โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ติดตั้ง
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง vs. โรคพิษสุรา

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือ อัตกาม (masturbation) หรือที่มักเรียกว่าการช่วยตัวเอง คือการกระตุ้นอวัยวะเพศของตนเองเพื่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศหรือความพอใจอื่น ๆ ปกติจะทำจนถึงความเสียวสุดยอดทางเพศ การกระตุ้นอาจใช้มือ นิ้วมือ วัตถุในชีวิตประจำวัน เซ็กซ์ทอย หรือหลายอย่างร่วมกัน การสำเร็จความใคร่ร่วมกัน (กระตุ้นทางเพศด้วยตนเองร่วมกับผู้อื่น) สามารถแทนการสอดใส่ได้ จากการศึกษาพบว่าการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองพบมากในมนุษย์ทุกเพศ และทุกวัย กิจกรรมการสำเร็จความใคร่นับว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์และจิตวิทยา ยังไม่มีความสัมพันธ์เหตุภาพระหว่างการสำเร็จความใคร่กับความผิดปกติทางจิตหรือทางร่างกายใด ๆ มีการพรรณนาถึงการสำเร็จความใคร่ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และมีการพูดถึงและอภิปรายถึงในงานเขียนยุคแรก ๆ ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 นักเทววิทยาและหมอชาวยุโรปมองว่า "น่าเกลียด" "น่าตำหนิ" และ "น่ากลัว" แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ข้อห้ามดังกล่าวเริ่มลดความสำคัญลง มีการอภิปรายและพรรณนาถึงการสำเร็จความใคร่ในงานศิลปะ ดนตรีสมัยนิยม โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวรรณกรรม ในปัจจุบัน ศาสนาต่าง ๆ มีมุมมองต่อการสำเร็จความใคร่ที่แตกต่างกัน บางศาสนามองว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นภัยต่อจิตใจ บางศาสนามองว่าไม่เป็นภัยดังกล่าว และบางศาสนามองต่างกันตามสถานการณ์ การสำเร็จความใคร่ในทางกฎหมายมีความแตกต่างตามช่วงประวัติศาสตร์ และการสำเร็จความใคร่ในที่สาธารณะในหลายประเทศนับเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ในโลกตะวันตก การช่วยตัวเองคนเดียวหรือกับคู่รักนับถือเป็นเรื่องปกติและนับเป็นส่วนหนึ่งของการมีความสุขทางเพศ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองยังถูกพบในสัตว์หลายสายพันธุ์ทั้งในถิ่นที่อยู่และในกรงขัง. รคพิษสุรา (alcoholism) เป็นคำกว้าง ๆ หมายถึงการดื่มแอลกอฮอล์แล้วส่งผลต่อปัญหาสุขภาพกายหรือจิต เดิมโรคนี้แบ่งเป็นสองชนิด คือ การดื่มแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด (alcohol abuse) และการติดแอลกอฮอล์ (alcohol dependence) ในบริบทการแพทย์ ถือว่าโรคพิษสุรามีเกณฑ์เหล่านี้ตั้งแต่สองข้อขึ้นไป ได้แก่ บุคคลดื่มสุราปริมาณมากเป็นเวลานาน ลดปริมาณการดื่มได้ยาก ใช้เวลานานมากกับการหาและดื่มแอลกอฮอล์ มีความต้องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก การดื่มทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบได้ การดื่มทำให้เกิดปัญหาสังคม การดื่มทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ การดื่มทำให้เกิดสถานการณ์เสี่ยง มีอาการถอนเมื่อหยุดดื่ม และเกิดความชินแอลกอฮอล์หลังดื่ม สถานการณ์เสี่ยงได้แก่ การดื่มและการขับยานพานหะ หรือมีการร่วมประเวณีที่ไม่ปลอดภัย เป็นต้น การดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อร่างกายทุกส่วน แต่มีผลกระทบต่อสมอง หัวใจ ตับ ตับอ่อนและระบบภูมิคุ้มกันมากเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการป่วยทางจิต กลุ่มอาการเวอร์นิกเก–คอร์ซาคอฟ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ โรคตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกับโรคกลุ่มอื่น การดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์สามารถเป็นอันตรายต่อทารกทำให้เกิดโรคสเปกตรัมทารกพิษสุราในครรภ์ โดยทั่วไปหญิงมีความไวต่อผลต่อกายและจิตท่ี่เป็นอันตรายของแอลกอฮอล์กว่าชาย ปัจจัยสิ่งแวดล้อมและกรรมพันธุ์เป็นสององค์ประกอบที่สัมพันธ์กับโรคพิษสุรา โดยทั้งสององค์ประกอบมีผลอย่างละครึ่ง บุคคลที่มีบิดามารดาหรือพี่น้องที่มีโรคพิษสุรามีความเสี่ยงเป็นโรคพิษสุราเสียเองสูงกว่าบุคคลทั่วไปสามถึงสี่เท่า ปัจจัยสิ่งแวดล้อมได้แก่ อิทธิพลสังคม วัฒนธรรมและพฤติกรรม ระดับความเครียดสูง ความวิตกกังวล ร่วมกับราคาที่ไม่แพงและความหาได้ง่ายยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคพิษสุรา บุคคลอาจดื่มต่อไปส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการถอน หลังบุคคลหยุดดื่มแอลกอฮอล์ อาจมีอาการถอนระดับต่ำได้นานหลายเดือน ในทางการแพทย์ โรคพิษสุราถือว่าเป็นทั้งโรคทางกายและจิต แบบสำรวจและการทดสอบเลือดบางอย่างอาจตรวจพบบุคคลที่อาจเป็นโรคพิษสุรา มีการเก็บสารสนเทศเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย มาตรการป้องกันโรคพิษสุราอาจใช้การวางระเบียบและจำกัดการขายแอลกอฮอล์ การจัดเก็บภาษีแอลกอฮอล์เพื่อเพิ่มราคา และการจัดหาการรักษาที่ไม่แพง เนื่องจากปัญหาการแพทย์ที่เกิดได้ระหว่างอาการถอน การถอนพิษแอลกอฮอล์จึงควรมีการควบคุมอย่างระมัดระวัง วิธีที่ใช้กันบ่อยวิธีหนึ่งคือการใช้ยากลุ่มเบนไซไดอะซีพีน เช่น ไดอะซีแพม ซึ่งสามารุให้ระหว่างรับการรักษาในสถานพยาบาล หรือบางครั้งระหว่างที่บุคคลอยู่ในชุมชนโดยมีการควบคุมดูแลใกล้ชิด การป่วยทางจิตหรือการติดสารเสพติดอย่างอื่นอาจทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น มีการใช้การสนับสนุนหลังถอนพิษ เช่น การบำบัดกลุ่มหรือกลุ่มสนับสนุนเพื่อป้องกันมิให้บุคคลกลับไปดื่มอีก อาจใช้ยาอะแคมโพรเสต (acamprosate) ไดซัลฟิแรม (disulfiram) หรือนัลเทร็กโซน (naltrexone) เพื่อช่วยป้องกันการดื่มอีก องค์การอนามัยโลกประมาณว่าในปี 2553 มีผู้ป่วยโรคพิษสุรา 208 ล้านคนทั่วไป (ร้อยละ 4.1 ของประชากรอายุมากกว่า 15 ปี) พบบ่อยในชายและผู้ใหญ่ตอนต้น พบน้อยกว่าในวัยกลางคนและวัยสูงอายุ พบน้อยสุดในทวีปแอฟริกา (ร้อยละ 1.1) และสูงสุดในยุโรปตะวันออก (ร้อยละ 11) โรคพิษสุราส่งผลโดยตรงให้เกิดการเสียชีวิต 139,000 คนในปี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 112,000 คนในปี 2533 เชื่อว่าการเสียชีวิตรวม 3.3 ล้านคน (ร้อยละ 5.9 ของการเสียชีวิตทั้งหมด) เกิดจากแอลกอฮอล์ มักลดความคาดหมายการคงชีพของบุคคลลงประมาณสิบปี หมวดหมู่:การติดสารเสพติด หมวดหมู่:การวินิจฉัยจิตเวช หมวดหมู่:วัฒนธรรมการดื่มแอลกอฮอล์ หมวดหมู่:การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิด.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา มี 0 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย)

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง มี 24 ความสัมพันธ์ขณะที่ โรคพิษสุรา มี 8 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 0, ดัชนี Jaccard คือ 0.00% = 0 / (24 + 8)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและโรคพิษสุรา หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »