โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

ตาเหล่ออก

ดัชนี ตาเหล่ออก

ตาเหล่ออก (Exotropia) เป็นรูปแบบหนึ่งของอาการตาเหล่ที่ตาเบนออกด้านข้าง โดยเป็นอาการตรงข้ามกับตาเหล่เข้า (esotropia) คนที่ตาเหล่ออกมักจะเห็นภาพซ้อน (diplopia) ตาเหล่ออกเป็นบางครั้งบางคราวมักจะเป็นเรื่องสามัญ โดยอาการ Sensory exotropia (ตาเหล่ออกเหตุระบบรับความรู้สึก) จะเกิดเพราะสายตาไม่ดี ส่วนอาการตาเหล่เข้าในวัยทารก (Infantile exotropia, congenital exotropia) จะเห็นได้ตั้งแต่ปีแรกของชีวิต และมีคนไข้จำนวนน้อยกว่าอาการอีกแบบที่เรียกว่า essential exotropia ซึ่งปกติจะปรากฏอย่างชัดเจนหลายปีต่อมา สมรรถภาพของสมองในการเห็นวัตถุเป็น 3 มิติ จะขึ้นอยู่กับแนวตาที่ถูกต้อง เมื่อตาทั้งสองอยู่ในแนวที่ถูกต้องและมองไปทีเป้าหมายเดียวกัน สมองซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการเห็นจะรวมภาพจากทั้งสองตาเป็นภาพเดียวกัน เมื่อตาข้างหนึ่งเหล่เข้า เหล่ออก เหล่ขึ้น หรือเหล่ลง สมองอาจเห็นเป็นสองภาพ ซึ่งทำให้ไม่สามารถรู้ใกล้ไกลและเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตา คำภาษาอังกฤษมาจากคำภาษากรีก exo ซึ่งแปลว่า "ออกข้างนอก" และ trope ซึ่งแปลว่า "การหัน".

4 ความสัมพันธ์: การเห็นภาพซ้อนการเห็นเป็น 3 มิติตาเหล่Orthoptics

การเห็นภาพซ้อน

การเห็นภาพซ้อน หรือ การเห็นซ้อนสอง (Diplopia, double vision) เป็นการเห็นภาพสองภาพของวัตถุเดียวกัน ที่อาจซ้อนกันตามแนวนอน แนวตั้ง แนวเฉียง หรือแนวหมุน และปกติเป็นผลของความพิการของกล้ามเนื้อตา (extraocular muscles, EOMs) คือตาทั้งสองทำงานได้ดีแต่ไม่สามารถหันไปที่เป้าหมายได้อย่างถูกต้อง โดยกล้ามเนื้อตาอาจมีปัญหาทางกายภาพ มีโรคที่แผ่นเชื่อมประสาทสั่งการและกล้ามเนื้อ (neuromuscular junction) มีโรคที่เส้นประสาทสมอง (เส้น 3, 4, และ 6) ที่สั่งการกล้ามเนื้อ และเป็นบางครั้ง มีปัญหาเกี่ยวกับวิถีประสาท supranuclear oculomotor หรือการบริโภคสิ่งที่เป็นพิษ การเห็นภาพซ้อนอาจเป็นอาการปรากฏแรก ๆ ของโรคทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและประสาท และอาจทำการทรงตัวของร่างกาย การเคลื่อนไหว และการอ่านหนังสือ ให้พิการ.

ใหม่!!: ตาเหล่ออกและการเห็นภาพซ้อน · ดูเพิ่มเติม »

การเห็นเป็น 3 มิติ

การเห็นเป็น 3 มิติ (Stereopsis มาจากภาษากรีกโบราณคำว่า στερεο- คือ stereo- แปลว่า "แข็ง/มี 3 มิติ" และ ὄψις คือ opsis แปลว่า "การปรากฏ การมองเห็น") เป็นคำที่ใช้บ่อยที่สุดโดยหมายถึงการรับรู้ความใกล้ไกลและการรับรู้โครงสร้างและวัตถุที่มี 3 มิติ โดยอาศัยข้อมูลจากตาทั้งสองของบุคคลผู้มีพัฒนาการทางการเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาที่เป็นปกติ " เพราะตาของมนุษย์และของสัตว์มากมายอื่น ๆ อยู่ในตำแหน่งตามแนวนอนที่ต่างกันบนศีรษะ การเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาจะเป็นผลจากภาพสองภาพซึ่งต่างกันเล็กน้อยที่ฉายตกลงที่จอตาทั้งสอง และภาพจะแตกต่างโดยหลักเป็นตำแหน่งที่ต่างกันของวัตถุต่าง ๆ ตามแนวนอน ความแตกต่างเช่นนี้เรียกในภาษาอังกฤษว่า horizontal disparities (ความต่างตามแนวนอน) หรือโดยคำที่กว้างกว่าคือ binocular disparities (ความต่างที่สองตา) โดยเปลือกสมองส่วนการเห็นจะแปลความต่างเช่นนี้ให้เป็นการรับรู้ความใกล้ไกล (depth perception) แม้ความต่างที่เห็นด้วยสองตาจะมีอยู่ตามธรรมชาติเมื่อมองทัศนียภาพด้วยสองตา แต่ก็สามารถสร้างขึ้นโดยแสดงภาพ 2 มิติที่ต่างกันสองภาพต่อแต่ละตาต่างหาก ๆ โดยเทคนิคที่เรียกว่า stereoscopy (ภาพ 3 มิติ) ความใกล้ไกลที่รับรู้จากเทคนิคเช่นนี้เรียกในภาษาอังกฤษว่า stereoscopic depth (ความใกล้ไกลจากภาพ 3 มิติ) แต่การรับรู้ความใกล้ไกลและโครงสร้างวัตถุ 3 มิติ ก็เป็นไปได้ด้วยข้อมูลจากแค่ตาเดียว เช่น ขนาดของวัตถุที่ต่างกัน และพารัลแลกซ์เนื่องกับการเคลื่อนไหว (motion parallax) ซึ่งเป็นความแตกต่างของวัตถุหนึ่ง ๆ เมื่อเวลาผ่านไปถ้าผู้มองกำลังเคลื่อนที่อยู่" แม้ความรู้สึกใกล้ไกลในกรณีเช่นนี้ จะไม่ชัดเท่ากับที่ได้จากความต่างที่เห็นด้วยสองตา" ดังนั้น คำภาษาอังกฤษว่า stereopsis หรือ stereoscopic depth บางครั้งจึงหมายถึงการรับรู้ความใกล้ไกลด้วยการเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาโดยเฉพาะ ๆ คือหมายถึงเมื่อเรา "เห็นเป็น 3 มิติ" -->.

ใหม่!!: ตาเหล่ออกและการเห็นเป็น 3 มิติ · ดูเพิ่มเติม »

ตาเหล่

ตาเหล่ หรือ ตาเข (isbn) เป็นภาวะที่ตาทั้งสองไม่มองตรงที่เดียวกันพร้อม ๆ กันเมื่อกำลังจ้องดูวัตถุอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยตาข้างหนึ่งจะเบนไปในทางใดทางหนึ่งอย่างไม่คล้องจองกับตาอีกข้างหนึ่ง/หรือกับสิ่งที่มอง และตาทั้งสองอาจสลับเล็งมองที่วัตถุ และอาจเกิดเป็นบางครั้งบางคราวหรือเป็นตลอด ถ้ามีอาการเป็นช่วงเวลานานในวัยเด็ก ก็อาจทำให้ตามัวหรือเสียการรู้ใกล้ไกล แต่ถ้าเริ่มในวัยผู้ใหญ่ ก็มักจะทำให้เห็นภาพซ้อนมากกว่า อาการอาจมีเหตุจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อตา สายตายาว ปัญหาในสมอง การบาดเจ็บ หรือการติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยงรวมทั้งการคลอดก่อนกำหนด อัมพาตสมองใหญ่ และประวัติการเป็นโรคในครอบครัว มีแบบต่าง ๆ รวมทั้ง เหล่เข้า (esotropia) ที่ตาเบนเข้าหากัน เหล่ออก (exotropia) ที่ตาเบนออกจากกัน และเหล่ขึ้น (hypertropia) ที่ตาสูงต่ำไม่เท่ากัน อาจเป็นแบบเหล่ทุกที่ที่มอง (comitant คือตาเหล่กลอกคู่) หรืออาจเหล่ไม่เท่ากันแล้วแต่มองที่ไหน (incomitant) การวินิจฉัยอาจทำโดยสังเกตว่าแสงสะท้อนที่ตาไม่ตรงกับกลางรูม่านตา มีภาวะอีกอย่างที่ทำให้เกิดอาการคล้าย ๆ กัน คือ โรคเส้นประสาทสมอง (cranial nerve disease) การรักษาจะขึ้นอยู่กับรูปแบบและเหตุ ซึ่งอาจรวมการใช้แว่นตาและการผ่าตัด มีบางกรณีที่มีผลดีถ้าผ่าตัดตั้งแต่ต้น ๆ เป็นโรคที่เกิดในเด็กประมาณ 2% คำภาษาอังกฤษมาจากคำกรีกว่า strabismós ซึ่งแปลว่า "เหล่ตา".

ใหม่!!: ตาเหล่ออกและตาเหล่ · ดูเพิ่มเติม »

Orthoptics

Orthoptics เป็นวิชาชีพที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาตาโดยเน้นการวินิจฉัยและการบริหารโดยไม่ผ่าตัดซึ่งอาการตาเหล่ ตามัว/ตาขี้เกียจ และความผิดปกติในการเคลื่อนไหวตาอื่น ๆ คำภาษาอังกฤษว่า orthoptics มาจากคำภาษากรีกโบราณ คือ ὀρθός (orthos) แปลว่า "ตรง" และ ὀπτικός (optikοs) แปลว่า "เกี่ยวกับการเห็น" เป็นอาชีพที่มักเกี่ยวกับการควบคุมกล้ามเนื้อตาหรือการหักเหแสงของตา ในบางประเทศเมื่อได้รับการฝึกโดยเฉพาะ ผู้ทำวิชาชีพอาจตรวจติดตามโรคตาบางชนิด เช่น ต้อหิน ต้อกระจก และโรคจอตาเหตุเบาหวานเป็นต้น.

ใหม่!!: ตาเหล่ออกและOrthoptics · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

Divergent squintDivergent strabismusExotropiaExternal strabismusManifest divergent strabismusWall eyeWall eyesWalleye

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »