เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้า vs. พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

ระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า เป็นพระสมัญญานามที่ใช้เรียกพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานต่างนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันคือ "พระโคตมพุทธเจ้า" ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้ และมีกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและเชื่อว่านอกจากพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ที่ระบุในพุทธวงศ์ของพระไตรปิฎกภาษาบาลีแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าอีกมากมายเพิ่มเติมขึ้นมาจากตำนานของเถรวาท ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก่อน เมื่อบารมีเต็มแล้วจึงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีลักษณะพิเศษตรงกันคือ เป็นมนุษย์เพศชายเกิดในวรรณะกษัตริย์หรือพราหมณ์ พระวรกายสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักขณะ ก่อนออกผนวชจะอภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง หลังจากนั้นทรงพบเทวทูตทำให้ตัดสินใจออกผนวช วันออกผนวชจะตรงกับวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่าพระโคตมพุทธเจ้าดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล. ระเทวเทพสัมพุทธเจ้า มีปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ว่าหลังจากหมดยุคของ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าแล้ว แผ่นดินถูกทำลายจนเกิดแผ่นดินใหม่ เรียกว่า มัณฑกัปป์ คือจะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์บังเกิดขึ้น หนึ่งคือ พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า โดยในสมัยพระโคตมพุทธเจ้า ท่านคือ สุภพราหมณ์ และอีกหนึ่งคือ พระนรสีหสัมพุทธเจ้า โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยพระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นช้าง ชื่อว่า พระยาฉัททันต์ เป็นพระยาช้างมงคลสีขาวดังเงินยวง อาศัยอยู่ริมสระฉัททันต์ในป่าหิมพานต์ ครั้งหนึ่ง พระอัญญาโกณฑัญญเถระ เป็นสาวกแห่ง พระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระเถระนี้ได้เข้าสู่ปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์นั้น พระยาช้างซึ่งมีความปรารถนาพระสัพพัญญูอยู่แล้ว ได้เดินไปพบพระสรีระก็เกิดความปีติยินดี จึงตั้งจิตจะปลงสรีระกายของเถระนี้ จึงประกาศแก่เหล่าเทวดาขอให้มาช่วย และขอเลื่อยทิพย์อันหนึ่งด้วยบุญเก่าที่เคยทำไว้ พระยาช้างอธิษฐานดังนี้ ก็ปรากฏเลื่อยทิพย์อันหนึ่งลอยมาตกตรงหน้า พระยาช้างจึงตัดงาทั้งสองข้าง โดยข้างหนึ่งทำโกศ อีกข้างหนึ่งทำเชิงตะกอนรูปขนนกยูง พระยาช้างเอาขนบนศีรษะมาทำไส้ประทีปจุดบูชาสักการะ ฝ่ายช้างบริวารจำนวน 8 หมื่น 4 พัน มากระทำสมโภชถึง 7 วัน 7 คืน เอาแก่นจันทน์แดงมีกลิ่นหอมมารอง พร้อมทั้งยกพระศพขึ้นบนศีรษะของตนและเอาเพลิงจุดเผาพระศพ ครั้นพระสรีระเมื่อเผาแล้วพระธาตุต่างๆ ก็ลอยหายขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีเศษอันใดตกลงสู่พื้นเลย โดยพระยาช้างได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญที่ตนตัดงาทั้งสอง ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระยาช้างสิ้นใจตายก็ไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทพบุตร มีทิพยสมบัติอันมาก พระเทวเทพสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 80 ศอก มีพระชนมายุ 8 หมื่นปี มีไม้จำปาเป็นศรีมหาโพธิ พุทธรัศมี ฉัพพรรณรังสี(6 สี) สัณฐานเหมือนช่อฝักบัวสว่างไสวทั่วโลกธาตุ ด้วยบุญบารมีของท่าน จะบังเกิดต้นกัลปพฤกษ์และข้าวสาลีที่มีกลิ่นหอม ประชาชนอาศัยข้าวสาลีนี้ ไม่ได้ทำการเกษตร ค้าขาย ผิวพรรณมนุษย์มีสีทองโดยปกติ งามด้วยตัวของตัวเองแม้ไม่แต่งตัว.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า มี 4 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าพระนรสีหสัมพุทธเจ้าพระโกนาคมนพุทธเจ้าพระโคตมพุทธเจ้า

พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า

ระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า มีปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ว่า หลังจากหมดยุคศาสนาของพระธรรมสามีสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดแผ่นดินใหม่ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าเลยอยู่นานถึง 8 กัปป์ หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินใหม่ ชื่อว่า มัณฑกัปป์ จะมีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์บังเกิดขึ้น องค์แรก คือ พระนารทะสัมพุทธเจ้า องค์ถัดไปคือ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า ในสมัยพระสมณโคตมะพุทธเจ้า นี้ ท่านคือ โสณพราหมณ์ โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นมาณพ ชื่อว่า มาฆมานพ อาชีพเป็นพ่อค้าทางเรือสำเภา วันหนึ่ง นำของชิ้นหนึ่งไปขายได้กำไร 10 เท่าและนำเงินทองที่ได้มานั้นใส่เรือ แต่ประสบเหตุเรือล่ม ทรัพย์สินที่ได้มาจมหายทั้งหมด แต่ตัวเองสามารถเอาตัวรอดมาได้ ครั้นต่อมา ก็นำของชนิดเดิมไปขายอีกได้กำไร 10 เท่าอีก นำทรัพย์กลับมาบ้านได้ 7 วันก็เพลิงไหม้ บ้านและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ต่อมาก็นำสินค้าชนิดเดิมไปขายก็ได้กำไรมา 10 เท่าแต่ว่าพอนำทรัพย์กลับมาบ้านแล้ว กลับถูกโจรปล้นทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ละความพยายามนำของชิ้นเดิมไปขายอีก ก็ได้กำไร 10 เท่าอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้พอนำเงินกลับมาบ้าน ก็ถูกเรียกเก็บทรัพย์สินทั้งหมดนั้นเข้าสู่ท้องพระคลัง มาฆมาณพ เมื่อเสียทรัพย์ถึง 4 ครั้งก็ทะเลาะกับภรรยา จนถึงขั้นต้องหย่าร้างกัน ได้ทรัพย์สินจากการแบ่งกับภรรยาเป็นผ้าแดง 1 ผืน และทอง 1 แสน ออกจากบ้านเดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองโกสัมพี ครั้งนั้น มีพระสาวก รูปหนึ่งของ พระกกุสันธะพุทธเจ้า ออกจากญาณสมาบัติ ก็ตรวจดูสรรพสัตว์ ด้วยทิพยจักษุ ก็พบ มาฆมาณพ เข้าข่ายญาณก็ทราบว่าอนาคตจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เหาะไปโปรดในทางที่มาณพกำลังเดินทางมา เมื่อมาณพเดินมาพบพระสาวกนี้ ก็เกิดเลื่อมใส จิตใจปลาบปลื้ม จึงได้ถวายทรัพย์สินทั้งหมดและอธิษฐานขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เมื่อพระสาวกได้รับของและกล่าวอนุโมทนาแล้ว ก็เหาะกลับไป ในที่ที่ถวายทานเกิดต้นกัลปพฤกษ์ 1 ต้น และมาณพนั้นก็ได้อาศัยต้นไม้นี้เลี้ยงชีพสืบมา วันหนึ่งกษัตริย์เมืองโกสัมพี พร้อมทั้งเหล่าข้าราชบริพาร เสด็จผ่านมาเห็นมาณพอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ ก็เกิดความสนใจเข้าไปทอดพระเนตร ก็ถูกเทวดา ที่ทำหน้าที่รักษาอยู่ไม่ให้เข้าไป พระองค์จึงทรงกริ้ว สั่งให้ทหารทำการเผา แต่ก็เกิดมีดอกบัวเกิดขึ้นมารองรับมาณพนั้น จึงสั่งให้ทหารจับมาณพ ไปโยนทิ้งลงน้ำ ก็เกิดอัศจรรย์มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ ทำให้มาณพนั้นไม่ได้รับอันตรายใดๆ กษัตริย์จึงถามกับมาณพนั้นว่า ใครให้ต้นกัลปพฤกษ์มา มาณพจึงเล่าความจริงให้ฟัง แต่กษัตริย์ไม่เชื่อ รับสั่งให้มาณพนำพระสาวกรูปนั้นมายืนยัน มาณพจึงอธิษฐานถึงพระสาวกนั้น พระสาวกรูปนั้นทราบด้วยทิพยจักษุ ก็เหาะมาและบอกกล่าวถึงโทษของการประทุษร้ายมาณพนี้ จะทำให้บ้านเมืองจมลงในแผ่นดิน กษัตริย์ได้ฟังดังนั้นก็กลัว จึงขอโทษและยกให้มาณพเป็นน้องชายของพระองค์ พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 5 พันปี และมีพระพุทธรัศมีสีทอง สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน.

พระพุทธเจ้าและพระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า · พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า · ดูเพิ่มเติม »

พระนรสีหสัมพุทธเจ้า

ระนรสีหสัมพุทธเจ้า ปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ ครั้นเมื่อศาสนาของพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า เสื่อมลง ในมัณฑกัปป์เดียวกันนี้จะมีพระพุทธเจ้า อีกพระองค์หนึ่งนามว่า พระนรสีหสัมพุทธเจ้าโดยในสมัย พระโคตมพุทธเจ้า ท่านคือโตไทยพราหมณ์ โดยพระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งคือ ในสมัยช่วงระหว่าง พระกัสสปะพุทธเจ้า และพระโคตมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นมาณพ ชื่อว่า นันทมาณพ มีอาชีพเป็นพ่อค้า ครั้งนั้น มีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกำลังบิณฑบาตอยู่ มาณพนี้ได้พบก็บังเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงเอาผ้ากัมพลสีแดงผืนหนึ่งกับทองคำแสนตำลึง ทำเป็นเครื่องไทยธรรมถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า และตั้งจิตอธิษฐานด้วยผลทานที่กระทำนี้ขอให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต พระปัจเจกพุทธเจ้ารับเครื่องไทยธรรมนั้นไว้และนำผ้ามาคลุมกายโดยรอบ ยังเหลือแค่พระหัตถ์กับพระบาทเท่านั้น เมื่อมาณพเห็นดังนั้น จึงตั้งจิตอธิษฐานอีกว่า ขอให้มีเดชานุภาพแผ่ทั่วราชอาณาจักร พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงอนุโมทนาและก็จากไป ระหว่างทางพระปัจเจกพุทธเจ้าได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งหญิงสาวนี้พอเห็นพระ ห่มผ้าแดงก็สอบถามว่าผ้าที่สวยงามนี้ใครเป็นผู้ถวาย พระปัจเจกพุทธเจ้าก็บอกถึง มาณพ และความปรารถนา 2 ประการของมาณพนั้น ความปรารถนาหนึ่ง คือ เป็นพระพุทธเจ้า และอีกความปรารถนาหนึ่งคือ เป็นกษัตริย์ เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงทำบุญตามมาณพนั้นและปรารถขอเมื่อมาณพนั้นเป็นกษัตริย์แล้วก็ขอให้ตนได้เป็นมเหสีแห่งกษัตริย์นั้น และด้วยบุญนี้ทั้งสองคนจึงได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันในชาตินี้ และยังสร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ พร้อมจ้างช่างมาแกะสลักรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ในศาลา ฝ่ายหญิงยังโกนเอาผมชุบน้ำมันหอม ทำเป็นไส้ปทีปสักการบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อทั้งสอง สิ้นอายุขัยเกิดในสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์เสวยทิพยสมบัติอยู่นาน จนสิ้นอายุขัยก็จุติเป็น บรมกษัติย์แห่ง เมืองทวารวดี ฝ่ายหญิงก็เกิดในตระกูลเศรษฐี พออายุได้ 16 ปีก็ได้มาเป็นมเหสีแห่งกษัตริย์นามว่า พระมงคลราชเทวี มียศถาบรรดาศักดิ์พร้อมด้วยบริวารถึง 1 ล้าน ส่วนกษัตริย์ ก็มีสนมถึง 16 ล้านด้วยกัน วันหนึ่ง กษัตริย์มีพระประสงค์ทดลองบุญของ พระมงคลราชเทวี ให้ประจักษ์แก่เหล่าสนมทั้งหลาย จึงสั่งให้สนมเตรียมสำรับคนละที่และมาบริโภคตรงหน้าพระที่นั่ง สนมทุกคนก็บริโภคเป็นปกติ หาได้มีความแปลกประหลาดอันใด แต่พอพระมงคลราชเทวี ทรงนั่งและล้างพระหัตถ์ รับเอาอาหารขึ้นเข้าไปในพระโอษฐ์ ปรากฏว่านิ้วพระหัตถ์ของนางกลายเป็นทองคำทุกนิ้ว เป็นอย่างนี้ทุกคำที่เสวย ด้วยผลบุญที่กระทำอย่างประณีตแต่ปางก่อน พอเหล่าสนมเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าพระมเหสี มีบุญหาควรเทียบเทียมไม่ ตั้งแต่วันนั้นมาจึงเกิดความยำเกรงต่อมเหสีเป็นอันมาก พระนรสีหสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 8 หมื่นปี มีรัศมีรุ่งเรืองสว่างไสว มีไม้แคฝอยเป็นมหาโพธิ มีต้นกัลปพฤกษ์ ต้นหนึ่งพร้อมข้าวสาลีอันหอมให้มนุษย์ทั้งหลายได้บริโภค ผิวพรรณมนุษย์เป็นสีทอง พระองค์เสด็จไปที่ใดก็จะมีเศวตฉัตรแก้วบังเกิดอยู่ตลอดเวล.

พระนรสีหสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้า · พระนรสีหสัมพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า · ดูเพิ่มเติม »

พระโกนาคมนพุทธเจ้า

ระโกนาคมนพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 23 ในพุทธวงศ์ และเป็นพระองค์ที่ 2 ในภัททกัปนี้ ที่พระองค์มีพระนามเช่นนี้เนื่องจากขณะที่พระองค์ประสูติฝนทองได้ตกลงมาทั่วทั้งชมพูทวีป พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดภิยโยสราชกุมารและอุดรราชกุมาร พร้อมด้วยบริวาร พระกายสูง 80 ศอก มีพระชนมายุ 30,000 พรรษาจึงเสด็จปรินิพพาน.

พระพุทธเจ้าและพระโกนาคมนพุทธเจ้า · พระเทวเทพสัมพุทธเจ้าและพระโกนาคมนพุทธเจ้า · ดูเพิ่มเติม »

พระโคตมพุทธเจ้า

ระโคตมพุทธเจ้า มีพระนามเดิมในภาษาบาลีว่า สิทธัตถะ โคตมะ หรือในภาษาสันสกฤตว่า สิทฺธารฺถ เคาตมะ (อ่านว่า /สิดทาด —/) (เทวนาครี: सिद्धार्थ गौतम) เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ สาวกของพระองค์ไม่นิยมออกพระนามโดยตรง แต่เรียกตามพระสมัญญาว่า "ภควา" (พระผู้มีพระภาคเจ้า) คัมภีร์พุทธศาสนาทั้งนิกายเถรวาทและนิกายมหายานบันทึกตรงกันว่า พระโคตมพุทธเจ้าทรงดำรงพระชนมชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปี ก่อนคริสตกาลตามตำราไทยซึ่งอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และตรงกับ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล พระโคตมพุทธเจ้าเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายาแห่งศากยวงศ์ โคตมโคตร อันเป็นราชสกุลวงศ์ที่ปกครองกรุงกบิลพัสดุ์มาช้านาน ก่อนออกผนวชทรงดำรงพระอิสสริยยศเป็นรัชทายาท เมื่อเสด็จออกผนวชและบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทรงได้รับการถวายพระนามต่าง ๆ อาทิ พระศากยมุนี, พระพุทธโคดม, พระโคดมพุทธเจ้า ฯลฯ แต่ทรงเรียกพระองค์เองว่า ตถาคต แปลว่า พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น คือ ทรงปฏิญาณว่า ทรงพ้นจากทุกข์ทั้งปวง สำเร็จแล้วซึ่งอรหัตผล.

พระพุทธเจ้าและพระโคตมพุทธเจ้า · พระเทวเทพสัมพุทธเจ้าและพระโคตมพุทธเจ้า · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้า มี 63 ความสัมพันธ์ขณะที่ พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า มี 10 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 4, ดัชนี Jaccard คือ 5.48% = 4 / (63 + 10)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง พระพุทธเจ้าและพระเทวเทพสัมพุทธเจ้า หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: