เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
ขาออกขาเข้า
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลัก

ดัชนี ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลัก

ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลัก (วัตถุ PMS) เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ในขั้นที่ยังไม่เข้าสู่แถบลำดับหลัก สามารถแบ่งออกได้เป็นชนิด T Tauri หรือ FU Orionis (มีมวลน้อยกว่า 2 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ หรือ Herbig Ae/Be (มีมวล 2-8 เท่าของมวลดวงอาทิตย์) แหล่งพลังงานของวัตถุเหล่านี้เกิดจากการหดเกร็งของมวลโน้มถ่วง (ซึ่งตรงกันข้ามกับการเผาผลาญไฮโดรเจนในดาวฤกษ์แถบลำดับหลัก) บนไดอะแกรมของแฮร์ทสชปรุง-รัสเซลล์ ระยะก่อนแถบลำดับหลักของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่า 0.5 เท่าของมวลดวงอาทิตย์จะเริ่มเคลื่อนไปตาม Hayashi tracks (เกือบจะลงตามแนวตั้ง) และในภายหลังตาม Henyey tracks (เกือบจะไปทางซ้ายตามแนวนอน ไปยังแถบลำดับหลัก) ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลักสามารถแยกแยะออกจากดาวแคระในแถบลำดับหลักได้โดยใช้กาารแยกชนิดสเปกตรัมเพื่อตรวจวัดสหสัมพันธ์ระหว่างแรงโน้มถ่วงและอุณหภูมิ ดาวฤกษ์ก่อนเกิดจะมีรัศมีใหญ่กว่าดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลัก จึงมีความหนาแน่นน้อยกว่า และมีแรงโน้มถ่วงพื้นผิวน้อยกว่าด้วย ในขณะที่สสารที่อยู่โดยรอบยุบตัวลงไปสู่การควบแน่นศูนย์กลาง มันจะกลายมาเป็น โปรโตสตาร์ เมื่อแก๊สหรือฝุ่นที่อยู่โดยรอบกระจายไปและกระบวนการเพิ่มหยุด ดาวฤกษ์จะถูกพิจารณาว่าเป็นดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลัก ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลักจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหลังจากเส้นเกิดดาวฤกษ์ ระยะก่อนแถบลำดับหลักจะกินเวลาน้อยกว่า 1% ของชีวิตของดาวฤกษ์ เป็นที่เชื่อกันว่าในระยะนี้ ดาวฤกษ์ทั้งหมดจะมีแผ่นจานดาวฤกษ์หนาแน่น ซึ่งอาจเป็นแหล่งการเกิดของดาวเคราะห์ หมวดหมู่:วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ หมวดหมู่:ประเภทของดาวฤกษ์.

สารบัญ

  1. 1 ความสัมพันธ์: ดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์

นก่อตัวของดาวฤกษ์ในดาราจักรเมฆแมเจลแลนใหญ่ ภาพจาก NASA/ESA ดาวฤกษ์ คือวัตถุท้องฟ้าที่เป็นก้อนพลาสมาสว่างขนาดใหญ่ที่คงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วง ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด คือ ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก เราสามารถมองเห็นดาวฤกษ์อื่น ๆ ได้บนท้องฟ้ายามราตรี หากไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์บดบัง ในประวัติศาสตร์ ดาวฤกษ์ที่โดดเด่นที่สุดบนทรงกลมท้องฟ้าจะถูกจัดเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มดาว และดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดจะได้รับการตั้งชื่อโดยเฉพาะ นักดาราศาสตร์ได้จัดทำบัญชีรายชื่อดาวฤกษ์เพิ่มเติมขึ้นมากมาย เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการตั้งชื่อดาวฤกษ์ ตลอดอายุขัยส่วนใหญ่ของดาวฤกษ์ มันจะเปล่งแสงได้เนื่องจากปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่แกนของดาว ซึ่งจะปลดปล่อยพลังงานจากภายในของดาว จากนั้นจึงแผ่รังสีออกไปสู่อวกาศ ธาตุเคมีเกือบทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติและหนักกว่าฮีเลียมมีกำเนิดมาจากดาวฤกษ์ทั้งสิ้น โดยอาจเกิดจากการสังเคราะห์นิวเคลียสของดาวฤกษ์ระหว่างที่ดาวยังมีชีวิตอยู่ หรือเกิดจากการสังเคราะห์นิวเคลียสของซูเปอร์โนวาหลังจากที่ดาวฤกษ์เกิดการระเบิดหลังสิ้นอายุขัย นักดาราศาสตร์สามารถระบุขนาดของมวล อายุ ส่วนประกอบทางเคมี และคุณสมบัติของดาวฤกษ์อีกหลายประการได้จากการสังเกตสเปกตรัม ความสว่าง และการเคลื่อนที่ในอวกาศ มวลรวมของดาวฤกษ์เป็นตัวกำหนดหลักในลำดับวิวัฒนาการและชะตากรรมในบั้นปลายของดาว ส่วนคุณสมบัติอื่นของดาวฤกษ์ เช่น เส้นผ่านศูนย์กลาง การหมุน การเคลื่อนที่ และอุณหภูมิ ถูกกำหนดจากประวัติวิวัฒนาการของมัน แผนภาพคู่ลำดับระหว่างอุณหภูมิกับความสว่างของดาวฤกษ์จำนวนมาก ที่รู้จักกันในชื่อ ไดอะแกรมของแฮร์ทสชปรุง-รัสเซลล์ (H-R ไดอะแกรม) ช่วยทำให้สามารถระบุอายุและรูปแบบวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ได้ ดาวฤกษ์ถือกำเนิดขึ้นจากเมฆโมเลกุลที่ยุบตัวโดยมีไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบหลัก รวมไปถึงฮีเลียม และธาตุอื่นที่หนักกว่าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อแก่นของดาวฤกษ์มีความหนาแน่นมากเพียงพอ ไฮโดรเจนบางส่วนจะถูกเปลี่ยนเป็นฮีเลียมผ่านกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชั่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในที่เหลือของดาวฤกษ์จะนำพลังงานออกจากแก่นผ่านทางกระบวนการแผ่รังสีและการพาความร้อนประกอบกัน ความดันภายในของดาวฤกษ์ป้องกันมิให้มันยุบตัวต่อไปจากแรงโน้มถ่วงของมันเอง เมื่อเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่แก่นของดาวหมด ดาวฤกษ์ที่มีมวลอย่างน้อย 0.4 เท่าของดวงอาทิตย์ จะพองตัวออกจนกลายเป็นดาวยักษ์แดง ซึ่งในบางกรณี ดาวเหล่านี้จะหลอมธาตุที่หนักกว่าที่แก่นหรือในเปลือกรอบแก่นของดาว จากนั้น ดาวยักษ์แดงจะวิวัฒนาการไปสู่รูปแบบเสื่อม มีการรีไซเคิลบางส่วนของสสารไปสู่สสารระหว่างดาว สสารเหล่านี้จะก่อให้เกิดดาวฤกษ์รุ่นใหม่ซึ่งมีอัตราส่วนของธาตุหนักที่สูงกว่า ระบบดาวคู่และระบบดาวหลายดวงประกอบด้วยดาวฤกษ์สองดวงหรือมากกว่านั้นซึ่งยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงโน้มถ่วง และส่วนใหญ่มักจะโคจรรอบกันในวงโคจรที่เสถียร เมื่อดาวฤกษ์ในระบบดาวดังกล่าวสองดวงมีวงโคจรใกล้กันมากเกินไป ปฏิกิริยาแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวฤกษ์อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อวิวัฒนาการของพวกมันได้ ดาวฤกษ์สามารถรวมตัวกันเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงโน้มถ่วง เช่น กระจุกดาว หรือ ดาราจักร ได้.

ดู ดาวฤกษ์ก่อนแถบลำดับหลักและดาวฤกษ์