เรากำลังดำเนินการเพื่อคืนค่าแอป Unionpedia บน Google Play Store
🌟เราได้ทำให้การออกแบบของเราง่ายขึ้นเพื่อการนำทางที่ดีขึ้น!
Instagram Facebook X LinkedIn

จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน

จอร์จ เอส. แพตตัน vs. อิงกริด เบิร์กแมน

อร์จ สมิธ แพตตัน,จูเนียร์ (George Smith Patton, Jr.; 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1885 – 21 ธันวาคม ค.ศ. 1945) เป็นนายทหารระดับอาวุโสของกองทัพสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สั่งกองทัพสหรัฐที่7ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปของสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เป็นที่รู้จักกันดีในการนำกองทัพสหรัฐที่3ในฝรั่งเศสและเยอรมนีหลังปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ดมิถุนายน 1944 ในวัยเด็กแพตตัน มีภูมิหลังโดยคนในครอบครัวได้เป็นทหารในกองพลทหารม้า ทำให้ครอบครัวได้ส่งเขาเข้าเรียนทหาร ต่อมา แพตตันเข้าร่วมสถาบันการทหารเวอร์จิเนียและต่อมาที่สถาบันการทหารที่เวสต์พอย สหรัฐฯ เขาเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 1912 ในการวิ่งกรีฑาสมัยใหม่ซึ่งเขาได้ที่ห้า แพ็ตตันยังเป็นผู้ออกแบบดาบ M1913 ทหารม้าดาบที่รู้จักกันทั่วไปว่า "ดาบของแพ็ตตัน“Patton Sword.”."ในช่วงสงครามชายแดนในส่วนหนึ่งของการปฏิวัติเม็กซิกัน เขาได้คิดวิธีในการปราบกองโจรม้าเม็กซิกัน โดยนำปืนกลหนักติดกับรถเปิดทุน ผลเป็นที่น่าพอใจมาก ทำให้ได้มีการนำปืนกลหนักติดกับรถจิป สิ่งนั้นได้แพร่หลายไปทั่วโลกและยังมีการทำอยู่ในปัจจุบัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้บัญชาการกองพลยานเกราะในการยุทธฝรั่งเศส แต่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะได้เห็นชัยชนะของพลของ.หลังสงครามเขาเป็นหนึ่งในคนที่พัฒนาการรบด้วยรถถังชึ่งเป็นของใหม่ในช่วงเวลานั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแพ็ตตันนำทัพสหรัฐฯเข้าในรุกรานของคาซาบลังกาในระหว่างปฏิบัติการคบเพลิงปี 1942 หลังปฏิบัติเขาเป็นที่ยอมรับเป็นผู้บัญชาการที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นได้นำกองกำลังบุกเกาะซิชิลี แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อเขาได้ตบหน้าทหารหนุ่มสองนายหลังไม่ยอมไปรบทั้งที่ทั้งสองมีอาการโรคshell shock (อาการหวาดกลัวสงคราม) ทำให้แพ็ตตันถูกสอบสวน ผลให้เขาถูกพักงานและออกจากผู้บัญชาการการยุทธอิตาลี แต่เนื่องจากความเก่งของเขา ทำให้จอมพลไอเซนฮาวร์ ได้นำเขากลับมาสู่การบัญชาการกองทัพสหรัฐที่3 ในปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด เขาได้แก้ตัวโดยในคุมกองพลยานเกราะอย่างรวดเร็วเขาตีข้ามประเทศฝรั่งเศส ได้ชนะการต้านของเยรมนีในยุทธการตอกลิ่ม จนจบสงคราม หลังจากที่สงครามแพตตันนำกองกำลังประจำการในบาวาเรีย แต่แล้วในวันที่ 9 ธันวาคม 1945 รถจิปประจำตำแหน่งเกิดประสบอุบัติเหตุเข้าชนรถบรรทุกของกองทัพสหรัฐฯ เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในไฮเดลเบิร์กเยอรมนีวันที่ 21 ธันวาคม 1945 การบุกเกาะซิชิลี,1943 หมวดหมู่:ทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง หมวดหมู่:นักยุทธศาสตร์ทหาร หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายอังกฤษ หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายสกอต-ไอริช หมวดหมู่:ชาวอเมริกันเชื้อสายเวลส์ หมวดหมู่:เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน หมวดหมู่:บุคคลจากวิทยาลัยการทหารสหรัฐอเมริกา หมวดหมู่:บุคคลในปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด. (29 สิงหาคม ค.ศ. 1915 - 29 สิงหาคม ค.ศ. 1982) เป็นนักแสดงหญิงชาวสวีเดน เจ้าของรางวัลออสการ์ 3 รางวัล รางวัลเอมมี 2 รางวัล รางวัลโทนี่ 1 รางวัล และยังได้รับการจัดอันดับเป็นนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม อันดับที่ 4 ในรอบ 100 ปี โดยสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน (AFI) อิงกริด เกิดที่สต็อกโฮล์ม สวีเดน จากยุสตัส ซามูเอล เบิร์กแมน บิดาชาวสวีเดน และฟรีเดล แอดเลอร์ เบิร์กแมน มารดาชาวเยอรมัน อิงกริดถูกตั้งชื่อตามพระนามของเจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน เธอกำพร้ามารดาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และกำพร้าบิดาเมื่ออายุ 13 ปี และต้องย้ายไปอยู่กับป้า ซึ่งเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน เธอจึงต้องไปอาศัยกับลุงและป้าอีกคนหนึ่ง อิงกริด เบิร์กแมน เริ่มเข้าสู่วงการเมื่ออายุ 17 ปี โดยเริ่มจากการแสดงละครเวที และรับบทตัวประกอบในภาพยนตร์ ต่อมาเธอได้เซ็นสัญญากับ David O. Selznick ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งชักนำให้เธอมาแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูด ในปี ค.ศ. 1938 อิงกริด เบิร์กแมน แสดงภาพยนตร์อยู่ 3 เรื่อง ประสบความสำเร็จพอสมควร ก่อนจะได้มาร่วมงานกับฮัมฟรีย์ โบการ์ต ในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เรื่อง คาซาบลังกา ในปี ค.ศ. 1942 ปีถัดมาเธอแสดงภาพยนตร์เรื่อง For Whom the Bell Tolls (1943) ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก และเธอก็คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Gaslight (1944) ได้ในปีต่อมา อิงกริด เบิร์กแมน ได้แสดงภาพยนตร์ของอัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก จำนวน 3 เรื่องคือ Spellbound (1945), Notorious (1946), และ Under Capricorn (1949) และได้ร่วมงานกับแครี แกรนท์ ผู้ซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทกันมาอีกหลายปี รวมถึงเป็นผู้ขึ้นไปรับรางวัลออสการ์ รางวัลที่ 2 ในปี ค.ศ. 1956 จากเรื่อง อนาสตาเซีย แทนเธอ ซึ่งไม่ได้ไปร่วมงานในปีนั้น ในปี ค.ศ. 1949 อิงกริด ได้ร่วมงานกับ โรแบร์โต รอสเซลลินี ผู้กำกับชาวอิตาลี ในภาพยนตร์เรื่อง Stromboli จนเกิดความรักและตั้งท้องบุตรชายนอกสมรส จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวในสหรัฐอเมริกา เธอแต่งงานกับรอสเซลลินีในปี..

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน

จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน มี 0 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย)

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน

จอร์จ เอส. แพตตัน มี 11 ความสัมพันธ์ขณะที่ อิงกริด เบิร์กแมน มี 30 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 0, ดัชนี Jaccard คือ 0.00% = 0 / (11 + 30)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง จอร์จ เอส. แพตตันและอิงกริด เบิร์กแมน หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: