เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก

บริเวณคริสต์ศาสนพิธี vs. ศิลปะกอทิก

ริเวณทางขวาของแขนกางเขน (สีเทา) คือบริเวณพิธี บริเวณคริสต์ศาสนพิธี (Chancel) คือบริเวณรอบแท่นบูชาเอกในบริเวณมุขตะวันออกของคริสต์ศาสนสถานซึ่งอาจจะเป็นปลายสุดของมุขโค้งด้านสกัด หลังจากการการประชุมสภาสงฆ์แห่งแลตเตอรันครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ. 1215 ก็ได้มีข้อกำหนดออกมาข้อหนึ่งที่ว่านักบวชจะต้องกระทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณที่ได้รับพิทักษ์จากการก่อกวนจากบริเวณสำหรับศาสนิกชนผู้เข้าร่วมพิธี ฉะนั้นบริเวณพิธีของนักบวชในสมัยโบราณจึงถูกกันออกจากบริเวณของฆราวาสด้วยฉาก ความแตกต่างของสองบริเวณนี้กำหนดไว้ในคริสต์ศาสนกฎบัตร ที่ว่าการก่อสร้างและการบำรุงรักษาบริเวณพิธีเป็นหน้าที่ของนักบวช และการก่อสร้างและการบำรุงรักษาบริเวณทางเดินกลางและทางเดินข้างเป็นหน้าที่ของสมาชิกผู้เป็นฆราวาสของวัด ฉะนั้นบางครั้งจึงทำให้บริเวณพิธีและบริเวณฆราวาสก็จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในด้านการตกแต่งและสภาพของบริเวณ นอกไปจากแท่นบูชาแล้วบริเวณพิธีก็มักจะเป็นที่ตั้งของโต๊ะพิธี (credence table) และที่นั่งของนักบวชระดับต่างๆ ของวัดและในวัดอังกลิคันและเมธอดิสต์ก็อาจจะรวมทั้งบริเวณร้องเพลงสวดด้วย ในบางวัดบริเวณนี้ก็อาจจะมีแท่นเทศน์และแท่นอ่าน แต่บางครั้งทั้งสองอย่างนี้ก็อาจจะตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นของฆราวาส บริเวณพิธีมักจะยกขึ้นสูงกว่าบริเวณที่เป็นของฆราวาส และอาจจะแยกออกไปด้วยฉากกางเขน, ราว หรือบริเวณโล่ง ในวัดบางวัดผู้เข้าร่วมพิธีก็อาจจะนั่งรอบสามด้านของบริเวณพิธีเป็นครึ่งวงกลมก็ได้ คำว่า “chancel” มาจากภาษาฝรั่งเศสที่แผลงมาจากภาษาลาติน “cancelli” ที่แปลว่าฉากโปร่ง (lattice) ที่หมายถึงฉากกางเขน. ลปะกอทิก (Gothic art) เริ่มต้นขึ้นประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 17 และมีอิทธิพลอยู่ประมาณ 350 ปีต่อเนื่องมาจากศิลปะโรมาเนสก์ พบในศิลปะศาสนาในการสร้างมหาวิหาร (Cathedral) พอถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ศิลปะแบบนี้ก็เผยแพร่ไปยังศิลปะในประเทศอื่นในยุโรปตะวันตกที่เรียกกันว่าศิลปะกอทิกนานาชาติ ศิลปะกอทิกนิยมกันมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเริ่มวิวัฒนาการมาเป็น ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ศิลปะแขนงสำคัญของสมัยกอธิคคือ ประติมากรรม งานกระจกสี จิตรกรรมฝาผนัง การเขียนลวดลายในหนังสือวิจิตร ศิลปะกอธิคเริ่มต้นจากฝรั่งเศสและแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ และมีลักษณะตามภูมิภาคนั้น ๆ ด้วย ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมมีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมาเป็นลายเส้นอันซับซ้อน ทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยม ทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม ลักษณะต่างๆ เหล่านี้จะหาดูได้จากมหาวิหารในฝรั่งเศส, เยอรมนี และ อังกฤษ เช่น มหาวิหารแซ็ง-เดอนี (ฝรั่งเศส) มหาวิหารนัวยง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารล็อง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารอามีแย็ง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารกลอสเตอร์ (อังกฤษ) และ มหาวิหารเอ็กซีเตอร์ (อังกฤษ) เป็นต้น มุขด้านตะวันออกของวิหาร Chartres Cathedral (ราว ค.ศ. 1145) รูปปั้นประกอบสถาปัตยกรรมนี้เป็นประติมากรรมศิลปะกอทิกตอนต้น ซึ่งแสดงวิวัฒนาการในรูปแบบเป็นแบบอย่างแก่ประติมากรรุ่นต่อมา ศิลปะกอทิกเป็นศิลปะที่เกิดในยุโรปช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่12-15 มีศูนย์กลางที่ฝรั่งเศส คำว่า"กอธิค" เริ่มใช้ครั้งแรกโดยนักวิจารณ์ศิลปะสมัยสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนปลายของอิตาลี เรียกรูปแบบของศิลปะ ที่เกิดในยุโรปในช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น ที่เป็นผลงานของพวกกอท แฟรงก์ ลอมบาร์ค สลาฟ และแซกซัน ซึ่งต่างเป็นชนเผ่าป่าเถื่อน ไร้ความเจริญทางศิลปวิทยาการ ประการสำคัญ เป็นชนเผ่าที่ทำลายจักรวรรดิโรมันและถึงพร้อมด้านศิลปวิทยาการ ดังนั้นถ้อยสำเนียงหรือนัยยะ ที่ใช้เรียกว่า "ศิลปะกอทิก" จึงเป็นการเรียกขานที่บ่งบอกไปในทางเย้ยหยันมากกว่าการชื่นชม เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่าศิลปะแบบกรีก-โรมัน ที่มีกฎเกณท์ชัดเจน ซึ่งในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาได้รื้อฟื้นกลับมาปรับใช้ในยุคสมัยของตน จนเรียกชื่อยุคว่าเรอเนซองค์ หรือฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หมายถึงย้อนกลับไปรื้อฟื้นศิลปวิทยาการแบบกรีก-โรมันขึ้นมาอีกนั้น จึงยิ่งส่งผลให้มองศิลปกรรมอันเกิดจากฝีมือของผู้ทำลายอาณาจักรโรมันยิ่งดูไร้คุณค่าไร้รสนิยมยิ่งขึ้น จนนักวิจารณ์บางคนในยุคเรอเนซองส์ใช้คำกล่าวหาศิลปะกอธิคค่อนข้างรุนแรงว่าเป็นศิลปะที่ "ไร้รสนิยม" และ"วิตถาร" อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวยุโรปทั่วไปนอกจากอิตาลีแล้ว มักจะเรียกศิลปกรรมกอธิคอย่างยอมรับมากกว่าจะดูแคลน โดยพวกเขาจะเรียกศิลปะกลุ่มนี้เป็นภาษาละตินว่า Opus Modernum หรืองานสมัยใหม่ ศิลปกรรมกอทิกเป็นศิลปะที่มีคุณค่าในตนเองอีกลักษณะรูปแบบหนึ่งของโลก ส่งผลต่อกระแสการหวนกลับไปสู่การชื่นชมและสร้างงานศิลปกรรมกอธิคอีกครั้งในศตวรรษที่ 18 ทั้งในยุโรปและอเมริกา จนกลายเป็นยุคที่เรียกว่า Gothic Revival.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก

บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก มี 0 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย)

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก

บริเวณคริสต์ศาสนพิธี มี 11 ความสัมพันธ์ขณะที่ ศิลปะกอทิก มี 22 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 0, ดัชนี Jaccard คือ 0.00% = 0 / (11 + 22)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง บริเวณคริสต์ศาสนพิธีและศิลปะกอทิก หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: