โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์

พระพุทธเจ้า vs. อนาคตวงศ์

ระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า เป็นพระสมัญญานามที่ใช้เรียกพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานต่างนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันคือ "พระโคตมพุทธเจ้า" ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้ และมีกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและเชื่อว่านอกจากพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ที่ระบุในพุทธวงศ์ของพระไตรปิฎกภาษาบาลีแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าอีกมากมายเพิ่มเติมขึ้นมาจากตำนานของเถรวาท ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก่อน เมื่อบารมีเต็มแล้วจึงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีลักษณะพิเศษตรงกันคือ เป็นมนุษย์เพศชายเกิดในวรรณะกษัตริย์หรือพราหมณ์ พระวรกายสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักขณะ ก่อนออกผนวชจะอภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง หลังจากนั้นทรงพบเทวทูตทำให้ตัดสินใจออกผนวช วันออกผนวชจะตรงกับวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่าพระโคตมพุทธเจ้าดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล. อนาคตวงศ์ (อนาคตวํส) เป็นวรรณกรรมบาลีของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์

พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ มี 15 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าพระรามสัมพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรยพระสุมังคลสัมพุทธเจ้าพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้าพระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าพระติสสสัมพุทธเจ้าพระนรสีหสัมพุทธเจ้าพระนารทสัมพุทธเจ้าพระโคตมพุทธเจ้าพระเทวเทพสัมพุทธเจ้าศาสนาพุทธอรรถกถาตรัสรู้เถรวาท

พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า

ระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า มีปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ว่า หลังจากหมดยุคศาสนาของพระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดแผ่นดินใหม่ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าเลยอยู่นานถึง 8 กัปป์ หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินใหม่ ชื่อว่า มัณฑกัปป์ จะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์บังเกิดขึ้น องค์แรก คือ พระนารทะสัมพุทธเจ้า องค์ถัดไปคือ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพระสมณโคตมะพุทธเจ้า นี้ ท่านคือ โสณพราหมณ์ โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นมาณพ ชื่อว่า มาฆมานพ อาชีพเป็นพ่อค้าทางเรือสำเภา วันหนึ่ง นำของชิ้นหนึ่งไปขายได้กำไร 10 เท่าและนำเงินทองที่ได้มานั้นใส่เรือ แต่ประสบเหตุเรือล่ม ทรัพย์สินที่ได้มาจมหายทั้งหมด แต่ตัวเองสามารถเอาตัวรอดมาได้ ครั้นต่อมา ก็นำของชนิดเดิมไปขายอีกได้กำไร 10 เท่าอีก นำทรัพย์กลับมาบ้านได้ 7 วันก็เพลิงไหม้ บ้านและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ต่อมาก็นำสินค้าชนิดเดิมไปขายก็ได้กำไรมา 10 เท่าแต่ว่าพอนำทรัพย์กลับมาบ้านแล้ว กลับถูกโจรปล้นทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ละความพยายามนำของชิ้นเดิมไปขายอีก ก็ได้กำไร 10 เท่าอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้พอนำเงินกลับมาบ้าน ก็ถูกเรียกเก็บทรัพย์สินทั้งหมดนั้นเข้าสู่ท้องพระคลัง มาฆมาณพ เมื่อเสียทรัพย์ถึง 4 ครั้งก็ทะเลาะกับภรรยา จนถึงขั้นต้องหย่าร้างกัน ได้ทรัพย์สินจากการแบ่งกับภรรยาเป็นผ้าแดง 1 ผืน และทอง 1 แสน ออกจากบ้านเดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองโกสัมพี ครั้งนั้น มีพระสาวก รูปหนึ่งของ พระกกุสันธะพุทธเจ้า ออกจากญาณสมาบัติ ก็ตรวจดูสรรพสัตว์ ด้วยทิพยจักษุ ก็พบ มาฆมาณพ เข้าข่ายญาณก็ทราบว่าอนาคตจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เหาะไปโปรดในทางที่มาณพกำลังเดินทางมา เมื่อมาณพเดินมาพบพระสาวกนี้ ก็เกิดเลื่อมใส จิตใจปลาบปลื้ม จึงได้ถวายทรัพย์สินทั้งหมดและอธิษฐานขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เมื่อพระสาวกได้รับของและกล่าวอนุโมทนาแล้ว ก็เหาะกลับไป ในที่ที่ถวายทานเกิดต้นกัลปพฤกษ์ 1 ต้น และมาณพนั้นก็ได้อาศัยต้นไม้นี้เลี้ยงชีพสืบมา วันหนึ่งกษัตริย์เมืองโกสัมพี พร้อมทั้งเหล่าข้าราชบริพาร เสด็จผ่านมาเห็นมาณพอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ ก็เกิดความสนใจเข้าไปทอดพระเนตร ก็ถูกเทวดา ที่ทำหน้าที่รักษาอยู่ไม่ให้เข้าไป พระองค์จึงทรงกริ้ว สั่งให้ทหารทำการเผา แต่ก็เกิดมีดอกบัวเกิดขึ้นมารองรับมาณพนั้น จึงสั่งให้ทหารจับมาณพ ไปโยนทิ้งลงน้ำ ก็เกิดอัศจรรย์มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ ทำให้มาณพนั้นไม่ได้รับอันตรายใดๆ กษัตริย์จึงถามกับมาณพนั้นว่า ใครให้ต้นกัลปพฤกษ์มา มาณพจึงเล่าความจริงให้ฟัง แต่กษัตริย์ไม่เชื่อ รับสั่งให้มาณพนำพระสาวกรูปนั้นมายืนยัน มาณพจึงอธิษฐานถึงพระสาวกนั้น พระสาวกรูปนั้นทราบด้วยทิพยจักษุ ก็เหาะมาและบอกกล่าวถึงโทษของการประทุษร้ายมาณพนี้ จะทำให้บ้านเมืองจมลงในแผ่นดิน กษัตริย์ได้ฟังดังนั้นก็กลัว จึงขอโทษและยกให้มาณพเป็นน้องชายของพระองค์ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 5 พันปี และมีพระพุทธรัศมีสีทอง สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน.

พระพุทธเจ้าและพระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า · พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระรามสัมพุทธเจ้า

ระรามะสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ กล่าวถึงว่า หลังจากที่หมดยุคศาสนาของ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่นดินถูกทำลาย และได้เกิดแผ่นดินใหม่จนนับไม่ถ้วนแล้ว จนถึงแผ่นดินใหม่เรียกว่า มัณฑกัปป์มีพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นมา 2 พระองค์ได้แก่ พระรามะสัมพุทธเจ้า และพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นต้องบำเพ็ญบารมี อย่างยิ่งยวด โดยพระรามะสัมพุทธเจ้า พระองค์นี้ ครั้งหนึ่งย้อนกลับไปในสมัย พระกัสสปะพุทธเจ้า พระองค์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อว่า นารทมาณพ วันหนึ่งได้พบกับ พระกัสสปะพุทธเจ้า เกิดความยินดี เลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงทำการสักการบูชาด้วยการใช้ผ้า 2 ผืนชุบน้ำมันพันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง และจุดไฟ ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเวลาเช้ามืด ครั้นนารทมาณพดับจิตแล้วได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตและจุดที่ทำการเผาร่างกายนั้นบังเกิดดอกบัวผุดขึ้น ครั้งนั้น พระกัสสปะพุทธเจ้า จึงตรัสพยากรณ์ว่า มาณพนี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในมัณฑกัปป์นี้ ด้วยอานิสงส์ที่บูชาร่างกายเป็นปรมัตถบารมีนี้จึงทำให้พระองค์มีพระวรกายสูง 80 ศอกและมีพระชนมายุ 9 หมื่นปี.

พระพุทธเจ้าและพระรามสัมพุทธเจ้า · พระรามสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระศรีอริยเมตไตรย

ระศรีอริยเมตไตรย หรือพระเมตไตรย (Metteyya เมตฺเตยฺย; मैत्रेय ไมเตฺรย) เป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าเมื่อศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้าสิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่ยุคมิคสัญญี ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จากนั้นอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี แล้วจึงลดลงอีกจนเหลือ 80,000 ปี ในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีครบ 80 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น พระเมตไตรยพุทธเจ้.

พระพุทธเจ้าและพระศรีอริยเมตไตรย · พระศรีอริยเมตไตรยและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า

ระสุมังคลสัมพุทธเจ้าปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ครั้นเมื่อศาสนาของพระติสสะสัมพุทธเจ้าเสื่อมในมัณฑกัปป์เดียวกันนี้จะมีพระพุทธเจ้า องค์ถัดไป ชื่อว่า พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า โดยพระโพธิสัตว์ในสมัยของพระโคตมพุทธเจ้าได้เสวยพระชาติเป็น ช้างปาลิไลยก.

พระพุทธเจ้าและพระสุมังคลสัมพุทธเจ้า · พระสุมังคลสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า

อนาคตวงศ์ระบุว่า พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า (ธมฺมราชสมฺพุทฺธ) เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตถัดจากพระรามสัมพุทธเจ้า หลัสิ้นศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยแล้ว แผ่นดินถูกทำลาย เกิดสุญกัปยาวนานถึงหนึ่งอสงไขย จากนั้นจะมีมัณฑกัปซึ่งมีพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นมา 2 พระองค์ได้แก่ พระรามสัมพุทธเจ้า และพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้านี้ก็คือพระเจ้าปเสนทิโกศลนั่นเอง โดยย้อนกลับไปในภัทรกัปนี้ในสมัยของพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้เกิดเป็นมาณพชื่อว่า สุททะ มีอาชีพขายดอกบัว โดยเก็บดอกบัวมาขายวันละ 2 ดอก เช้าวันหนึ่ง มาณพก็ทำการเก็บดอกบัว 2 ดอกมาขายตามปกติ พระโกนาคมนะพุทธเจ้าทรงบิณฑบาต ก็ทรงทราบด้วยญาณว่า มาณพนี้เป็น วงศ์แห่งพุทธเจ้า จึงแย้มพระโอษฐ์ มาณพหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็แปลกใจ จึงทูลถาม ว่าพระองค์ทอดพระเนตรและแย้มพระโอษฐ์เพราะเหตุใด พระโกนาคมนพุทเจ้า จึงตรัสว่าตัวท่านนี่แหละคือน้องของตถาคต มาณพหนุ่มได้ฟังเช่นนั้น ก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้น ทูลถามว่า ข้าเป็นน้องของท่านเมื่อใด พระโกนาคมนะพุทธเจ้าจึงได้ทำนายว่า ในมัณฑกัปป์หนึ่งท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล พระนามว่าพระธรรมราชา เมื่อสุททมาณพได้ยินเช่นนั้นจึงเกิดความปีติยินดี จึงได้ถวายดอกบัว 2 ดอกนั้นด้วยความเคารพ พระโกนาคมนพุทธเจ้าได้แสดงพุทธปาฏิหาริย์ขึ้นนั่งบนดอกบัว ด้วยมาณพกลัวพระพุทธองค์ร้อน จึงได้ทำที่บังแดดด้วยผ้า 2 ผืนและไม้อ้อ 4 ลำ และได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระพุทธองค์ได้ทรงนั่งอยู่บนดอกบัวนี้จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น อานิสงค์การถวายดอกบัวนี้ เมื่อพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้าดำเนินไปไหนจะมีดอกบัวเท่าจักรรถผุดจากพื้นดินรองรับเสมอ และทุกอิริยาบถของพระองค์จะมีห้องแก้ว 7 ประการเพื่อบังแดดและน้ำค้างด้วยผลทานที่ท่านถวายผ้าบังแดดนั้นเอง พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้ามีพระชนมายุ 5 หมื่นปี.

พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า

ระธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยในเรื่อง อนาคตวงศ์ มีกล่าวถึงว่า หลังจากมัณฑกัป ที่มี พระรามะสัมพุทธเจ้า และ พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ จนแผ่นดินล่วงไป กว่า 3 อสงไขย เกิดแผ่นดินเรียกว่า สารกัป มีพระพุทธเจ้าบังเกิดมา 1 พระองค์มีชื่อว่า พระธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์โดยมีตัวอย่างการบำเพ็ญ ปรมัตถบารมีอย่างยิ่งยวดพระชาติหนึ่ง ย้อนไปในสมัย พระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็น มหาเสนาบดี ชื่อว่า โพธิอำมาตย์ ในพระเจ้ากิงกิสสราช มีอยู่วันหนึ่งพระกัสสปะพุทธเจ้าได้ออกจากฌาณสมาบัติ กษัตริย์พระเจ้ากิงกิสสราชทราบความได้ดำริอยากถวายทานแด่พระพุทธองค์ ซึ่งจะทำให้ได้ผลบุญหาที่สุดมิได้ จึงให้ทหารตีกลองร้องปล่าว ห้ามมิให้ชาวเมืองถวายทานแด่พุทธองค์ก่อนตน พร้อมทั้งคาดโทษและจัดให้มีทหารกั้นอณาเขตโดยรอบ ครั้งนั้นโพธิอำมาตย์ได้ทราบก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจะถวายทานแด่พระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน ด้วยความปรารถนานี้ท่านจึงไม่เกรงกลัวต่ออาญาที่จะได้รับเลย จึงได้ไปบอกบุตรและภรรยาให้เตรียมเครื่องไทยทานและผ้าหนึ่งผืน ครั้นรุ่งเช้า โพธิอำมาตย์ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่จึงสอบถามถึงกิจธุระ โพธิอำมาตย์จึงตอบด้วยความสัจจริงว่าต้องการถวายทานแด่พุทธองค์ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทหารจับตัวมัดมือไปเข้าเฝ้าพระเจ้ากิงกิสสราช และได้รับโทษประหาร พระกัสสปะพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณว่า โพธิอำมาตย์นี้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์หนึ่ง จึงเนรมิตรกายอีกพระองค์หนึ่งเสด็จไปที่ป่าช้าลานประหาร โดยให้โพธิอำมาตย์ เห็นเพียงผู้เดียว และทรงเทศนาสั่งสอน ให้ละและอย่าอาลัยในชีวิตเลย เมื่อโพธิอำมาตย์ได้ฟังก็เกิดปลื้มใจจนหาที่เปรียบมิได้ จึงยกเครื่องไทยธรรมพร้อมผ้าของตนและของภรรยาที่ฝากมา ถวายด้วยกิริยาเบญจางคประดิษฐ์ และอธิษฐานขอให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต พระกัสสปะพุทธเจ้าได้รับของและตรัสพุทธพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน และเสด็จกลับเสวยเครื่องไทยธรรม ขณะนั้นโพธิอำมาตย์ได้ถูกเพชฌฆาตตัดศีรษะขาด มหัศจรรย์เกิดแผ่นดินไหวเป็นเหตุให้เศวตฉัตรของพระเจ้ากิงกิสสราชหัก ในที่ประหารนั้นบังเกิดวิมานทองพร้อมด้วยนางสวรรค์ 1000 ขุมทอง 16 ขุม และต้นกัลปพฤกษ์ 1 ต้น ภรรยาโพธิอำมาตย์ได้ใช้สมบัติที่เกิดขึ้นนี้เลี้ยงชีพจนหมดอายุขัย ฝ่ายโพธิอำมาตย์ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตมีทิพยสมบัติอันมากด้วยผลแห่งมหาทานนี้ เมื่อครั้นโพธิอำมาตย์สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์มีพระวรกายสูง 80 ศอก มีพระชนมายุ 1 แสนปี ด้วยผลบุญที่พระองค์สละชีวิต มีไม้รังเป็นมหาโพธิ พุทธรัศมีสว่างไสวดุจดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ มีเศวตฉัตรกว้างและสูงประมาณ 3 โยชน์ (1 โยชน.

พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระติสสสัมพุทธเจ้า

ระติสสสัมพุทธเจ้า ปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ครั้นเมื่อศาสนาของพระนรสีหสัมพุทธเจ้า เสื่อมลง แผ่นดินถูกทำลายไป และเกิดแผ่นดินใหม่ที่ไม่มีพระพุทธเจ้า บังเกิดเรียกว่า สุญญกัปป์ จนแผ่นดินนี้ถูกทำลายไป เกิดแผ่นดินใหม่ชื่อว่ามัณฑกัปป์จะมีพระพุทธเจ้า สองพระองค์เกิดขึ้นองค์หนึ่งนามว่า พระติสสสัมพุทธเจ้า โดยในสมัย พระโคตมพุทธเจ้า ท่านเสวยพระชาติเป็นช้างชื่อ นาฬาคิรีอีกองค์หนึ่งนามว่า พระสุมังคละสัมพุทธเจ้.

พระติสสสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระติสสสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระนรสีหสัมพุทธเจ้า

ระนรสีหสัมพุทธเจ้า ปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ครั้นเมื่อศาสนาของพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า เสื่อมลง ในมัณฑกัปป์เดียวกันนี้จะมีพระพุทธเจ้า อีกพระองค์หนึ่งนามว่า พระนรสีหสัมพุทธเจ้าโดยในสมัย พระโคตมพุทธเจ้า ท่านคือโตไทยพราหมณ์ โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยช่วงระหว่าง พระกัสสปะพุทธเจ้า และพระโคตมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นมาณพ ชื่อว่า นันทมาณพ มีอาชีพเป็นพ่อค้า ครั้งนั้น มีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกำลังบิณฑบาตอยู่ มาณพนี้ได้พบก็บังเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงเอาผ้ากัมพลสีแดงผืนหนึ่งกับทองคำแสนตำลึง ทำเป็นเครื่องไทยธรรมถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า และตั้งจิตอธิษฐานด้วยผลทานที่กระทำนี้ขอให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต พระปัจเจกพุทธเจ้ารับเครื่องไทยธรรมนั้นไว้และนำผ้ามาคลุมกายโดยรอบ ยังเหลือแค่พระหัตถ์กับพระบาทเท่านั้น เมื่อมาณพเห็นดังนั้น จึงตั้งจิตอธิษฐานอีกว่า ขอให้มีเดชานุภาพแผ่ทั่วราชอาณาจักร พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงอนุโมทนาและก็จากไป ระหว่างทางพระปัจเจกพุทธเจ้าได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งหญิงสาวนี้พอเห็นพระ ห่มผ้าแดงก็สอบถามว่าผ้าที่สวยงามนี้ใครเป็นผู้ถวาย พระปัจเจกพุทธเจ้าก็บอกถึง มาณพ และความปรารถนา 2 ประการของมาณพนั้น ความปรารถนาหนึ่ง คือ เป็นพระพุทธเจ้า และอีกความปรารถนาหนึ่งคือ เป็นกษัตริย์ เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงทำบุญตามมาณพนั้นและปรารถขอเมื่อมาณพนั้นเป็นกษัตริย์แล้วก็ขอให้ตนได้เป็นมเหสีแห่งกษัตริย์นั้น และด้วยบุญนี้ทั้งสองคนจึงได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันในชาตินี้ และยังสร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ พร้อมจ้างช่างมาแกะสลักรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ในศาลา ฝ่ายหญิงยังโกนเอาผมชุบน้ำมันหอม ทำเป็นไส้ปทีปสักการบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อทั้งสอง สิ้นอายุขัยเกิดในสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์เสวยทิพยสมบัติอยู่นาน จนสิ้นอายุขัยก็จุติเป็น บรมกษัติย์แห่ง เมืองทวารวดี ฝ่ายหญิงก็เกิดในตระกูลเศรษฐี พออายุได้ 16 ปีก็ได้มาเป็นมเหสีแห่งกษัตริย์นามว่า พระมงคลราชเทวี มียศถาบรรดาศักดิ์พร้อมด้วยบริวารถึง 1 ล้าน ส่วนกษัตริย์ ก็มีสนมถึง 16 ล้านด้วยกัน วันหนึ่ง กษัตริย์มีพระประสงค์ทดลองบุญของ พระมงคลราชเทวี ให้ประจักษ์แก่เหล่าสนมทั้งหลาย จึงสั่งให้สนมเตรียมสำรับคนละที่และมาบริโภคตรงหน้าพระที่นั่ง สนมทุกคนก็บริโภคเป็นปกติ หาได้มีความแปลกประหลาดอันใด แต่พอพระมงคลราชเทวี ทรงนั่งและล้างพระหัตถ์ รับเอาอาหารขึ้นเข้าไปในพระโอษฐ์ ปรากฏว่านิ้วพระหัตถ์ของนางกลายเป็นทองคำทุกนิ้ว เป็นอย่างนี้ทุกคำที่เสวย ด้วยผลบุญที่กระทำอย่างประณีตแต่ปางก่อน พอเหล่าสนมเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าพระมเหสี มีบุญหาควรเทียบเทียมไม่ ตั้งแต่วันนั้นมาจึงเกิดความยำเกรงต่อมเหสีเป็นอันมาก พระนรสีหสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 8 หมื่นปี มีรัศมีรุ่งเรืองสว่างไสว มีไม้แคฝอยเป็นมหาโพธิ มีต้นกัลปพฤกษ์ ต้นหนึ่งพร้อมข้าวสาลีอันหอมให้มนุษย์ทั้งหลายได้บริโภค ผิวพรรณมนุษย์เป็นสีทอง พระองค์เสด็จไปที่ใดก็จะมีเศวตฉัตรแก้วบังเกิดอยู่ตลอดเวล.

พระนรสีหสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระนรสีหสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระนารทสัมพุทธเจ้า

ระนารทสัมพุทธเจ้า มีปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ว่า หลังจากหมดยุคศาสนาของพระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดแผ่นดินใหม่ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าเลยอยู่นานถึง 8 กัปป์ หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินใหม่ ชื่อว่า มัณฑกัปป์ จะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์บังเกิดขึ้น องค์แรก คือ พระนารทพุทธเจ้า องค์ถัดไปคือ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวดโดยปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นกษัตริย์มีพระนามว่า พระยาสิริคุตตมหาราช ครองเมือง มัลลนคร มีพระราชอัครมเหสี นามว่า ลัมภุราชเทวี มีพระราชโอรสและพระราชธิดา นามว่า นิโครธกุมารและโคตมีกุมารีตามลำดับ วันหนึ่งมี พราหมณ์ 8 ท่าน มาทูลขอราชสมบัติและพระนคร พระองค์ก็พระราชทานด้วยจิตใจที่ปลาบปลื้มยินดี และพาครอบครัวออกบวช ไปอาศัยอยู่ที่อาศรมในป่า ในครั้งนั้นมียักษ์ชื่อว่า ยันตะ ร่างกายสูงถึง 120 ศอก มาขอพระราชโอรสและธิดาทั้งสอง พระองค์ เพื่อเป็นอาหาร และ ยันตะยักษ์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าได้ถวายพระราชโอรสและพระราชธิดาแล้ว อนาคตจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อพระยาสิริคุตตมหาราชได้ฟังเช่นนั้นเกิดความปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก จึงตอบว่า ไม่ใช่ไม่รักลูกทั้งสองแต่ท่านเป็นผู้ที่รักในพระโพธิญาณยิ่งกว่าสิ่งใด จึงตัดใจสละพระกุมารีทั้ง 2 ให้ยักษ์และหลั่งน้ำเหนือมือของยักษ์ พร้อมทั้งประกาศแก่เทวดาและพระแม่ธรณีให้เป็นสักขีพยาน แห่งมหาทานนี้ เมื่อยักษ์ได้รับมอบพระกุมารีทั้งสองไปแล้ว ก็เคี้ยวกินต่อหน้าต่อตาพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นเลือดที่ไหลจากปากของยักษ์ ก็มิได้หวาดกลัวเลยด้วยจิตใจอันเปี่ยมด้วยยินดี ด้วยมหาทานบารมีที่พระองค์มิได้หวาดหวั่นใจเลยนี้ทำให้พระองค์มีพุทธรัศมีเหมือนสายฟ้าในกลีบเมฆรูปร่างเหมือนดอกบัวตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน พระวรกายสูง 20 ศอก มีพระชนมายุ 1 หมื่นปี มีไม้จันทร์เป็นมหาโพธิ ในศาสนาของพระองค์ คนในยุคนั้นจะมีรูปร่างอันสวยงามน่ายินดี ด้วยบุญที่ท่านให้ลูกเป็นทาน และยังมีภักษาหาร 7 ประการบังเกิดขึ้น มนุษย์ก็ได้อาศัยภักษาหารนี้เลี้ยงชี.

พระนารทสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระนารทสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระโคตมพุทธเจ้า

ระโคตมพุทธเจ้า มีพระนามเดิมในภาษาบาลีว่า สิทธัตถะ โคตมะ หรือในภาษาสันสกฤตว่า สิทฺธารฺถ เคาตมะ (อ่านว่า /สิดทาด —/) (เทวนาครี: सिद्धार्थ गौतम) เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ สาวกของพระองค์ไม่นิยมออกพระนามโดยตรง แต่เรียกตามพระสมัญญาว่า "ภควา" (พระผู้มีพระภาคเจ้า) คัมภีร์พุทธศาสนาทั้งนิกายเถรวาทและนิกายมหายานบันทึกตรงกันว่า พระโคตมพุทธเจ้าทรงดำรงพระชนมชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปี ก่อนคริสตกาลตามตำราไทยซึ่งอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และตรงกับ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล พระโคตมพุทธเจ้าเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายาแห่งศากยวงศ์ โคตมโคตร อันเป็นราชสกุลวงศ์ที่ปกครองกรุงกบิลพัสดุ์มาช้านาน ก่อนออกผนวชทรงดำรงพระอิสสริยยศเป็นรัชทายาท เมื่อเสด็จออกผนวชและบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงได้รับการถวายพระนามต่าง ๆ อาทิ พระศากยมุนี, พระพุทธโคดม, พระโคดมพุทธเจ้า ฯลฯ แต่ทรงเรียกพระองค์เองว่า ตถาคต แปลว่า พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น คือ ทรงปฏิญาณว่า ทรงพ้นจากทุกข์ทั้งปวง สำเร็จแล้วซึ่งอรหัตผล.

พระพุทธเจ้าและพระโคตมพุทธเจ้า · พระโคตมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

ระเทวเทพสัมพุทธเจ้า มีปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ว่าหลังจากหมดยุคของ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าแล้ว แผ่นดินถูกทำลายจนเกิดแผ่นดินใหม่ เรียกว่า มัณฑกัปป์ คือจะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์บังเกิดขึ้น หนึ่งคือ พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า โดยในสมัยพระโคตมพุทธเจ้า ท่านคือ สุภพราหมณ์ และอีกหนึ่งคือ พระนรสีหสัมพุทธเจ้า โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยพระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นช้าง ชื่อว่า พระยาฉัททันต์ เป็นพระยาช้างมงคลสีขาวดังเงินยวง อาศัยอยู่ริมสระฉัททันต์ในป่าหิมพานต์ ครั้งหนึ่ง พระอัญญาโกณฑัญญเถระ เป็นสาวกแห่ง พระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระเถระนี้ได้เข้าสู่ปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์นั้น พระยาช้างซึ่งมีความปรารถนาพระสัพพัญญูอยู่แล้ว ได้เดินไปพบพระสรีระก็เกิดความปีติยินดี จึงตั้งจิตจะปลงสรีระกายของเถระนี้ จึงประกาศแก่เหล่าเทวดาขอให้มาช่วย และขอเลื่อยทิพย์อันหนึ่งด้วยบุญเก่าที่เคยทำไว้ พระยาช้างอธิษฐานดังนี้ ก็ปรากฏเลื่อยทิพย์อันหนึ่งลอยมาตกตรงหน้า พระยาช้างจึงตัดงาทั้งสองข้าง โดยข้างหนึ่งทำโกศ อีกข้างหนึ่งทำเชิงตะกอนรูปขนนกยูง พระยาช้างเอาขนบนศีรษะมาทำไส้ประทีปจุดบูชาสักการะ ฝ่ายช้างบริวารจำนวน 8 หมื่น 4 พัน มากระทำสมโภชถึง 7 วัน 7 คืน เอาแก่นจันทน์แดงมีกลิ่นหอมมารอง พร้อมทั้งยกพระศพขึ้นบนศีรษะของตนและเอาเพลิงจุดเผาพระศพ ครั้นพระสรีระเมื่อเผาแล้วพระธาตุต่างๆ ก็ลอยหายขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีเศษอันใดตกลงสู่พื้นเลย โดยพระยาช้างได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญที่ตนตัดงาทั้งสอง ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระยาช้างสิ้นใจตายก็ไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทพบุตร มีทิพยสมบัติอันมาก พระเทวเทพสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 80 ศอก มีพระชนมายุ 8 หมื่นปี มีไม้จำปาเป็นศรีมหาโพธิ พุทธรัศมี ฉัพพรรณรังสี(6 สี) สัณฐานเหมือนช่อฝักบัวสว่างไสวทั่วโลกธาตุ ด้วยบุญบารมีของท่าน จะบังเกิดต้นกัลปพฤกษ์และข้าวสาลีที่มีกลิ่นหอม ประชาชนอาศัยข้าวสาลีนี้ ไม่ได้ทำการเกษตร ค้าขาย ผิวพรรณมนุษย์มีสีทองโดยปกติ งามด้วยตัวของตัวเองแม้ไม่แต่งตัว.

พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า · พระเทวเทพสัมพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

ศาสนาพุทธ

ระพุทธศาสนา หรือ ศาสนาพุทธ (buddhasāsana พุทฺธสาสนา, buddhaśāsana พุทธศาสนา) เป็นศาสนาที่มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา มีพระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง และตรัสสอนไว้เป็นหลักคำสอนสำคัญ มีพระสงฆ์ (ภิกษุ ภิกษุณี) สาวกผู้ตัดสินใจออกบวชเพื่อศึกษาปฏิบัติตนตามคำสั่งสอน ธรรม-วินัย ของพระบรมศาสดา เพื่อบรรลุสู่จุดหมายคือพระนิพพาน และสร้างสังฆะ เป็นชุมชนเพื่อสืบทอดคำสอนของพระบรมศาสดา รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย นอกจากนี้ในพระพุทธศาสนา ยังประกอบคำสอนสำหรับการดำรงชีวิตที่ดีงาม สำหรับผู้ที่ยังไม่ออกบวช (คฤหัสถ์ - อุบาสก และอุบาสิกา) ซึ่งหากรวมประเภทบุคคลที่ที่นับถือและศึกษาปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา แล้วจะจำแนกได้เป็น 4 ประเภท คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หรือที่เรียกว่า พุทธบริษัท 4 ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเป็นเจ้าหรือพระผู้สร้าง และเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ ว่าทุกคนสามารถพัฒนาจิตใจ ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ ด้วยความเพียรของตน กล่าวคือ ศาสนาพุทธ สอนให้มนุษย์บันดาลชีวิตของตนเอง ด้วยผลแห่งการกระทำของตน ตาม กฎแห่งกรรม มิได้มาจากการอ้อนวอนขอจากพระเป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกกายพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต คาถาธรรมบท อัตตวรรคที่ ๑. พระไตรปิฎกฉบับสยามรั.

พระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธ · ศาสนาพุทธและอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

อรรถกถา

ัมภีร์อรรถกถาบาลีในปัจจุบันเป็นผลงานการแปลของพระพุทธโฆสะ ที่แปลยกจากภาษาสิงหลขึ้นสู่ภาษาบาลี อรรถกถา (Atthakatha; อ่านว่า อัดถะกะถา) คือคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความในพระไตรปิฎกภาษาบาลี เรียกว่า คัมภีร์อรรถกถา บ้าง ปกรณ์อรรถกถา บ้าง อรรถกถา จัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่หลายในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา คัมภีร์อรรถกถา ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เป็นคัมภีร์ที่อธิบายความหรือคำที่ยากในพระไตรปิฎกให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยยกศัพท์ออกมาอธิบายเป็นศัพท์ ๆ บ้าง ยกข้อความหรือประโยคยาวๆ มาขยายความให้ชัดเจนขึ้นบ้าง แสดงทัศนะและวินิจฉัยของผู้แต่งสอดแทรกเข้าไว้บ้าง ลักษณะการอธิบายความในพระไตรปิฎกของอรรถกถานั้น ไม่ได้นำทุกเรื่องในพระไตรปิฎกมาอธิบาย แต่นำเฉพาะบางศัพท์ วลี ประโยค หรือบางเรื่องที่อรรถกถาจารย์เห็นว่าควรอธิบายเพิ่มเติมเท่านั้น ดังนั้นบางเรื่องในพระไตรปิฎกจึงไม่มีอรรถกถาขยายความ เพราะอรรถกถาจารย์เห็นว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกส่วนนั้นเข้าใจได้ง่ายนั่นเอง.

พระพุทธเจ้าและอรรถกถา · อนาคตวงศ์และอรรถกถา · ดูเพิ่มเติม »

ตรัสรู้

ตรัสรู้ หมายถึง การรู้แจ้งของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการรู้สภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงในหลักอริยสัจ 4.

ตรัสรู้และพระพุทธเจ้า · ตรัสรู้และอนาคตวงศ์ · ดูเพิ่มเติม »

เถรวาท

รวาท (อ่านว่า เถ-ระ-วาด) (theravāda เถรวาท, स्थविरवाद sthaviravāda สฺถวิรวาท; Theravada) โดยศัพท์แปลว่า "ตามแนวทางของพระเถระ" เป็นชื่อของนิกายที่เก่าแก่ที่สุดในศาสนาพุทธ ฝ่ายมหายานเรียกนิกายนี้ว่า หีนยาน (บาลี/สันสกฤต: हीनयान) นิกายเถรวาทเป็นนิกายหลักที่ได้รับการนับถือในประเทศศรีลังกา (ประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด) และประเทศในแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว และพม่า และเป็นส่วนน้อยในประเทศจีนและเวียดนาม โดยเฉพาะในมณฑลยูนนาน เนปาล บังกลาเทศที่เขตจิตตะกอง เวียดนามทางตอนใต้ใกล้ชายแดนกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซียมีนับถือทางตอนเหนือของประเทศ มีศาสนิกส่วนใหญ่เป็นชาวไทยและชาวสิงหล ตัวเลขผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านคน สำหรับประเทศไทยมีผู้นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทประมาณ 94% ของประชากรทั้งหมด (ข้อมูลจากกรมศาสนา เฉพาะประชากรอิสลามในประเทศไทยมีไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 15% ของประชากรไทย ไม่นับผู้นับถือศาสนาคริสต์ ฮินดู สิกข์ และไม่มีศาสนา จึงเป็นไปได้ว่าชาวพุทธในประเทศไทย อาจมีไม่ถึง 80% ของจำนวนประชากรทั้งหมด) นิกายเถรวาทได้รับการนับถือคู่กับนิกายอาจริยวาท (คือนิกายมหายาน ในปัจจุบัน).

พระพุทธเจ้าและเถรวาท · อนาคตวงศ์และเถรวาท · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์

พระพุทธเจ้า มี 63 ความสัมพันธ์ขณะที่ อนาคตวงศ์ มี 22 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 15, ดัชนี Jaccard คือ 17.65% = 15 / (63 + 22)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง พระพุทธเจ้าและอนาคตวงศ์ หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »