิ๊กเอียร์ · ดูเพิ่มเติม »

เดอะซิมส์ 2

อะซิมส์ 2 (The Sims 2) เป็นเกมคอมพิวเตอร์ประเภทแบบจำลองชีวิตคน (Strategic Life Simulation Computer Game) เป็นเกมส์ภาคต่อจากเกมส์ เดอะซิมส์ ภาคแรก พัฒนาโดย แมกซิส และจัดจำหน่ายโดยบริษัทอิเล็กโทรนิคอาร์ต (EA Games) เป็นเกมส์จำลองเช่นเดียวกับภาคแรกซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2543 โดยมีมาร์ก มาเธอร์สบาฟ เป็นผู้แต่งเพลงประกอบเกมนี้ ตัวละครที่อยู่ในเกมเดอะซิมส์ (ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง) นั้นเรียกว่า ชาวซิม.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเดอะซิมส์ 2 · ดูเพิ่มเติม »

เดอะเลเจนด์ออฟเซลดา (เกมชุด)

อะเลเจนด์ออฟเซลดา เป็นเกมชุดประเภทแอ็กชันผจญภัยที่กล่าวถึงวีรบุรุษในตำนาน ริเริ่มโดยนักออกแบบเกมชาวญี่ปุ่น ชิเงะรุ มิยะโมะโตะ (宮本 茂) พัฒนาและวางจำหน่ายโดยนินเทนโด (Nintendo) เกมชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเกมแอ็กชัน เกมผจญภัย เกมปริศนา เกมเล่นตามบทบาท (RPG) ในบางโอกาสก็มีการใช้เกมมุมมองด้านข้าง (platform) เกมสายลับ (stealth) หรือเกมแข่งขัน (racing) ประกอบอยู่ด้วย ตัวเอกที่สามารถเล่นได้เพียงคนเดียวคือเด็กหนุ่มชื่อ ลิงก์ (Link) เขามักได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือ เจ้าหญิงเซลดา (Zelda) แห่ง อาณาจักรไฮรัล (Hyrule) รวมทั้งตัวประกอบอื่นๆ ซึ่งถูกจับตัวไปโดย กาน่อน (Ganon) ศัตรูตัวหลักของเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามตัวละครบางตัวอาจปรากฏหรือไม่ปรากฏในภาคอื่นๆ ก็ได้ หรืออาจมีตัวละครตัวอื่นที่จะต้องช่วยเหลือหรือต้องต่อสู้ด้วยแทน เนื้อเรื่องโดยปกติมักจะเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ที่เรียกว่า ไทรฟอร์ซ (Triforce) มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีทองสามอัน ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังอันไม่สิ้นสุดของพระเจ้าสามองค์ เกมชุดเดอะเลเจนด์ออฟเซลดาได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับ มาริโอ โปเกมอน และเมทรอยด์ เกมชุดนี้ประกอบไปด้วยเกมอย่างเป็นทางการ 14 ภาค เกมย่อยอีกหลายภาค บนเครื่องเล่นวิดีโอเกมชนิดต่างๆ เกมหลายภาคได้รับความชื่นชมจากผู้เล่นเป็นอย่างมากและประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 เกมชุดเดอะเลเจนด์ออฟเซลดาทั้งหมดมียอดขายไปแล้วกว่า 47 ล้านสำเนา (รวมตลับเกมและแผ่นซีดี) เกมชุดนี้ยังได้ขยายการส่งเสริมการขายด้วยตุ๊กตาและของเล่น นอกจากนี้ยังมีการนำไปดัดแปลงเป็นมังงะ หนังสือการ์ตูน และภาพยนตร์การ์ตูน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเดอะเลเจนด์ออฟเซลดา (เกมชุด) · ดูเพิ่มเติม »

เคลพี

ลพีในเกมเมกามิเทนเซย์ วาดโดยคาซึมะ คาเนโกะ เคลพี (Kelpie) ปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ มีลักษณะเป็นม้าสีขาวหรือกึ่งคนกึ่งม้า สิงสถิตย์อยู่ยังแม่น้ำ, ทะเลสาบ หรือ หนองน้ำ แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ เคลพี จะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นน้ำทันที จนบุคคลนั้นจมน้ำตาย ซึ่งเคลพีจะกินซากศพจนเหลือเพียงหัวใจหรือตับไว้ แต่ก็มีเรื่องของเคลพีที่แปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อแต่งงานกับหญิงสาว เคลพี ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น นักเกิล (Nuggle) ชูพิลที (Shoopiltee) โยเกิล (Njogel) แทงกี (Tangi) ในตำนานสแกนดิเนเวียเรียกว่า Bäckahästen (แปลว่า ม้าลำธาร) ในนอร์เวย์เรียก nøkken (หมายถึง พรายน้ำ) เคลพี มีลักษณะคล้ายคลึงกับเซนทอร์, ลิมนาเดส และสคิลลา ในเทพปกรณัมกรีก และม้าบ้อง ในคติความเชื่อพื้นบ้านของล้านน.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเคลพี · ดูเพิ่มเติม »

เคอร์ลิง

อร์ลิง (Curling) เป็นกีฬาฤดูหนาวประเภททีม แข่งขันบนลานน้ำแข็ง มีถิ่นกำเนิดในสกอตแลนด์ในยุคกลาง โดยพบหลักฐานว่ามีการละเล่นกีฬาชนิดนี้ในฤดูหนาว โดยเล่นในทะเลสาบที่ผิวหน้ากลายเป็นน้ำแข็ง ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 พบอุปกรณ์การเล่นทำด้วยไม้ สลักปีที่สร้างระบุปี..

ใหม่!!: ทะเลสาบและเคอร์ลิง · ดูเพิ่มเติม »

เคียวอิกุกันจิ

ียวอิกุกันจิ เป็นอักษรคันจิซึ่งกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น กำหนดไว้ว่าเป็นอักษรคันจิที่จำเป็นต้องเรียนในชั้นประถมศึกษา มีทั้งหมด 1,006 ตัว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเคียวอิกุกันจิ · ดูเพิ่มเติม »

เต่าบิน

ต่าบิน หรือ เต่าจมูกหมู หรือ เต่าฟลายริเวอร์ (Pig-nosed turtle, Fly river turtle) เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกเต่าชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carettochelys insculpta ซึ่งเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในวงศ์ Carettochelyidae และสกุล Carettochelys รูปร่างทั่วไปคล้ายตะพาบ คือ กระดองหลังอ่อนนุ่ม แต่ไม่มีกระดูกในชั้นหนังเหมือนตะพาบ สีกระดองสีเทา ในวัยเล็กจะเป็นสีชมพูและจะค่อย ๆ เข้มขึ้นตามอายุ บริเวณขอบกระดอกเป็นหยักเหมือนเต่า ใต้ท้องสีขาว ขาทั้ง 4 ข้างแผ่แบนเป็นครีบ มีเล็บ แต่เล็บไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เมื่อวายน้ำจะไม่เหมือนกับเต่าอื่น ๆ คือ จะใช้ครีบคู่หน้าเป็นตัวว่าย และครีบคู่หลังควบคุมทิศเหมือนหางเสือ คล้ายกับเต่าทะเลหน้า 359-360, วิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (พ.ศ. 2552) โดย วีรยุทธ์ เลาหะจินดา ISBN 978-616-556-016-0 มีจมูกยื่นยาวมาและงุ้มหักลงคล้ายหมู จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 60 เซนติเมตร น้ำหนัก 55 กิโลกรัม แพร่กระจายพันธุ์อยู่ในแม่น้ำ, ลำคลอง หรือทะเลสาบที่มีความลึกไม่มากนัก ที่เกาะปาปัวนิวกินี และทวีปออสเตรเลียทางตอนเหนือ กินอาหารได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ หรือซากสัตว์ เนื่องจากเป็นเต่าที่มีสายตาไม่ค่อยดี สถานภาพปัจจุบัน ใกล้สูญพันธุ์มากแล้ว เนื่องจากถูกคุกคามถิ่นที่อยู่อาศัยและถูกจับมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นเต่าอีกชนิดหนึ่งที่นิยมเลี้ยงกันมาก ซึ่งอุปนิสัยของเต่าบินไม่ดุมากนัก เมื่อเทียบกับเต่าหรือตะพาบชนิดอื่น แถมยังเชื่องกับผู้เลี้ยงอีกต่างหาก โดยในที่เลี้ยงสามารถจะเลี้ยงไว้ในน้ำได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องขึ้นบกเหมือนเต่าหรือตะพาบทั่วไป แต่เต่าบินก็สามารถปีนขึ้นมาอาศัยอยู่บนบกได้ด้วยเช่นกัน ในปี ค.ศ. 1979 เต่าบินถือเป็นเต่าที่หายากและมีราคาแพงมาก โดยทั่วโลกมีผู้ครอบครองเพียง 5 ตัว ใน 5 ประเทศเท่านั้น ในประเทศไทย มีเพียงตัวเดียวเป็นของ นาวาอากาศโท วิโรจน์ นุตพันธุ์ นักวิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชาวไทยที่มีชื่อเสียง เป็นเต่าตัวผู้ มีราคา 25,000 บาท ซึ่งทาง น.ท.วิโรจน์ ตั้งใจจะหาเต่าตัวเมียมาผสมพันธุ์เพื่อแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เต่าบินตัวนี้ได้ถูกผู้ขโมยไปและนำไปแกงเป็นอาหารรับประทาน แต่ในปัจจุบัน สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วที่อินโดนีเซีย โดยแม่เต่าจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 25 ปี โดยวางไข่ในเวลากลางคืน บนสันดอนฝั่งแม่น้ำช่วงฤดูแล้ง เอ็มบริโอที่เจริญเป็นเต่าวัยอ่อนโดยสมบูรณ์แล้วยังคงอยู่ภายในเปลือกไข่จนกระทั่งสันดอนถูกน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนจึงค่อยฟักตัวออกจาก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเต่าบิน · ดูเพิ่มเติม »

เต่าดำ

ต่าดำ หรือ เต่ากา หรือ เต่าแก้มขาว (Black marsh turtle; 粗頸龜) เป็นเต่าชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะ ลำตัวยาวประมาณครึ่งฟุต น้ำหนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม ลำตัวแบน มีกระดองสีดำ หัว หาง และขามีสีดำ มีลักษณะเด่น คือ มีแต้มสีขาวเหนือตา แก้ม และตามใบหน้าอีกหลายแห่ง อันเป็นที่มาของชื่อ กระดองส่วนบนยาวเต็มที่ประมาณ 20 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำประเภทหนองหรือบึง ในภูมิภาคเอเชียใต้จนถึงเอเชียอาคเนย์ สำหรับในประเทศไทยพบได้ทุกทั่วภาค แต่จะพบได้มากในภาคกลางและภาคใต้ กินอาหารได้ทั้งพืชและสัตว์น้ำ มีอุปนิสัยชอบหมกตัวอยู่ใต้โคลนในน้ำ นาน ๆ ทีจึงค่อยโผล่มาหายใจบนผิวน้ำ ดังนั้นเวลาพบจึงเห็นตัวสกปรกเลอะโคลนอยู่เสมอ จะขึ้นบกเวลากลางคืน เพื่อต้องการหาทำเลวางไข่ หรือผสมพันธุ์ หรือย้ายที่อยู่ ส่วนกลางวันมักหมกตัวอยู่ในที่รก ชื้นแฉะ หรือตามโคลนใต้พื้นน้ำ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 และนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์แปลก ๆ ในเต่าที่เป็นเต่าเผือกจะมีราคาซื้อขายที่แพงมาก เพราะถือเป็นสัตว์ที่หายาก.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเต่าดำ · ดูเพิ่มเติม »

เต่าน้ำบอร์เนียว

ต่าน้ำบอร์เนียว (Malaysian giant turtle, Bornean river turtle, Malayan giant terrapin) เป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทเต่าชนิดหนึ่ง ในวงศ์เต่านา (Bataguridae) จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Orlitia เป็นเต่าขนาดใหญ่ กระดองเรียบเป็นรูปไข่สีน้ำตาลเข้มหรือดำ ด้านล่างเป็นสีน้ำตาลเหลืองออกขาว เมื่อโตเต็มที่แล้วขอบกระดองจะราบเรียบ แต่เมื่อยังเป็นวัยที่โตไม่เต็มที่ จะโค้งเป็นโดมมากกว่านี้ และขอบข้างเป็นหยัก มีเล็บนิ้วเท้าที่แหลมคมและเท้าเป็นพังผืด ขนาดโตเต็มที่ ตัวผู้อาจมีความยาวได้กว่า 80 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ขณะที่ตัวเมียเล็กกว่าเกือบครึ่งตัว โดยมีกระดองยาว 50 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 30 กิโลกรัม จัดเป็นเต่าน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และใหญ่ที่สุดในวงศ์นี้และที่พบในทวีปเอเชีย พบกระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดของเกาะบอร์เนียว, เกาะสุมาตรา และคาบสมุทรมลายูตอนล่าง อาจพบได้ถึงภาคใต้สุดของไทย แถบจังหวัดสตูล กินพืช, ผัก, ผลไม้และสัตว์น้ำต่าง ๆ ตลอดจนซากสัตว์ตายลอยน้ำ เป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์แล้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเต่าน้ำบอร์เนียว · ดูเพิ่มเติม »

เต่าแม่น้ำมาลาวี

ต่าแม่น้ำมาลาวี หรือ เต่าแม่น้ำอเมริกากลาง(Central american river turtle, Mesoamerican river turtle) เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกเต่าชนิดหนึ่ง จัดเป็นเพียงสกุลเดียวและชนิดเดียวเท่านั้น ในวงศ์ Dermatemydidae ที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน มีกระดองหลังยาวและโค้งนูน กระดองท้องใหญ่ การหุบขากรรไกรล่างเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผ่านไปบนก้านกระดูกโพรโอติก และขากรรไกรติดกับพื้นผิวของก้านกระดูกโพรโอติกที่อยู่ในซัยโนเวียลแคปซูล กระดองท้องไม่มีกระดูกมีโสพลาสทรอน มีกระดูกพลาสทรอนไปเชื่อมต่อกับขอบนอกของกระดองหลังที่มีร่องแบ่งเป็นกระดูกชิ้นเล็กจำนวน 10 คู่ กระดูกเชิงกรานเชื่อมติดกับกระดองท้องในลักษณะยืดหยุ่นได้ มีความยาวโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 30-70 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืดของทะเลสาบและแม่น้ำแต่อาจเข้าไปอาศัยในแหล่งน้ำกร่อยได้บ้าง มีอุปนิสัยหากินอยู่ตามพื้นล่างของแหล่งน้ำและไม่ขึ้นมาบนผิวน้ำ โดยใช้พื้นที่ในอุ้งปากและคอหอยแลกเปลี่ยนออกซิเจนด้วยการสูบน้ำเข้าทางปากแล้วผลักดันออกทางช่องเปิดจมูก กินพืชได้หลายชนิด รวมทั้งผลไม้และเมล็ดที่ร่วงลงน้ำ โดยเฉพาะมะเดื่อฝรั่ง ออกหากินในเวลากลางคืนและหลบซ่อนตัวในเวลากลางวันอยู่ที่พื้นล่างของแหล่งน้ำ วางไข่บริเวณชายฝั่งแม่น้ำ ตัวเมียอาจวางไข่ได้ถึง 4 ครั้ง ในฤดูผสมพันธุ์ แพร่กระจายพันธุ์ตั้งแต่ตอนใต้ของเม็กซิโกจนถึงตอนเหนือของฮอนดูรัส เต่าแม่น้ำมาลาวีที่สวนสัตว์ปราก ประเทศเช็กเกีย เต่าแม่น้ำมาลาวีถือเป็นเต่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤตแล้ว นับเป็นเต่าที่หายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง โดยเป็นสมาชิกเพียงชนิดเดียวเท่านั้นในวงศ์นี้ ซึ่งสกุลและชนิดอื่น ๆ ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเต่าแม่น้ำมาลาวี · ดูเพิ่มเติม »

เป็ดพม่า

ป็ดพม่า หรือ เป็ดรัดดี (Ruddy shelduck; ชื่อวิทยาศาสตร์: Tadorna ferruginea) เป็นนกอพยพชนิดหนึ่ง ในวงศ์ Anatidae พบตามแม่น้ำสายใหญ่ เช่น แม่น้ำโขง นาเกลือ ตามชายทะเล และบึง แพร่กระจายพันธุ์ในทวีปยุโรป, แอฟริกา และเอเชีย ลำตัวมีขนาดใหญ่ ยาว 61-67 เซนติเมตร คล้ายห่าน ขนมีสีน้ำตาลแกมแดงหรือส้มเป็นหลัก ตัวผู้มีสร้อยรอบคอสีดำ ตัวเมียมีใบหน้านวลมากกว่า แต่ตัวเล็กกว่าตัวผู้ มีพฤติกรรมอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ บางครั้งอาจถึงพันตัว ในพื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ สามารถกินได้ทั้งพืชและสัตว์ขนาดเล็กทั่วไป.

ใหม่!!: ทะเลสาบและเป็ดพม่า · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

บึงแหล่งน้ำจืด

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »