ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน
ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนฤดูแล้งหยาดน้ำฟ้า
การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน
การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน (Köppen climate classification) เป็นหนึ่งในระบบการแบ่งเขตภูมิอากาศที่ใช้กันกว้างขวางที่สุด วลาดิเมียร์ เคิปเปนเป็นผู้เผยแพร่ระบบการแบ่งเขตภูมิอากาศนี้เป็นคนแรกในปี พ.ศ. 2427 และการแก้ไขเล็กน้อยโดยเคิปเปนเองตามมาในปี พ.ศ. 2461 และ พ.ศ. 2479 ภายหลังนักกาลวิทยาชาวเยอรมนีนามว่ารูดอล์ฟ ไกเกอร์ ร่วมมือกับเคิปเปนเปลี่ยนแปลงระบบการแบ่งเขตภูมิอากาศนี้ บางครั้งจึงสามารถเรียกได้ว่าการแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนและไกเกอร์ (Köppen–Geiger climate classification system).
การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนและภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น · การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ·
ฤดูแล้ง
ฤดูแล้ง (อังกฤษ: dry season) เป็นฤดูในเขตร้อน เป็นช่วงที่มีอากาศแห้งและมีฝนตกน้อย ฤดูแล้งประกอบด้วยฤดูร้อนและฤดูหนาว ลแล้ง หมวดหมู่:ภูมิอากาศ.
ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและฤดูแล้ง · ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนและฤดูแล้ง ·
หยาดน้ำฟ้า
ในทางอุตุนิยมวิทยา หยาดน้ำฟ้า (precipitation) เป็นปรากฏการณ์ของน้ำในอากาศ (hydrometeor) ประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายความถึงผลิตภัณฑ์ใด ๆ อันเกิดจากการควบแน่นของไอน้ำในบรรยากาศและตกลงมาด้วยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วง รูปแบบหลักของหยาดน้ำฟ้าประกอบด้วยฝนละออง (drizzle), ฝน, ฝนน้ำแข็ง (sleet), หิมะ, ลูกปรายหิมะ (graupel) และลูกเห็บ หยาดน้ำฟ้าเกิดขึ้นเมื่อบรรยากาศเหนือพื้นดินบริเวณหนึ่งอิ่มตัวด้วยไอน้ำ จากนั้นน้ำเกิดการควบแน่นและตกลงมา หมอกและหมอกน้ำค้างจึงไม่จัดเป็นหยาดน้ำฟ้า มีอยู่สองกระบวนการที่อากาศอิ่มตัวได้ คือ อากาศได้รับความเย็นหรือเพิ่มไอน้ำเข้าไปในอากาศ ซึ่งสองกระบวนการนี้อาจเกิดร่วมกันได้ โดยทั่วไป หยาดน้ำฟ้าจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน แต่ยกเว้นน้ำโปรยฐานเมฆ (virga) ซึ่งระเหยไปหมดก่อนตกถึงพื้น หยาดน้ำฟ้าก่อตัวขึ้นเป็นหยาดเล็กที่รวมกันโดยชนกับหยดฝนหรือผลึกน้ำแข็งอื่นภายในเมฆ หยดฝนที่ตกลงมามีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่รูปทรงคล้ายแพนเค้กกลมแป้นสำหรับหยดขนาดใหญ่ ถึงทรงกลมเล็กสำหรับหยดขนาดเล็ก เกล็ดหิมะ (snowflake) มีหลายรูปทรงและแบบ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้นของอากาศที่เกล็ดหิมะเคลื่อนผ่านก่อนตกสู่พื้น หิมะและลูกปรายหิมะจะเกิดเฉพาะเมื่ออุณหภูมิใกล้ผิวดินใกล้หรือต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของน้ำ ส่วนลูกเห็บสามารถเกิดขึ้นในเขตอุณหภูมิอบอุ่นได้จากกระบวนการก่อตัว โดยรวมหยาดน้ำฟ้าเกิดจากความชื้นเหนือแนวปะทะ (weather front) เป็นหลัก หากมีความชื้นเพียงพอและมีการเคลื่อนที่ขึ้น หยาดน้ำฟ้าจะตกจากมวลอากาศร้อนขึ้นทางแนวดิ่ง (convective cloud) เช่น คิวมูโลนิมบัส และสามารถก่อตัวเป็นบริเวณแถบฝนแคบ ๆ ได้.
ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและหยาดน้ำฟ้า · ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนและหยาดน้ำฟ้า ·
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน
การเปรียบเทียบระหว่าง ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน
ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น มี 63 ความสัมพันธ์ขณะที่ ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน มี 11 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 3, ดัชนี Jaccard คือ 4.05% = 3 / (63 + 11)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้นและภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: