เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศ vs. ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศ จะมีการแข่งขัน ฟุตบอล เพื่อที่จะกำหนดผู้ชนะของ ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013. การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 หรือรู้จักกันในชื่อ ยูโร 2008 (UEFA Euro 2008) เป็นการแข่งขันฟุตบอลยูโร ครั้งที่ 13 จัดขึ้นที่ประเทศออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 7-29 มิถุนายน..​2551 โดยทีมชาติกรีซเป็นแชมป์การแข่งขันก่อนหน้า การแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่มีเจ้าภาพร่วม ถัดจาก ยูโร 2000 ซึ่งมีเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพร่วม ยูโร 2008 รอบสุดท้ายมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 16 ทีม โดยออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ได้สิทธิ์เข้ารอบอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ ส่วนอีก 14 ทีมจะคัดเลือกโดยเริ่มแข่งขันตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 ผู้ชนะของการแข่งขันคราวนี้จะได้สิทธิไปแข่งขันใน ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2009 ที่จัดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งไม่เป็นการบังคับที่จะต้องเข้าร่วม.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มี 2 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ดาบิด บิยาเฟร์นันโด ตอร์เรส

ดาบิด บิยา

ซันเชซ (David Villa Sánchez) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1981 ที่เมืองลังเกรโอ แคว้นอัสตูเรียส บิยาเป็นเจ้าของฉายา "เอลกัวเฆ" (ในภาษาอัสตูเรียสแปลว่าเจ้าหนูน้อย) ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเมลเบิร์นซิตีและทีมชาติสเปน ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลว่าเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าระดับแนวหน้าของโลกในปัจจุบัน มีชื่อเสียงมากในเรื่องความแม่นยำในการยิงประตูหน้ากรอบเขตโทษ บิยาเริ่มต้นการเล่นอาชีพเมื่อปี 1991 กับอูเป ลังเกรโอ ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมสปอร์ติ้ง กิฆอน ในปี 1999 และประเดิมเกมในระดับลีกา 2 ในฤดูกาล 2000-01 จากนั้น เรอัลซาราโกซาก็ได้หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้สัมผัสประสบการณ์ในเกมระดับลาลีกาเป็นครั้งแรกในปี 2003 ระหว่างที่ค้าแข้งกับซาราโกซาเป็นเวลา 2 ฤดูกาล บิยาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์โคปาเดลเรย์ด้วยการเฉือนเรอัลมาดริด และสแปนิชซูเปอร์คัพในปี 2004 ด้วยการเอาชนะบาเลนเซีย เจ้าของแชมป์ลาลีกาไปได้อย่างพลิกความคาดหมาย ด้วยฟอร์มการถล่มประตูที่เฉียบขาด ทำให้ "เจ้าค้างคาว" ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 540 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวบิยามาร่วมทีมในปี 2005 ในฤดูกาล 2004-05 บิยาก็ตอบแทนค่าตัวได้คุ้มค่าทุกเซนต์เมื่อทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการทำ 25 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก จะเป็นรองก็แค่ ซามูเอล เอโต ดาวยิงของบาร์เซโลนา ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดลาลีกาเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยเขาสร้างความฮือฮาด้วยการกดแฮตทริกแรกให้บาเลนเซีย ด้วยการใช้เวลาเพียง 5 นาที ในเกมที่บุกไปเอาชนะแอทเลติกบิลบาโอ 3-0 เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา จากการทำประตูที่คงเส้นคงวาทำให้มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องที่จะคว้าตัวหัวหอกวัย 25 ปีไปล่าตาข่าย ซึ่งรวมถึงเชลซี แชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัย แต่บาเลนเซียก็ไม่คิดที่จะปล่อยเสาหลักของทีมรายนี้ไปง่าย ๆ จึงได้จับต่อสัญญาอยู่โยงในถิ่นเมสตายาสเตเดียมไปจนถึงปี 2010 แต่บาร์เซโลนาก็มาซื้อตัวดาบิด บิยา ไปด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร จนถึงปี 2013-2014 ก็ย้ายไปอัตเลตีโกมาดริดด้วยค่าตัว 5.1 ล้านยูโร ในส่วนของทีมชาติ บิยาก็มีผลงานที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน โดยอดีตนักเตะตัวหลักของทีมชาติสเปนชุดยู-21 เลื่อนขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่พบกับซานมารีโนเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2005 นอกจากนั้น ยังช่วยยิงประตูในเกมเพลย์ออฟฟุตบอลโลกที่พบกับสโลวาเกียด้วย หลังจากที่ช่วยพาทีมกระทิงดุผ่านเข้ามาร่วมฟาดแข้งในรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีแล้ว บิยา ดาวยิงตัวเก่งของบาเลนเซีย ก็ยิงได้ 2 ประตูในนัดที่พบกับยูเครน และยิงจุดโทษในเกมที่พ่ายฝรั่งเศส 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากฟุตบอลโลกครั้งแรกด้วยการทำ 3 ประตู ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล สเปนในฐานะแชมป์เก่าต้องตกรอบแรกโดยสองนัดแรกเป็นฝ่ายแพ้ต่อทั้งเนเธอร์แลนด์และชิลี ในนัดที่สามที่พบกับออสเตรเลีย ซึ่งไม่มีผลอะไรแล้วต่อการเข้ารอบ ดาบิด บิยา ได้ประกาศว่านี่เป็นการลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้าย และบิยาก็เป็นผู้ยิงประตูแรกให้กับสเปนได้ แต่เมื่อขึ้นครึ่งหลังได้ไม่นาน บิเซนเต เดล โบสเก ผู้จัดการทีมสเปนก็ได้เปลี่ยนตัวบิยาออก ทำให้บิยาถึงกับร้องไห้ออกมา เมื่อเสร็จการแข่งขันแล้วเดล โบสเก อ้างว่าไม่ทราบว่านี่คือการเล่นให้กับทีมชาติเป็นนัดสุดท้ายของบิยา ดาบิด บิยา ถือได้ว่าเป็นนักฟุตบอลทีมชาติสเปนที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกติดต่อกันถึง 3 สมัย คือ ฟุตบอลโลก 2006, ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโลก 2014 และคว้าแชมป์โลกมาได้หนึ่งสมัย คือ ฟุตบอลโลก 2010 และเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของทีมชาติสเปน คือ 59 ประตู ทำลายสถิติเดิมของราอูล กอนซาเลซ และเป็นนักฟุตบอลสเปนที่ยิงในฟุตบอลโลกมากที่สุด คือ 9 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 12 นั.

ดาบิด บิยาและฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศ · ดาบิด บิยาและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 · ดูเพิ่มเติม »

เฟร์นันโด ตอร์เรส

ฟร์นันโด โคเซ ตอร์เรส ซานซ์ (Fernando José Torres Sanz) (เกิดวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1984) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปนเล่นให้กับเชลซี (แต่ปัจจุบันได้ถูกยืมตัวไปที่เอซีมิลาน ในอิตาลี และถูกยืมตัวต่อให้อัตเลตีโกมาดริด ในสเปน ซึ่งเป็นต้นสังกัดเดิมด้วยสัญญา 1 ปีครึ่ง) ตอร์เรสเกิดที่เมืองฟูเอนลาบราดา (Fuenlabrada) เมืองชนบทขนาดย่อมทางใต้ของกรุงมาดริด เดิมตอร์เรสเป็นเด็กฝึกหัดของอัตเลตีโกมาดริดในประเทศสเปน และก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ รวมถึงการที่ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันของทีม โดยในขณะนั้นตอร์เรสมีอายุเพียง 19 ปี ตอร์เรสได้รับฉายาจากสื่อในสเปนว่า "เอลนีโญ" (เด็ก) เพราะหน้าตาของตอร์เรสดูอ่อนวัยกว่าอายุเป็นอย่างยิ่ง ตอร์เรสเป็นศูนย์หน้าที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเป็นอย่างมาก เขาสามารถยิงประตู 75 ประตูใน 5 ฤดูกาล ในลีกสูงสุดของสเปน โดยมีเพียง ซามูเอล เอโต และ ดาบิด บียา ที่ยิงได้มากกว่าในระยะเวลาเดียวกัน.

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและเฟร์นันโด ตอร์เรส · ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008และเฟร์นันโด ตอร์เรส · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศ มี 43 ความสัมพันธ์ขณะที่ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มี 70 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 2, ดัชนี Jaccard คือ 1.77% = 2 / (43 + 70)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 นัดชิงชนะเลิศและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: