เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท

ซูเปอร์ไลท์เวท vs. ไลท์เวท

ซูเปอร์ไลท์เวท (Super lightweight) ชื่อเรียกรุ่นมวยรุ่นหนึ่งที่อยู่ระหว่างรุ่นไลท์เวทกับรุ่นเวลเตอร์เวท นักมวยที่จะชกในรุ่นนี้ต้องมีน้ำหนักมากกว่า 135 ปอนด์ (61.235 กิโลกรัม) และไม่เกิน 140 ปอนด์ (63.503 กิโลกรัม) โดยสถาบันสภามวยโลก (WBC) และสมาคมมวยโลก (WBA) ก่อตั้งรุ่นนี้ขึ้นมาพร้อมกันในปี ค.ศ. 1967 โดยเริ่มแรกเรียกว่า ไลท์เวลเตอร์เวท (Light welterweight) ต่อมาทางสภามวยโลกได้เปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น ซูเปอร์ไลท์เวท ส่วนทางสมาคมมวยโลกและสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) เรียกว่า จูเนียร์เวลเตอร์เวท (Junior welterweight) แต่ในวงการมวยสากลสมัครเล่นยังคงเรียกว่า ไลท์เวลเตอร์เวท อยู่ สำหรับนักมวยไทยเคยครองแชมป์โลกในรุ่นนี้มาแล้ว 1 คน คือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ซึ่งเป็นแชมป์โลกรุ่นใหญ่สุดที่นักมวยไทยเคยเป็นแชมป์มาด้วย และมีนักมวยสากลสมัครเล่นเคยได้ครองเหรียญทองโอลิมปิกมาแล้วในปี ค.ศ. 2004 คือ มนัส บุญจำนงค์ และได้เหรียญเงินโอลิมปิก 2 คน คือ ทวี อัมพรมหา ในปี ค.ศ. 1984 และ มนัส บุญจำนงค์ ในปี ค.ศ. 2008 สำหรับนักมวยชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง ที่ชกหรือเคยชกในพิกัดน้ำหนักนี้ ได้แก่ กัตซ์ อิชิมะสึ, อันโตนิโอ เซอร์วองเตซ, ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด, โธมัส เฮิร์นส์, โรแบร์โต้ ดูรัน, ฮูลิโอ ซีซาร์ ชาเวซ, ออสการ์ เดอ ลา โฮยา, มิเกล แองเจิล กอนซาเลซ, มิเกล คอตโต, แมนนี่ ปาเกียว, อีริค โมราเลส, ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์, อาร์ตูโร กัตติ, อาเมียร์ ข่าน, รุสลัน โปรวอดนิคอฟ เป็นต้น. ลท์เวท (Lightweight) ชื่อเรียกรุ่นมวยรุ่นเล็กรุ่นหนึ่ง โดยนักมวยที่จะชกในรุ่นนี้ต้องมีน้ำหนักมากกว่า 130 ปอนด์ (58.967 กิโลกรัม) และไม่เกิน 135 ปอนด์ (61.235 กิโลกรัม) โดยทุกสถาบันจะเรียกชื่อนี้เหมือนกันหมด สำหรับนักมวยไทยยังไม่เคยมีใครได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นนี้ และยังไม่เคยประสบความสำเร็จในแบบมวยสากลสมัครเล่นระดับโลก เช่น กีฬาโอลิมปิก เป็นต้น สำหรับนักมวยต่างชาติที่มีชื่อเสียง ที่ชกในพิกัดนี้ ได้แก่ อเล็กซิส อาร์กูเอลโล่, คิม ดุ๊กกู, โรแบร์โต ดูรัน, เจฟฟ์ เฟเนค, อซูม่าห์ เนลสัน, มิเกล แองเจิล กอนซาเลซ, ฮูลิโอ ซีซาร์ ชาเวซ, ออสการ์ เดอ ลา โฮยา, แมนนี่ ปาเกียว, อาเมียร์ ข่าน เป็นต้น สำหรับประวัติศาสตร์ของรุ่นไลท์เวท ถือว่าเป็นพิกัดน้ำหนักมวย 3 รุ่นแรกของโลกด้วย โดยถือกำเนิดขึ้นมาในปี ค.ศ. 1850 พร้อมกับรุ่นมิดเดิลเวท และเฮฟวี่เวท.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท

ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท มี 7 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): มีเกล อังเคล กอนซาเลซออสการ์ เดอ ลา โฮยาอาเมียร์ ข่านคูลีโอ เซซาร์ ชาเบซแมนนี ปาเกียวโรเบร์โต ดูรันโอลิมปิกฤดูร้อน

มีเกล อังเคล กอนซาเลซ

มีเกล อังเคล กอนซาเลซ (Miguel Ángel González) เป็นนักมวยชาวเม็กซิกัน เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971 ที่กรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก มีชื่อเต็มว่า มีเกล อังเคล กอนซาเลซ ดาบิลา (Miguel Ángel González Dávila) กอนซาเลซ เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต ของ WBC หรือ สภามวยโลก ระหว่างปี ค.ศ. 1993-ค.ศ. 1996 ก่อนที่จะสละแชมป์โลกไปเนื่องจากต้องการชกในรุ่นที่สูงขึ้น รวมการป้องกันตำแหน่งไว้ได้ทั้งหมด 10 ครั้ง ซึ่งในระหว่างนี้กอนซาเลซมีสถิติการชกไม่เคยแพ้หรือเสมอใครเลย แต่หลังจากเลื่อนรุ่นขึ้นไปชกในรุ่น 140 ปอนด์แล้ว กอนซาเลซไม่ประสบความสำเร็จในการชิงแชมป์โลกเลย เนื่องจากเคยชิงแชมป์ซูเปอร์ไลต์เวต ของ WBC 3 ครั้ง ด้วยการแพ้คะแนน ออสการ์ เดอ ลา โฮยา ในปี ค.ศ. 1997, เสมอ 12 ยก คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ นักมวยชาวเม็กซิกันรุ่นพี่ ในปี ค.ศ. 1998, แพ้ทีเคโอ คอสยา ซู ในปี ค.ศ. 1999 และแพ้น็อกในการชิงแชมป์เวลเตอร์เวต ของ WBA 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 2004 กับคอรี่ สปิ๊งค์ และ ค.ศ. 2005 กับลุยส์ คอลลาโซ่ ด้วย ชีวิตครอบครัว มีเกล อังเคล กอนซาเลซ แต่งงานแล้ว มีบุตรสาว 1 คน สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี ชีวิตส่วนตัวชอบฟังเพลงของวงโรลลิงสโตนส์ ในช่วงต้นของการชกมวย กอนซาเลซได้ไปชกอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อยู่ 5 ไฟต์ จนได้ฉายาว่า "ซานตา โตเกียว" (Santa Tokyo) ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 มีเกล อังเคล กอนซาเลซ กลับมาชกมวยอีกครั้งเพื่อเก็บเงินการกุศลด้วยวัย 40 ปี.

ซูเปอร์ไลท์เวทและมีเกล อังเคล กอนซาเลซ · มีเกล อังเคล กอนซาเลซและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

ออสการ์ เดอ ลา โฮยา

ออสการ์ เดอ ลา โฮยา (Oscar De La Hoya) เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1971 ที่เมืองมอนเตเบลโล ในอีสต์ ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนี.

ซูเปอร์ไลท์เวทและออสการ์ เดอ ลา โฮยา · ออสการ์ เดอ ลา โฮยาและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

อาเมียร์ ข่าน

อาเมียร์ ข่าน (Amir Khan) นักมวยสากลชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน มีชื่อเต็มว่า อาเมียร์ อิคบอล ข่าน (อูรดู: امیر اقبال خان, Amir Iqbal Khan) เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1986 ที่เมืองโบลตัน ในเกรท แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยครอบครัวนั้นเป็นชาวปากีสถานที่มาตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีต้นตระกูลมาจากเมืองราวัลปินดี ข่าน เริ่มต้นการชกมวยจากการชกมวยสากลสมัครเล่นก่อน จนกระทั่งติดทีมชาติ ได้ไปแข่งกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และได้รับเหรียญเงินในรุ่นไลท์เวท เนื่องจากในรอบชิงชนะเลิศเป็นฝ่ายแพ้ต่อ มาริโอ คินเดลาน ยอดนักมวยสากลสมัครเล่นในรุ่นนี้ชาวคิวบา ไป 22-30 หมัด จากนั้นจึงหันมาชกมวยสากลอาชีพ ในสังกัดของแฟรงก์ วอร์เรน โปรโมเตอร์ชาวอังกฤษ อาเมียร์ ข่าน ถือได้ว่าเป็นนักมวยดาวรุ่งชาวอังกฤษคนใหม่ ที่ได้รับการจับตามอง เนื่องจากเป็นนักมวยที่ความไวในการออกหมัด มีจุดเด่นคือ การออกหมัดแย็บได้แม่นยำและหนักหน่วง ประกอบกับมีเชื้อสายของชาวเอเชียและหน้าตาดี จึงได้รับการโปรโมตและสร้างสรรค์ ถือได้ว่าเป็นนักมวยชาวอังกฤษที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นนักมวยระดับโลกเป็นคนต่อไป นับจาก นาซีม ฮาเหม็ด ที่ได้แขวนนวมไปก่อนหน้านี้ โดย ข่าน ได้ถูกประกบคู่พบกับ มาร์โก อันโตนิโอ บาร์เรรา ยอดนักมวยชาวเม็กซิกัน ผู้ซึ่งทำให้ฮาเหม็ดพ่ายแพ้ได้และทำให้ต้องแขวนนวมไปในที่สุด เมื่อปี ค.ศ. 2009 ผลการชกปรากฏว่าข่านสามารถเอาชนะบาร์เรราเป็นฝ่ายแพ้แตกไปในยกที่ 5 เท่านั้น โดยที่ข่านแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อเป็นฝ่ายแพ้น็อก ต่อ เบรติส เพรสคอตต์ นักมวยชาวโคลอมเบีย ไปในยกที่ 2 เท่านั้น เมื่อปี ค.ศ. 2008 แต่หลังจากนั้นแล้วก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเรื่อย ๆ มา อาเมียร์ ข่าน ได้ตำแหน่งแชมป์โลกในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวทของสมาคมมวยโลก (WBA) และเป็นแชมป์โลกรุ่นเดียวกันนี้ของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) ด้วย โดยได้แชมป์มาจากการชกล้มแชมป์ในกลางปี ค.ศ. 2011 โดยชนะน็อกยก 5 ซาบ จูดาห์ นักมวยชาวอเมริกันไปได้ โดยเสียแชมป์โลกทั้ง 2 สถาบันนี้ให้แก่ ลามอนต์ ปีเตอร์สัน นักมวยชาวอเมริกันไปในปลายปี ค.ศ. 2011 โดยแพ้คะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ โดยในการข่านถูกตัดคะแนนไป 2 คะแนนด้วย แต่ต่อมาทางสมาคมมวยโลกได้มีมติคืนเข็มขัดแชมป์โลกให้แก่ข่าน เนื่องจากปีเตอร์สันไม่ผ่านการตรวจการใช้สารกระตุ้น ก่อนที่ข่านจะชกเดิมพันตำแหน่งแชมป์โลกในรุ่นเดียวกันนี้ กับ แดนนี่ การ์เซีย แชมป์ของสภามวยโลก (WBC) ซึ่งผลการชก ข่านเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอ การ์เซีย ไปในยกที่ 4 ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 ชนิดที่ข่านโดนกรรมการนับถึง 3 ครั้งด้วยกัน ข่านมีเทรนเนอร์ คือ เฟรดดี โรช เทรนเนอร์คนเดียวกับของ แมนนี่ ปาเกียว ยอดนักมวยชาวฟิลิปปินส์ ผู้ซึ่งเป็นแชมป์โลก 8 รุ่นคนแรกของโลก และชกอยู่ในสังกัด "โกลเด้นบอย โปรโมชั่น" ของ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา โดยที่เดอ ลา โฮยา มีเป้าหมายที่จะประกบคู่ให้พบกับ ปาเกียว หรือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ต่อไปในอนาคต ซึ่งสำหรับปาเกียวแล้ว ทั้งคู่เคยชกด้วยกันขณะที่ซ้อม ปรากฏว่าข่านเป็นฝ่ายไล่ชกปาเกียวอยู่เพียงฝ่ายเดียว.

ซูเปอร์ไลท์เวทและอาเมียร์ ข่าน · อาเมียร์ ข่านและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ

ูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ กอนซาเลซ (Julio César Chávez González) เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1962 ที่เมืองซิวดัดโอเบรกอน รัฐโซโนรา ประเทศเม็กซิโก ชาเบซ เริ่มชกมวยสากลอาชีพในปี ค.ศ. 1980 ชนะรวดถึง 43 ครั้ง ก่อนจะได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นแรก คือรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต ของสภามวยโลก (WBC) เมื่อปี ค.ศ. 1984 และสามารถชนะน็อกยก 8 มารีโอ มาร์ตีเนซ นักมวยชาวเม็กซิโกด้วยกัน ครองแชมป์ที่ว่างอยู่ และป้องกันแชมป์ได้ 9 ครั้ง จากนั้นจึงเลื่อนรุ่นไปชิงแชมป์โลกในรุ่นไลต์เวตของสมาคมมวยโลก (WBA) กับ เอ็ดวิน โรซารีโอ นักมวยชาวเปอร์โตริโก เมื่อปี ค.ศ. 1987 ซึ่งชาเบซสามารถชนะน็อกโรซาริโอได้อย่างสวยงามในยกที่ 11 จากนั้นจึงเดิมพันตำแหน่งแชมป์ในรุ่นนี้กับแชมป์ของสภามวยโลก (WBC) กับ โคเซ หลุยส์ รามิเรซ นักมวยชาวเม็กซิโกด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1988 ที่ลาสเวกัส ผลการชกทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุหัวชนกันไม่สามารถชกต่อกันได้ จึงรวมคะแนน คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ เป็นฝ่ายคะแนนไป หลังจากครั้งนี้แล้ว ชาเบซได้สละตำแหน่ง ขึ้นไปชิงแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์ไลต์เวต สภามวยโลก (WBC) กับโรเจอร์ เมเวตเธอร์ นักมวยชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1989 ซึ่งชาเบซก็สามารถชนะน็อกเมเวตเธอร์ได้ในยกที่ 10 คว้าแชมป์โลกในรุ่นที่ 3 มาครองได้สำเร็จ ชาเบซป้องกันตำแหน่งแชมป์ในรุ่นนี้ไว้ได้ถึง 11 ครั้งด้วยกัน และรวบแชมป์ของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) มาครองอีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อชนะน็อก เมดริด เทเลอร์ นักมวยชาวอเมริกัน ได้ในยกที่ 12 แต่ก็สละตำแหน่งแชมป์ของ IBF ไปหลังจากป้องกันตำแหน่งไว้ได้ 2 ครั้ง จากนั้นชาเบซถึงเลื่อนรุ่นขึ้นไปชกชิงแชมป์ในรุ่นเวลเตอร์เวต สภามวยโลก (WBC) โดยไม่ได้สละแชมป์ซูเปอร์ไลต์เวต กับเพอร์เนล วิเทเกอร์ นักมวยชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งผลการชกออกมาเสมอกัน แบบที่วิเทเกอร์น่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า จากนั้นชาเบซจึงกลับมาชกในรุ่นเดิม ชาเบซแพ้ครั้งแรก อย่างไม่มีใครคาดคิด ในปี ค.ศ. 1994 ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 12 เมื่อแพ้ต่อแฟรงกี เรนดอลล์ นักมวยโนเนมชาวอเมริกัน ด้วยคะแนนขาดลอย โดยที่ชาเบซถูกนับในยกที่ 11 ด้วย อีก 4 เดือนต่อมา ชาเบซจึงได้มีโอกาสแก้มืออีกครั้ง และกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง เมื่อทั้งคู่เกิดหัวชนกัน ชาเบซแตกที่เหนือคิ้วขวา ไม่สามารถชกต่อไปได้ ผลรวมคะแนน 8 ยกที่ผ่านมา ชาเบซชนะคะแนนไปแบบไม่เอกฉันท์ แพ้แตก ในการเจอกับ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา ครั้งแรก ชาเบซ ชกป้องกันตำแหน่งแชมป์ในครั้งที่ 2 นี้ไว้ได้อีก 4 ครั้ง ก่อนจะเปิดศึกกับยอดมวยรุ่นน้องที่แรงขึ้นมา คือ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา ในปี ค.ศ. 1996 และเดอ ลา โฮยา ก็เป็นฝ่ายชนะน็อกไปไนยกที่ 4 เท่านั้น เมื่อชาเบซเกิดแผลแตกฉกรรจ์ ไม่สามารถชกต่อไปได้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1998 เมื่อ เดอ ลา โฮยา สละแชมป์ไป ชาเบซจึงได้มีโอกาสชิงแชมป์อีกครั้งกับมีเกล อังเคล กอนซาเลซ นักมวยรุ่นน้องชาวเม็กซิโก ที่ก้าวขึ้นมาทาบรัศมี ที่สนามปลาซาเดโตโร สนามสู้วัวกระทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในกรุงเม็กซิโกซิตี ผลการชกทั้งคู่ออกมาเสมอกันไปแบบที่ชาเบซน่าจะชนะคะแนนมากกว่า ชาเบซยังคงชกต่อไป และได้มีโอกาสพบกับ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา อีกครั้ง ในกลางปี ผลการชกออกมาในแบเดิอมอีก คือ ชาเบซแตกเป็นแผลฉกรรจ์ ไม่สามารถชกต่อไปได้ ในยกที่ 8 ชาเบซก็ยังคงชกต่อไป โดยหวังจะกลับมาเป็นแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์ไลต์เวตนี้อีกครั้งให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 6 ต่อ คอสยา ซู นักมวยชาวรัสเซีย แชมป์โลกคนใหม่ ในปี ค.ศ. 2001 จากนั้นชาเบซจึงชกต่อไปอีก 3 - 4 ครั้ง และก็ได้ประกาศแขวนนวมไป คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ จัดได้ว่าเป็นยอดมวยคนหนึ่งของโลก มีสถิติการชกที่น่าทึ่ง มีหมัดตัดลำตัวที่หนักหน่วง รุนแรง เมื่อไมค์ ไทสัน ถูกตัดสินโทษจำคุกนานถึง 5 ปี ไฮไลต์ของวงการมวยโลกมุ่งมาที่รุ่นกลาง ๆ นี้ โดยมีชาเบซเป็นจุดสนใจ ชาเซวเป็นขวัญใจของชาวเม็กซิโกทั้งประเทศ จนอาจเรียกได้ว่าเป็น "ตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่" แฟนมวยชาวไทยให้ฉายาว่า "เพชฌฆาตหน้าหยก" เนื่องจากเป็นนักมวยที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ในขณะที่แฟนมวยชาวอเมริกันเรียกว่า "J.C.Superstar" ปัจจุบันนี้ ชาเบซมีลูกชายคนหนึ่งที่ชกมวยตามแบบพ่อ คือ คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ จูเนียร์ ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกในรุ่นมิดเดิลเวทของสภามวยโลกอยู.

คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซและซูเปอร์ไลท์เวท · คูลีโอ เซซาร์ ชาเบซและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

แมนนี ปาเกียว

ฟรดดี โรช เทรนเนอร์ แมนนี ปาเกียว (Manny Pacquiao) นักมวยสากล, นักบาสเกตบอล และนักการเมืองชาวฟิลิปปินส์ เจ้าของฉายา เดอะแพ็คแมน (The Pac Man) นับเป็นนักมวยสากลอาชีพคนแรกของโลกที่ได้เป็นแชมป์โลกถึง 8 รุ่น.

ซูเปอร์ไลท์เวทและแมนนี ปาเกียว · แมนนี ปาเกียวและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

โรเบร์โต ดูรัน

การชกครั้งแรกระหว่างดูรันกับเลียวนาร์ด ในครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1980 ซึ่งดูรันสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ นับเป็นนักมวยรายแรกที่สร้างความปราชัยแก่เลียวนาร์ดได้และนับเป็นหนึ่งในการชกที่ดีที่สุดในชีวิตของดูรัน โรเบร์โต ดูรัน ซามาเนียโก (Roberto Durán Samaniego) วีรบุรุษนักชกแห่งปานามา และอดีตแชมป์โลก 4 รุ่น ดูรันถือได้ว่าเป็นยอดนักมวยขวัญใจชาวปานามา เช่นเดียวกับคูลีโอ เซซาร์ ชาเบซ ที่เป็นยอดนักมวยขวัญใจชาวเม็กซิโก ดูรันเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1951 ที่เมืองกวาราเร ประเทศปานามา เริ่มชกมวยสากลอาชีพครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1967 ในรุ่นไลต์เวต ทำสถิติชนะรวดจนได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นไลต์เวต สมาคมมวยโลก (WBA) กับ เคน บูชาแนน นักชาวสกอตแลนด์ ที่นิวยอร์กซิตี เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ดูรันสามารถเอาชนะน็อกบูชาแนนไปได้ในยกที่ 13 จากนั้นดูรันได้ชกนอกรอบอีก 3 ครั้ง 2 ครั้งแรกสามารถเอาชนะน็อกนักมวยโนเนมได้เพียงยกแรก แต่ในครั้งที่ 3 ดูรันต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตแก่นักมวยชาวเปอร์โตริโก เอสเตบัน เด เฮซุส ซึ่งต่อมากลายมาเป็นคู่ปรับคนสำคัญอีกคนหนึ่งของดูรัน ดูรันป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกไลต์เวตของ WBA ไว้ได้ถึง 12 ครั้ง นับว่าเป็นสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกสูงสุดของรุ่นไลต์เวตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครั้งสุดท้ายในการป้องกันตำแหน่งรุ่นนี้คือ การเดิมพันแชมป์ในรุ่นด้วยกันกับแชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) กับเอสเตบัน เด เฮซุส คู่ปรับเก่า ผลปรากฏว่าดูรันสามารถเอาชนะน็อกได้ในยกที่ 12 เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1978 ต่อมา ดูรันสละแชมป์ไลต์เวต 2 สถาบันนี้ไป เพื่อก้าวขึ้นไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า คือ เวลเตอร์เวต ซึ่งในขณะนั้น ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด ยอดนักชกชาวอเมริกันเป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกของสภามวยโลก และยังมีสถิติไม่เคยแพ้ใคร เมื่อทั้งคู่มาพบกัน ไม่มีใครคาดคิดว่ามวยบู๊อย่างดูรันจะเอาชนะมวยที่มีชั้นเชิงอย่างเลียวนาร์ดได้ แต่ทว่าดูรันก็ใช้ความแข็งแกร่ง ทรหดกว่า เดินบดเข้าหาเลียวนาร์ดตลอดการชกทั้ง 15 ยก จนในที่สุดก็สามารถเอาชนะคะแนนเลียวนาร์ดได้ ในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1980 ที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา ได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 2 อีก 5 เดือนต่อมา ทั้งคู่ได้มีโอกาสล้างตากันอีกครั้งที่นิวออร์ลีนส์ คราวนี้เลียวนาร์ดเตรียมตัวมาดีกว่าเก่า สามารถแก้ทางของดูรันได้ จนดูรันไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนครั้งแรก จนดูรันเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไปเองดื้อ ๆ ในระหว่างพักยกที่ 7 ขึ้นยกที่ 8 โดยบอกเป็นภาษาสเปนว่า "No Más" (ไม่เอาแล้ว) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ดูรันก็สามารถชกต่อไปอีกได้ ต่อมาดูรันก็สามารถได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 3 ได้ เมื่อเอาชนะน็อกยก 8 เดวี่ มัวร์ นักมวยชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1983 ได้แชมป์โลกในรุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวต สมาคมมวยโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นดูรันเกือบได้เป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 3 มาแล้ว แต่เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 15 ยก แก่ วิลเฟรด เบนิเตซ นักมวยชาวเปอร์โตริกัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์เวลเตอร์เวต สภามวยโลก เมื่อปี ค.ศ. 1982 ในทศวรรษที่ 80 นี้ โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 ยอดนักชกแห่งรุ่นกลาง (ตั้งแต่เวลเตอร์เวตจนถึงซูเปอร์มิดเดิลเวต-ประกอบไปด้วย ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด, โรเบร์โต ดูรัน, ทอมัส เฮินส์ และมาร์วิน แฮ็กเลอร์ ซึ่งนักมวยทั้ง 4 นี้จะพบกันเองตลอด และผลัดแพ้-ผลัดชนะกัน) ต่อมา ดูรันได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นที่ 4 กับ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมิดเดิลเวต 3 สถาบันใหญ่ แต่เมื่อครบ 15 ยกแล้ว ดูรันเป็นฝ่ายแพ้คะแนนขาดลอย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1983 ต่อมา ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้น็อกแค่ยก 2 แก่ทอมัส เฮินส์ ในการชิงแชมป์โลกซูเปอร์เวลเตอร์เวต สภามวยโลก ที่เฮิร์นส์เป็นแชมป์โลกอยู่อย่างชนิดที่สู้ไม่ได้เลย เพราะดูรันเป็นฝ่ายที่รับหมัดของเฮิร์นส์แต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1984 ที่ลาสเวกัส จากนั้นดูรันก็ไม่ได้ขึ้นเวตีอีกลย จนหลายฝ่ายคิดว่าเขาคงจะแขวนนวมไปแล้ว แต่ดูรันก็หวนกลับมาชกอีกครั้งในปี ค.ศ. 1986 ชนะทั้งหมด 7 ครั้ง มีสะดุดแพ้อยู่ครั้งเดียวเมื่อแพ้คะแนนต่อร็อบบี ซิมส์ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 ดูรันก็ได้ครองแชมป์โลกรุ่นที่ 4 เมื่อชนะคะแนน 12 ยก ต่อ ไอแรน บาร์กเลย์ นักมวยชาวอเมริกัน ได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นมิดเดิลเวตของสภามวยโลกที่แอตแลนติกซิตี ครั้งถัดมา ดูรันพยายามที่จะเป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 5 ให้ได้ โดยข้ามขึ้นไปชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวต สภามวยโลก กับ ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด อดีตคู่ปรับเก่า แต่ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างขาดลอยอีก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1989 ที่ลาสเวกัส ด้วยอายุที่มากขึ้น แต่โรเบร์โต ดูรัน ก็ยังไม่มีความตั้งใจที่เลิกชกมวย เขายังคงพากเพียรขึ้นเวทีอีกเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำฟอร์มชนะอีก 8 ครั้ง ก็ขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้งในรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวต สถาบันเล็ก ๆ อย่าง IBC กับ วินนี่ ปาเซียนซ่า แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีกถึง 2 ครั้ง เมื่อปี ค.ศ. 1994 และ ค.ศ. 1995 รวมทั้งชิงแชมป์ในรุ่นเดียวกันนี้ กับสถาบันแห่งนี้ กับ เอกตอร์ กามาโช ยอดนักมวยจอมลีลาชาวเปอร์โตริกัน เมื่อปี ค.ศ. 1996 ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยกไปอีก ดูรันยังคงพยายามชิงแชมป์ต่อไป ในปี ค.ศ. 1998 ดูรันเป็นฝ่ายแพ้เคะแนน 12 ยก แก่ วิลเลียม จอปปี เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมิดเดิลเวต สมาคมมวยโลก ชาวอเมริกัน ดูรันชกมวยเป็นครั้งสุดท้ายเป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยก แก่ เอกตอร์ กามาโช อีกครั้ง เมื่อปี ค.ศ. 2001 ที่เดนเวอร์ โคโลราโด โดยที่ดูรันมีอายุถึง 50 ปีแล้ว โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษนักชกชาวปานามา เป็นนักมวยที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา เป็นมวยในสไตล์ไฟเตอร์เดินหน้าเข้าชนกับคู่ต่อสู้ตลอด เป็นนักมวยที่ไว้หนวดทำให้หน้าตาดูดุดัน จนได้ฉายาในภาษาอังกฤษว่า "Hands of Stone" ในขณะที่แฟนมวยชาวไทยให้ฉายาว่า "มนุษย์หิน" ปัจจุบัน ดูรันได้รับการเกียรติให้ตั้งชื่อเป็นสนามกีฬาในร่ม ในกรุงปานามาซิตี ประเทศปานามา ชื่อ "โรเบร์โต ดูรัน อารีนา".

ซูเปอร์ไลท์เวทและโรเบร์โต ดูรัน · โรเบร์โต ดูรันและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

โอลิมปิกฤดูร้อน

กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน หรือ ซัมเมอร์โอลิมปิกเกมส์ (Summer Olympic Games) เป็นการแข่งขันกีฬาหลายชนิดระหว่างประเทศ ซึ่งตามปกติจะมีการจัดแข่งขันทุกสี่ปี โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee หรือ IOC) ในแต่ละครั้งจะมีการมอบเหรียญรางวัล ผู้ชนะเลิศได้เหรียญทอง อันดับสองได้เหรียญเงิน และอันดับสามได้เหรียญทองแดง การมอบเหรียญนี้เป็นประเพณีตั้งแต่ปี 1904 ต่อมามีการจัดแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว อันสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของโอลิมปิกฤดูร้อน การแข่งขันนั้นเริ่มต้นครั้งแรกด้วยกีฬาเพียง 42 ประเภท และนักกีฬาชายเพียง 250 คน จนมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงมากกว่า 10,000 คน ของนักกีฬาชายและหญิงจาก 202 ประเทศทั่วโลก คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง คาดการณ์ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 10,500 คน เข้าชิงชัยใน 302 รายการ ในขณะที่กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประมาณการไว้ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 10,500 คน แต่ก็เกิดการคลาดเคลื่อนขึ้นเพราะมีผู้เข้าแข่งขันกว่า 11,099 คน ใน 301 รายการแข่งขัน นักกีฬาถูกส่งเข้าแข่งขันโดยคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศต่าง ๆ (NOC-National Olympic Committee) เพื่อแสดงจำนวนพลเมืองในบังคับของประเทศตน เพลงชาติและธงชาติประกอบพิธีมอบเหรียญ และตารางแสดงจำนวนเหรียญที่ชนะ โดยถูกใช้อย่างกว้างขวางในบางประเทศ โดยปกติแล้วเฉพาะประเทศที่ได้รับการรับรองเท่านั้นที่จะมีผู้แทนได้ แต่มีแค่เพียงประเทศมหาอำนาจบางประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วม โดยมีเพียง 4 ประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อนทุกครั้ง ได้แก่ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร กรีซ และสวิตเซอร์แลนด์ และมีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ชนะและได้รับเหรียญทองอย่างน้อย 1 เหรียญจากการแข่งขันทุกครั้ง คือ สหราชอาณาจักร โดยได้รับตั้งแต่ 1 เหรียญทอง ในปี 1904 1952 และ 1996 จนถึงได้รับ 56 เหรียญทอง ในปี 1908.

ซูเปอร์ไลท์เวทและโอลิมปิกฤดูร้อน · โอลิมปิกฤดูร้อนและไลท์เวท · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท

ซูเปอร์ไลท์เวท มี 29 ความสัมพันธ์ขณะที่ ไลท์เวท มี 14 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 7, ดัชนี Jaccard คือ 16.28% = 7 / (29 + 14)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ซูเปอร์ไลท์เวทและไลท์เวท หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: