ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง
ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง
ความแตกต่างระหว่าง ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง
ดีดีเย ดรอกบา vs. ลีกเอิง
ีดีเย อีฟว์ ดรอกบา เตบีลี (Didier Yves Drogba Tébily) เกิดเมื่อ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 ที่เมืองอาบีจาน ประเทศโกตดิวัวร์ (ไอวอรีโคสต์) เป็นอดีตนักฟุตบอลของเชลซีในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เคยเป็นกัปตันทีมชาติไอวอรีโคสต์และยังเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดในทีมชาติที่ 65 ประตู รวมถึงเป็นนักเตะผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2006-2007 ด้วยจำนวน 20 ประตู (33 ประตูถ้ารวมทุกการแข่งขัน) และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009-2010 ด้วยจำนวน 29 ประตู ดีดีเย ดรอกบา เป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ทำประตูในสนามเวมบลีย์ จากการยิงประตูให้เชลซีเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปด้วยคะแนน 1-0 ดรอกบาย้ายจากออแล็งปิกเดอมาร์แซย์มาร่วมทีมเชลซีช่วงกลางปี 2004 แม้ปัญหาอาการบาดเจ็บจะรบกวนเขาบ่อยครั้งในฤดูกาลแรกแต่ดรอกบาก็ยังทำประตูได้ถึง 16 ครั้งรวมทุกรายการหนึ่งในนั้นเป็นประตูในนัดชิงชนะเลิศคาร์ลิงคัพ ฤดูกาล 2005/06 ดรอกบาทำได้ 16 ประตูอีกครั้ง ในจำนวนนั้น 12 ประตูเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกและช่วยให้เชลซีป้องกันแชมป์ไว้ได้ แต่ก่อนที่เชลซีจะป้องกันแชมป์ได้นั้น ดรอกบาถูกกล่าวหาอย่างหนักถึงการพุ่งล้มหลังจากสองเกมปัญหาที่เขาใช้มือเล่นบอล แต่ดรอกบาสามารถสยบเสียงวิจารณ์ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในเกมกับเวสต์แฮมเมื่อเดือนมีนาคมปี 2006 เชลซีที่กำลังตามหลังอยู่ทั้งประตูและจำนวนผู้เล่นพลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 4-1 ในฤดูกาลต่อมาดรอกบาทำได้ถึง 33 ประตูซึ่งเป็นการที่ยิงในพรีเมียร์ลีก 20 ลูก ทำให้เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครอง ดรอกบายังสร้างสถิติลงสนามมากที่สุดในฤดูกาลเดียวที่ 60 นัดมากเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสร เขาจบฤดูกาลด้วยการยิงประตูแรกของสโมสรในนิวเวมบลีย์ให้เชลซีเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ปี 2007 ฤดูกาล 2007/08 ดรอกบาโดนอาการบาดเจ็บที่หัวเข่ารบกวนและต้องลงเล่นในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติในแอฟริกา ทำให้เขาจบฤดูกาลด้วยการยิงได้เพียง 15 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงสเปอส์ที่นิวเวมบลีย์ในนัดชิงชนะเลิศคาร์ลิงคัพที่เชลซีแพ้ไป ดรอกบายิงลิเวอร์พูลถึง 2 ประตูที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบรองชนะเลิศ และจบทัวร์นาเมนต์นั้นด้วยใบแดงในนัดชิงชนะเลิศกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด การมาของผู้จัดการทีมใหม่อย่างลูอิส เฟลีปี สโกลารี ในฤดูกาล 2008/09 มาพร้อมกับความคาดหวังที่จะทำให้เกมรุกของเชลซีมีคุณภาพขึ้น แต่ดรอกบายังคงถูกรบกวนจากอาการบาดเจ็บ ทำให้เล่นไม่ได้อย่างที่เคย แม้จะทำประตูเบิร์นลีย์ได้ในคาร์ลิงคัพ เขากลับโดนลงโทษห้ามแข่งถึงสามนัดจากการฉลองประตูที่ไม่เหมาะสม เมื่อกุส ฮิดดิงค์เข้ามาคุมทีมตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ดรอกบาก็เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้งด้วยการทำประตูสำคัญให้ทีมหลายครั้ง แต่ก็ต้องพบกับเหตุการณ์พลิกผันอีกครั้งในเกมแชมเปียนส์ลีกรอบรองชนะเลิศกับบาร์เซโลนา หลังจากเชลซีตกรอบด้วยประตูในช่วงทดเวลาของอีเนียสตา ดรอกบาแสดงความไม่พอใจคำตัดสินของทอม เฮนนิง โอเฟรโบ ทำให้ถูกลงโทษห้ามแข่งสามนัดในฤดูกาลหน้า ในนัดชิงเอฟเอคัพปีนั้น ดรอกบาทำประตูตีเสมอเอฟเวอตัน ซึ่งเป็นประตูที่ 4 ของเขาจาก 4 เกมในนิวเวมบลีย์ การทำคนเดียวสองประตูในนัดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2009/10 เป็นสัญญาณที่ดีว่าดรอกบาน่าจะรักษาฟอร์มการเล่นจากช่วยท้ายฤดูกาลก่อนไว้ได้ การ์โล อันเชลอตตีวางแทกติกให้ดรอกบาและอาแนลกาได้เล่นคู่กัน ทำให้เขายิงได้ถึง 18 ประตูจาก 21 เกมในช่วงคริสต์มาส และจบฤดูกาลด้วยจำนวน 37 ประตูรวมทุกรายการ ช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและดรอกบาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ประตูชัยของเขาในเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศยังช่วยให้เชลซีคว้าดับเบิลแชมป์ฟุตบอลลีกและถ้วยได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ดรอกบายังได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลโดยแฟนบอลอีกด้วย ดรอกบาเริ่มต้นค้าแข้งในดิวิชัน 2 ของลีกฝรั่งเศสกับทีมเลอม็อง ก่อนที่จะย้ายขึ้นมาเล่นในดิวิชัน 1 กับทีมแก็งก็อง จากนั้นออแล็งปิกเดอมาร์แซย์คว้าตัวดรอกบาไปร่วมทีมและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการทำ 18 ประตูจากการลงสนาม 35 นัดในลีก ยิ่งไปกว่านั้นดรอกบายังยิงในยูฟ่าคัพอีก 6 ประตู ทำให้มูรีนโยวางตัวดรอกบาเป็นเป้าหมายหลักในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะกลางปี และก็คว้าตัวเขามาได้สำเร็จ ดรอกบาลงเล่นทีมชาติครั้งแรกในปี 2002 เขานำทีมชาติโกตดิวัวร์เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2006 ในฐานะกัปตันทีมและต่อด้วยครั้งที่ 2 ในปี 2010 แม้ดรอกบาจะทำประตูได้ทั้งสองครั้ง แต่ทีมชาติของเขาก็ไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ ในการแข่งขันระดับทวีป โกตดิวัวร์ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยแพ้อียิปต์ในการดวลจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2006 คว้าอันดับ 4 ในปี 2008 ที่กานา และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2010 ในช่วงปี 2012 เชลซีได้ไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบชิงชนะเลิศกับบาเยิร์นมิวนิก โดยเขาเป็นฮีโร่โขกทำประตูให้ทีมในนาทีที่ 88 ซึ่งช่วยทำให้เชลซีตีเสมอบาเยิร์นมิวนิก 1-1 (หลังผ่าน 120 นาที) จึงได้ดวลจุดโทษตัดสิน ปรากฏว่า เขายิงเป็นคนสุดท้ายช่วยให้ทีมเชลซีชนะจุดโทษด้วยผล 4-3 จึงคว้าแชมป์มาได้ ซึ่งเป็นแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา ซึ่งดรอกบาก็ถูกโหวตให้เป็น ยูฟ่าแมนออฟเดอะแมตช์ ในการแข่งขันฤดูกาล 2011-2012 ดรอกบาได้ย้ายไปเล่นให้กับกาลาทาซาไรในซือเปร์ลีก ตุรกี เป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่ก่อนเปิดฤดูกาล 2014-15 ได้ถูกเรียกตัวจากโชเซ มูรีนโย ให้กลับมายังเชลซีในตำแหน่งกองหน้าอีกครั้ง แม้อายุจะมากแล้วถึง 35 ปีก็ตาม หลังจบฤดูกาล 2014-15 ดรอกบาได้ตกลงเซ็นสัญญาหนึ่งปีกับมอนทรีออลอิมแพกต์ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ สหรัฐอเมริก. ลีกเอิง (Ligue 1) เป็นลีกฟุตบอลสูงสุดของฟุตบอลในประเทศฝรั่งเศส โดยมีลีกรองลงมาคือ ลีกเดอ (League 2) ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2475 โดยมีการเล่นต่อเนื่องมาทุกปียกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในอดีตจำนวนทีมที่เล่นในลีกเอิงจะเปลี่ยนไปมาระหว่าง 18 และ 20 ทีม ซึ่งปัจจุบันมีทีมทั้งหมด 20 ทีม และมีการเล่นในแบบการแข่งเหย้าและเยือน ทีมละ 38 นัด เมื่อจบฤดูกาล 2 ทีมอันดับสุดท้ายของตารางจะตกชั้นลงในเล่นในลีกเดอ และทีมจากลีกเดอจะเลื่อนชั้นขึ้นมา ส่วน 3 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยสองทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไปรอในรอบแบ่งกลุ่ม(ทีมชนะเลิศได้อยู่โถ 1) ในขณะที่ทีมอันดับ 3 จะต้องแข่งรอบเพลย์ออฟอีกทีหนึ่ง ส่วนอันดับ 4 จะมีสิทธิเข้าไปเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก ทีมที่ชนะลีกเอิงมากที่สุดคือ แซ็งเตเตียน (Saint-Étienne) ชนะเลิศ 10 ครั้ง ในขณะที่ทีมชนะเลิศติดต่อกันมากที่สุดคือลียง (Olympique Lyonnais) ชนะเลิศ 7 ฤดูกาล (2002-2008).
ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง
ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง มี 2 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกออแล็งปิกเดอมาร์แซย์
ูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League; ชื่อเดิม: ยูโรเปียนคัพ; European Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรต่าง ๆ ภายในทวีปยุโรป ซึ่งจัดการแข่งขันโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เริ่มการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยทีมที่ได้อับดับที่ 1-3 ในแต่ละลีกจะได้ไปแข่งโดยอัตโนมัติ ส่วนที่ 4 จะได้ไปเพลย์ออฟรอบสุดท้ายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละลีกเช่นกันจากการจัดอันดับคะแนนลีกของยูฟ่า ลักษณะของการแข่งขันรายการนี้จะเป็นการนำทีมที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดของแต่ละลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรปมาแข่งขันกัน โดยพิจารณาออกมาเป็นโควตาของแต่ละลีก พรีเมียร์ลีกของอังกฤษ, ลาลีกาของสเปน และบุนเดสลีกาของเยอรมนีมีโควตาสี่ทีม ส่วนเซเรียอาของอิตาลีมีโควตาสามทีมเป็นต้น ทั้งนี้ สโมสรที่ชนะเลิศมากที่สุดคือ เรอัลมาดริด (สเปน, 12 ครั้ง) อันดับสองคือ เอซีมิลาน (อิตาลี, 7 ครั้ง) อันดับสามคือ บาเยิร์นมิวนิก (เยอรมัน, 5 ครั้ง) โดยสโมสรที่ชนะเลิศ 3 สมัยติดต่อกันหรือชนะเลิศครบ 5 สมัย จะได้รับถ้วยรางวัลไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสร เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลอื่น ๆ ของยูฟ่า โดยที่เรอัลมาดริดได้ไปเมื่อ ค.ศ. 1958, อายักซ์ (ค.ศ. 1973), บาเยิร์นมิวนิก (ค.ศ. 1976), เอซีมิลาน (ค.ศ. 1994) และลิเวอร์พูล (ค.ศ. 2005) บาเซโลน่า (ค.ศ. 2015) ปัจจุบันในฤดูกาล 2016-17 สโมสรที่ชนะเลิศคือ เรอัลมาดริด และเป็นแชมป์สมัยที่สิบสองในรายการนี้ โดยเอาชนะยูเวนตุสไป 4-1 ในช่วง 90 นาที ในนัดชิงชนะเลิศ 2017.
ดีดีเย ดรอกบาและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก · ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและลีกเอิง · ดูเพิ่มเติม »
ออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ (Olympique de Marseille) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองมาร์แซย์ ก่อตั้งในปี..
ดีดีเย ดรอกบาและออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ · ลีกเอิงและออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ · ดูเพิ่มเติม »
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง
การเปรียบเทียบระหว่าง ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง
ดีดีเย ดรอกบา มี 27 ความสัมพันธ์ขณะที่ ลีกเอิง มี 48 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 2, ดัชนี Jaccard คือ 2.67% = 2 / (27 + 48)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ดีดีเย ดรอกบาและลีกเอิง หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: