โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

อีกาสามขา

ดัชนี อีกาสามขา

อีกาสามขา ในสัญลักษณ์ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นในปัจจุบัน อีกาสามขา (Three-legged crow; 八咫烏; โรมะจิ: Yatagarasu; ฮันกึล: 삼족오; ฮันจา: 三足烏; 陽烏; พินอิน: yángwū) เป็นนกที่ปรากฏในปกรณัมของชนชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ทั้งญี่ปุ่น, จีน และเกาหลี.

26 ความสัมพันธ์: ชาวญี่ปุ่นชาวจีนชาวเกาหลีฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นฟีนิกซ์ (เทพปกรณัม)พระเจ้าทงมย็องซ็องแห่งโคกูรยอพระเจ้าเหยาพินอินกระต่ายจันทร์ (ความเชื่อ)สัญลักษณ์สีดำอะมะเตะระซุอักษรฮันกึลอักษรฮันจาอาณาจักรโคกูรยออีกาจักรพรรดิจิมมุดวงอาทิตย์ความเชื่อเรื่องการสร้างโลกของจีนปรัมปราวิทยานิฮงโชะกิโรมาจิโฮ้วอี้เอเชียตะวันออกเท็งงุเง็กเซียนฮ่องเต้

ชาวญี่ปุ่น

วญี่ปุ่น มีประมาณ 140-150 ล้านคนทั่วโลก เป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่บนเกาะญี่ปุ่น"人類学的にはモンゴロイドの一。皮膚は黄色、虹彩は黒褐色、毛髪は黒色で直毛。言語は日本語。" และที่ต่างๆทั่วโลก เช่น ฮาวาย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ภาษาที่ใช้คือภาษาญี่ปุ่น ศาสนาที่สำคัญคือศาสนาพุทธ และลัทธิชินโต กลุ่มชาวญี่ปุ่นในปัจจุบัน ประกอบขึ้นด้วยกลุ่มบุคคลในอดีตได้แก่ชาวยามาโตะและชาวรีวกีว.

ใหม่!!: อีกาสามขาและชาวญี่ปุ่น · ดูเพิ่มเติม »

ชาวจีน

รูปวาดในกรุงปักกิ่งแสดงถึงชนเผ่าทั้ง 56 ของจีน ชาวจีน อาจหมายถึง.

ใหม่!!: อีกาสามขาและชาวจีน · ดูเพิ่มเติม »

ชาวเกาหลี

วเกาหลี เป็นชนชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งซึ่งพูดภาษาเดียวกัน ผลการศึกษาด้านภาษาศาสตร์ และมานุษยวิทยา และแหล่งตำนานต่างๆ แสดงให้เห็นว่า เกาหลีแตกต่างจากจีน หรือญี่ปุ่น ลักษณะเด่นทางร่างกายที่เหมือนกันทำให้เชื่อว่าเกาหลีสืบเชื้อสายมาจากชาวมองโกลหลายเผ่าที่อพยพจากเอเชียกลางเข้ามายังคาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบัน ชาวเกาหลีรวมกันเป็นชนชาติเดียวกันตั้งแต่ตอนต้นคริสต์ศักราช ในคริสต์ศตวรรษที่เจ็ด ชาวเกาหลีรวมกันเป็นชาติเดียวรวมอยู่ใต้การปกครองเดียวกันเป็นครั้งแรกในสมัยอาณาจักรชิลลา (57 ปีก่อนคริสต์ศักราช-คริสต์ศักราช 935) ยังส่งผลให้เกิดความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมอย่างใหญ่หลวง ชาวเกาหลีต่อสู้มาอย่างสัมฤทธิ์ผลเป็นเวลาหลายพันปี เพื่อดำรงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการเมืองของตน แม้จะเผชิญกันเพื่อนบ้านอย่างจีน และความโน้มเอียงที่จะรุกรานของญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม ชาวเกาหลีเป็นชนชาติที่ภาคภูมิใจ ด้วยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดชาติหนึ่งของโลก.

ใหม่!!: อีกาสามขาและชาวเกาหลี · ดูเพิ่มเติม »

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น

ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น เป็นทีมฟุตบอลแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในทีมที่มีอันดับสูงของเอเชียในปัจจุบัน เป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ นิปปอนไดเฮียว มีผลงานสูงสุดในระดับโลก คือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2002 และฟุตบอลโลก 2010 ส่วนในระดับเอเชีย เป็นทีมชนะเลิศในการแข่งขันเอเชียนคัพสี่ครั้ง.

ใหม่!!: อีกาสามขาและฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น · ดูเพิ่มเติม »

ฟีนิกซ์ (เทพปกรณัม)

วาดฟีนิกซ์เผาตัวเอง ฟีนิกซ์ (อังกฤษ: Phoenix, Phenix) เป็นนกที่ปรากฏในปกรณัมของหลาย ๆ ชนชาติ ในลักษณะที่คล้ายกันแต่แตกต่างกันในบางรายละเอี.

ใหม่!!: อีกาสามขาและฟีนิกซ์ (เทพปกรณัม) · ดูเพิ่มเติม »

พระเจ้าทงมย็องซ็องแห่งโคกูรยอ

ระเจ้าทงมย็องซ็อง (Dongmyeong-seongwang, 59 - 19 ปีก่อนค.ศ., ครองราชย์ 37 – 19 ปีก่อน ค.ศ.) ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคกูรยอ ประสูติเมื่อ 59 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตรงกับปี พ.ศ. 483 มีพระนามเดิมว่า จูมง โดยทรงเป็นบุตรของพระเจ้าแฮโมซู และพระนางยูฮวา ต่อมาเมื่อบิดาเสียชีวิตระหว่างการรบพระเจ้ากึมวากษัตริย์แห่งอาณาจักรพูยอได้รับพระนางยูฮวาเป็นพระสนม และรับจูมงเป็นพระราชโอรสบุญธรรม.

ใหม่!!: อีกาสามขาและพระเจ้าทงมย็องซ็องแห่งโคกูรยอ · ดูเพิ่มเติม »

พระเจ้าเหยา

ระเจ้าเหยา พระเจ้าเหยา, (ตามตำนาน 2356-2255 ก่อนคริสตกาล) คือ ผู้ปกครองจีนตามตำนาน ในยุคสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ชื่ออื่นที่เรียกกันได้แก่ เถาถัง ซื่อ (陶唐氏) หรือ ถัง เหยา (唐堯) เมื่อแรกเกิดมีนามว่า อี ฟ่างซวิน (伊放勳) หรือ อี ฉี (伊祁) เป็นพระราชโอรสองค์ที่สองของจักรพรรดิคู่ พระเจ้าเหยามักได้รับยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่สมบูรณ์แบบและมีคุณธรรมอย่างสูง เป็นผู้เฉลียวฉลาดและเป็นแบบอย่างแก่จักรพรรดิราชวงศ์ต่าง ๆ ของจีนในเวลาต่อมา ประวัติศาสตร์จีนในยุคต้นมักเอ่ยถึงพระเจ้าเหยา พระเจ้าซุ่น และพระเจ้าอวี่ ว่าเป็นบุคคลสำคัญ นักประวัติศาสตร์ปัจจุบันเชื่อว่าทั้งสามอาจเป็นหัวหน้าเผ่าที่ก่อตั้งระบบการปกครองที่เป็นหนึ่งเดียวและมีระบบลำดับชั้นในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมศักดินา ตามตำนานเล่าว่า เหยาขึ้นเป็นผู้ปกครองเมื่ออายุ 20 ปี และสวรรคตเมื่ออายุ 119 ปี และมอบบัลลังก์ให้กับซุ่น ซึ่งสมรสกับพระราชธิดาของพระองค์ทั้ง 2 คน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและพระเจ้าเหยา · ดูเพิ่มเติม »

พินอิน

นอิน หรือ ฮั่นยฺหวี่พินอิน (แปลว่า สะกดเสียงภาษาจีน) คือระบบในการถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐาน ด้วยตัวอักษรละติน ความหมายของพินอินคือ "การรวมเสียงเข้าด้วยกัน" (โดยนัยก็คือ การเขียนแบบสัทศาสตร์ การสะกด การถอดเสียง หรือการทับศัพท์) พินอินเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2501 และเริ่มใช้กันในปี พ.ศ. 2522 โดย รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้แทนที่ระบบการถอดเสียงแบบเก่า เช่น ระบบเวดและไจลส์ และระบบจู้อิน นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบระบบอื่น ๆ สำหรับนำไปใช้กับภาษาพูดของจีนในถิ่นต่าง ๆ และภาษาของชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช้ภาษาฮั่น ในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย นับแต่นั้นมา พินอินก็เป็นที่ยอมรับจากสถาบันนานาชาติหลายแห่ง รวมทั้งรัฐบาลสิงคโปร์ หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน และสมาคมหอสมุดอเมริกัน โดยถือว่าเป็นระบบการถอดเสียงที่เหมาะสมสำหรับภาษาจีนกลาง ครั้นปี พ.ศ. 2522 องค์การมาตรฐานนานาชาติ (ISO) ก็ได้รับเอาพินอินเป็นระบบมาตรฐาน (ISO 7098) ในการถ่ายทอดเสียงภาษาจีนปัจจุบันด้วยอักษรโรมัน (the standard romanization for modern Chinese) สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้ก็คือ พินอินนั้น เป็นการทับศัพท์ด้วยอักษรโรมัน (Romanization) มิใช่การถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ (Anglicization) นั่นคือ การกำหนดให้ใช้ตัวอักษรตัวหนึ่ง สำหรับแทนเสียงหนึ่ง ๆ ในภาษาจีนไว้อย่างตายตัว เช่น b และ d ในระบบพินอิน เป็นเสียง "ป" และ "ต" ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากระบบการออกเสียงส่วนใหญ่ ไม่ว่าอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือภาษาอื่นในยุโรป ขณะที่อักษร j หรือ q นั้นมีเสียงไม่ตรงกับในภาษาอังกฤษเลย กล่าวสั้น ๆ ก็คือ พินอินมุ่งที่จะใช้อักษรโรมัน เพื่อแทนเสียงใดเสียงหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อความสะดวกในการเขียน มิได้ยืมเสียงจากระบบของอักษรโรมันมาใช้ การใช้ระบบนี้นอกจากทำให้ชาวต่างชาติเขียนอ่านภาษาจีนได้สะดวกแล้ว ยังสามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ได้สะดวกอย่างยิ่งด้วย ต่อไปนี้เป็นการถอดเสียงภาษาจีน (ที่เขียนด้วยอักษรโรมันในระบบพินอิน) ด้วยอักษรไทย โปรดสังเกตว่า บางหน่วยเสียงในภาษาจีนไม่มีหน่วยเสียงที่ตรงกันในภาษาไทย จึงต้องอนุโลมใช้อักษรที่ใกล้เคียง ในที่นี้จึงมีอักษรไทยบางตัว ที่ต้องใช้แทนหน่วยเสียงในภาษาจีนมากกว่าหนึ่งหน่วยเสียง ทั้งนี้เพื่อเป็น "เกณฑ์อย่างคร่าว ๆ" สำหรับการเขียนคำทับศัพท์ภาษาจีน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและพินอิน · ดูเพิ่มเติม »

กระต่ายจันทร์ (ความเชื่อ)

ันทรสมุทรบนดวงจันทร์ ที่ปรากฏภาพคล้ายกระต่าย กระต่ายจันทร์ เป็นความเชื่อรวมกันของหลายชนชาติ ที่เชื่อว่าบนดวงจันทร์มีกระต่ายอาศัยอยู่ โดยพิจารณาจากจันทรสมุทร (หลุมดำบนดวงจันทร์) แล้วเกิดเป็นพาเรียโดเลีย (จินตภาพ) รูปกระต่ายขึ้นมา ความเชื่อนี้มีในหลายชนชาติทั่วโลก เช่น แอฟริกา, ทิเบต, จีน, ญี่ปุ่น รวมถึงอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในปกรณัมของฮินดู พระจันทร์ เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ เป็นผู้ถือกระต่ายไว้ในพระหัตถ์ เนื่องจากคำว่ากระต่ายในภาษาสันสกฤต คือ "ศศะ" ดังนั้นจึงเรียกดวงจันทร์ว่า "ศศิน" (ศศินฺ) แปลว่า "ซึ่งมีกระต่าย" ในปกรณัมของจีน ภาพที่ปรากฏบนดวงจันทร์ คือ กระต่ายขาวกำลังตำข้าวในครก กระต่ายนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้รับใช้เซียนหรือผู้วิเศษ โดยมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ หรือเป็นสัตว์เลี้ยงของฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ในชาดก ซึ่งเป็นนิทานของพุทธศาสนา มีเรื่องหนึ่งเล่าว่า มีชายคนหนึ่งหลงทางในป่า ขณะที่หมดสติไปเพราะความหิวและยากลำบาก มีสัตว์ป่า 3 ชนิดมาพบเข้า ได้แก่ หมี, หมาจิ้งจอก และกระต่าย สัตว์ทั้ง 3 ตกลงกันที่จะช่วยชายผู้นี้ หมีนำปลามาให้ ขณะที่หมาจิ้งจอกนำองุ่นมาให้ แต่กระต่ายไม่อาจหาอะไรมาได้ เพราะกินเป็นแต่หญ้า จึงเสียสละตัวเองกระโดดเข้ากองไฟเพื่อเป็นอาหารให้แก่ชายผู้นี้ พระอินทร์จึงวาดภาพกระต่ายจารึกไว้บนดวงจันทร์เพื่อระลึกถึง อย่างไรก็ตามชาดกเรื่องนี้ได้มีรายละเอียดต่างไปเล็กน้อย ๆ เช่น ชายผู้นี้บ้างก็ว่าเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นพราหมณ์บ้าง หรือกระทั่งว่า กระต่ายตัวนี้คือพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าก็มี ในชนชาติฮอตเทนทอต ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองเร่ร่อนล่าสัตว์ ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เรื่องราวของกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยอธิบายอาการปากแหว่งเพดานโหว่ ตั้งแต่เกิดของมนุษย์ ตามตำนานพระจันทร์ส่งกระต่ายลงมายังโลกเพื่อบอกกับมนุษย์ว่าเมื่อเธอตายจะกลับฟื้นขึ้นอีกครั้ง และมนุษย์ก็เช่นกัน แต่กระต่ายไม่ใส่ใจจึงจำข้อความผิด ๆ ถูก ๆ ไปบอกมนุษย์ว่า พระจันทร์ตายแล้ว จะไม่ฟื้นคืนมาใหม่ และมนุษย์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเธอ เมื่อพระจันทร์ทราบว่ากระต่ายทำอะไรลงไป เธอโกรธมากและพยายามจะใช้ขวานจามหัวกระต่าย แต่พลาดไปโดนริมฝีปากบนของกระต่ายแทน กระต่ายบาดเจ็บก็ตอบแทนเธอด้วยการข่วนเข้าที่ใบหน้าด้วยอุ้งเล็บ ทำให้เกิดรอยปื้นดำปรากฏบนดวงจันทร์ดังที่เห็นกันทุกวันนี้.

ใหม่!!: อีกาสามขาและกระต่ายจันทร์ (ความเชื่อ) · ดูเพิ่มเติม »

สัญลักษณ์

ัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย (Symbol) โดยพื้นฐานหมายถึง สิ่งที่ใช้แทนความหมายของอีกสิ่งหนึ่ง หรือถ้าจะกล่าวให้ลึกลงไปอีก สัญลักษณ์ หมายถึง วัตถุ อักษร รูปร่าง หรือสีสัน ซึ่งใช้ในการสื่อความหมายหรือแนวความคิดให้มนุษย์เข้าใจไปในทางเดียวกัน อาจจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ ในทางปรัชญามักมีคำนิยามว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ หรือแม้ในจักรวาล สามารถแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ทั้งสิ้น สัญลักษณ์นั้นช่วยในการสื่อสาร อาจจะเป็นรูปภาพ การเขียนอักษร การออกเสียง หรือการทำท่าทาง ซึ่งช่วยให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารเข้าใจตรงกันแม้จะพูดกันคนละภาษา แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของทั้งสองฝ่ายว่า ผู้ส่งสารมีความสามารถใช้สัญลักษณ์ให้สื่อความหมายมากเพียงใด และผู้รับสารมีความเข้าใจในสัญลักษณ์ที่ใช้มากเพียงใด ดังนั้นภาษามือจึงจัดว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและสัญลักษณ์ · ดูเพิ่มเติม »

สีดำ

ีดำ เป็นสีของวัตถุที่ไม่สะท้อนแสงที่สเปกตรัมสะท้อนออกมา วัตถุสีดำจะดูดกลืนทุกสีในสเปกตรัม จึงไม่สะท้อนสีใด ๆ ออกมาเลย หลายคนคิดว่าสีดำคือ "การผสมทุกสีเข้าด้วยกัน" แต่ความเป็นจริงแล้ว สีที่สามารถสะท้อนแสงคืนได้หมดทุกสีคือ สีขาว บางครั้งสีดำบ่งบอกถึงความว่างเปล่า และไม่มีสีสัน แต่สีดำเป็นสีสีหนึ่ง สามารถบ่งบอกคุณลักษณ์ต่างๆ ของวัตถุ เช่น แมวสีดำ หรือภาพศิลป์สีดำ.

ใหม่!!: อีกาสามขาและสีดำ · ดูเพิ่มเติม »

อะมะเตะระซุ

วาดแสดงการปรากฏตัวของสุริยเทวีเพื่อให้แสงสว่างแก่จักรวาล อะมะเตะระซุ (天照; โรมะจิ: Amaterasu), อะมะเตะระซุ-โอมิกะมิ (天照大神 / 天照大御神; โรมะจิ: Amaterasu-ōmikami) หรือ โอฮิรุเมะ-โนะ-มุชิ-โนะ-กะมิ (大日孁貴神; โรมะจิ: Ōhiru-menomuchi-no-kami) เป็นสุริยเทพีตามความเชื่อของศาสนาชินโต มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพีองค์นี้มากมาย ซึ่งเป็นรากฐานของพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ เรื่องที่สำคัญคือการที่สุริยเทพีหลบหนีพระพายซุซะโนะโอะเข้าไปอยู่ในถ้ำ ทำให้โลกต้องพบกับความมืดมิดจนเกิดจลาจล เทวดาทั้งหลายจึงคิดอุบายให้สุริยเทพีปรากฏตัวออกมา แสงสว่างจึงได้ขับไล่ความมืดและความชั่วร้าย เป็นเหตุให้ซูซะโนะโอะถูกกำราบลงได้ นางจึงกลายเป็นเทพที่สำคัญที่สุดของศาสนาชินโต.

ใหม่!!: อีกาสามขาและอะมะเตะระซุ · ดูเพิ่มเติม »

อักษรฮันกึล

"ฮันกึล" จะเห็นว่าใน 1 คำ ประกอบด้วยพยัญชนะและสระ ภาพส่วนหนึ่งของเอกสาร "ฮูมิน จองอึม" ฮันกึล (한글, Hangeul, Hangul) เป็นชื่อเรียกตัวอักษรของเกาหลีที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นใช้แทนตัวอักษรฮันจา ฮันจานั้นหมายถึงตัวอักษรจีนที่ใช้ในภาษาเกาหลีก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรขึ้นใช้แทนโดยพระเจ้าเซจงมหาราช (세종대왕).

ใหม่!!: อีกาสามขาและอักษรฮันกึล · ดูเพิ่มเติม »

อักษรฮันจา

ำว่า ฮันจา ในภาษาเกาหลี ตัวสีแดงเขียนด้วยตัวอักษรฮันจา และตัวสีน้ำเงินเขียนด้วยฮันกึล ฮันจา (ฮันจา: 漢字, ฮันกึล: 한자) หรือ ฮันมุน บางครั้งเรียกว่า อักษรจีน-เกาหลี หมายถึงอักษรจีนที่ยืมมาใช้ในภาษาเกาหลี และออกเสียงเป็นภาษาจีนแต่ในสำเนียงของภาษาเกาหลี ตัวอักษรฮันจาไม่เหมือนตัวอักษรคันจิ ในภาษาญี่ปุ่นที่ถูกปรับปรุงและย่อแบบญี่ปุ่นไปหลายตัว ในขณะที่อักษรฮันจาใช้ตัวอักษรจีนตัวเต็ม มีเพียงส่วนน้อยที่ย่อและใช้เหมือนตัวอักษรคัน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและอักษรฮันจา · ดูเพิ่มเติม »

อาณาจักรโคกูรยอ

กูรยอ (เสียงอ่าน::; 37 ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ. 668) เป็นอาณาจักรเกาหลีโบราณที่พระเจ้าทงมย็องซ็องทรงสถาปนาขึ้น ปัจจุบันดินแดนส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเกาหลีเหนือและคาบสมุทรเหลียวตงของประเทศจีน ราชวงศ์นี้มีอาณาเขตตั้งแต่เกาหลีเหนือปัจจุบันแมนจูเรียถึงรัสเซียบางส่วนเป็นราชวงศ์แรก ที่ถูกบันทึกหลักฐานราชวงศ์นี้มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นมหาราชพระองค์แรกของเกาหลีคือพระเจ้าควังแกโทมหาราช รัชกาลที่ 19 ของราชวงศ์ ผู้ทรงพระปรีชาสามารถทั้งเรื่องรบและเรื่องรัก ทรงขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางต่อมาจักรวรรดินี้เริ่มมีปัญหารบรากับอาณาจักรแพ็กเจและอาณาจักรชิลลา ในสมัยราชวงศ์ถัง (618-907) ในขณะนั้นตรงกับรัชสมัยจักรพรรดิถังเกาจง (หลี่จื้อ) จักรพรรดิองค์ที่ 3 ประมาณปี..

ใหม่!!: อีกาสามขาและอาณาจักรโคกูรยอ · ดูเพิ่มเติม »

อีกา

thumb อีกา หรือ กา (jungle crow, large-billed crow, thick-billed crow, แปลว่านกกาที่มีปากใหญ่) เป็นนกกาที่กระจายพันธุ์เป็นวงกว้างในเอเชีย ปรับตัวได้เก่ง สามารถกินอาหารได้หลากหลาย ทำให้ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ได้ง่าย บางครั้งถูกมองว่าเป็นสัตว์รังควานโดยเฉพาะในเกาะต่าง ๆ มีปากใหญ่ ทำให้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า macrorhynchos ซึ่งเป็นคำกรีกโบราณแปลว่า ปากใหญ่ และมีชื่ออังกฤษว่า large-billed crow (นกกาปากใหญ่) หรือ thick-billed crow (นกกาปากหนา) บางครั้งมองผิดว่าเป็น นกเรเวน นกมีพันธุ์ย่อยถึง 11 ชนิด ที่แตกต่างกันทางเสียงร้อง ทางสัณฐาน และทางพันธุกรรม ทำให้มีแนวคิดว่า จริง ๆ อาจจะเป็นนกหลายพันธุ์ พันธุ์ตัวอย่างเช่น.

ใหม่!!: อีกาสามขาและอีกา · ดูเพิ่มเติม »

จักรพรรดิจิมมุ

นหลวงของจักรพรรดิจิมมุ จักรพรรดิจิมมุ พระนาม คะมุยะมะโตะ อิวะเระบิโกะ ปฐมจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นสำนักพระราชวังญี่ปุ่น (Kunaichō): จักรพรรดิในตำนานของญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในพระนามอื่นๆ อีก อาทิ คะมุยะมะโตะ อิวะเระบิโกะ โนะ มิโกะโตะ (神日本磐余彦尊) หรือ วะกะมิเกะนุ โนะ มิโกะโตะ (若御毛沼命) หรือ ซะโนะ โนะ มิโกะโตะ (狹野尊) ตามตำนาน โคะจิกิ ได้กล่าวไว้ว่า จักรพรรดิจิมมุพระราชสมภพเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 711ปีก่อน..

ใหม่!!: อีกาสามขาและจักรพรรดิจิมมุ · ดูเพิ่มเติม »

ดวงอาทิตย์

วงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ ณ ใจกลางระบบสุริยะ เป็นพลาสมาร้อนทรงเกือบกลมสมบูรณ์ โดยมีการเคลื่อนท่พาซึ่งผลิตสนามแม่เหล็กผ่านกระบวนการไดนาโม ปัจจุบันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.39 ล้านกิโลเมตร ใหญ่กว่าโลก 109 เท่า และมีมวลประมาณ 330,000 เท่าของโลก คิดเป็นประมาณ 99.86% ของมวลทั้งหมดของระบบสุริยะ มวลประมาณสามในสี่ของดวงอาทิตย์เป็นไฮโดรเจน ส่วนที่เหลือเป็นฮีเลียมเป็นหลัก โดยมีปริมาณธาตุหนักกว่าเล็กน้อย รวมทั้งออกซิเจน คาร์บอน นีออนและเหล็ก ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ลำดับหลักระดับจี (G2V) ตามการจัดประเภทดาวฤกษ์ ซึ่งเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "ดาวแคระเหลือง" ดวงอาทิตย์เกิดเมื่อประมาณ 4.6 พันล้านปีก่อนจากการยุบทางความโน้มถ่วงของสสารภายในบริเวณเมฆโมเลกุลขนาดใหญ่ สสารนี้ส่วนใหญ่รวมอยู่ที่ใจกลาง ส่วนที่เหลือแบนลงเป็นแผ่นโคจรซึ่งกลายเป็นระบบสุริยะ มวลใจกลางร้อนและหนาแน่นมากจนเริ่มเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น ณ แก่น ซึ่งเชื่อว่าเป็นกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ ดวงอาทิตย์มีอายุประมาณครึ่งอายุขัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักเป็นเวลากว่า 4 พันล้านปีมาแล้วและจะค่อนข้างเสถียรไปอีก 5 พันล้านปี หลังฟิวชันไฮโดรเจนในแก่นของมันลดลงถึงจุดที่ไม่อยู่ในดุลยภาพอุทกสถิตต่อไป แก่นของดวงอาทิตย์จะมีความหนาแน่นและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นส่วนชั้นนอกของดวงอาทิตย์จะขยายออกจนสุดท้ายเป็นดาวยักษ์แดง มีการคำนวณว่าดวงอาทิตย์จะใหญ่พอกลืนวงโคจรปัจจุบันของดาวพุทธและดาวศุกร์ และทำให้โลกอาศัยอยู่ไม่ได้ มนุษย์ทราบความสำคัญของดวงอาทิตย์ที่มีโลกมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และบางวัฒนธรรมถือดวงอาทิตย์เป็นเทวดา การหมุนของโลกและวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกเป็นรากฐานของปฏิทินสุริยคติ ซึ่งเป็นปฏิทินที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและดวงอาทิตย์ · ดูเพิ่มเติม »

ความเชื่อเรื่องการสร้างโลกของจีน

หวงตี้ ฮ่องเต้องค์แรกในความเชื่อของจีน ความเชื่อเรื่องการสร้างโลกของจีน (开天辟地) เป็นนิทานปรัมปราที่เล่าสืบกันมาแต่โบราณ ว่า โลกเดิมทีเป็นฟองไข่ทรงกลม ที่ภายในมียักษ์ตนหนึ่งที่มีผมเพ้าและหนวดเครายาว มีร่างกายยาวถึง 90,000 ลี้ (ประมาณ 45,000 กิโลเมตร) ชื่อ ป้านกู (盤古) วันหนึ่งป้านกูตื่นขึ้นมาและได้ฟักตัวออกจากไข่ ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของป้านกู ป้านกูจึงดันส่วนบนของไข่ให้กลายเป็นสวรรค์และด้านล่างกลายเป็นโลก แต่สวรรค์และโลกกลับดูดตัวเข้าหากัน ป้านกูจึงให้พละกำลังดันทั้ง 2 ส่วนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานับหมื่น ๆ ปี จนในที่สุดทั้งสวรรค์และโลกไม่อาจรวมตัวกันได้ ป้านกูจึงล้มลงและเสียชีวิต ภายหลังเสียชีวิตแล้ว ตาข้างซ้ายของป้านกูกลายเป็นพระอาทิตย์ ตาข้างขวากลายมาเป็นพระจันทร์ ร่างกลายกลายเป็นภูเขา เลือดกลายเป็นแม่น้ำ ผมและหนวดเคราที่ยาวสลวยกลายเป็นผักและหญ้า ผ่านไปหลังจากนั้นอีกเนิ่นนาน เจ้าแม่หนี่วา (女媧) ได้ลงมาท่องเที่ยวชมพื้นโลก และชื่นชมว่าโลกเป็นสถานที่ ๆ น่าอยู่ยิ่งนัก เมื่อนางได้ใช้นิ้วจิ้มดินและเศษดินตกลงสู่น้ำก็กลายเป็นลูกอ๊อด องค์เจ้าแม่หนี่วา ทรงดีพระทัยยิ่งนัก จึงใช้ดินปั้นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ จึงกำเนิดขึ้นเป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ แต่นางรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป ในวันที่ 7 พระนางจึงเริ่มปั้นรูปเหมือนตัวพระนางขึ้น เกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิงขึ้น และพระนางเกรงว่ามนุษย์ผู้หญิงนี้จะเหงา จึงปั้นรูปใหม่ขึ้นมาให้คล้ายเคียงกันเป็นมนุษย์ผู้ชาย และให้มนุษย์ทั้ง 2 เพศนี้อยู่คู่กันและออกลูกหลานสืบต่อกันมา ต่อมา ฟูซี (伏羲) ซึ่งเป็นผู้ปกครองชนเผ่าของมนุษย์ได้สังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของธรรมชาติ จนสามารถพึ่งตัวเองได้และเกิดเป็นองค์ความรู้ วันหนึ่งมีกิเลนตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำฮวงโห บนหลังกิเลนมีสัญลักษณ์ปรากฏที่ถูกเรียกในภายหลังว่า "แผนภูมิเหอถู" (河图) ซึ่งต่อมาได้พัฒนากลายเป็นตัวอักษร หลังยุคฟูซี เสินหนง (神農) ได้เป็นผู้ปกครองแทน เสินหนงได้สอนให้ผู้คนรู้จักการเพาะปลูก และใช้คันไถ และยุคต่อมาก็คือ ยุคของหวงตี้ (黃帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง หวงตี้ได้ทำสงครามกับเหยียนตี้ที่ปั่นเฉวียน (阪泉) สุดท้ายเหยียนตี้พ่ายแพ้ หวงตี้จึงขยายอำนาจการปกครองจากทางตอนเหนือลงไปทางใต้ จนถึงลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงและฮั่นสุ่ย ซึ่งหวงตี้ได้รับการนับถือจากชาวจีนรุ่นต่อมาว่าเป็น ฮ่องเต้หรือจักรพรรดิองค์แรกของจีน และชื่อของพระองค์ก็กลายมาเป็นคำว่า ฮ่องเต้ หรือ จักรพรรดิ ความหมายของชื่อก็กลายมาเป็นสีประจำตัวฮ่องเต้ด้วย คือ สีเหลือง ชาวจีนเชื่อว่า ในราชวงศ์ชั้นหลัง เช่น ราชวงศ์เซี่ย, ราชวงศ์ซาง, ราชวงศ์โจว ต่อมาต่างก็สืบเชื้อสายจากหวงตี้ทั้งนั้น หลังยุคหวงตี้ เป็นยุคของเชาเหา (少昊) และ ซวนซู (顓頊) ซึ่งในยุคนี้ได้กำเนิดดาราศาสตร์, ปฏิทิน, ความเชื่อ, ไสยศาสตร์และเรือ ต่อมาจึงเป็นยุคของ กู (帝嚳) และ เหยา (尧) ซึ่งในยุคนี้พระอาทิตย์มีมากมายพร้อมกันถึง 10 ดวง และต่างพากันเปล่งรัศมีความร้อนแรงมายังโลกมนุษย์ ทำให้เดือดร้อนกันมาก เง็กเซียนฮ่องเต้จึงมีบัญชาให้ โหวอี้ นักยิงธนูบนสวรรค์ลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อจัดการ โหวอี้ใช้ธนูยิงดวงอาทิตย์ตกไปถึง 9 ดวง และตำนานโฮ๋วอี้ยิงดวงอาทิตย์ 9 ดวงนี้ก็ก่อให้เกิดตำนาน เทพธิดาฉางเอ๋อ เหาะไปดวงจันทร์และเป็นต้นกำเนิดเทศกาลไหว้พระจันทร์ของจีน ต่อมาเป็นยุคของซุน (舜) และ อวี่ (禹) ในยุคของอวี่ได้เกิดอุทกภัย (大禹治水) และอวี่สามารถสร้างเขื่อนควบคุมกระแสน้ำได้สำเร็จ โดยไม่ได้กลับบ้านเป็นระยะเวลานานถึง 9 ปี และวันหนึ่งก็ได้มีเต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งผุดขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองเต่ามีอักษรที่ต่อมาเรียกว่า "แผนภูมิลั่วซู" (洛书) ซึ่งกลายมาเป็นศิลปะวิทยาการต่าง ๆ สืบมาจนปัจจุบัน ภายหลังจากอวี่เสียชีวิตลง บุตรชายของอวี่ก็สังหารอี้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า และเริ่มเข้าสู่ยุคแห่งการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าโดยสายเลือดในระบบวงศ์วานว่านเครือ และหลังจากนั้น ประวัติศาสตร์จีนก้าวเข้าสู่ราชวงศ์แรกที่มีการสืบทอดบัลลังก์อำนาจโดยสายเลือด นั่นคือ จุดกำเนิดของราชวงศ์เซี่ย (夏代) ราชวงศ์แรกของจีน.

ใหม่!!: อีกาสามขาและความเชื่อเรื่องการสร้างโลกของจีน · ดูเพิ่มเติม »

ปรัมปราวิทยา

ประมวลเรื่องปรัมปราราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, 2548, หน้า 68 (mythology) หมายถึง การรวบรวมเรื่องปรัมปรา (myth) เกี่ยวกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และจารีตประเพณี ของกลุ่มชนหนึ่ง และเรียกวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องปรัมปราเหล่านี้ว่า ปรัมปราวิทยา หรือ ปุราณวิทยา (mythology).

ใหม่!!: อีกาสามขาและปรัมปราวิทยา · ดูเพิ่มเติม »

นิฮงโชะกิ

นิฮงโชะกิ คือ พงศาวดารญี่ปุ่น เรียบเรียงสำเร็จใน ค.ศ. 720 นับเป็นหนังสือเล่มที่สองของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ เขียนด้วยอักษรจีน ผู้เรียบเรียงคือองค์ชายโทะเนะริ และอาลักษณ์ชื่อโอโนะ ยาสึมะโร นิฮงโชะกิ ประกอบด้วยเนื้อหา 30 บท เป็นประวัติของพระราชวงศ์และจักรพรรดิ เริ่มจากภาคตำนาน เมื่อเทพได้จุติลงมาเป็นจักรพรรดิจนถึงรัชสมัยจักรพรรดิในคริสต์ศตวรรษที่ 8.

ใหม่!!: อีกาสามขาและนิฮงโชะกิ · ดูเพิ่มเติม »

โรมาจิ

รมาจิ เป็นอักษรโรมันที่ใช้ในภาษาญี่ปุ่นในระบบการเขียนภาษาญี่ปุ่นใช้ คานะและคันจิเป็นหลัก โรมาจิเป็นวิธีที่นิยมสำหรับบุคคลที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นเรียนภาษาญี่ปุ่น และยังเป็นที่นิยมในการพิมพ์ข้อมูลภาษาญี่ปุ่นลงในคอมพิวเตอร์ โดยการพิมพ์บนคีย์บอร์ดเป็นโรมาจิและคอมพิวเตอร์แสดงผลเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวอักษรแบบต่าง ๆ โรมาจิเริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยสงครามโลก ซึ่งเริ่มเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา สำหรับการเขียนและการอ่านโรมาจิ โรมาจิในปัจจุบันมีอยู่ 3 ระบบ ได้แก่ นิฮงชิกิ (日本式) แบบดั้งเดิม, คุงเรชิกิ (訓令式) แบบที่ดัดแปลงจากนิฮงชิกิ และเฮ็ปเบิร์นหรือเฮบงชิกิ (ヘボン式) แบบปรับปรุงพัฒนาตามการออกเสียงจริง ซึ่งเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ตัวอย่างของการทับศัพท์แบบต่าง.

ใหม่!!: อีกาสามขาและโรมาจิ · ดูเพิ่มเติม »

โฮ้วอี้

้วอี้ เป็นนักยิงธนูในเทพปกรณัมจีน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิงธนูดับดวงอาทิตย์ โดยธนูเพียงดอกเดียวทำให้ดวงอาทิตย์ตกลงมาถึง 9 ดวง ในยุคราชวงศ์เซี่ย ตรงกับสมัยเหยาฮ่องเต้ โลกมนุษย์มีดวงอาทิตย์พร้อมกันถึง 10 ดวง ซึ่งดวงอาทิตย์ทั้ง 10 นี้พร้อมใจกันส่องแสงสว่างมาแก่โลกมนุษย์ด้วยความสนุก ทำให้มนุษย์ได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่ง โฮ้วอี้จึงได้รับบัญชาจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ยิงธนูจัดการกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสร้างความเดือนร้อนแก่โลกมนุษย์ จึงลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมกับฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ซึ่งเป็นคนรัก แต่โฮ้วอี้ลำพองใจยิงดวงอาทิตย์ดับไปถึง 9 ดวงจาก 10 ถือเป็นการกระทำเกินเหตุ เง็กเซียนฮ่องเต้จึงขับไล่โฮ้วอี้ลงจากสวรรค์ไปอยู่ยังโลกมนุษย์ ฉางเอ๋อก็ได้ตามโฮ้วอี้ลงไปด้วย เมื่อโฮ้วอี้มายังโลกมนุษย์แล้ว โฮ้วอี้ได้ใช้ฝีมือยิงธนูปราบปรามสัตว์ร้ายต่าง ๆ จนกระทั่งผู้คนยกให้เป็นผู้นำเผ่าหย่งฉิว (有窮國) และมีชายผู้หนึ่งชื่อ เฟิงเมิ่ง ขอรับใช้เป็นศิษย์ของโฮ้วอี้ ตลอดเวลาที่โฮ้วอี้อยู่บนโลกมนุษย์ โฮ้วอี้ลำพองใจยิ่งนักจนกระทั่งเฟิงเมิ่งเกิดอิจฉาที่โฮ้วอี้ได้รับความนิยมมากกว่า ขณะที่ฉางเอ๋อก็ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนไปของโฮ้วอี้ แต่นางก็มิอาจทัดทานได้ วันหนึ่งเฟิงเมิ่งได้ใช้ธนูแอบยิงโฮ้วอี้ที่ต้นคอจนกระทั่งถึงแก่ความตาย ส่วนฉางเอ๋อก็แอบดื่มน้ำอมฤทธิ์ทำให้มีชีวิตเป็นอมตะ และกลับไปอยู่ยังดวงจันทร์เพียงลำพัง.

ใหม่!!: อีกาสามขาและโฮ้วอี้ · ดูเพิ่มเติม »

เอเชียตะวันออก

แผนที่เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเป็นอนุภูมิภาคของทวีปเอเชีย มีพื้นที่ประมาณ 6,640,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 15% ของพื้นที่ทั้งหมดของทวีปเอเชีย ประเทศซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก มีดังต่อไปนี้.

ใหม่!!: อีกาสามขาและเอเชียตะวันออก · ดูเพิ่มเติม »

เท็งงุ

ประติมากรรมเท็งงุ เท็งงุ ("สุนัขฟ้า, สุนัขสวรรค์") เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าเท็งงุมีภาพลักษณ์ของปีศาจร้ายและมักจะสร้างพายุเข้าโจมตีผู้คนเสมอๆ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง เท็งงุเป็นข้ารับใช้ของไดเทนกุซึ่งมักปรากฏภาพของไดเทนกุที่ล้อมรอบไปด้วยเท็งงุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่าเท็งงุไม่ได้เป็นผีร้าย ทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้นเป็นเพราะเท็งงุต้องทำตามคำสั่งของไดเทนก.

ใหม่!!: อีกาสามขาและเท็งงุ · ดูเพิ่มเติม »

เง็กเซียนฮ่องเต้

ง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพเจ้าสูงสุดของจีน เทวรูปและรูปวาดขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้จะทรงฉลองพระองค์เช่นเดียวกับจักรพรรดิจีน คือมีพระมาลา ด้านหน้ามีเส้นร้อยไข่มุกเป็นแถวห้อยลงมาหน้าพระพักตร์ พระหัตถ์ทรงพระป้ายซือฮุดหน้าพระอุระ ด้านหลังมีพนักงานสองคนคอยโบกพัด ด้านหน้ามีองครักษ์สององค์ทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น พระองค์ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าสูงสุดตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๔ เป็นต้นม.

ใหม่!!: อีกาสามขาและเง็กเซียนฮ่องเต้ · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

ยะตะกะระสุนกสามขา八咫烏

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »