ความคล้ายคลึงกันระหว่าง แดรกคูลาและแวมไพร์
แดรกคูลาและแวมไพร์ มี 7 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ภาษาอังกฤษวลาดที่ 3 นักเสียบสมัยกลางทรานซิลเวเนียทวีปยุโรปนอสเฟอราตูแบรม สโตกเกอร์
ภาษาอังกฤษ
ษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษใหม่ เป็นภาษาในกลุ่มภาษาเจอร์แมนิกตะวันตกที่ใช้ครั้งแรกในอังกฤษสมัยต้นยุคกลาง และปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก ประชากรส่วนใหญ่ในหลายประเทศ รวมทั้ง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และประเทศในแคริบเบียน พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่ง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ที่มีผู้พูดมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากภาษาจีนกลางและภาษาสเปน มักมีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างกว้างขวาง และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของสหภาพยุโรป หลายประเทศเครือจักรภพแห่งชาติ และสหประชาชาติ ตลอดจนองค์การระดับโลกหลายองค์การ ภาษาอังกฤษเจริญขึ้นในราชอาณาจักรแองโกล-แซ็กซอนอังกฤษ และบริเวณสกอตแลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน หลังอิทธิพลอย่างกว้างขวางของบริเตนใหญ่และสหราชอาณาจักรตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผ่านจักรวรรดิอังกฤษ และรวมสหรัฐอเมริกาด้วยตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ภาษาอังกฤษได้แพร่หลายทั่วโลก กลายเป็นภาษาชั้นนำของวจนิพนธ์ระหว่างประเทศและเป็นภาษากลางในหลายภูมิภาค ในประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษกำเนิดจากการรวมภาษาถิ่นหลายภาษาที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันเรียกรวมว่า ภาษาอังกฤษเก่า ซึ่งผู้ตั้งนิคมนำมายังฝั่งตะวันออกของบริเตนใหญ่เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 5 คำในภาษาอังกฤษจำนวนมากสร้างขึ้นบนพื้นฐานรากศัพท์ภาษาละติน เพราะภาษาละตินบางรูปแบบเป็นภาษากลางของคริสตจักรและชีวิตปัญญาชนยุโรปDaniel Weissbort (2006).
ภาษาอังกฤษและแดรกคูลา · ภาษาอังกฤษและแวมไพร์ ·
วลาดที่ 3 นักเสียบ
วลาดที่ 3 เจ้าชายแห่งวาลาเคีย (ค.ศ. 1431–1476/7) หรือที่รู้จักโดยสกุล แดรกคิวลา พระองค์ทรงได้รับสมัญญาหลังสิ้นพระชนม์ว่า วลาดนักเสียบ (Vlad the Impaler; Vlad Țepeș) และทรงเป็นเจ้า (Voivode) ครองวาลาเคีย 3 สมัย ส่วนใหญ่ระหว่าง..
วลาดที่ 3 นักเสียบและแดรกคูลา · วลาดที่ 3 นักเสียบและแวมไพร์ ·
สมัยกลาง
แบบจำลองของหมวกหุ้มเกราะซึ่งถูกพบที่ซัททันฮู ในหลุมศพของผู้นำชาวแองโกล-แซกซัน สันนิษฐานว่าเป็นกษัตริย์ราวปี ค.ศ. 620 ในช่วงต้นสมัยกลางNees ''Early Medieval Art'' pp. 109–112 สมัยกลาง หรือ ยุคกลาง (Middle Ages) คือช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยปกติแล้วเริ่มนับตั้งแต่การล่มสลายลงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก (การสิ้นสุดของสมัยคลาสสิก) จนถึงจุดเริ่มตั้นของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา และยุคแห่งการสำรวจ ซึ่งเป็นยุคที่นำไปสู่สมัยใหม่ในเวลาต่อมา สมัยกลางคือช่วงเวลาตรงกลางของกระบวนการเปลี่ยนผ่านในประวัติศาสตร์ตะวันตกคือ สมัยคลาสสิก สมัยกลาง และสมัยใหม่ นอกจากนี้สมัยกลางยังถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลาคือ ต้นสมัยกลาง (Early Middle Ages), สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ (High Middle Ages) และปลายสมัยกลาง (Late Middle Ages) ในยุคกลางตอนต้น การลดลงของประชากร, การหดตัวของเมือง และการรุกรานจากอนารยชน เริ่มต้นขึ้นในยุคโบราณตอนปลายและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เหล่าอนารยชนผู้บุกรุกเข้าตั้งอาณาจักรของตนในส่วนที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 แอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันตะวันออก ได้กลายไปเป็นจักรวรรดิอิสลามหลังจากถูกยึดครองโดยผู้สืบทอดของนบีมุฮัมมัด แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและโครงสร้างทางการเมืองมากมาย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากยุคโบราณคลาสสิคอย่างสิ้นเชิง จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ยังคงอยู่รอดและรักษาอำนาจของตนเอาไว้ได้ นอกจากนี้แล้วอาณาจักรเกิดใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวพันอยู่กับสถาบันที่หลงเหลืออยู่ของชาวโรมัน ในขณะที่วัดวาอารามของคริสต์ศาสนาได้แผ่ขยายไปทั่วยุโรปตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 ชาวแฟรงก์ภายใต้การปกครองของราชวงศ์การอแล็งเฌียงได้สถาปนาจักรวรรดิขึ้นซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตกมีนามว่า จักรวรรดิการอแล็งเฌียง ซึ่งยืนยงไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อจักรวรรดิล่มสลายลงจากแรงงกดดันของการรุกรานจากภายนอก เช่น ชาวไวกิงจากทางเหนือ ชาวแมกยาร์จากทางตะวันออก และชาวซาราเซนจากทางใต้ ช่วงต้นสมัยกลางซึ่งเริ่มขึ้นหลังคริสต์ศตวรรษที่ 10 ประชากรของยุโรปขยายตัวอย่างมากจากการที่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและทางการเกษตรทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองและการทำเรือกสวนไร่นาขยายตัว ระบบมาเนอร์ - องค์กรของชาวนาตามหมู่บ้านที่ติดค้างค่าเช่าที่ดินและหน้าที่ด้านแรงงานแก่ขุนนาง และระบบเจ้าขุนมูลนาย - โครงสร้างทางการเมืองที่ซึ่งอัศวินและขุนนางศักดิ์ต่ำกว่าติดค้างหน้าที่ด้านการทหารแก่เจ้านายผู้มีศักดิ์สูงกว่าของพวกเขาแลกกับสิทธิ์ในการเก็บค่าเช่าที่ดินและชาวนาใต้ปกครอง สองระบบนี้คือระเบียบของสังคมที่ใช้กันในยุคกลางตอนกลาง ต่อมาอาณาจักรเริ่มรวมศูนย์อำนาจมากขึ้นภายหลังการล่มสลายลงของจักรวรรดิคาโรแล็งเชียง สงครามครูเสดซึ่งเริ่มขึ้นครั้งแรกในปี..
สมัยกลางและแดรกคูลา · สมัยกลางและแวมไพร์ ·
ทรานซิลเวเนีย
ทรานซิลเวเนียสีเหลืองบนแผนที่ของโรมาเนียกับเขตแดนของประเทศต่างๆ ภูมิภาคประวัติศาสตร์ บานัต, คริซานา และ มารามัวร์ส สีเหลืองเข้ม ทรานซิลเวเนีย (Transylvania, Ardeal หรือ Transilvania; Erdély) เป็นภูมิภาคประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของโรมาเนีย โดยมีเขตแดนด้านตะวันออกและทางใต้ติดต่อกับ เทือกเขาคาร์เพเธียน (Carpathian mountains) ทางตะวันตกจรดเทือกเขาอพูเซนิ (Apuseni Mountains) แต่ “ทรานซิลเวเนีย” ที่ใช้กันมักจะรวมบริเวณที่เลยไปจากตัวทรานซิลเวเนียเองและภูมิภาคประวัติศาสตร์ของบริเวณบานัต, คริซานา (Crişana) และ มารามัวร์ส (Maramureş) ทรานซิลเวเนียเดิมเป็นศูนย์กลางของราชอาณาจักรดาเซีย (82 ก.ค.ศ. - ค.ศ. 106) ในปี..
ทรานซิลเวเนียและแดรกคูลา · ทรานซิลเวเนียและแวมไพร์ ·
ทวีปยุโรป
ทวีปยุโรป (อ่านว่า "ยุ-โหฺรบ") มีฐานะเป็นทวีปทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในทางภูมิศาสตร์ ยุโรปเป็นอนุทวีปที่อยู่ทางด้านตะวันตกของมหาทวีปยูเรเชีย ยุโรปมีพรมแดนทางเหนือติดกับมหาสมุทรอาร์กติก ทางตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทางใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ ด้านตะวันออกติดกับเทือกเขายูรัลและทะเลแคสเปียน "Europe" (pp. 68-9); "Asia" (pp. 90-1): "A commonly accepted division between Asia and Europe...
ทวีปยุโรปและแดรกคูลา · ทวีปยุโรปและแวมไพร์ ·
นอสเฟอราตู
นอสเฟอราตู อะ ซิมโฟนี ออฟ ฮอร์เรอร์ หรือ ที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า นอสเฟอราตู (อังกฤษ: Nosferatu: A Symphony of Horror, Nosferatu; เยอรมัน: Nosferatu, eine Symphonie des Grauens) ภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติเยอรมนี ออกฉายในปี ค.ศ. 1922 เป็นภาพยนตร์เงียบขาวดำ คำว่า นอสเฟอราตู นั้นแปลว่า แวมไพร์ ในภาษาโรมาเนีย นอสเฟอราตู ดัดแปลงบทภาพยนตร์มาจากนวนิยายของบราม สโตกเกอร์ นักเขียนชาวไอริช เรื่อง แดรกคูลา โดยดัดแปลงแบบลอกมาเกือบทั้งหมด โดยคงเนื้อหาเดิมไว้ทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนชื่อตัวละครและรายชื่อสถานที่เป็นภาษาเยอรมันเท่านั้นเอง เช่น เค้าท์แดร็กคูลา ก็กลายเป็น เค้าท์ออร์ล็อก โจนาธาน ฮากเกอร์ ก็เปลี่ยนเป็น โธมัส ฮุตเตอร์ และสถานที่เกิดเรื่องก็เปลี่ยนจากกรุงลอนดอน เป็นเมืองวิสบอร์ก แทน นอสเฟอราตู กำกับการแสดงโดย เอฟ.ดับบลิว. เมอเนา ผู้กำกับชาวเยอรมัน ที่เป็นผู้กำกับที่ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อแวดวงศิลปะวัฒนธรรมของเยอรมันในคริสต์ทศวรรษ 1920 จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1930 โดยเฉพาะภาพยนตร์เยอรมันในแนวศิลปะเอ็กซเพรสชันนิสม์ นักแสดงที่รับบท เค้าท์ออร์ล็อก คือ แม็ก ชเร็ค ซึ่งสวมบทนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะการแต่งหน้าและการทำท่าทางที่เหมือนแวมไพร์จริง ๆ ซึ่งฉากที่น่าจดจำอย่างยิ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ เงาของเค้าท์ออร์ล็อกที่ฉาดฉายไปที่ฝาผนังตอนที่เดินขึ้นบันได ด้วยหลังที่งองุ้มและเล็บนิ้วที่แหลมยาวน่าเกลียดน่ากลัว เค้าท์ออร์ล็อก เงาของเค้าท์ออร์ล็อก ซึ่งเมื่อฉายแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์จากภรรยาม่ายของสโตกเกอร์ ผลคือ เมอเนาแพ้ และฟิล์มภาพยนตร์ถูกทำลายทิ้ง แต่ก็ยังมีสำเนาที่ยังหลงรอดมา ซึ่งสาเหตุของการที่มอเนาต้องลอกเลียนเค้าท์แดร็กคูลามาเกือบทั้งหมด ก็ด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ที่ก่อนถ่ายทำตกลงกันไม่ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม นอสเฟอราตู เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวขานเป็นอย่างมากในแวดวงภาพยนตร์ระดับโลก ในเว็บไซต์IMDb ได้ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ 8.1 ดาว จากทั้งหมด 10 ดาว และได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับสัญชาติเยอรมันอีกคนในยุคปัจจุบันนี้ คือ แวร์เนอร์ แฮร์ซ็อก ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่มีผลงานโดดเด่นเป็นตัวของอีกตัวเองอีกคน สร้างเป็นภาพยนตร์ใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1979 ในชื่อ Nosferatu the Vampyre และเป็นภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันในแนวนอกกระแสในปี ค.ศ. 1999 ชื่อ Shadow of the Vampire ซึ่งเป็นเรื่องราวการถ่ายทำนอสเฟอราตูของเมอเนา ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่บ้า และผู้ที่รับบทเป็นเค้าท์ออล็อกนั้นก็เป็นแวมไพร์จริง ๆ นำแสดงโดย จอห์น มัลโควิช เป็น เมอเนา และวิลเลม เดโฟ เป็น ชเร็ค ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เคยฉายในประเทศไทยเมื่อต้นปี พ.ศ. 2544 ในแบบจำกัดโรง นอสเฟอราตู เคยถูกนำมาฉายในโครงการคุยกับหนัง เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ที่ ห้องกิจกรรมเรวัติ พุทธินันท์ ชั้นใต้ดินของหอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร.
นอสเฟอราตูและแดรกคูลา · นอสเฟอราตูและแวมไพร์ ·
แบรม สโตกเกอร์
แบรม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) มีชื่อจริงว่า เอบราแฮม สโตกเกอร์ (Abraham Stoker) เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1847 ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เป็นบุตรชายคนที่ 3 จากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คน บิดาของสโตกเกอร์เป็นข้าราชการ ส่วนมารดาซึ่งเป็นนักเรียกร้องสิทธิสตรีรุ่นแรก ๆ เมื่อวัยเด็กสโตกเกอร์เป็นเด็กร่างกายอ่อนแอมาก จนไม่สามารถที่จะยืนตัวตรงได้จนกระทั่งอายุ 7 ขวบ ทำให้เป็นคนช่างฝันและจินตนาการและชอบอ่านหนังสือ สโตกเกอร์ชื่นชอบในเรื่องประวัติศาสตร์ยุโรป, การเล่นแร่แปรธาตุ และที่ชอบมากที่สุดคือเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์ ผีร้ายตามความเชื่อของชาวยุโรปในยุคกลาง ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับงานเขียนวรรณคดีชิ้นสำคัญต่อไป เมื่อโตขึ้นเป็นวัยรุ่น สโตกเกอร์กลับมีร่างกายแข็งแรงถึงขนาดเป็นนักกีฬาแชมป์ของโรงเรียนโดยเฉพาะฟุตบอล สโตกเกอร์เรียนจบจากวิทยาลัยทรินิตี (Trinity College) ในดับลิน จากนั้นก็เข้ารับราชการตามรอยบิดา พร้อมกับเริ่มเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ดิไอริชเอ็กโค (The Irish Echo) และได้รู้จักกับเหล่านักเขียน นักแสดงจากลอนดอน ในที่สุดเมื่ออายุ 31 ปี เพื่อนนักแสดงละครเวทีของเชกสเปียร์ชาวอังกฤษชื่อ เฮนรี เออร์วิง (Henry Irving) ช่วยให้เขาได้งานบริหารพิพิธภัณฑ์ไลซีอัมเทียเตอร์ในลอนดอน (Lyceum Theatre) สโตกเกอร์แต่งงาน มีลูกชายหนึ่งคน แต่ต่อมาก็อยู่แยกกับภรรยา แต่ก็ยังไปปรากฏตัวร่วมกันเมื่อออกงานสังคม งานเขียนทั้งหมดของสโตกเกอร์มีทั้งหมด 32 เรื่อง ทั้งนวนิยาย, สารคดี, เรื่องสั้นและงานวิจารณ์ แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีเรื่องไหนที่จะประสบความสำเร็จเท่า แดรกคูลา ในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งกล่าวกันว่าสโตกเกอร์ได้แนวคิดเกี่ยวกับแวมไพร์นี้มาจากฝันร้ายของเขาเอง จากนั้นเขาก็ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องแวมไพร์นี้อย่างจริงจังในห้องสมุด สโตกเกอร์เสียชีวิตด้วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกเมื่ออายุได้ 64 ปี เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1912 ที่กรุงลอนดอน.
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ แดรกคูลาและแวมไพร์ มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง แดรกคูลาและแวมไพร์
การเปรียบเทียบระหว่าง แดรกคูลาและแวมไพร์
แดรกคูลา มี 55 ความสัมพันธ์ขณะที่ แวมไพร์ มี 60 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 7, ดัชนี Jaccard คือ 6.09% = 7 / (55 + 60)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง แดรกคูลาและแวมไพร์ หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: