ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ปรศุรามและอวตาร
ปรศุรามและอวตาร มี 8 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พระวิษณุพระศิวะกลียุคกัลกิรามายณะสัตยยุคทวาปรยุคเตรตายุค
พระวิษณุ
ลปะโจฬะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินิวเดลี ประเทศอินเดีย. ศิลปะโจฬะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินิวเดลี ประเทศอินเดีย. พระวิษณุ (विष्णु วิษฺณุ) หรือที่รู้จักกันในพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า พระนารายณ์ (नारायण นารายณ) เป็นหนึ่งในสามตรีมูรติ มีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้ง 3 โลกตามความเชื่อของชาวฮินดู จากคัมภีร์พราหมณ์ รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่เปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎทอง อาภรณ์สีเหลือง มี 4 กร ถือ สังข์ จักรสุทรรศน์ คทาเกาโมทกี แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกกรจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง (โดยจะอยู่ในลักษณะ"ประทานพร") โดยปรกติ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะบรรทมอยู่บนหลังพญาอนันตนาคราช โดยมีพระชายาคือพระแม่ลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้าง ๆ เสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ พระวิษณุ มีอีกพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ.
ปรศุรามและพระวิษณุ · พระวิษณุและอวตาร ·
พระศิวะ
ระศิวะ หรือ พระอิศวร (शिव; Shiva) หนึ่งในตรีมูรติ หรือเทพเจ้าสูงสุดสามพระองค์ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู (อีกสององค์ ได้แก่ พระพรหม และพระวิษณุ) พระแม่อุมาเทวีประดับโปุรัม ประเทศอินเดีย. พระแม่อุมาเทวีประดับโปุรัม ประเทศอินเดีย. พระศิวะ มีรูปกายเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ วรรณะขาว (สีผิวขาว) นุ่งห่มหนังเสือเหมือนฤๅษี มีสังวาล์เป็นลูกประคำหรือกะโหลกมนุษย์ มีงูเห่าคล้องพระศอ ไว้พระเกศายาว ซึ่งจะม้วนเป็นจุฑา (มวยผม) มีพระจันทร์เป็นปิ่น มีคงคาอยู่บนยอดจุฑา ซึ่งพ่นน้ำมาตลอด และมีดวงพระเนตร (ตาที่ 3) กลางพระนลาฏ (หน้าผาก) ซึ่งโดยปกติจะปิดอยู่เสมอ เชื่อว่าหากเปิดขึ้นเมื่อไหร่ ไฟบรรลัยกัลป์จะเผาผลาญล้างโลก (บ้างว่าเป็นพระพรหม) ถือว่าเป็นการสิ้นสุดกัปหนึ่ง ก่อนที่พระพรหมจะสร้างโลกขึ้นมาใหม่ มีพาหนะ คือ โคอุศุภราช (วัวเพศผู้สีขาวล้วน) มีชายา คือ พระอุมา เทพีแห่งความกล้าหาญ มีโอรสสององค์ คือ พระขันทกุมารและพระพิฆเนศ ประทับอยู่ ณ เขาไกรลาส อันเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล ชายาอีกองค์คือพระแม่คงคา มีธิดาคือพระแม่มนสาเทวีหรือพระยามี พระศิวะเป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ พระศิวะมีท่าร่ายรำอันเป็นการร่ายรำของเทพเจ้า เรียกว่า "ปางนาฏราช" เมื่อแปลงกายลงไปปราบฤๅษีที่ไม่ประพฤติตนอยู่ในเพศดาบส ซึ่งต่อมาชาวฮินดูได้ถือเอาท่าร่ายรำนี้เป็นต้นแบบของการร่ายรำต่าง ๆ มาตราบจนปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว พระศิวะยังถือว่าเป็นเจ้าแห่งผีหรือปีศาจอีกด้วย โดยมีพระนามเรียกว่า "ปีศาจบดี" หรือ "ภูเตศวร" นอกจากนี้แล้วพระอิศวร ยังมีพระนามอื่นอีก เช่น "รุทร", "ศังกร", "ศุลี", "นิลกัณฐ์", "หระ" หรือ "อีสาน" และยังเป็นเทพประจำทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ อีสาน อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังเชื่อว่าพระศอของพระศิวะมีสีดำ ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์ได้ยาพิษของพญานาคไว้เมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทรทำน้ำอมฤตเพื่อช่วยโลก ซึ่งบทหนึ่งในกามนิต-วาสิฏฐี วรรณกรรมอิงพุทธศาสนาได้อ้างถึง สีของความรักว่าเป็นสีดำ เสมือนสีคอพระศิวะ พระศิวะ ที่ประเทศศรีลังกา อันเป็นประเทศที่ศาสนาพราหมณ์ได้เข้ามาเผยแพร่ก่อน ก่อนที่จะกลายมาเป็นศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักอย่างเช่นในปัจจุบัน พระศิวะในความเชื่อของที่นี่จะมีพาหนะเป็นนกยูง และกลายมาเป็นเทพเจ้าที่ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาพุทธศาสน.
ปรศุรามและพระศิวะ · พระศิวะและอวตาร ·
กลียุค
กลียุค (อักษรเทวนาครี: कली युग) คือหนึ่งในช่วงเวลาในสี่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งอธิบายไว้ในคัมภีร์ฮินดู โดยมียุคอื่นอีกได้แก่ สัตยยุค เตรตายุค และทวาปรยุค ซึ่งทั้ง 4 ยุครวมกันเรียกว่ามหายุค กลียุคมีอายุ 432,000 ปี การตีความคัมภีร์ฮินดูว่าปัจจุบันนี้โลกอยู่ในกลียุคมีคนเชื่อมากที่สุด การตีความคัมภีร์ฮินดูแบบอื่นๆ เชื่อว่าโลกอยู่ในช่วงเริ่มทวาปรยุค โดยทั่วไปแล้วกลียุคก็คือยุคมืดเพราะผู้คนห่างเหินจากพระเจ้าอย่างถึงที่สุด ตามคติของศาสนาพราหมณ์ เมื่อโลกมาถึงกลียุค เชื่อกันว่าพระศิวะ หรือพระอิศวร จะทรงเปิดพระเนตรดวงที่อยู่กลางหน้าผากขึ้น และโลกจะถูกทำลาย เพื่อคืนสมดุลของโลกให้เกิดการสร้างโลกขึ้นใหม.
กลียุคและปรศุราม · กลียุคและอวตาร ·
กัลกิ
กัลกี (กัลกะ, กลฺกิ; कल्कि) ในศาสนาฮินดูโบราณ คือมหาอวตารที่ 10 และเป็นมหาอวตารสุดท้ายของพระวิษณุเทพผู้คุ้มครองโลก กัลกีมาสู่โลกระหว่างการสิ้นสุดของกลียุค ชื่อ "กัลกิ" เป็นการอุปมาความเป็นนิรันดรและเวลา ต้นกำเนิดของชื่อนี้อาจจะมาจากคำว่า "กันคา" ซึ่งหมายถึง สิ่งสกปรก หรือ สิ่งโสโครก หรือ ความคดโกง ดังนั้น "กัลกิ" จึงหมายถึง ผู้ทำลายความคดโกง, ผู้ทำลายความเขลา, ผู้ทำลายความสับสนวุ่นวาย หรือ ผู้ทำลายความมืดมน ในศาสนาฮินดู "กัลกยาวตาร" หมายถึง "อวตารแห่งอนาคต" (อนาคตาวตาร) อย่างไรก็ตามมีการแปลความหมายที่แตกต่างออกไปอีก(ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนต้นกำเนิดทางนิรุกติศาสตร์จากภาษาสันสกฤตโบราณซึ่งแตกต่างกันไป โดยรวมถึงการแปลความหมายว่า ม้าขาว ซึ่งเป็นความหมายอย่างง่ายด้วย).
กัลกิและปรศุราม · กัลกิและอวตาร ·
รามายณะ
พระรามประทับบนไหล่หนุมาน เข้าต่อรบกับพญายักษ์ราวณะ (ทศกัณฐ์), ภาพวาดบนกระดาษ, ศิลปะอินเดีย, ประมาณคริสต์ทศวรรษที่ 1820 (สมบัติของบริติชมิวเซียม) รามายณะ (रामायण) เป็นวรรณคดีประเภทมหากาพย์ของอินเดีย เชื่อว่าเป็นนิทานที่เล่าสืบต่อกันมายาวนานในหลากหลายพื้นที่ของชมพูทวีป แต่ผู้ได้รวบรวมแต่งให้เป็นระเบียบครั้งแรกคือฤๅษีวาลมีกิ เมื่อกว่า 2,400 ปีมาแล้ว โดยประพันธ์ไว้เป็นบทร้อยกรองประเภทฉันท์ภาษาสันสกฤต เรียกว่า โศลก จำนวน 24,000 โศลกด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 7 ภาค (กาณฑ์ หรือ กัณฑ์) ดังนี้.
ปรศุรามและรามายณะ · รามายณะและอวตาร ·
สัตยยุค
ัตยยุค (เทวนาครี: सत्य युग) เป็นยุคแห่งสัจธรรมอันมั่นคง มีพระพรหมองค์เดียวเป็นใหญ่ ไม่มีเทพเทวาอื่นๆ ไม่มีมาร ใครปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จตามปรารถนา ไม่มีการค้าขาย แลกเปลี่ยน ไม่มีโลภ โกรธ หลง ทุจริต คดโกง และไม่มีความเศร้าเสียใจใดๆ บุคคลที่เกิดในยุคนี้จะเป็น "สัตตบุรุษ" ทั้งหมด ไม่มีบุคคลที่เป็น "อันธพาล" เป็นสังคมที่น่าอยู่ มีแต่บัณฑิต ไม่ทำบาป ไม่เบียดเบียนกัน มีคุณธรรมสูง ทำให้อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก สัตยยุค มีชื่อเรียกอื่นๆ อีก เช่น สัตยุค หรือ กฤตยุค นับว่าเป็นยุคทองของมนุษยชาติ สัตยยุค มีอายุ 1,728,000 ปี บ้างก็ว่า 100,000 ปี โคธรรมะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึงศีลธรรมนั้น ยืน 4 ขาในยุคนี้ ต่อมาในเตรตยุคจะยืน 3 ขา ในทวาปรยุค ยืน 2 ขา และปัจจุบัน (กลียุค) ยืนขาเดียว.
ปรศุรามและสัตยยุค · สัตยยุคและอวตาร ·
ทวาปรยุค
ทวาปรยุค (เทวนาครี: द्वापर युग) มีอายุ 864,000 ปี บุคคลที่เกิดในยุคนี้จะเป็น"สัตตบุรุษ" คือผู้ที่มาจากสวรรค์ และบุคคลที่เป็น "อันธพาล" คือผู้ที่มาจากอบายภูมิ ในสัดส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 50 ต่อ 50 นับเป็นยุคที่ 3 จากยุคทั้ง 4 มีพรรณนาเอาไว้ในคัมภีร์ของฮินดู ว่าทวาปรยุค อยู่ถัดจากเตรตยุค และมีกลียุคตามมา ในปุราณะพรรณนาไว้ว่า ทวาปรยุคสิ้นสุดลงเมื่อพระกฤษณะกลับคืนสู่วิมานที่ประทับในไวกูณฐ์ ในยุคนี้โคธรรม ยืนสองขา (หากใช้สัญลักษณ์เป็นเสาหลัก ก็ว่าเหลือสองต้น) ตามความเชื่อฮินดู พระวิษณุมีผิวเหลือง พระเวทจะถูกแบ่งเป็น 4 เล่ม คือ ฤคเวท, สามเวท, ยชุรเวท และอาถรรพเวท ในยุคนี้พราหมณ์มีความรู้สอง หรือสามเวท แต่ไม่ใคร่ได้ศึกษาครบเวททั้งสี.
ทวาปรยุคและปรศุราม · ทวาปรยุคและอวตาร ·
เตรตายุค
ตรตายุค (อักษรเทวนาครี: त्रेता युग)หรือไตรดายุค คือหนึ่งในช่วงเวลาในสี่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งอธิบายไว้ในคัมภีร์ฮินดู โดยมียุคอื่นอีกได้แก่ สัตยยุค ทวาปรยุค และ กลียุค ซึ่งทั้ง 4 ยุครวมกันเรียกว่ามหายุค มีระยะเวลา ๓,๖๐๐ ปีเทวดา หรือ1,296,000 ปีโลกมนุษย์ ซึ่งถือเป็นยุคเงิน.
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ ปรศุรามและอวตาร มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง ปรศุรามและอวตาร
การเปรียบเทียบระหว่าง ปรศุรามและอวตาร
ปรศุราม มี 13 ความสัมพันธ์ขณะที่ อวตาร มี 41 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 8, ดัชนี Jaccard คือ 14.81% = 8 / (13 + 41)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ปรศุรามและอวตาร หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: