เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย

บอบแคต vs. ลิงซ์ยูเรเชีย

อบแคต (Bobcat) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง จำพวกแมวป่า พบกระจายพันธุ์ในทวีปอเมริกาเหนือ จัดอยู่ในสกุลเดียวกับลิงซ์ ซึ่งเป็นแมวป่าชนิดที่พบได้ในทวีปยุโรป มีรูปร่างและลักษณะคล้ายกับลิงซ์ชนิดอื่น ๆ แต่บอบแคตมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่า มีขาสั้นเหมือนแมวบ้าน ลำตัวล่ำสัน ขนปุยมีสีแต้มเป็นลายจุด พบกระจายพันธุ์ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะบริเวณที่หนาวเย็นแถบตอนเหนือสุดของสหรัฐอเมริกาติดกับแคนาดา และพบได้จนถึงเม็กซิโก เป็นสัตว์ที่ปรากฏมีขึ้นบนโลกเมื่อ 1.8 ล้านปีก่อน และแบ่งออกได้เป็น 13 ชนิดย่อย บอบแคต ไม่ได้เป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์หรือถูกคุกคามแต่ประการใด แต่ทว่าในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ จำนวนประชากรของบอบแคตในปัจจุบันคาดว่ามีถึง 3,600,000 ตัว โดยเพิ่มขึ้นอย่างเสถียรในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งนี้เชื่อว่า คงเป็นเพราะสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นทำให้ไม่ต้องหาอาหารอย่างยากลำบากเหมือนในอดีต กอรปกับการไล่ล่าที่ลดลง ซึ่งผลกระทบของการเพิ่มขึ้นอย่างมากของบอบแคตนั้นส่งผลให้เกิดเป็นภาวะสัตว์รังควาญขึ้นมา โดยในบางชุมชนอาจพบบอบแคตเดินอยู่บนท้องถนน หรือไล่จับสัตว์เล็ก ๆ ในสวนหลังบ้านกินเป็นอาหารได้ หรืออาจคุกคามต่อปศุสัตว์หรือสัตว์เลี้ยง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ผิดแผกไปจากแมวป่าชนิดอื่น ๆ ที่มักขี้อาย และอยู่อย่างสันโดษ. ลิงซ์ยูเรเชีย (Eurasian lynx) แมวป่าชนิดหนึ่ง จำพวกลิงซ์ จัดอยู่ในวงศ์เสือและสิงโต (Felidae) ลิงซ์ยูเรเชีย นับเป็นลิงซ์ชนิดที่ใหญ่ที่สุด และพบได้กว้างขวาง แพร่กระจายพันธุ์ที่สุด ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ขนาดเมื่อโตเต็มที่ตัวผู้อาจมีความสูงจากปลายเท้าจรดหัวไหล่ 50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักได้ถึง 17 กิโลกรัม มีรายงานว่าตัวที่มีนำหนักมากที่สุดอยู่ที่ไซบีเรีย ซึ่งหนักถึง 38 กิโลกรัม หรือบางรายงานกล่าวว่าหนักถึง 45 กิโลกรัม ลิงซ์ยูเรเชีย มีจุดเด่น คือ ขนปลายหูสีดำที่เป็นติ่งแหลมชี้ขึ้นด้านบน ใช้สำหรับประสิทธิภาพในการรับฟังเสียง ทำให้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของเหยื่อที่อยู่ใต้ดินไกลถึง 50 เมตร หางสั้น และมีข้อเท้าและอุ้งเท้าที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และจะประกาศอาณาเขตของตนด้วยการสร้างรอยข่วนด้วยเล็บทิ้งไว้ตามต้นไม้หรือซากไม้ล้มในป่า ซึ่งเห็นได้ชัดเจน มีถิ่นกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่สแกนดิเนเวีย, ยุโรปกลางจรดจนถึงเอเชียเหนือ, เอเชียตะวันออก, เอเชียกลาง และบางส่วนในจีน เช่น ทะเลสาบคานาส ในแถบเทือกเขาอัลไต เชื่อว่าลิงซ์ยูเรเชียตัวผู้มีถิ่นหากินกว้างไกลได้ถึง 100 ตารางกิโลเมตร และบางครั้งจะล่วงล้ำเข้าไปในถิ่นหากินของตัวเมียอยู่บ่อย ๆ ออกหาอาหารในเวลากลางคืน อาหารได้แก่ สัตว์ขนาดเล็กหลายอย่าง รวมถึง เป็ด, ไก่ หรือนกกระทา อันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือปศุสัตว์ของมนุษย์อีกด้วย รวมถึงสามารถล่าสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น กวางเรนเดียร์ ได้อีกด้วย และยังกินซากสัตว์ที่ตายแล้ว บ่อยครั้งที่ลิงซ์ยูเรเชียจะออกหาอาหารในแหล่งที่ใกล้กับบ้านเรือนของชุมชนของมนุษย์ตามชายป่า นอกจากนี้แล้วลิงซ์ยูเรเชียยังเป็นแมวป่าที่ไม่กลัวน้ำ ตรงกันข้ามกลับชอบที่จะเล่นน้ำ และว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว รอยเท้าของลิงซ์ยูเรเชียในหิมะ ลิงซ์สแกนดิเนเวีย (''Lynx lynx lynx'') ลิงซ์ยูเรเชีย เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ราว 2-2.5 ปี ลูกลิงซ์ยูเรเชียจะอาศัยอยู่กับแม่จนถึงอายุวัยช่วงนั้น ก่อนที่จะแยกตัวออกไปหากินตามลำพัง ลิงซ์ยูเรเชียเป็นสัตว์สันโดษ ตามปกติแล้วจะอาศัยอยู่ตามลำพัง มีบางครั้งที่ลูกลิงซ์ยูเรเชียที่เกิดมาเป็นพี่น้องในครอกเดียวกัน จะอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นคู่ และมีความผูกพันกันมาก จนถึงช่วงวัยที่เติบโตพอที่จะแยกไปอาศัยอยู่ตามลำพังThe Lynx Liaison, "มิติโลกหลังเที่ยงคืน".

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย

บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย มี 7 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ชนิดย่อยวงศ์เสือและแมวสกุลลิงซ์สัตว์สัตว์กินเนื้อสัตว์มีแกนสันหลังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม

ชนิดย่อย

นิดย่อย หรือ พันธุ์ย่อย หรือ สปีชีส์ย่อย (subspecies) หมายถึง สิ่งมีชีวิตในสกุล (genus) เดียวกัน และจัดอยู่ในชนิด (species) เดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่สามารถแยกแยะออกเป็นชนิดใหม่ได้ จึงจัดเป็นชนิดย่อย โดยใช้ชื่อไตรนาม เช่น เต่าปูลู (Platysternon megacephalum pequense) เต่าปูลูเหนือ (Platysternon megacephalum megacephalum) เต่าปูลูใต้ (Platysternon megacephalum vogeli) เป็นต้น ความแตกต่างของชนิดย่อยมักอยู่ที่ลวดลาย สีสัน หรือขนาดลำตัว อันเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่อยู่ที่แตกต่างกัน ปกติชนิดย่อยของสัตว์นิยมเรียกว่า subspecies ส่วนพืชเรียกว่า variety.

ชนิดย่อยและบอบแคต · ชนิดย่อยและลิงซ์ยูเรเชีย · ดูเพิ่มเติม »

วงศ์เสือและแมว

วงศ์เสือและแมว (Cat, Felid, Feline) เป็นวงศ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภท เสือ, สิงโต, ลิงซ์ และแมว โดยทั้งหมดอยู่ในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) โดยปรากฏครั้งแรกในสมัยโอลิโกซีน เมื่อประมาณ 30 ล้านปีก่อน ใช้ชื่อวงศ์ว่า Felidae.

บอบแคตและวงศ์เสือและแมว · ลิงซ์ยูเรเชียและวงศ์เสือและแมว · ดูเพิ่มเติม »

สกุลลิงซ์

ำหรับลิงซ์ในความหมายอื่น ดูที่: Lynx ตะกูลลิงซ์ (Lynx, Bobcat) เป็นตะกูลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กินเนื้อสกุลหนึ่ง จัดเป็นเสือขนาดเล็ก ใช้ชื่อสกุลว่า Lynx อยู่ในวงศ์เสือและแมว (Felidae) คำว่า Lynx ที่ใช้เป็นชื่อสกุล มีที่มาจากภาษาอังกฤษกลาง ที่มาจากภาษากรีกคำว่า "λύγξ" หรือมาจากรากศัพท์ภาษาอินโด-ยูโรเปียนคำว่า "ลุก" หมายถึง "แสงสว่าง" ซึ่งหมายถึงตาของลิงซ์ที่แวววาว ลิงซ์ มีลักษณะทั่วไปเหมือนแมวในสกุล Felis ทำให้ครั้งหนึ่งมีการพิจารณาว่า ควรมีสกุลเป็นของตนเองหรือไม่ หรือแค่จัดเป็นสกุลย่อยของสกุล Felis แต่ปัจจุบันได้ยอมรับว่าเป็นสกุลของตนเอง โดย จอห์นสัน และคนอื่น ๆ รายงานว่า ลิงซ์ได้มีเครือบรรพบุรุษร่วมกับ เสือพูม่า, แมวดาว และเชื้อสายของแมวบ้าน เมื่อ 7.15 ล้านปีมาแล้ว และลิงซ์ได้แยกตัวออกมาเป็นกลุ่มแรก เมื่อประมาณ 3.24 ล้านปีก่อน ลักษณะเด่นของลิงซ์ คือ มีขนที่หนาและปุกปุยกว่าตั้งแต่หางตาตลอดจนแก้ม มีจุดเด่น คือ ขนปลายหูที่เป็นพู่แหลมชี้ตั้งขึ้นตรง ลำตัวมีความยาวประมาณ 2 ฟุตครึ่ง แต่มีส่วนหางที่สั้นไม่สมมาตรกับลำตัว อุ้งเท้ามีขนาดกว้างใหญ่ ทำให้เดินบนหิมะและน้ำแข็งได้อย่างสะดวก ลิงซ์มีอุปนิสัยชอบลับเล็บกับต้นไม้ เหมือนกับสัตว์ในวงศ์นี้ทั่วไป ลิงศ์เป็นสัตว์ที่กินเนื้อได้หลากหลาย ตั้งแต่สัตว์เล็กเช่น นก, หนู, กระต่าย จนกระทั่งสัตว์ขนาดใหญ่กว่า เช่น ลูกวัว และลูกแกะ เป็นต้น ลิงซ์ กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ทวีปเอเชียตอนเหนือและตอนกลาง, ทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยอนุกรมวิธานออกเป็นชนิดได้ทั้งหมด 4 ชน.

บอบแคตและสกุลลิงซ์ · ลิงซ์ยูเรเชียและสกุลลิงซ์ · ดูเพิ่มเติม »

สัตว์

ัตว์ (Animal) เป็นสิ่งมีชีวิตยูแคริโอตหลายเซลล์ในอาณาจักร Animalia (หรือเรียก เมตาซัว) แผนกาย (body plan) ของพวกมันสุดท้ายคงที่เมื่อพัฒนา แม้สัตว์บางชนิดมีกระบวนการการเปลี่ยนสัณฐานภายหลังในช่วงชีวิต สัตว์ส่วนใหญ่เคลื่อนที่ได้ สัตว์ทุกชนิดต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นหรือผลิตภัณฑ์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อการดำรงชีพ (สิ่งมีชีวิตสร้างอาหารเองไม่ได้) ไฟลัมสัตว์ที่รู้จักกันดีที่สุดปรากฏในบันทึกฟอสซิลเป็นสปีชีส์ภาคพื้นสมุทรระหว่างการระเบิดแคมเบรียน (Cambrian explosion) ประมาณ 542 ล้านปีก่อน สัตว์แบ่งเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม บางกลุ่ม เช่น สัตว์มีกระดูกสันหลัง (นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน ปลา) มอลลัสกา (หอยกาบ หอยนางรม ปลาหมึก หมึกสาย หอยทาก) สัตว์ขาปล้อง (กิ้งกือ ตะขาบ แมลง แมงมุม แมงป่อง ปู ลอบสเตอร์ กุ้ง) สัตว์พวกหนอนปล้อง (ไส้เดือนดิน ปลิง) ฟองน้ำ และแมงกะพรุน.

บอบแคตและสัตว์ · ลิงซ์ยูเรเชียและสัตว์ · ดูเพิ่มเติม »

สัตว์กินเนื้อ

ัตว์กินเนื้อ หรือ คาร์นิวอรา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Order Carnivora) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หมายถึงสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก ไม่ว่าเนื้อสัตว์นั้นจะมาจากสัตว์ที่มีชีวิตอยู่หรือว่าตายแล้ว สัตว์บางชนิดจำเป็นที่จะต้องกินเนื้อเพื่อความอยู่รอด อันเนื่องมาจากพันธุกรรม เราเรียกสัตว์ในกลุ่มนี้ว่า "true carnivore" (สัตว์กินเนื้อแท้) หรือ "obligate carnivores" (สัตว์กินเนื้อโดยบังคับ) สัตว์ในกลุ่มนี้อาจกินพืชผักหรืออาหารชนิดอื่นได้ แต่มันจะต้องกินเนื้อเพื่อเป็นแหล่งสารอาหารหลักของมัน กายวิภาคของสัตว์ในกลุ่มนี้ ทำให้มันไม่สามารถย่อยอาหารจำพวกพืชได้อย่างมีประสิท.

บอบแคตและสัตว์กินเนื้อ · ลิงซ์ยูเรเชียและสัตว์กินเนื้อ · ดูเพิ่มเติม »

สัตว์มีแกนสันหลัง

ัตว์มีแกนสันหลัง คือสัตว์ในไฟลัมคอร์ดาตา พวกมันจะมีแกนสันหลัง ใยประสาทส่วนหลังกลวง ช่องคอหอย หลอดเส้นประสาทกลวงส่วนหลัง และหางหลังทวารหนัก ในช่วงหนึ่งของวงจรชีวิต สัตว์มีแกนสันหลังเป็นพวกดิวเทอโรสโตม กล่าวคือในช่วงระยะตัวอ่อน ทวารหนักเกิดก่อนปาก และเป็นซีโลเมตที่มีสมมาตรด้านข้าง ในกรณีของสัตว์มีแกนสันหลังที่มีกระดูกสันหลัง แกนสันหลังจะถูกแทนที่โดยกระดูกสันหลังในช่วงเจริญเติบโต และพวกมันอาจจะมีปล้องตามร่างกาย ในอนุกรมวิธาน ตัวไฟลัมเองประกอบไปด้วยไฟลัมย่อยเวอร์เตบราตา (ซึ่งประกอบด้วย ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) ทูนิคาตา (ซึ่งรวมทั้งซาล์ปและเพรียงหัวหอม) และเซฟาโลคอร์ดาตา ประกอบด้วยแหลนทะเล และยังรวมถึงบางกลุ่มที่สูญพันธุ์ไปแล้ว บางครั้งกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลังถูกจัดรวมอยู่กับกลุ่มสัตว์มีกระโหลกศีรษะ สัตว์มีแกนสันหลังมีมากกว่า 65,000 สปีชีส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ กว่าครึ่งเป็นพวกปลากระดูกแข็ง วาฬและเหยี่ยวเพเรกริน สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเคลื่อนที่เร็วที่สุดตามลำดับ เป็นสัตว์มีแกนสันหลังเช่นเดียวกันกับมนุษย์ ซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์มีแกนสันหลังยุคแรกๆ มีอายุย้อนไปถึงในช่วงการระเบิดยุคแคมเบรียน.

บอบแคตและสัตว์มีแกนสันหลัง · ลิงซ์ยูเรเชียและสัตว์มีแกนสันหลัง · ดูเพิ่มเติม »

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม

ัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม (Mammalia) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง โดยคำว่า Mammalia มาจากคำว่า Mamma ที่มีความหมายว่า "หน้าอก" เป็นกลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ที่มีการวิวัฒนาการและพัฒนาร่างกายที่ดีหลากหลายประการ รวมทั้งมีระบบประสาทที่เจริญก้าวหน้า สามารถดำรงชีวิตได้ในทุกสภาพสิ่งแวดล้อมสัตววิทยา (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม), บพิธ-นันทพร จารุพันธุ์, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2547, หน้า 411 มีขนาดของร่างกายและรูปพรรณสัณฐานที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะของสายพันธุ์ มีลักษณะเด่นคือมีต่อมน้ำนมที่มีเฉพาะในเพศเมียเท่านั้น เพื่อผลิตน้ำนมเพื่อใช้เลี้ยงลูกวัยแรกเกิด เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีขนเป็นเส้น ๆ (hair) หรือขนอ่อน (fur) ปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ยกเว้นสัตว์น้ำที่ไม่มีขน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ไม่จัดอยู่ในประเภทสัตว์กลุ่มใหญ่ คือมีจำนวนประชากรประมาณ 4,500 ชนิด ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับนก ที่มีประมาณ 9,200 ชนิด และปลาอีกประมาณ 20,000 ชนิด รวมทั้งแมลงอีกประมาณ 800,000 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์บก เช่น สุนัข ช้าง ลิง เสือ สิงโต จิงโจ้ เม่น หนู ฯลฯ สำหรับสัตว์น้ำที่จัดเป็นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ได้แก่ โลมา วาฬ มานาทีและพะยูน แต่สำหรับสัตว์ปีกประเภทเดียวที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมคือค้างคาว ซึ่งกระรอกบินและบ่างนั้น ไม่จัดอยู่ในประเภทของสัตว์ปีก เนื่องจากใช้ปีกในการร่อนไปได้เพียงแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว ยกเว้นตุ่นปากเป็ดและอีคิดนาเท่านั้นที่ออกลูกเป็น.

บอบแคตและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม · ลิงซ์ยูเรเชียและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย

บอบแคต มี 40 ความสัมพันธ์ขณะที่ ลิงซ์ยูเรเชีย มี 24 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 7, ดัชนี Jaccard คือ 10.94% = 7 / (40 + 24)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง บอบแคตและลิงซ์ยูเรเชีย หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: