โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ดาวน์โหลด
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์

ดัชนี การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์

การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ หรือ การตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (Complete blood count (CBC); Full blood count (FBC); Full blood exam (FBE)) หรือที่นิยมเรียกย่อว่า ซีบีซี เป็นการทดสอบที่ร้องขอโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์อื่น ๆ เพื่อต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับเซลล์เม็ดเลือดของผู้ป่วย ข้อมูลที่ได้อาจเรียกว่า ฮีมาโตแกรม (hemogram) Alexander Vastem เป็นคนแรกที่ใช้การนับจำนวนเม็ดเลือดเพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ ค่ามาตรฐานที่ใช้เปรียบเทียบผลของการตรวจเลือดด้วยวิธีนี้มาจากการทดลองทางคลินิกตั้งแต่ ช่วง..

26 ความสัมพันธ์: ฟิล์มเลือดกรดเอทิลีนไดอามีนเตตราอาเซติกกล้องจุลทรรศน์มะเร็งลิมโฟไซต์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์อีโอซิโนฟิลฮีมาโทคริตดัชนีเม็ดเลือดแดงความกว้างของการกระจายขนาดเม็ดเลือดแดงความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงปริมาณเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ยนิวโตรฟิลในเลือดต่ำแกรนูโลไซต์โมโนไซต์โลหิตจางไขกระดูกเบโซฟิลเกล็ดเลือดเกล็ดเลือดมากเกล็ดเลือดน้อยเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดแดงมากเฮโมโกลบิน

ฟิล์มเลือด

ลิมโฟไซต์จากฟิล์มเลือดจากการย้อมแบบ Wright's stain ซึ่งสามารถเห็นเม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดด้วย ฟิล์มเลือด หรือ สเมียร์เลือด Blood film หรือ Blood smear คือ การหยดเลือดลงบนสไลด์แล้วทำการไถสไลด์เพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ กระจายตัวไปบนแผ่นสไลด์ หลังจากนั้น จึงนำแผ่นสไลด์ไปทำการย้อมสี และนำไปวินิจฉัยทางโลหิตวิทยาต่อไป ฟิล์มเลือดนั้นสามารถบอกถึงลักษณะและจำนวนของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และสามารถใช้ประเมินปริมาณฮีโมโกลบินได้อย่างคร่าว ๆ นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ในการวินิจฉัยปรสิตบางชนิดที่อาศัยอยู่ในเลือด อาทิเช่น เชื้อมาลาเรีย และ เชื้อที่ก่อให้เกิดโรคเท้าช้าง เป็นต้น.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และฟิล์มเลือด · ดูเพิ่มเติม »

กรดเอทิลีนไดอามีนเตตราอาเซติก

กรดเอทิลีนไดอามีนเตตราอาเซติก (Ethylenediaminetetraacetic acid) เรียกอย่างสั้นว่า EDTA หรือ กรดเอเดติก (Edetic acid) เป็นสารเคมีที่ใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ เป็นสารเคมีไร้สีสามารถละลายน้ำได้ ใช้ในการขจัดคราบหินปูน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการแยกไอออนโลหะเช่น Ca2+ และ Fe3+ นอกจากนี้ EDTA ยังเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารจำพวกเกลือหลายประเภท.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และกรดเอทิลีนไดอามีนเตตราอาเซติก · ดูเพิ่มเติม »

กล้องจุลทรรศน์

กล้องจุลทรรศน์ใช้เลนส์ประกอบ สร้างโดยจอห์น คัฟฟ์ (John Cuff) ค.ศ. 1750 กล้องจุลทรรศน์ เป็นอุปกรณ์สำหรับมองดูวัตถุที่มีขนาดเล็กเกินกว่ามองเห็นด้วยตาเปล่าเช่น วัตถุที่อยู่ไกล วัตถุที่อยู่สูง เป็นต้น ศาสตร์ที่มุ่งสำรวจวัตถุขนาดเล็กโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้ เรียกว่า จุลทรรศนศาสตร์ (microscopy).

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และกล้องจุลทรรศน์ · ดูเพิ่มเติม »

มะเร็ง

มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย (malignant tumor) เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และมีศักยภาพในการรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งที่เป็นไปได้รวมถึง:..

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และมะเร็ง · ดูเพิ่มเติม »

ลิมโฟไซต์

ลิมโฟไซต์ (lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์มีกระดูกสันหลัง รวมถึงมนุษย์ อาจแบ่งออกเป็นเซลล์เอ็นเค (natural killer/NK cell, ทำหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกันแบบพื้นฐานและการทำลายเซลล์) เซลล์ที (ระบบภูมิคุ้มกันแบบปรับตัวและการทำลายเซลล์) และเซลล์บี (ระบบภูมิคุ้มกันแบบปรับตัว ทำงานผ่านแอนติบอดี) เป็นเซลล์ที่พบเป็นส่วนใหญ่ในระบบน้ำเหลือง (lymph) จึงได้ชื่อว่าลิมโฟไซต์ ("เซลล์น้ำเหลือง") * หมวดหมู่:น้ำเหลือง หมวดหมู่:เนื้อเยื่อน้ำเหลือง หมวดหมู่:ระบบน้ำเหลือง หมวดหมู่:ระบบภูมิคุ้มกัน.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และลิมโฟไซต์ · ดูเพิ่มเติม »

ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์

ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ คือ ห้องปฏิบัติการสำหรับตรวจสิ่งส่งตรวจ (Specimens) ของผู้เข้ามารับบริการตรวจทางสุขภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย สำหรับประเทศไทย ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ อาจจะมีชื่อเรียกได้หลายแบบ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการทางเทคนิคการแพทย์ ห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาคลินิค และห้องปฏิบัติการเวชศาสตร์ชันสูตร เป็นต้น.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ · ดูเพิ่มเติม »

อีโอซิโนฟิล

ลักษณะของอีโอซิโนฟิล อีโอซิโนฟิล (Eosinophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดมีแกรนูล โดยมีนิวเคลียสขนาดใหญ่ ปกติจะเห็นเป็น 2 lobe และสามารถเห็นแกรนูลชัดเจนโดยมีขนาดประมาณ 0.5 ไมครอน ซึ่งจะติดสีแดงอิฐเมื่อมองดูจากฟิล์มเลือด โดยปกติเราสามารถพบอีโอซิโนฟิลในไขกระดูกประมาณ 0-3 เปอร์เซนต์ และในกระแสเลือด ประมาณ 0-4 เปอร์เซนต์ต่อเม็ดเลือดขาวทั้งหมด หรือประมาณ 0-432 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิลิตร อีโอซิโนฟิลสร้างจากไขกระดูก โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 วัน หลังจากนั้น จะเข้าสู่กระแสเลือด ประมาณ 6-8 ชั่วโมง และจะกระจายไปตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยอีโอซิโนฟิลที่อยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ อาจจะกลับเข้าไปสู่กระแสเลือดและไขกระดูกอีกก็ได้ นอกจากนี้ พบว่าอีโอซิโนฟิลสามารถเคลื่อนที่ไปยังเนื้อเยื่อที่เกิดการอักเสบอีกด้วย โดยปกติอีโอซิโนฟิลมีหน้าที่เกี่ยวข้องการตอบสนองต่อการติดเชื้อพยาธิ การแพ้ หรือ การอักเสบ โดยภาวะที่พบอีโอซิโนฟิลสูงนั้น อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น ร่างกายเกิดอาการแพ้ (Allergic disorders) การติดเชื้อพยาธิ โรคผิวหนังบางชนิด เป็นต้น.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และอีโอซิโนฟิล · ดูเพิ่มเติม »

ฮีมาโทคริต

ีมาโทคริต (Hematocrit, Ht หรือ HCT) หรือ packed cell volume (PCV) หรือ erythrocyte volume fraction (EVF) คือ เปอร์เซนต์ของเม็ดเลือดแดงต่อปริมาณเลือดทั้งหมด ค่าปกติของ HCT ในเพศชายอยู่ที่ 45% และเพศหญิงอยู่ที่ 40% HCT นับเป็นส่วนประกอบหนึ่งของผลการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ ร่วมกับ ความเข้มข้นของฮีโมโกลบิน จำนวนเม็ดเลือดขาว และจำนวนเกล็ดเลือด ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ค่า HCT ขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกาย คำว่า "hematocrit" มาจากภาษาเยอรมัน/ภาษาสวีเดน ซึ่ง "haematokrit" ถูกบัญญัติขึ้นโดย Blix ที่ Upsala เมื่อ ค.ศ. 1891 อ้างอิงจากบทความของ SG Hedin ที่ตีพิมพ์ใน Skandanavia Arch.f Physiolgie 2:134-140,1891 จากบทความที่มีชื่อว่า "The Haematokrit: a New Apparatus for the Investigation of Blood" คำว่า "Haematokrit" ถูกใช้เป็นต้นแบบหลังจากคำว่า "Lactokrit" ถูกใช้ในฟาร์มเลี้ยงนม (ดูเพิ่ม Scudder & Self in NEJM Oct 30, 1941 225:18 p.679 "Controlled Administration of Fluid in Surgery").

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และฮีมาโทคริต · ดูเพิ่มเติม »

ดัชนีเม็ดเลือดแดง

ัชนีเม็ดเลือดแดง (Red blood cell indices) เป็นการตรวจเลือดที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับฮีโมโกลบินและขนาดของเม็ดเลือดแดง ค่าที่ผิดปกติสามารถบ่งบอกถึงการเป็นโลหิตจาง รวมถึง สามารถใช้แยกชนิดของโลหิตจางได้ด้ว.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และดัชนีเม็ดเลือดแดง · ดูเพิ่มเติม »

ความกว้างของการกระจายขนาดเม็ดเลือดแดง

ม็ดเลือดแดงของคน ความกว้างของการกระจายขนาดเม็ดเลือดแดง (Red blood cell distribution width; RDW หรือ RCDW) เป็นการวัดความกว้างของการกระจายของขนาดเม็ดเลือดแดงโดยเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ ขนาดเม็ดเลือดแดงปกติจะอยู่ที่ 6-8 μm ความผิดปกติบางอย่างอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของขนาดเม็ดเลือดแดงได้ ค่า RDW ที่สูง บ่งบอกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของขนาดเม็ดเลือดแดงอย่างมาก ซึ่งค่าปกติของ RDW ในมนุษย์จะอยู่ที่ 11-15% ในภาวะการเกิดโรคโลหิตจางนั้น ผลการตรวจ RDW มักจะถูกนำมาแปลผลร่วมกับปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย (MCV) เพื่อประเมินถึงสาเหตุของการเกิดโลหิตจาง การขาดวิตามินบี 12 นำไปสู่การเกิดโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดขนาดใหญ่ (Macrocytic anemia) แต่ค่า RDW จะมีค่าปกติ แต่โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กจะพบว่าขนาดเม็ดเลือดจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ค่า RDW จึงสูงกว่าปกติ ส่วนโลหิตจางที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12 ร่วมกับการขาดธาตุเหล็กนั้น เราจะพบว่าเม็ดเลือดแดงขนาดเล็กและขนาดใหญ่ผสมกัน ดังนั้น ค่า RDW จึงมีค่าที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของ RDW ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเม็ดเลือดแดงมี ขนาดไม่เท่ากันนั้น เรียกว่า ภาวะเม็ดเลือดแดงหลากขนาด (anisocytosis).

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และความกว้างของการกระจายขนาดเม็ดเลือดแดง · ดูเพิ่มเติม »

ความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง

ฮีโมโกลบิน ความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง (Mean corpuscular hemoglobin concentration หรือ MCHC) คือ ค่าความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ คำนวณได้จากหารค่าฮีโมโกลบินด้วยค่าฮีมาโตคริต ช่วงค่าอ้างอิงอยู่ที่ 32 - 36 g/dl, หรือ ระหว่าง 4.9 - 5.5 mmol/LDerived from mass concentration, using molar mass of 64,458 g/mol.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และความเข้มข้นเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง · ดูเพิ่มเติม »

ปริมาณเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง

ปริมาณเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง (Mean corpuscular hemoglobin หรือ mean cell hemoglobin (MCH)) คือ ค่าเฉลี่ยของน้ำหนักฮีโมโกลบินที่มีอยู่ในเม็ดเลือดแดง นับเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ ค่า MCH จะต่ำลงใน hypochromic anemia ค่า MCH คำนวณได้จากปริมาณของฮีโมโกลบิน (Hb) หารด้วยจำนวนเม็ดเลือดแดง (RBC) หรือ MCH.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และปริมาณเฉลี่ยของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง · ดูเพิ่มเติม »

ปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย

ปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย (mean corpuscular volume หรือ mean cell volume (MCV)) คือ การวัดปริมาตรเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ สำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ค่า MCV จะช่วยให้สามารถจำแนกป่วยออกเป็น โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดขนาดเล็ก (microcytic anemia, ค่า MCV ต่ำกว่าช่วงปกติ), โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดขนาดปกติ (normocytic anemia, ค่า MCV อยู่ในช่วง) หรือ โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดขนาดใหญ่ (macrocytic anemia, ค่า MCV มากกว่าช่วงปกติ).

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย · ดูเพิ่มเติม »

นิวโตรฟิลในเลือดต่ำ

นิวโตรฟิลในเลือดต่ำ คือภาวะที่มีระดับความเข้มข้นของเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิลในเลือดต่ำกว่าปกติ นิวโตรฟิลเป็นเม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่ที่พบในกระแสเลือด ทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกันโดยเป็นส่วนหนึ่งของด่านแรกของการดักจับและทำลายแบคทีเรีย เศษของแบคทีเรีย และไวรัสที่ถูกจับโดยอิมมูโนกลอบูลิน ซึ่งล่องลอยในเลือด ผู้ป่วยที่มีนิวโตรฟิลในเลือดต่ำจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าปกติ และหากติดเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่นที่พบในภาวะไข้จากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ ภาวะนี้อาจเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง บางครั้งอาจใช้สลับกันกับคำว่า "เม็ดเลือดขาวต่ำ" ได้ หมวดหมู่:โรคของโมโนไซต์และแกรนูโลไซต์ หมวดหมู่:โรคทางโลหิตวิทยา หมวดหมู่:เลือด หมวดหมู่:เม็ดเลือดขาว.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และนิวโตรฟิลในเลือดต่ำ · ดูเพิ่มเติม »

แกรนูโลไซต์

อีโอซิโนฟิล เบโซฟิล แกรนูโลไซต์ (granulocyte) เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแกรนูลอยู่ภายในเซลล์ แบ่งย่อยได้เป็น นิวโตรฟิล (neutrophil) มีแกรนูลขนาดเล็ก นิวเคลียสมี 2-5 พู มีหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมด้วยวิธีฟาโกไซโตซิส อีโอซิโนฟิล (eosinophil) มีแกรนูลขนาดกลาง นิวเคลียสมี 2 พู มีหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอม และยับยั้งการสร้างสารก่อภูมิแพ้ เบโซฟิล (basophil) มีแกรนูลขนาดใหญ่ นิวเคลียสรูปร่างบิดเป็นรูป s หรือ m มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว และหลั่งสารฮิสตามีน (histamine) ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ หมวดหมู่:เลือด หมวดหมู่:เม็ดเลือดขาว หมวดหมู่:เซลล์ หมวดหมู่:โลหิตวิทยา หมวดหมู่:เซลล์เม็ดเลือด หมวดหมู่:ชีววิทยาของเซลล์.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และแกรนูโลไซต์ · ดูเพิ่มเติม »

โมโนไซต์

ภาพวาดของเม็ดเลือดขาวโมโนซัยต์ โมโนไซต์ (monocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ โมโนไซต์ปกติจะมีประมาณ 3 - 5 % มีอายุ 5 - 6 วัน ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมด้วยวิธีฟาโกไซโตซิส มีความสามารถสูงพอๆกับ neutrophil และสร้าง antibody ต่อต้านเชื้อโรค หน้าที่ของโมโนไซต์ (monocyte) โมโนไซท์ มีหน้าที่ป้องร่างกายเช่นเดียวกับนิวโตรฟิล สามารถกินเชื้อจุลินทรีย์ เช่น บัคเตรี เชื้อรา ยีสต์ หรือแม้แต่เม็ดเลือดแดง โดยที่โมโนไซท์สามารถกินของใหญ่ ๆ ได้ บางทีจึงเรียกกันว่า มัค โครเฟจ (macrophage) เทียบกับนิวโตรฟิล ซึ่งเรียกว่า ไมโครเฟจ(microphage) โมโนไซท์มีชีวิตในกระแสโลหิตที่หมุนเวียนเพียงระยะสั้นเท่านั้น ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายเข้าสู่เนื้อเยื่อ แล้วเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็น ฮิสติโอไซท์ (Histiocyte) หมวดหมู่:เม็ดเลือดขาว หมวดหมู่:เซลล์เม็ดเลือด หมวดหมู่:เซลล์ หมวดหมู่:ชีววิทยาของเซลล์.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และโมโนไซต์ · ดูเพิ่มเติม »

โลหิตจาง

ลหิตจาง หรือ ภาวะเลือดจาง ปรับปรุงเมื่อ 6..

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และโลหิตจาง · ดูเพิ่มเติม »

ไขกระดูก

กระดูก เป็นเนื้อเยื่อยืดหยุ่นที่พบได้ในกระดูกชั้นใน ไขกระดูกในกระดูกชิ้นใหญ่ของคนผลิตเม็ดเลือดแดงใหม่ โดยเฉลี่ยแล้วไขกระดูกมีน้ำหนักคิดเป็นร้อยละ 4 ของน้ำหนักร่างกายทั้งหมด เช่นในผู้ใหญ่น้ำหนัก 65 กิโลกรัม จะมีไขกระดูกโดยประมาณ 2.6 กิโลกรัม ส่วนสร้างเม็ดเลือด (hematopoietic compartment) ของไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดแดง 500,000 ล้านเซลล์ต่อวันโดยประมาณ ซึ่งใช้ระบบไหลเวียนไขกระดูก (bone marrow vasculature) เป็นท่อสู่ระบบไหลเวียนของร่างกาย ไขกระดูกยังเป็นส่วนหลักของระบบน้ำเหลือง (lymphatic system) ที่ผลิตเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซท์ซึ่งช่วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างก.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และไขกระดูก · ดูเพิ่มเติม »

เบโซฟิล

ลักษณะของ Basophil เบโซฟิล (Basophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดมีแกรนูล มีขนาดประมาณ 10-14 ไมครอน ปกติจะมีนิวเคลียส 2 lobe แต่อาจจะมองไม่เห็น เนื่องจากถูกแกรนูลบังไว้ แกรนูลนั้นจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน โดยมีขนาดประมาณ 0.2-1 ไมครอน ซึ่งจะติดสีม่วงอมดำเมื่อมองจากฟิล์มเลือด ภายในแกรนูลนั้นจะมีสาร histamine ซึ่งจะตอบสนองต่อโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ โดยปกติเราสามารถพบ Basophil ในไขกระดูกประมาณ 0-1 เปอร์เซนต์ และในกระแสเลือด ประมาณ 0-2 เปอร์เซนต์ต่อเม็ดเลือดขาวทั้งหมด หรือประมาณ 0-216 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิลิตร Basophil สร้างจากไขกระดูกโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปยังกระแสเลือด และเนื้อเยื่อ ตามลำดับ หน้าที่ของ basophil จะเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อการแพ้ต่าง ๆ โดยการหลั่งสารพวก histamine เป็นต้น โดยเราสามารถพบภาวะที่ basophil สูงขึ้นจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น Hypersensitivity reactions หรือพวก Myeoloproliferative disorder เป็นต้น.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเบโซฟิล · ดูเพิ่มเติม »

เกล็ดเลือด

กล็ดเลือด (platelet หรือ thrombocyte, เซลล์ลิ่มเลือด) เป็นส่วนประกอบของเลือดซึ่งมีหน้าที่ทำให้เลือดหยุดร่วมกับปัจจัยเลือดจับลิ่ม (coagulation factors) โดยเกาะกลุ่มและจับลิ่มการบาดเจ็บของหลอดเลือด เกล็ดเลือดไม่มีนิวเคลียสของเซลล์ เป็นส่วนหนึ่งของไซโทพลาซึมที่มาจากเมกาคาริโอไซต์ (megakaryocyte) ของไขกระดูก แล้วเข้าสู่ระบบไหลเวียน เกล็ดเลือดที่ยังไม่ปลุกฤทธิ์มีโครงสร้างคล้ายจานนูนสองข้าง (ทรงเลนส์) เส้นผ่านศูนย์กลางมากสุด 2–3 ไมโครเมตร เกล็ดเลือดพบเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนสัตว์อื่น เกล็ดเลือดไหลเวียนเป็นเซลล์นิวเคลียสเดี่ยวMichelson, Platelets, 2013, p. 3 ในสเมียร์เลือดที่ย้อมแล้ว เกล็ดเลือดปรากฏเป็นจุดสีม่วงเข้ม ประมาณ 20% ของเส้นผ่านศูนย์กลางเม็ดเลือดแดง สเมียร์ใช้พิจารณาขนาด รูปทรง จำนวนและการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด สัดส่วนของเกล็โเลือดต่อเม็ดเลือดแดงในผู้ใหญ่สุขภาพดีอยู่ระหว่าง 1:10 ถึง 1:20 หน้าที่หลักของเกล็ดเลือด คือ การมีส่วนในการห้ามเลือด ซึ่งเป็นกระบวนการหยุดการตกเลือด ณ จุดที่เนื้อเยื่อบุโพรงฉีกขาด พวกมันจะมารวมกันตรงนั้นและจะอุดรูรั่วถ้ารอยฉีกขาดนั้นไม่ใหญ่เกินไป ขั้นแรก เกล็ดเลือดจะยึดกับสสารนอกเยื่อบุโพรงที่ฉีกขาด เรียก "การยึดติด" (adhesion) ขั้นที่สอง พวกมันเปลี่ยนรูปทรง เปิดตัวรับและหลั่งสารเคมีนำรหัส เรียก การปลุกฤทธิ์ (activation) ขั้นที่สาม พวกมันเชื่อมต่อกันโดยสะพานตัวรับ เรียก การรวมกลุ่ม (aggregation) การก่อก้อน (clot) เกล็ดเลือด (การห้ามเลือดปฐมภูมิ) นี้สัมพันธ์กับการปลุกฤทธิ์การจับลิ่มของเลือดเป็นลำดับ (coagulation cascade) โดยมีผลลัพธ์ทำให้เกิดการพอกพูน (deposition) และการเชื่อมกันของไฟบริน (การห้ามเลือดทุติยภูมิ) กระบวนการเหล่านี้อาจซ้อนทับกันได้ สเปกตรัมมีตั้งแต่มีก้อนเกล็ดเลือดเป็นหลัก หรือ "ลิ่มขาว" ไปจนถึงมีก้อนไฟบรินเป็นหลัก หรือ "ลิ่มแดง" หรือแบบผสมที่ตรงแบบกว่า ผลลัพธ์คือ ก้อน บางคนอาจเพิ่มการหดตัวของก้อนและการยับยั้งเกล็ดเลือดในเวลาต่อมาเป็นขั้นที่สี่และห้าเพื่อทำให้กระบวนการสมบูรณ์ และบ้างว่าขั้นที่หกเป็นการซ่อมบาดแผล ภาวะเกล็ดเลือดน้อยเกิดจากมีการผลิตเกล็ดเลือดลดลงหรือมีการทำลายมากขึ้น ภาวะเกล็ดเลือดมากอาจเป็นแต่กำเนิด แบบปฏิกิริยา (ต่อไซโทไคน์) หรือเนื่องจากการผลิตที่ไม่มีการควบคุม อาจเป็นโรคเนื้องอกไมอิโลโปรลิเฟอเรตีฟ (myeloprolerative neoplasm) อย่างหนึ่งหรือเนื้องอกของมัยอีลอยด์อื่นบางอย่าง นอกจากนี้ ยังมีภาวะเกล็ดเลือดทำหน้าที่ผิดปกติ (thrombocytopathy) เกล็ดเลือดปกติสามารถสนองต่อความปกติบนผนังหลอดเลือดมากกว่าการตกเลือด ทำให้มีการยึดเกาะ/การปลุกฤทธิ์ที่ไม่เหมาะสมและภาวะหลอดเลือดมีลิ่มเลือดในภาวะที่หลอดเลือดมิได้ฉีกขาด ภาวะนี้มีกลไกแตกต่างจากก้อนปกติ ตัวอย่าง คือ การขยายก้อนไฟบรินจากภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือด การขยายของพลาก (plaque) หลอดเลือดแดงที่ไม่เสถียรหรือแตก ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงมีลิ่มเลือด และภาวะหลอดเลือดระบบไหลเวียนขนาดเล็กมีลิ่มเลือด (microcirculatory thrombosis) ลิ่มหลอดเลือดแดงอาจอุดกั้นการไหลของเลือดบางส่วน ทำให้มีการขาดเลือดเฉพาะที่ใต้ต่อจุดอุดตัน หรืออุดกั้นสมบูรณ์ ทำให้มีการตายของเนื้อเยื่อใต้ต่อจุดอุดตัน.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเกล็ดเลือด · ดูเพิ่มเติม »

เกล็ดเลือดมาก

วะเกล็ดเลือดมาก หรือ เกล็ดเลือดสูง (thrombocytosis) คือภาวะซึ่งในเลือดมีปริมาณเกล็ดเลือดมากกว่าปกติ อาจเป็นชนิดปฐมภูมิ (เกิดจากที่ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดมากผิดปกติโดยไม่มีเหตุกระตุ้น เป็นโรคไขกระดูกเจริญผิดปกติอย่างหนึ่ง) หรือเป็นการตอบสนองต่อภาวะที่กระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดมากขึ้น (ทุติยภูมิ) ส่วนใหญ่ไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการใดๆ แต่อาจเพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดได้ในผู้ป่วยบางประเภท.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเกล็ดเลือดมาก · ดูเพิ่มเติม »

เกล็ดเลือดน้อย

วะเกล็ดเลือดน้อย หรือเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia, thrombopenia) เป็นภาวะซึ่งในเลือดมีเกล็ดเลือดน้อยกว่าปกติ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ก็ต่อเมื่อจำนวนเกล็ดเลือดน้อยกว่า 150,000 ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร และถ้าต่ำกว่า 20,000 มีโอกาสเลือดออกได้เองโดยไม่ต้องมีบาดแผล คนปกติจะมีเกล็ดเลือดประมาณ 150,000-450,000 ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ทำให้เลือดออกผิดปกติ หยุดยาก ผู้ป่วยบางรายไม่แสดงอาการใด แต่บางรายมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำมาก ต้องได้รับการรักษาทันที อาจเกิดเลือดออกจนเสียชีวิตได้.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเกล็ดเลือดน้อย · ดูเพิ่มเติม »

เม็ดเลือดขาว

A scanning electron microscope image of normal circulating human blood. In addition to the irregularly shaped leukocytes, both red blood cells and many small disc-shaped platelets are visible เม็ดเลือดขาว (White blood cells - leukocytes) เป็นเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งคอยป้องกันร่างกายจากทั้งเชื้อก่อโรคและสารแปลกปลอมต่างๆ เม็ดเลือดขาวมีหลายชนิด ทั้งหมดเจริญมาจาก pluripotent cell ในไขกระดูกที่ชื่อว่า hematopoietic stem cell เซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นเซลล์ที่พบได้ทั่วไปในร่างกาย รวมไปถึงในเลือดและในระบบน้ำเหลือง จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวในเลือดมักใช้เป็นข้อบ่งชี้ของโรคและการดำเนินไปของโรค โดยปกติแล้วในเลือดหนึ่งลิตรจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ประมาณ 4×109 ถึง 11×109 เซลล์ รวมเป็นเซลล์ประมาณ 1% ในเลือดของคนปกติ ในบางสภาวะ เช่น ลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะมีปริมาณได้มากกว่าปกติ หรือในภาวะ leukopenia จำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะน้อยกว่าปกติ คุณสมบัติทางกายภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่น ปริมาตร conductivity และ granularity อาจเปลี่ยนแปลงไประหว่างการกระตุ้นเซลล์ การเจริญของเซลล์ หรือการมีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเม็ดเลือดขาว · ดูเพิ่มเติม »

เม็ดเลือดแดง

ซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายมนุษย์ เม็ดเลือดแดง (red blood cell, Erythrocyte: มาจากภาษากรีก โดย erythros แปลว่า "สีแดง" kytos แปลว่า "ส่วนเว้า" และ cyte แปลว่า "เซลล์") มีหน้าที่ในการส่งถ่ายออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เม็ดเลือดแดงมีขนาดประมาณ 6-8 ไมครอน มีลักษณะค่อนข้างกลม เว้าบริเวณกลางคล้ายโดนัท ไม่มีนิวเคลียส มีสีแดง เนื่องจากภายในมีสารฮีโมโกลบิน โดยในกระแสเลือดคนปกติจะพบเม็ดเลือดแดงที่เจริญเติบโตเต็มที่ (Mature red cell) มีเพียงไม่เกิน 2% ที่สามารถพบเม็ดเลือดแดงตัวอ่อน (Reticulocyte) ได้.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเม็ดเลือดแดง · ดูเพิ่มเติม »

เม็ดเลือดแดงมาก

วะเม็ดเลือดแดงมาก หรือ โพลีไซทีเมีย (polycythemia, erythrocytosis เป็นภาวะซึ่งในเลือดมีสัดส่วนของเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ สัดส่วนนี้ปกติวัดได้โดยการวัดระดับฮีมาโตคริต สาเหตุอาจเป็นจากการเพิ่มขึ้นของปริมาตรเม็ดเลือดแดง (absolute polycythemia) หรือการลดลงของพลาสมา (relative polycythemia) ก็ได้.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเม็ดเลือดแดงมาก · ดูเพิ่มเติม »

เฮโมโกลบิน

ีโมโกลบินหรือเฮโมโกลบิน คือส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนโลหิตซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญจะอยู่ในเม็ดเลือดแดงและช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย องค์ประกอบสำคัญของเฮโมโกลบินคือ ฮีม (Heme) ซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ และทำหน้าที่จับและปล่อยออกซิเจน องค์ประกอบที่ 2 คือ สายโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนเส้นยาวขดพันกันอยู่ โดยแต่ละสาย มีฮีมติดอยู่ 1 อณู เฮโมโกลบิน 1 โมเลกุล จึงประกอบด้วยฮีม 4 อณู และสายโกลบิน 4.

ใหม่!!: การตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์และเฮโมโกลบิน · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

CBCComplete blood countFull blood countFull blood examการตรวจความสมบูรณ์ของเลือดการตรวจนับและแยกชนิดเม็ดเลือดการตรวจนับเม็ดเลือดการนับจำนวนเม็ดเลือกแดงการนับจำนวนเม็ดเลือดการนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือด

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »