โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ vs. เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก

มเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (Edward III of England; Édouard III d'Angleterre; 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1312 – 21 มิถุนายน ค.ศ. 1377) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทของราชอาณาจักรอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1327 ถึงปี ค.ศ. 1377 พระองค์นับเป็นกษัตริย์อังกฤษผู้ประสบความสำเร็จที่สุดพระองค์หนึ่งในยุคกลาง โดยทรงฟื้นฟูความมั่นคงของราชบัลลังก์ หลังจากที่เสื่อมโทรมลงไปมากในรัชสมัยของพระราชบิดา พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 และทรงเป็นผู้ที่ทำให้ราชอาณาจักรอังกฤษเป็นรัฐที่มีอำนาจทางทหารมากที่สุดในยุโรป และเป็นรัชสมัยที่มีการวิวัฒนาการทางการปกครองทางนิติบัญญัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิวัฒนาการของระบบรัฐสภา แต่ในสมัยเดียวกันนี้พระองค์ก็ทรงต้องเผชิญกับความหายนะจากกาฬโรคระบาดในยุโรป พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงครองราชย์เป็นเวลานานถึง 50 ปีซึ่งไม่มีพระเจ้าแผ่นดินองค์ใดที่ครองราชย์นานเช่นนั้นตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 และต่อจากนั้นก็ไม่มีพระองค์ใดจนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ในฐานะกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุได้เพียง 14 พรรษา หลังจากที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 พระราชบิดา ทรงถูกถอดจากการเป็นกษัตริย์ เมื่อพระชนมายุได้ 17 พรรษา พระองค์ก็ทรงเป็นผู้นำในรัฐประหารโค่นล้มโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลแห่งมาร์ชที่ 1 ผู้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทรงเริ่มครองราชย์ด้วยพระองค์เอง หลังจากที่ทรงได้รับชัยชนะต่อราชอาณาจักรสกอตแลนด์ ก็ทรงประกาศอ้างสิทธิ์ของพระองค์ว่าเป็นผู้สืบทอดอันชอบธรรมต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในปี.. ตราประจำตัวเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุคแห่งยอร์คที่ 1 เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุคแห่งยอร์คที่ 1 (ภาษาอังกฤษ: Edmund of Langley, 1st Duke of York) (5 มิถุนายน ค.ศ. 1341 ถึง 1 สิงหาคม ค.ศ. 1402 เป็นสมาชิกในราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท เป็นพระโอรสองค์ที่ 4 รองจากจอห์นแห่งกอนท์ ดยุคแห่งแลงคาสเตอร์ที่ 1 (เป็นต้นราชสกุลแลงคาสเตอร์) ของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและพระราชินีฟิลลิปปาแห่งเอโนลต์ ชื่อ “แลงลีย์” มาจากชื่อเมืองที่เกิด “คิงส์ แลงลีย์” ในมลฑลฮาร์ดฟอร์ดเชอร์ เมื่อเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์มีอายุได้ 21 ปีก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ และเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1385 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นดยุคแห่งยอร์ค เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์เป็นต้นราชสกุลยอร์ค จนเมื่อริชาร์ดแห่งโคนิสเบิร์ก เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ลูกชายคนเล็กของเอ็ดมันด์แต่งงาน ผู้สนับสนุนราชสกุลยอร์ค จึงเริ่มอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ในสงครามดอกกุหลาบ ผู้สิบเชื้อสายจากเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์รวมทั้ง.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก มี 4 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ฟิลิปปาแห่งเฮนอลต์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษภาษาอังกฤษราชวงศ์แพลนแทเจเนตสงครามดอกกุหลาบ

ฟิลิปปาแห่งเฮนอลต์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ

ฟิลลิปปาแห่งเอโนลต์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ (ภาษาอังกฤษ: Philippa of Hainault) (24 มิถุนายน ค.ศ. 1314 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369) ฟิลลิปปาแห่งเอโนลต์ประสูติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1311 ที่ Valenciennes ในประเทศฝรั่งเศส เป็นพระธิดาของวิลเลียมที่ 1 เคานทแห่งเอโนลต์และโจนส์แห่งวาลัวส์ เคานเทสแห่งเอโนลต์ เป็นพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ระหว่างวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1328 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 ฟิลลิปปาสิ้นพระชนม์เมื่อ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 ที่พระราชวังวินด์เซอร์ในกรุงลอนดอน พระศพตั้งอยู่ที่ แอบบีเวสต์มินสเตอร์ ฟิลลิปปาแห่งเอโนลต์ทรงเสกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ที่มหาวิหารยอร์คเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1328 สิบเอ็ดเดือนหลังจากทรงขึ้นครองราชย์ พระราชินีฟิลลิปปาไม่ทรงเหมือนพระราชินีองค์ก่อนๆ ที่ทำให้ประชาชนอังกฤษรู้สึกว่าเป็นชาวต่างชาติโดยมิได้ทรงนำผู้ติดตามจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเข้ามาในราชสำนักอังกฤษ พระราชินีฟิลลิปปาเสด็จติดตามพระสวามีไปในการสงครามกับราชอาณาจักรสกอตแลนด์ในปีค.ศ. 1333 และฟลานเดอร์สระหว่างปี ค.ศ. 1338 ถึงปี ค.ศ. 1340) ซึ่งทรงไดัรับความนิยมในความมีพระกรุณาและความเห็นอกเห็นใจจะเห็นได้จากการที่ทรงอ้อนวอนพระสวามีไม่ให้ทำร้ายชาวเมืองคาเลส์ในปี ค.ศ. 1347 นอกจากนั้นก็ยังทรงทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลายครั้งเมื่อพระสวามีเสด็จไปแผ่นดินใหญ่ยุโรป พระนางมีพระโอรส-ธิดา กับ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ทั้งหมด 11 พระองค์ และเหลือรอดอยู่ถึง 9 พระองค์ ซึ่งเป็นสถิติที่ดีมากในขณะนั้น เนื่องจากสมัยนั้นมีอัตราการสิ้นชีวิตของทารกสูงถึง 3 ใน 4 (หมายความว่าถ้ามีลูก 4 คนก็จะเหลือรอดอยู่แค่ 1 คนเท่านั้น) เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอ สำหรับทารก.

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและฟิลิปปาแห่งเฮนอลต์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ · ฟิลิปปาแห่งเฮนอลต์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก · ดูเพิ่มเติม »

ภาษาอังกฤษ

ษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษใหม่ เป็นภาษาในกลุ่มภาษาเจอร์แมนิกตะวันตกที่ใช้ครั้งแรกในอังกฤษสมัยต้นยุคกลาง และปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก ประชากรส่วนใหญ่ในหลายประเทศ รวมทั้ง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และประเทศในแคริบเบียน พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่ง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ที่มีผู้พูดมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากภาษาจีนกลางและภาษาสเปน มักมีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างกว้างขวาง และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของสหภาพยุโรป หลายประเทศเครือจักรภพแห่งชาติ และสหประชาชาติ ตลอดจนองค์การระดับโลกหลายองค์การ ภาษาอังกฤษเจริญขึ้นในราชอาณาจักรแองโกล-แซ็กซอนอังกฤษ และบริเวณสกอตแลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน หลังอิทธิพลอย่างกว้างขวางของบริเตนใหญ่และสหราชอาณาจักรตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผ่านจักรวรรดิอังกฤษ และรวมสหรัฐอเมริกาด้วยตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ภาษาอังกฤษได้แพร่หลายทั่วโลก กลายเป็นภาษาชั้นนำของวจนิพนธ์ระหว่างประเทศและเป็นภาษากลางในหลายภูมิภาค ในประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษกำเนิดจากการรวมภาษาถิ่นหลายภาษาที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันเรียกรวมว่า ภาษาอังกฤษเก่า ซึ่งผู้ตั้งนิคมนำมายังฝั่งตะวันออกของบริเตนใหญ่เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 5 คำในภาษาอังกฤษจำนวนมากสร้างขึ้นบนพื้นฐานรากศัพท์ภาษาละติน เพราะภาษาละตินบางรูปแบบเป็นภาษากลางของคริสตจักรและชีวิตปัญญาชนยุโรปDaniel Weissbort (2006).

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและภาษาอังกฤษ · ภาษาอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก · ดูเพิ่มเติม »

ราชวงศ์แพลนแทเจเนต

ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท (อังกฤษ: House of Plantagenet) หรือ ราชวงศ์อองชู หรือ เดิมเป็นตระกูลขุนนางมาจากฝรั่งเศส ซึ่งปกครองแคว้นอองชู (County of Anjou) ในภายหลังราชวงศ์นี้ได้ปกครองราชอาณาจักรอังกฤษในปี พ.ศ. 1697 - พ.ศ. 2028 รวมทั้งราชอาณาจักรเยรูซาเล็มในปี พ.ศ. 1674 - พ.ศ. 1748 แคว้นนอร์มังดี (พ.ศ. 1687 - พ.ศ. 1747 และ พ.ศ. 1958 - พ.ศ. 1993) แคว้นกาสโกนีและกุยแยน (แคว้นอากีแตนในปัจจุบัน) (พ.ศ. 1696 - พ.ศ. 1996) หมวดหมู่:ราชวงศ์อ็องฌู หมวดหมู่:ราชสำนักอังกฤษ.

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและราชวงศ์แพลนแทเจเนต · ราชวงศ์แพลนแทเจเนตและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก · ดูเพิ่มเติม »

สงครามดอกกุหลาบ

ที่ตั้งสำคัญในสงครามดอกกุหลาบ สงครามดอกกุหลาบ (Wars of the Roses) เป็นชุดสงครามราชวงศ์ที่ผู้สนับสนุนราชวงศ์แพลนแทเจเนตสองสายที่เป็นคู่แข่งชิงราชบัลลังก์อังกฤษกัน ได้แก่ ราชวงศ์แลงแคสเตอร์และราชวงศ์ยอร์ก (ซึ่งสัญลักษณ์ตราประจำตระกูล คือ ดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวตามลำดับ) ทั้งสองฝ่ายรบกันเป็นช่วงห่าง ๆ กันระหว่างปี 1455 ถึง 1485 แม้จะมีการสู้รบที่เกี่ยวข้องอีกทั้งก่อนหน้าและหลังช่วงนี้ สงครามดังกล่าวเป็นผลจากปัญหาทางสังคมและการเงินหลังสงครามร้อยปี ชัยชนะบั้นปลายเป็นของผู้เรียกร้องเชื้อสายแลงแคสเตอร์ค่อนข้างห่าง เฮนรี ทิวดอร์ ผู้กำราบพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ยอร์ก และอภิเษกสมรสกับเอลิซาเบธแห่งยอร์ก พระราชธิดาในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เพื่อรวมสองราชวงศ์ หลังจากนั้น ราชวงศ์ทิวดอร์ปกครองอังกฤษและเวลส์เป็นเวลา 117 ปี เฮนรีแห่งโบลิงโบรกทรงก่อตั้งราชวงศ์แลงแคสเตอร์ขณะทรงราชย์ในปี 1399 เมื่อทรงถอดพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 พระภราดร (ลูกพี่ลูกน้อง) จากราชสมบัติ พระราชโอรส พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ยังทรงรักษาการอยู่ในราชสมบัติของตระกูลไว้ได้ แต่เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตในปี 1422 พระเจ้าเฮนรีที่ 6 ทายาทของพระองค์ เป็นทารก การอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ของราชวงศ์แลงแคสเตอร์สืบมาจากจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์ พระราชโอรสที่ยังมีพระชนมชีพพระองค์ที่สามในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 สิทธิในราชบัลลังก์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ถูกริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์คคัดค้าน ผู้สามารถอ้างว่าสืบเชื้อสายจากไลโอเนลแห่งแอนต์เวิร์ป และเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์กพระราชโอรสที่ยังมียังมีพระชนมชีพพระองค์ที่สองและสี่ในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ริชาร์ดแห่งยอร์ค ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญของรัฐหลายตำแหน่ง ทะเลาะกับราชวงศ์แลงแคสเตอร์สำคัญ ๆ ในราชสำนักและกับมาร์กาเรตแห่งอ็องฌู พระมเหสีในพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แม้เคยเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างผู้สนับสนุนราชวงศ์ยอร์กและแลงแคสเตอร์มาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่การสู้รบเปิดเผยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1455 ที่ยุทธการที่เซนต์ออลบันส์ครั้งที่ 1 ราชวงศ์แลงแคสเตอร์คนที่โดดเด่นหลายคนเสียชีวิต แต่ทายาทที่เหลือยังพยาบาทกับริชาร์ด แม้จะมีการฟื้นฟูสันติภาพชั่วคราว มาร์กาเรตแห่งอ็องฌู ดลให้ราชวงศ์แลงแคสเตอร์คัดค้านอิทธิพลของเอิร์ลแห่งยอร์ค การสู้รบดำเนินต่ออย่างรุนแรงขึ้นในปี 1459 เอิร์ลแห่งยอร์คและผู้สนับสนุนของพระองค์ถูกบีบให้หนีออกนอกประเทศ แต่ผู้สนับสนุนที่โดดเด่นที่สุดของพระองค์คนหนึ่ง เอิร์ลแห่งวอริก บุกครองอังกฤษจากกาเลและสามารถจับพระเจ้าเฮนรีเป็นเชลยได้ที่ยุทธการที่นอร์แธมป์ตัน เอิร์ลแห่งยอร์คเสด็จกลับประเทศและเป็นผู้พิทักษ์อังกฤษ (Protector of England) แต่ทรงถูกปรามมิให้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ มาร์กาเร็ตและอภิชนแลงแคสเตอร์ผู้ไม่ยอมปรองดองประชุมกำลังทางเหนือของอังกฤษ และเมื่อเอิร์ลแห่งยอร์คเคลื่อนทัพขึ้นเหนือไปปราบ พระองค์กับเอ็ดเวิร์ด พระราชโอรสพระองค์ที่สอง ถูกปลงพระชนม์ทั้งคู่ที่ยุทธการเวคฟีลด์ในเดือนธันวาคม 1460 กองทัพแลงแคสเตอร์รุกลงใต้และจับพระเจ้าเฮนรีเป็นเชลยได้อีกในยุทธการที่เซนต์ออลบันส์ครั้งที่ 2 แต่ไม่สามารถยึดครองกรุงลอนดอนไว้ได้ และถอยกลับไปทางเหนือในเวลาต่อมา พระราชโอรสองค์โตของเอิร์ลแห่งยอร์ค เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช ได้รับการประกาศเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 พระองค์ระดมกองทัพราชวงศ์ยอร์คและได้ชัยเด็ดขาดที่ยุทธการที่โทว์ทันเมื่อเดือนมีนาคม 1461 หลังการลุกขึ้นต่อต้านของแลงแคสเตอร์ทางเหนือถูกกำราบในปี 1464 และพระเจ้าเฮนรีถูกจับเป็นเชลยอีกครั้ง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทะเลาะกับเอิร์ลแห่งวอริก สมญา "ผู้สร้างกษัตริย์" (Kingmaker) ผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาหลักของพระองค์ และยังแตกแยกกับพระสหายหลายคน และกระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ โดยทรงสนับสนุนตระกูลของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ วูดวิลล์ซึ่งมีอำนาจขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งพระองค์ทรงอภิเษกสมรสด้วยอย่างลับ ๆ ทีแรก เอิร์ลแห่งวอริกพยายามยกน้องชาย จอร์จ ดยุกแห่งแคลเรนซ์ เป็นพระมหากษัตริย์ แล้วจึงฟื้นฟูพระเจ้าเฮนรีที่ 6 กลับสู่ราชสมบัติ จากนั้นสองปี พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ทรงได้รับชัยชนะสมบูรณ์อีกครั้งที่บาร์เนต (เมษายน 1471) ที่ซึ่งเอิร์ลแห่งวอริกถูกสังหาร และทูกสบรี (พฤษภาคม 1471) ที่ซึ่งเอ็ดเวิร์ดแห่งเวสต์มินสเตอร์ ทายาทแลงแคสเตอร์ ถูกประหารชีวิตหลังยุทธการ พระเจ้าเฮนรีถูกปลงพระชนม์ในหอคอยลอนดอนหลายวันจากนั้น ยุติลำดับการสืบราชสันตติวงศ์โดยตรงของแลงแคสเตอร์ จากนั้น บ้านเมืองค่อนข้างสงบอยู่พักหนึ่ง จนพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จสวรรคตกะทันหันในปี 1483 ริชาร์ด ดยุกแห่งกลอสเตอร์ พระอนุชาที่ยังมีพระชนมชีพของพระองค์ ทีแรกเคลื่อนไหวเพื่อกันมิให้ตระกูลวูดวิลล์ที่ไม่เป็นที่นิยมของพระมเหสีหม้ายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเข้าร่วมในรัฐบาลระหว่างที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 พระราชโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ยังทรงพระเยาว์ จึงยึดราชบัลลังก์เป็นของตน โดยอ้างว่า การสมรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เฮนรี ทิวดอร์ พระญาติห่าง ๆ ของพระมหากษัตริย์แลงแคสเตอร์ผู้รับสืบทอดการอ้างสิทธิ์มาด้วย ชนะพระเจ้าริชาร์ดที่บอสเวิร์ธฟิลด์ในปี 1485 พระองค์ราชาภิเษกเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 7 และอภิเษกสมรสกับเอลิซาเบธแห่งยอร์ก พระราชธิดาในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เพื่อรวมและประสานราชวงศ์ทั้งสอง.

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและสงครามดอกกุหลาบ · สงครามดอกกุหลาบและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ มี 77 ความสัมพันธ์ขณะที่ เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก มี 15 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 4, ดัชนี Jaccard คือ 4.35% = 4 / (77 + 15)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »