ความคล้ายคลึงกันระหว่าง มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ
มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ มี 14 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พาลันเทียร์กอนดอร์ภาษาซินดารินมอร์ดอร์มิดเดิลเอิร์ธมินัสทิริธยุคที่สองแห่งอาร์ดายุคที่สามแห่งอาร์ดาอิซิลดูร์อนาริออนนาซกูลเอเลนดิลเจ. อาร์. อาร์. โทลคีนเซารอน
พาลันเทียร์
ลันเทียร์แห่งออร์ธังค์ จากภาพยนตร์ลอร์ดออฟเดอะริงส์ พาลันเทียร์ (Palantír) เป็นของวิเศษอย่างหนึ่งในโลกแห่งจินตนาการของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ คำว่า พาลันเทียร์ เป็นคำภาษาซินดาริน หมายถึง 'สิ่งซึ่งสามารถมองเห็นได้ไกลๆ' รูปพหูพจน์ว่า พาลันทีริ (palantíri).
พาลันเทียร์และมินัสมอร์กูล · พาลันเทียร์และออสกิเลียธ ·
กอนดอร์
กษาขาว ดาวเจ็ดดวง และมงกุฎปีก กอนดอร์ (Gondor) คือชื่ออาณาจักรมนุษย์แห่งหนึ่งบนทวีปมิดเดิลเอิร์ธ ในจินตนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏในนวนิยายแฟนตาซีเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ก่อตั้งโดย อิซิลดูร์ และ อนาริออน โอรสของ เอเลนดิล เมื่อปีที่ 3320 ของยุคที่สองเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน.
กอนดอร์และมินัสมอร์กูล · กอนดอร์และออสกิเลียธ ·
ภาษาซินดาริน
ษาซินดาริน (Sindarin) เป็นภาษาที่ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ประดิษฐ์ขึ้นใช้ในนวนิยายของเขาในชุดมิดเดิลเอิร์ธ แรงบันดาลใจของการสร้างภาษานี้มาจากพื้นฐานของภาษาเวลช์ (Welsh) ซึ่งโทลคีนพบในการศึกษาโคลงโบราณ เขาได้ใช้เวลาประดิษฐ์ภาษานี้จนสมบูรณ์ใช้งานได้จริง เทียบเคียงกับภาษาเควนยา เดิมทีโทลคีนตั้งใจประดิษฐ์ภาษานี้ขึ้นเป็นภาษาของชาวโนลดอร์ แต่เปลี่ยนใจภายหลัง ภาษาซินดาริน ตามฉบับนิยาย เป็นภาษาของพวกเอลฟ์ ชาวเทเลริ ที่มิได้เข้าร่วมการเดินทางครั้งใหญ่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ยังคงตกค้างอยู่บนมิดเดิลเอิร์ธ และตั้งถิ่นฐานขึ้นในแผ่นดินเบเลริอันด์ ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ธิงโกล และ เมลิอัน ไมอาเทวี ในอาณาจักรโดริอัธ เอลฟ์กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า ชาวซินดาร์ หรือเอลฟ์แห่งสนธยา ภาษาของพวกเขาจึงเรียกว่า ภาษาซินดาริน ภาษาซินดารินมีกำเนิดมาจากคอมมอนเอลดาริน หรือภาษาดั้งเดิมของพวกเควนดิ จึงมีรากเดียวกันกับภาษาเควนยา ในยุคที่สาม ของโลกอาร์ดา คือเหตุการณ์ในเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์นั้น ภาษาซินดารินเป็นภาษาที่พวกเอลฟ์ใช้กันแพร่หลายทั่วไป ดังนั้นภาษาเอลฟ์ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอักขระที่จารึกบนประตูทางเข้าเหมืองมอเรีย ก็ล้วนเป็นภาษาซินดารินทั้งสิ้น.
ภาษาซินดารินและมินัสมอร์กูล · ภาษาซินดารินและออสกิเลียธ ·
มอร์ดอร์
มอร์ดอร์ จากภาพยนตร์ไตรภาค ลอร์ดออฟเดอะริงส์ มอร์ดอร์ (Mordor) เป็นชื่อดินแดนแห่งหนึ่งในจินตนิยายชุด เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ซึ่งเป็นที่ตั้งอาณาจักรอันชั่วร้ายของ เซารอน คำว่า มอร์ดอร์ เป็นภาษาซินดาริน มีความหมายว่า 'แผ่นดินแห่งความมืด' มอร์ดอร์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของมิดเดิลเอิร์ธ ในกำบังของเทือกเขาเอเฟลดูอัธ และเอเร็ดลิธุย ข้างตะวันออกของแม่น้ำอันดูอิน จึงตั้งประชิดอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรกอนดอร์ ภายในมอร์ดอร์เป็นที่ตั้งของ บารัดดูร์ หอคอยทมิฬ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซารอน นอกจากนี้ยังมีเมาท์ดูม หรือ โอโรดรูอิน หรือภูมรณะ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่เปิดสู่แหล่งลาวาใต้พิภพ เป็นที่ที่มีอัคคีความร้อนสูงที่สุดบนมิดเดิลเอิร์ธ เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถหลอมสร้างแหวนเอกธำมรงค์ และเป็นที่เดียวที่ทำลายมันลงได้ เมาท์ดูมคือจุดหมายในการเดินทางของโฟรโด แบ๊กกิ้นส์ และ แซมไวส์ แกมจี ในภารกิจทำลายแหวนเอกในเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ การเข้าสู่มอร์ดอร์ สามารถเข้าได้จากทางทิศเหนือ ผ่านประตูดำแห่งมอร์ดอร์ ชื่อว่า 'โมรันนอน' ซึ่งตั้งอยู่ที่ช่องแคบเชิงเขาระหว่างเอเฟลดูอัธกับเอเร็ดลิธุย อีกทางหนึ่งคือผ่านช่องเขาบนเอเร็ดลิธุย ซึ่งมีเมืองปราการแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ชื่อ มินัสมอร์กูล เมืองนี้แต่เดิมเป็นเมืองของชาวกอนดอร์ ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับคอยเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของเซารอน ต่อภายหลังถูกพวกภูตแหวนยึดไปได้ และกลายเป็นที่อยู่ของวิชคิง หรือราชันขมังเวท ด้านหน้าประตูดำเป็นทุ่งราบกว้างใหญ่ ชื่อทุ่งดาร์กอลัด หรือ ทุ่งสมรภูมิ เป็นสถานที่ซึ่งเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงปลายยุคที่สอง คือ สงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้าย เป็นที่สิ้นพระชนม์ของกิล-กาลัด และ เอเลนดิล ในยุคที่สามทุ่งกว้างใหญ่แห่งนี้กลายเป็นบึงน้ำเฉอะแฉะ เรียกกันว่า 'บึงมรณะ' ข้างใต้บึงเป็นหลุมศพของเอลฟ์และมนุษย์ที่เสียชีวิตในสงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้.
มอร์ดอร์และมินัสมอร์กูล · มอร์ดอร์และออสกิเลียธ ·
มิดเดิลเอิร์ธ
แผนที่มิดเดิลเอิร์ธในช่วงยุคที่หนึ่ง แสดงแผ่นดินเบเลริอันด์ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่บันทึกในซิลมาริลลิออน ทางด้านขวามือสุดของแผนที่เป็นที่ตั้งของ 'เทือกเขาสีน้ำเงิน' แผนที่มิดเดิลเอิร์ธในช่วงปลายของยุคที่สาม ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ สังเกตจะเห็น 'เทือกเขาสีน้ำเงิน' อยู่ทางด้านซ้ายมือสุดของแผนที่ มิดเดิ้ลเอิร์ธ (Middle-earth) หรือ มัชฌิมโลก หมายถึงสถานที่ในนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน อันเป็นฉากหลังของเรื่องราวตำนานทั้งหลายในงานเขียนของโทลคีน ปกรณัมของโทลคีนมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเข้าควบคุมและครอบครองโลก (ในตำนานเรียกว่า "อาร์ดา") ซึ่งมีทวีปหลักชื่อว่า "มิดเดิลเอิร์ธ" เป็นที่อยู่อาศัยของพวก 'มรรตัยชน' (คือมนุษย์ที่รู้ตาย) เป็นสถานที่ตรงข้ามกับ "อามัน" หรือ 'แดนอมตะ' อันเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกวาลาร์ กับพวกเอลฟ์ คำนี้มีรากมาจากคำภาษาอังกฤษกลางว่า middel-erde ซึ่งพัฒนามาจากคำในภาษาอังกฤษเก่าว่า middangeard แก่นสำคัญของงานเขียนของโทลคีนคือเรื่องของการช่วงชิง ควบคุม และครอบครองอำนาจหรือของวิเศษ ทำให้เกิดสงครามขึ้นบนมิดเดิลเอิร์ธหลายครั้งหลายหน คือสงครามระหว่างเหล่าเทพวาลาร์ เอลฟ์ และพันธมิตรชาวมนุษย์ฝ่ายหนึ่ง กับเทพอสูรเมลคอร์กับบริวาร ได้แก่พวกออร์ค มังกร และมนุษย์ที่เป็นทาสอีกฝ่ายหนึ่ง ในตำนานยุคหลัง เมื่อเมลคอร์สิ้นอำนาจและถูกขับไล่ออกไปจากอาร์ดาแล้ว บทบาทการช่วงชิงนี้ก็ตกไปอยู่กับเซารอน สมุนเอกของเขา เหล่าเทพวาลาร์ได้ยุติบทบาทของตนลงหลังจากที่เมลคอร์สิ้นอำนาจ เพราะการสงครามระหว่างพวกพระองค์ครั้งนั้นได้ทำให้โลกพินาศเสียหายไปมาก อย่างไรก็ดีพวกพระองค์ก็ยังส่ง อิสตาริ หรือเหล่าพ่อมด เข้ามาให้ความช่วยเหลือในการต่อต้านอำนาจของเซารอน อิสตาริที่มีบทบาทมากคือ แกนดัล์ฟพ่อมดเทา และซารูมานพ่อมดขาว แกนดัล์ฟได้ทำงานบรรลุวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี โดยได้ช่วยเหลือชาวมิดเดิลเอิร์ธอย่างถึงที่สุดเพื่อโค่นอำนาจเซารอนลงให้ได้ แต่ซารูมานกลับพ่ายแพ้ต่อความคิดฉ้อฉลแล้วตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่ ช่วงชิงอำนาจบนมิดเดิลเอิร์ธแข่งกับเซารอนเสียเอง สำหรับพลเมืองชาวมิดเดิลเอิร์ธพวกอื่นๆ ได้แก่ คนแคระ เอนท์ และฮอบบิท อันเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในการสร้างสรรค์งานของโทลคีน เขาได้จัดทำแผนที่ของมิดเดิลเอิร์ธขึ้นเป็นจำนวนมาก แสดงถึงดินแดนและสถานที่ต่างๆ ที่ตำนานของเขาเอ่ยถึง แผนที่บางส่วนได้รับการตีพิมพ์ในช่วงชีวิตของเขา แต่ก็ยังมีแผนที่อีกจำนวนมากที่ไม่ได้ตีพิมพ์เลยจนกระทั่งเขาเสียชีวิตไปแล้ว แผนที่ส่วนใหญ่จะปรากฏอยู่ในเรื่อง เดอะฮอบบิท เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และ ซิลมาริลลิออน เหตุการณ์ส่วนใหญ่ในยุคที่หนึ่งเกิดขึ้นบนดินแดนที่เรียกชื่อว่า เบเลริอันด์ ดินแดนนี้ต่อมาได้จมลงสู่ทะเลหลังสงครามครั้งใหญ่ระหว่างเทพวาลาร์กับเมลคอร์ คงเหลือแต่เทือกเขาสีน้ำเงินที่ปรากฏอยู่ทางขวาสุดของแผนที่ เป็นจุดเชื่อมต่อเดียวกันกับเทือกเขาสีน้ำเงินที่อยู่ทางด้านซ้ายสุดของแผนที่ในเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ดินแดนทางด้านตะวันออกของเทือกเขาสีน้ำเงินเป็นที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในยุคที่สองและสาม โทลคีนบอกว่ามิดเดิ้ลเอิร์ธนั้นคือโลกของเรา เพียงแต่เป็นช่วงเวลาในอดีต โดยประมาณว่าปลายยุคที่สามคือช่วงระยะประมาณ 6,000 ปีก่อนยุคของโทลคีน เขายังบรรยายเขตแดนที่ฮอบบิทอาศัยว่าอยู่ที่ "ตะวันตกเฉียงเหนือของโลกเก่า ทางตะวันออกของทะเลใหญ่",เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์, บทนำ, หน้า 2 ซึ่งอ้างอิงถึงอังกฤษและเขตตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปอย่างชัดเจน ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธของโทลคีน ถูกแบ่งออกเป็นหลายยุค เรื่องราวที่ปรากฏใน เดอะฮอบบิท และเรื่องราวใน ลอร์ดออฟเดอะริงส์ เกิดขึ้นในราวปลายยุคที่สาม และนำไปสู่ช่วงเริ่มต้นของยุคที่สี่ ในขณะที่เรื่องราวใน ซิลมาริลลิออน ซึ่งเป็นงานเขียนของโทลคีนเกี่ยวกับมิดเดิลเอิร์ธที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเรื่องที่เกิดตั้งแต่ยุคสร้างโลกและยุคที่หนึ่งเป็นส่วนใหญ.
มิดเดิลเอิร์ธและมินัสมอร์กูล · มิดเดิลเอิร์ธและออสกิเลียธ ·
มินัสทิริธ
มินัสทิริธ (Minas Tirith) เป็นชื่อหอคอยในตำนานชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ชื่อเป็นคำในภาษาซินดาริน แปลว่า "หอคอยระวังภัย" ในปกรณัมปรากฏชื่อหอคอย มินัสทิริธ ทั้งในยุคที่หนึ่ง และยุคที่สาม ของอาร์ดา มินัสทิริธ จากภาพยนตร์ไตรภาค เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ในปี 3320 ของยุคที่สอง ในขณะนั้นเมืองหลวงของอาณาจักร กอนดอร์ยังคงเป็น ออสกิเลียธ (Osgiliath) อิซิลดูร์ และ อนาริออน บุตรแห่งเอเลนดิล ทั้งสองได้ร่วมกันปกครอง ออสกิเลียธ แต่พวกเขาก็ยังสร้างปราการที่เป็นของตนเองด้วย โดยปราการทั้งสองนั้นตั้งอยู่คนละฟากของแม่น้ำอันดูอิน อิซิลดูร์ สร้างหอคอยจันทร์รุ่งเรียกว่า มินัสอิธิล ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ ส่วนอนาริออน สร้างหอคอยตะวันรอนเรียกว่า มินัสอะนอร์ ทางตะวันตกของแม่น้ำ มินัสอะนอร์ถูกสร้างขึ้นเป็นป้อมปราการอย่างแข็งแกร่งและงดงาม แบ่งเป็น 7 ชั้น โดยมีประตูใหญ่ด้านหน้าและประตูชั้นต่อๆไปอยู่ด้านข้างสลับไปมาส่วนประตูชั้นบนสุดจะหันไปด้านหน้า กำแพงชั้นแรกสร้างด้วยวัสดุสีดำแบบเดียวกับที่ใช้ในออร์ธังค์ และชั้นอื่นๆทำด้วยหินอ่อน ในชั้นที่หกจะมีทางออกไปยังสุสานกษัตริย์และผู้พิทักษ์ส่วนชั้นที่เจ็ดเป็นที่ตั้งของท้องพระโรงและที่ปลูกพฤกษาขาว และด้านบนคือหอคอยที่เก็บรักษาดวงพาลันเทียร์ประจำมินัสอะนอร์หรือมินัสทิริธต่อมา ต่อมาในปี 3429 ของยุคที่สอง เซารอนโจมตีกอนดอร์ มินัสอิธิลถูกยึดไปได้ แต่กอนดอร์ยังสามารถรักษา ออสกิเลียธ และมินัสอะนอร์ไว้ได้ หลังจากนั้นก็สามารถขับไล่กองทัพเซารอนกลับไปยังมอร์ดอร์ได้ก่อนที่คณะพันธมิตรของมนุษย์และเอลฟ์กลุ่มสุดท้ายมาถึง อนาริออนเสียชีวิตในระหว่างสงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้าย ในปี 3440 และสงครามจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของเซารอนในอีกปีต่อมา ในปีที่ 2 ของยุคที่สาม อิซิลดูร์ นำหน่ออ่อนของพฤกษาขาวที่นำออกมาจากมินัสอิธิลได้ทัน และนำมาปลูกไว้ที่ มินัสอะนอร์ เพื่อเป็นการรำลึกถึง อนาริออน ต่อมา ออสโตเฮอร์ (Ostoher) กษัตริย์ลำดับที่เจ็ดแห่งกอนดอร์ ได้ปรับปรุงและขยายมินัสอะนอร์ให้กว้างขึ้น หลังจากนั้นก็เกิดธรรมเนียมที่กษัตริย์แห่งกอนดอร์ จะเสด็จมาประทับที่มินัสอะนอร์ ในช่วงฤดูร้อน แต่อย่างไรก็ตาม ออสกิเลียธก็ยังคงเป็นเมืองหลวงอยู่ ในปี 1437 ของยุคที่สาม เกิดสงครามกบฏที่เรียกว่า กบฏราชวงศ์ ทำให้ออสกิเลียธได้รับความเสียหาย และเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง ทำให้เมืองถูกทิ้งร้าง จากนั้นมินัสอะนอร์จึงได้กลายมาเป็นเมืองหลวงของกอนดอร์แทนที่ และได้มีการสร้างหอคอยสีขาวขึ้นในส่วนยอดของมินัสอะนอร์ เพื่อเป็นที่เก็บ พาลันเทียร์ ในปี 2002 มินัสอิธิล ถูกยึดอีกครั้งโดยพวกนาซกูล และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น มินัสมอร์กูล หลังจากนั้นมินัสอะนอร์ก็ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เช่นกันว่า มินัสทิริธ ซึ่งหมายถึง 'หอคอยระวังภัย' เมื่อเซารอนกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ในช่วงปลายยุคที่สาม กองทัพมอร์ดอร์ยกข้ามแม่น้ำอันดูอิน เช้าโจมตีมินัสทิริธ ซึ่งมี วิชคิง เป็นแม่ทัพ โดยทหารกอนดอร์ป้องกันกำแพงอยู่ภายในเมือง เกิดการรบกันอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งกองทัพมอร์ดอร์ใช้ กรอนด์ ทำลายประตูเมืองลงได้ ทหารมอร์ดอร์เคลื่อนพลหลั่งไหลเข้าเมือง (แต่ในฉบับนิยาย กรอนด์ไม่สามารถทำลายประตูเมืองได้ จนกระทั่งวิชคิงต้องมาร่ายเวทย์ทำลายประตูเมืองด้วยตัวเอง ประตูเมืองจึงถูกทำลาย แต่ทว่าทหารมอร์ดอร์ก็ยังไม่สามารถยกพลเข้าประตูเมืองได้เนื่องจากกองทัพโรฮันนำกองทัพกำลังเสริมมาช่วยเหลือกอนดอร์) ไม่นานนักทหารจากโรฮันก็เคลื่อนทัพมาถึงและเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน เกิดการพุ่งรบกันบนสมรภูมิแห่งทุ่งพาเลนเนอร์ และในที่สุดอารากอร์นนำพลจากทางแม่น้ำอันดูอินขึ้นมาช่วยรบ จนได้รับชัยชนะ หลังจากสงครามมินัสทิริธได้รับการบูรณะใหม่โดยคนแคระจากเอเรบอร์ได้สร้างประตูเมืองขึ้นใหม่ด้วยมิธริลและมอบให้เป็นของขวัญแก่นคร ทั้งยังบูรณะถนนอาคารต่างๆด้วยหินอ่อนสีขาว และชาวเอลฟ์ได้นำต้นไม้มาประดับท้องถนนต่างๆและสร้างน้ำพุขึ้นจนเมืองถือได้ว่างดงามยิ่งกว่าที่เคยเป็นม.
มินัสทิริธและมินัสมอร์กูล · มินัสทิริธและออสกิเลียธ ·
ยุคที่สองแห่งอาร์ดา
ที่สอง แห่งอาร์ดา เป็นช่วงเวลาหนึ่งในจักรวาลของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เริ่มนับตั้งแต่การจับกุมคุมขังเทพอสูรมอร์กอธไว้ในสุญญภูมิ หลังจากการล่มจมสมุทรของแผ่นดินเบเลริอันด์ ซึ่งเป็นผลจากสงครามแห่งความโกรธา อันเป็นสงครามระหว่างปวงเทพแห่งแดนประจิมกับมอร์กอธ การรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรนูเมนอร์ ไปจนถึงการปราบปรามเซารอนลงสำเร็จในสงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้าย กินเวลายาวนานถึง 3,441 ปี เหตุการณ์ในยุคที่สองของอาร์ดา มิได้มีการบรรยายไว้โดยละเอียดเหมือนยุคที่หนึ่ง ซึ่งปรากฏเนื้อหาอยู่ในตำนานเรื่อง ซิลมาริลลิออน แต่ได้มีการบรรยายสรุปโดยย่ออยู่ในภาคผนวกของหนังสือเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และในตำนานอคัลลาเบธ อันเป็นตำนานว่าด้วยการรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรนูเมนอร์ นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาจำนวนมากที่โทลคีนประพันธ์ค้างไว้ และคริสโตเฟอร์ โทลคีน ได้รวบรวมไว้ในหนังสือ Unfinished Tales.
มินัสมอร์กูลและยุคที่สองแห่งอาร์ดา · ยุคที่สองแห่งอาร์ดาและออสกิเลียธ ·
ยุคที่สามแห่งอาร์ดา
ที่สามแห่งอาร์ดา เป็นช่วงเวลาหนึ่งในจักรวาลของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เริ่มนับตั้งแต่การพ่ายแพ้ของเซารอนต่อกองทัพพันธมิตรครั้งสุดท้ายของมนุษย์และพราย (สงครามตอนต้นเรื่องในภาพยนตร์) เอกลักษณ์ของยุคนี้คือความเสื่อมถอยของพวกพราย หรือ เอลฟ์ การเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของอาณาจักรกอนดอร์และอาร์นอร์ และการฟื้นอำนาจของเซารอน ยุคที่สามกินเวลา 3,021 ปี จนถึงความพ่ายแพ้อีกครั้งของเซารอน เมื่อแหวนถูกทำลาย เมื่อโฟรโด แบ๊กกิ้นส์, บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ และแกนดัล์ฟ เดินทางออกจากมิดเดิลเอิร์ธ จึงเริ่มนับเป็นยุคที่สี.
มินัสมอร์กูลและยุคที่สามแห่งอาร์ดา · ยุคที่สามแห่งอาร์ดาและออสกิเลียธ ·
อิซิลดูร์
อิซิลดูร์ (Isildur) เป็นตัวละครตัวหนึ่งในปกรณัมชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏในหนังสือเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน และ Unfinished Tales ชื่อ 'อิซิลดูร์' หมายถึง 'ผู้รักใคร่ในดวงจันทร์' ใน เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ อิซิลดูร์ถูกเอ่ยถึงในฐานะชาวดูเนไดน์แห่งนูเมนอร์ โอรสของกษัตริย์เอเลนดิล ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรอาร์นอร์และกอนดอร์ในช่วงเวลาสั้นๆ และทรงเป็นบรรพชนของอารากอร์น เอเลสซาร์ เรื่องราวโดยละเอียดของเขาจะปรากฏอยู่ใน ซิลมาริลลิออน และ Unfinished Tales มากกว.
มินัสมอร์กูลและอิซิลดูร์ · ออสกิเลียธและอิซิลดูร์ ·
อนาริออน
อนาริออน (Anárion) เป็นตัวละครตัวหนึ่งในปกรณัมชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏในหนังสือเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน และ Unfinished Tales ชื่อของเขามีรากศัพท์มาจากคำภาษาเควนยา อนาร์ (Anar) ซึ่งหมายถึง 'ดวงอาทิตย์' อนาริออนเป็นโอรสองค์ที่สองของเอเลนดิล และเป็นน้องชายของอิซิลดูร์ พวกเขาทั้งสามคนพ่อลูกเป็นผู้นำกลุ่ม ผู้ศรัทธา หรือ Elendili ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวนูเมนอร์ผู้ภักดีต่อปวงวาลาร์ใช้เรียกขานตัวเอง ในยุคสมัยที่ อาร์-ฟาราโซน กษัตริย์นูเมนอร์ คิดเหิมเกริมท้าอำนาจของปวงเทพ เนื่องจากความยโสอวดดีและหลงเชื่อในคำยุยงของเซารอน อนาริออนได้หนีออกจากเกาะนูเมนอร์พร้อมกับพ่อและพี่ชายได้ทันในคราวล่มเกาะ เขาขึ้นฝั่งมิดเดิลเอิร์ธในทางตอนใต้พร้อมกับพี่ชาย และได้ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรกอนดอร์ขึ้น ขณะที่เอเลนดิล บิดาของพวกเขาขึ้นฝั่งทางเหนือ และก่อตั้งอาณาจักรอาร์นอร์ ใกล้กับอาณาจักรลินดอนของกิลกาลัดสหายเก่า อนาริออนและอิซิลดูร์ได้ร่วมกันพัฒนาอาณาจักรกอนดอร์ให้ยิ่งใหญ่ ทั้งสองสร้างหอคอยมินัสอะนอร์ และ มินัสอิธิล รวมถึงสะพานใหญ่ข้ามอันดูอินและนครออสกิเลียธ โดยที่ออสกิเลียธมีความหมายถึงดวงดาว ซึ่งเป็นความหมายของชื่อ 'เอเลนดิล' มินัสอะนอร์กับแคว้นอนอริเอนตั้งชื่อตาม 'อนาริออน' ขณะที่ มินัสอิธิลกับแคว้นอิธิลิเอนตั้งชื่อตาม 'อิซิลดูร์' เมื่อเซารอนหวนคืนมามิดเดิลเอิร์ธ ก็ยกทัพมาโจมตีกอนดอร์และยึดมินัสอิธิลไปได้ อิซิลดูร์หนีขึ้นเหนือไปขอความช่วยเหลือจากเอเลนดิล ขณะที่อนาริออนเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาเมืองออสกิเลียธและอาณาจักรกอนดอร์ไว้ ทำให้เซารอนต้องถอยไปตั้งหลักอยู่หลังแนวขุนเขา จนกระทั่งทัพใหญ่ของเอเลนดิลยกมาถึง พวกเขาทั้งสามได้เข้าร่วมในกองทัพพันธมิตรครั้งสุดท้ายของเอลฟ์และมนุษย์ อนาริออนได้เข้ารบในสมรภูมิทุ่งดาร์กอลัด และสงครามการปิดล้อมบารัด-ดูร์ แต่แล้วก็เสียชีวิตในระหว่างการปิดล้อมครั้งนั้นในปีที่ 3340 ของยุคที่สอง อนาริออนมีบุตรสี่คน บุตรคนที่สี่คือ เมเนลดิล ได้เป็นกษัตริย์องค์ที่สามแห่งกอนดอร์ ไม่มีข้อมูลอื่นกล่าวถึงบุตรสามคนก่อนหน้านั้น เมื่อสิ้นสุดยุคที่สอง อิซิลดูร์แต่งตั้งให้เมเนลดิลเป็นเจ้าผู้ครองกอนดอร์ ส่วนตัวพระองค์กับโอรสทั้งสามเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปครองอาณาจักรอาร์นอร์ต่อจากบิดา ซึ่งอิซิลดูร์เสียชีวิตในระหว่างการเดินทางคราวนั้นที่ทุ่งแกลดเดน สายวงศ์ของอนาริออนกับอิซิลดูร์ได้ร่วมเป็นสายเดียวกัน เมื่อทายาทคนหนึ่งในวงศ์อนาริออน คือเจ้าหญิงฟีริเอลแห่งกอนดอร์ ได้วิวาห์กับทายาทวงศ์อิซิลดูร์ คือเจ้าชายอาร์เวดุย แห่งอาร์เธไดน์ ซึ่งสืบสายโลหิตต่อมาจนถึงอารากอร์นที่ 2 ทำให้อารากอร์นมีศักดิ์และสิทธิ์ในการปกครองอาณาจักรทั้งสองรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน.
มินัสมอร์กูลและอนาริออน · อนาริออนและออสกิเลียธ ·
นาซกูล
นาซกูล หรือภูตม้าดำ นาซกูล (Nazgûl) เป็นชื่อของตัวละครกลุ่มหนึ่งในปกรณัมชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏตัวในเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ คำว่า 'นาซกูล' เป็นคำภาษาแบล็กสปีช มาจากคำว่า 'นาซ' (nazg) หมายถึง "แหวน" และคำว่า 'กูล' (gûl) หมายถึง "ดวงวิญญาณ หรือภูต" บางครั้งเรียกนาซกูลว่า ภูตแหวน หรือ ภูตม้าดำ คำในภาษาเควนยาของนาซกูล คือ อูไลริ (Úlairi) ส่วนคำในภาษาซินดาริน คือ อูไลอาร์ (Ulaer) นาซกูลมีทั้งหมดเก้าตน หัวหน้าของพวกนาซกูลคือ ราชันขมังเวทย์ หรือ วิชคิง แต่เดิมพวกเขาเป็นกษัตริย์หรือผู้นำของพวกมนุษย์บนมิดเดิลเอิร์ธที่หลงในอำนาจยศศักดิ์ซึ่งเซารอนสัญญาว่าจะยกให้ จึงยินยอมรับ แหวนแห่งกษัตริย์ หรือแหวนแห่งอำนาจเก้าวง เมื่อเวลาผ่านไปดวงจิตของพวกเขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจของแหวนจนไม่สามารถถอนตัวคืนได้ และต้องกลายเป็นทาสรับใช้ของเซารอนและแหวนเอก นาซกูลออกรุกรานอาณาจักรของมนุษย์ครั้งแรก ในการบุกโจมตีอาณาจักรอาร์นอร์ และสามารถยึดอังก์มาร์ไปได้ ตั้งอาณาจักรแห่งอังก์มาร์ขึ้นเป็นอาณาจักรของตน (บางครั้งจึงเรียกหัวหน้าของพวกมันว่า 'วิชคิงแห่งอังก์มาร์') ต่อมาพวกนาซกูลเข้าโจมตีอาณาจักรกอนดอร์ และยึดเอาหอคอยมินัสอิธิลได้ เปลี่ยนหอคอยแห่งนั้นเป็น มินัสมอร์กูล เป็นฐานที่มั่นอีกแห่งหนึ่งของพวกตน การเข้ายึดมินัสอิธิลครั้งนั้นทำให้เซารอนได้ครอบครอง พาลันเทียร์ แห่งมินัสอิธิล ไปด้วย และได้ใช้พาลันเทียร์ดวงนี้ในการติดต่อกับซารูมาน และล่อลวงเดเนธอร์จนเสียสติ นาซกูลทั้งหมดถูกทำลายไปพร้อมกับการสิ้นสลายของแหวนเอก หมวดหมู่:ตัวละครในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ de:Figuren in Tolkiens Welt#Nazgûl (Ringgeister) simple:Middle-earth characters#Nazgûl.
นาซกูลและมินัสมอร์กูล · นาซกูลและออสกิเลียธ ·
เอเลนดิล
อเลนดิล (Elendil) เป็นตัวละครตัวหนึ่งในปกรณัมของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏในนิยายเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน และ Unfinished Tales เขาเป็นบิดาของอิซิลดูร์ และ อนาริออน เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอาร์นอร์และกอนดอร์ อาณาจักรของชาวดูเนไดน์บนมิดเดิ้ลเอิร์ธ เอเลนดิลเกิดในปีที่ 3119 ของยุคที่สอง เขาเป็นบุตรของอามันดิล เจ้าผู้ครองนครอันดูนิเอ และผู้นำเหล่า'ผู้ศรัทธา' ที่ยังมีสัมพันธไมตรีอันดีกับพวกเอลฟ์ ในยุคที่นูเมนอร์ภายใต้การปกครองของอาร์-ฟาราโซน แข็งข้อกับปวงเทพและเป็นอริกับพวกเอลฟ์ ชื่อของเอเลนดิลในภาษาเควนยา แปลได้สองความหมาย คือ 'สหายเอลฟ์' หรือ 'ผู้รักดวงดาว' เอเลนดิลกับบุตรทั้งสอง คืออิซิลดูร์และอนาริออน หนีรอดจากการล่มสลายของเกาะนูเมนอร์ แล้วมาก่อตั้งอาณาจักรมนุษย์ขึ้นใหม่บนแผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธ พวกเขานำสมบัติทรงคุณค่าหลายอย่างติดตัวมาด้วย เช่น พาลันเทียร์ หน่ออ่อนของนิมล็อธพฤกษาขาว และสมบัติประจำราชวงศ์อีกหลายอย่างเช่น แหวนของบาราเฮียร์ เป็นต้น เอเลนดิลปกครองอาณาจักรอาร์นอร์ ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่นครอันนูมินัส ขณะที่บุตรทั้งสองคืออิซิลดูร์และอนาริออนปกครองกอนดอร์ โดยสร้างเมืองหลวงที่ออสกิเลียธ และสร้างราชวังของแต่ละคนไว้ที่มินัสอิธิล และมินัสอะนอร์ ตามลำดับ ในช่วงปลายยุคที่สอง เอเลนดิลร่วมมือกับกิล-กาลัด จอมกษัตริย์โนลดอร์องค์สุดท้าย จัดตั้งกองทัพผสมระหว่างเอลฟ์กับมนุษย์ ทำสงครามกับเซารอน เรียกชื่อว่า สงครามแห่งพันธมิตรครั้งสุดท้าย เซารอนได้ออกมารบด้วยตัวเอง และสังหารทั้งเอเลนดิลและกิล-กาลัดสิ้นพระชนม์ในที่รบ ดาบนาร์ซิล ของเอเลนดิล แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อิซิลดูร์คว้าดาบหักนั้นขึ้นมา และสามารถตัดนิ้วของเซารอนที่สวมแหวนเอกธำมรงค์ ทำให้เซารอนสิ้นอำนาจและพ่ายแพ้ไปในการศึกครั้งนั้น ตราประจำพระองค์ของเอเลนดิล คือภาพนิมลอธพฤกษาขาว มีดวงดาราเจ็ดดวง อันเป็นสัญลักษณ์แทนเรือเจ็ดลำที่บรรทุกพาลันเทียร์ขณะหนีออกจากการล่มสลายของนูเมนอร์ และสามารถหนีรอดมาถึงชายฝั่งมิดเดิ้ลเอิร์ธ ด้านบนสุดมีรูปมงกุฏปีก ตราสัญลักษณ์นี้ ภายหลังได้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรกอนดอร.
มินัสมอร์กูลและเอเลนดิล · ออสกิเลียธและเอเลนดิล ·
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
. อาร.
มินัสมอร์กูลและเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน · ออสกิเลียธและเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ·
เซารอน
ซารอน (Sauron) เป็นตัวละครหลักฝ่ายอธรรมในนิยายเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เดิมเป็นเทพไมอา ซึ่งทำงานรับใช้จอมมารมอร์กอธ ภายหลังตั้งตัวเป็นใหญ่ เซารอนเป็นผู้หลอมสร้างแหวนเอก ซึ่งบรรจุพลังอำนาจมหาศาลเอาไว้ภายใน และสามารถบังคับควบคุมใครก็ตามที่สวมแหวนแห่งอำนาจวงอื่น.
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ
การเปรียบเทียบระหว่าง มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ
มินัสมอร์กูล มี 22 ความสัมพันธ์ขณะที่ ออสกิเลียธ มี 23 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 14, ดัชนี Jaccard คือ 31.11% = 14 / (22 + 23)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง มินัสมอร์กูลและออสกิเลียธ หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: