สารบัญ
6 ความสัมพันธ์: การทำความเคารพแบบเบลลามีออลต์ไรต์อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ฮอสท์-เวสเซิล-ลีดซีก ไฮล์นาซีเยอรมนี
การทำความเคารพแบบเบลลามี
กลุ่มเด็กนักเรียนขณะแสดงท่าทางทำความเคารพแบบเบลลามี ช่วงเดือนพฤษภาคม 1942 การทำความเคารพแบบเบลลามี (Bellamy salute) เป็นสัญลักษณ์มือซึ่งคิดค้นขึ้นโดยฟรานซิส เบลลามีเพื่อใช้ประกอบการมอบคำปฏิญาณแก่ธงชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ดัดแปลงมาจากการทำความเคารพแบบโรมัน หรือเป็นที่รู้จักกันว่า "การทำความเคารพธงชาติ" ถูกใช้ครั้งแรกในวันที่ 12 ตุลาคม..
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และการทำความเคารพแบบเบลลามี
ออลต์ไรต์
ออลต์ไรต์ (alt-right) หรือ ออลเทอร์นาทิฟไรต์ (alternative right "ขวาทางเลือก") เป็นกลุ่มคนหลวม ๆ ที่มีอุดมการณ์ขวาถึงขวาจัดซึ่งปฏิเสธอนุรักษนิยมกระแสหลักในสหรัฐอเมริกา นักนิยมความสูงสุดของคนผิวขาว (white supremacist) ริชาร์ด บี.
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และออลต์ไรต์
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เป็นนักการเมืองเยอรมันเชื้อชาติออสเตรีย หัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ พรรคนาซี ฮิตเลอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่าง..
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
ฮอสท์-เวสเซิล-ลีด
อสท์-เวสเซิล-ลีด (Horst-Wessel-Lied; เพลงฮอสท์ เวสเซิล) หรือที่รู้จักจากคำขึ้นต้น ดีฟาเนอฮอค (Die Fahne hoch; ธงอยู่สูงเด่น) เป็นเพลงประจำพรรคนาซีตั้งแต..
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และฮอสท์-เวสเซิล-ลีด
ซีก ไฮล์
ฝูงชนแสดงท่าทางการสดุดีฮิตเลอร์ในเครื่องแบบระหว่างการชุมนุมขนาดใหญ่ที่ทุ่งเทมเพลฮอฟ วันที่ 1 พฤษภาคม 1935 ซีก ไฮล์ (Sieg Heil) เป็นคำในภาษาเยอรมัน หมายถึง "ชัยชนะ จงเจริญ" ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการชุมนุมทางการเมืองระหว่างยุคนาซีเยอรมนี เมื่อพบกับบุคคลอื่น ควรทำความเคารพด้วยการแสดงการสดุดีฮิตเลอร์และเปล่งเสียง "ไฮล์ ฮิตเลอร์" ส่วนคำว่า "ซีก ไฮล์" มีความแตกต่างกันตรงที่ว่าคำดังกล่าวสงวนไว้ใช้เฉพาะกับการชุมนุมของกลุ่มคนขนาดใหญ่ อย่างเช่น การชุมนุมที่เนือร์นแบร์กเท่านั้น ซึ่งประชาชนนับพันจะเปล่งเสียง "ซีก ไฮล์" ส่วนในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน การเขียนคำดังกล่าว การออกเสียงหรือการชูแขนขวาขึ้นถูกห้ามเด็ดขาดในเยอรมนี ซึ่งมีโทษจำคุกสามปี ยกเว้นการใช้ทางศิลปะ การเรียนการสอนและทางวิทยาศาสตร์ซึ่งพ้นจากการลงโทษดังกล่าว.
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และซีก ไฮล์
นาซีเยอรมนี
นาซีเยอรมนี (Nazi Germany) หรือ ไรช์ที่สาม (Drittes Reich) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ไรช์เยอรมัน (Deutsches Reich) เป็นชื่อเรียกยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เยอรมนีระหว่างปี 1933 ถึง 1945 เมื่อประเทศเยอรมนีอยู่ภายใต้การควบคุมระบอบเผด็จการของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี ในการปกครองของฮิตเลอร์ ประเทศเยอรมนีกลายเป็นรัฐฟาสซิสต์ซึ่งควบคุมแทบทุกแง่มุมของชีวิต นาซีเยอรมนีล่มสลายหลังฝ่ายสัมพันธมิตรพิชิตเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม 1945 ซึ่งยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐไวมาร์ เพาล์ ฟอน ฮินเดนบูร์กแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มกราคม 1933 จากนั้น พรรคนาซีเริ่มกำจัดคู่แข่งทางการเมืองและรวบอำนาจ ฮินเดนบูร์กถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1934 และฮิตเลอร์เป็นผู้เผด็จการแห่งเยอรมนีโดยการรวมอำนาจและตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดี มีการจัดการลงประชามติทั่วประเทศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1934 ทำให้ฮิตเลอร์เป็นฟือเรอร์ (ผู้นำ) เยอรมนีเพียงผู้เดียว อำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดรวมอยู่ในมือของฮิตเลอร์ และคำของเขาอยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง รัฐบาลมิได้เป็นหน่วยที่ร่วมมือประสานกัน หากแต่เป็นหมู่กลุ่มแยกต่าง ๆ ที่แก่งแย่งอำนาจและความนิยมจากฮิตเลอร์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ นาซีฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและยุติการว่างงานขนานใหญ่โดยใช้รายจ่ายทางทหารอย่างหนักและเศรษฐกิจแบบผสม มีการดำเนินการโยธาสาธารณะอย่างกว้างขวาง รวมการก่อสร้างเอาโทบาน การคืนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจส่งเสริมความนิยมของรัฐบาลให้เพิ่มพูนขึ้น คตินิยมเชื้อชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อต้านยิว เป็นลักษณะหัวใจของนาซีเยอรมนี โดยถือว่า กลุ่มชนเจอร์มานิค หรือเชื้อชาตินอร์ดิก (Nordic race) เป็นเชื้อชาติอารยันซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นเชื้อชาติปกครอง (master race) ชาวยิวและชนกลุ่มอื่นที่ถือว่าไม่พึงปรารถนาถูกเบียดเบียนหรือฆ่า และการค้านการปกครองของฮิตเลอร์ถูกปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม สมาชิกฝ่ายค้านเสรีนิยม สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ถูกฆ่า จำคุกหรือเนรเทศ โบสถ์คริสต์ก็ถูกกดขี่เช่นกัน โดยผู้นำหลายคนถูกจำคุก การศึกษามุ่งเน้นชีววิทยาเชื้อชาติ นโยบายประชากร และสมรรถภาพทางกายสำหรับราชการทหาร โอกาสในอาชีพและการศึกษาของสตรีถูกตัดทอน มีการจัดนันทนาการและการท่องเที่ยวผ่านโครงการความแข็งแรงผ่านความรื่นเริง (Strength Through Joy) มีการใช้โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 เป็นตัวนำเสนอไรช์ที่สามในเวทีระหว่างประเทศ รัฐมนตรีโฆษณาการ โยเซฟ เกิบเบิลส์ ใช้ภาพยนตร์ การชุมนุมมวลชน และวาทศิลป์จับจิตของฮิตเลอร์เพื่อควบคุมมติมหาชนอย่างได้ผล รัฐบาลควบคุมการแสดงออกทางศิลปะ โดยสนับสนุนศิลปะบางรูปแบบ แต่ขัดขวางหรือห้ามศิลปะรูปแบบอื่น เริ่มตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1930 นาซีเยอรมนีเรียกร้องดินแดนอย่างก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ และขู่ทำสงครามหากไม่สนองข้อเรียกร้อง เยอรมนียึดออสเตรียและเชโกสโลวาเกียในปี 1938 และ 1939 ฮิตเลอร์ทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกับโจเซฟ สตาลิน และบุกครองโปแลนด์ในเดือนกันยายน 1939 เป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป เยอรมนีเข้าเป็นพันธมิตรกับอิตาลีและฝ่ายอักษะที่เล็กกว่าและพิชิตทวีปยุโรปส่วนใหญ่เมื่อถึงปี 1940 และคุกคามสหราชอาณาจักร ไรช์ซคอมมิสซารีอัทควบคุมพื้นที่ที่ถูกพิชิตอย่างโหดร้ายและมีการสถาปนาการปกครองของเยอรมนีในประเทศโปแลนด์ที่เหลืออยู่ ชาวยิวและกลุ่มอื่นที่ถือว่าไม่พึงปรารถนาถูกจำคุกในค่ายกักกันและค่ายกำจัดนาซี การนำนโยบายเชื้อชาติของระบอบไปปฏิบัติลงเอยด้วยการสังหารชาวยิวและชนกลุ่มน้อยอื่นเป็นอันมากในฮอโลคอสต์ หลังการรุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 นาซีเยอรมนีก็เริ่มเป็นรอง และปราชัยทางทหารสำคัญหลายครั้งในปี 1943 การทิ้งระเบิดทางอากาศต่อประเทศเยอรมนีทวีขึ้นในปี 1944 และฝ่ายอักษะถอยจากยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ หลังการบุกครองฝรั่งเศสของสัมพันธมิตร ประเทศเยอรมนีถูกโซเวียตจากทิศตะวันออกและฝ่ายสัมพันธมิตรจากทิศตะวันตกพิชิตและยอมจำนนในหนึ่งปี การที่ฮิตเลอร์ปฏิเสธยอมรับความปราชัยนำให้โครงสร้างพื้นฐานของเยอรมนีถูกทำลายล้างขนานใหญ่และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสงครามเพิ่มในเดือนท้าย ๆ ของสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้กำชัยริเริ่มนโยบายขจัดความเป็นนาซี (denazification) และนำผู้นำนาซีที่เหลือรอดหลายคนมาพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก ส่วนประเทศเยอรมนีถูกยึดครองโดยมหาอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรคือ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร.
ดู การทำความเคารพฮิตเลอร์และนาซีเยอรมนี
หรือที่รู้จักกันในชื่อ การสดุดีฮิตเลอร์