ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง
ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง มี 7 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนการปฏิวัติทางวัฒนธรรมมณฑลอานฮุยสี จิ้นผิงหู จิ่นเทานายกรัฐมนตรีจีนเวิน เจียเป่า
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
รรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (Communist Party of China (CPC) หรือ Chinese Communist Party (CCP)) เป็นพรรคการเมืองหลักในสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสมาชิกกว่า 80 ล้านคน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2464 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เริ่มต้นเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ที่เซี่ยงไฮ้ ได้เข้าปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ภายหลังโค่นพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ลงในสงครามกลางเมือง โดย หม่าหลิน (Marine) เป็นผู้แทนเลนิน พบกับ ดร.ซุนยัตเซ็น และ หลี่ต้าเจา กับ จางเหลย เสนอให้จัดตั้งพรรคการเมืองที่รวบรวมความสามัคคีของกรรมกรและชาวน.
ประเทศจีนและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน · พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง ·
การปฏิวัติทางวัฒนธรรม
การปฏิวัติทางวัฒนธรรมใหญ่ของกรรมาชีพ (Great Proletarian Cultural Revolution) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า การปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) เป็นขบวนการทางสังคม-การเมืองซึ่งเกิดขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่ปี 2509 เหมาเจ๋อตงซึ่งขณะนั้นเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นผู้ริเริ่มขับเคลื่อน เป้าหมายที่แถลงไว้ คือ เพื่อบังคับใช้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศโดยการขจัดองค์ประกอบที่เป็นทุนนิยม ประเพณีและวัฒนธรรมจีน ออกจากวัฒนธรรมคอมมิวนิสต์และเพื่อกำหนดแนวทางแบบเหมาภายในพรรค การปฏิวัติดังกล่าวส่งผลให้เหมาเจ๋อตงกลับมามีอำนาจหลังการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้าที่ล้มเหลว ขบวนการดังกล่าวทำให้การเมืองจีนหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อประเทศทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างสำคัญ การปฏิวัติวัฒนธรรมเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2509 เหมาอ้างว่ากระฎุมพีกำลังแทรกซึมรัฐบาลและสังคมอย่างไม่มีขอบเขต โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูทุนนิยม เขายืนกรานให้ขจัด "ลัทธิแก้" (revisionist) เหล่านี้ผ่านการต่อสู้ของชนชั้นอย่างรุนแรง เยาวชนจีนสนองตอบการเรียกร้องของเหมาโดยตั้งกลุ่มเรดการ์ดขึ้นทั่วประเทศ ขบวนการดังกล่าวแพร่ไปสู่ทหาร กรรมกรในเมือง และผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เอง การปฏิวัติส่งผลให้เกิดการต่อสู้ระหว่างกลุ่มแยกอย่างกว้างขวางในทุกย่างก้าวของชีวิต ในหมู่ผู้นำระดับสูง การปฏิวัตินำไปสู่การกวาดล้างข้าราชการอาวุโสที่ถูกกล่าวหาว่าเดิน "ถนนทุนนิยม" คือ ประธานาธิบดีหลิวส้าวฉีและเติ้งเสี่ยวผิง พร้อมด้วยจอมพล หลิวป๋อเฉิง จอมพล เฉินอี้ จอมพล เย่เจี้ยนอิงและจอมพล เผิงเต๋อฮว้าย ในเวลาเดียวกัน ลัทธิมากซ์ ของประธานเหมา เติบโตขึ้นเป็นอันมาก กลุ่มกรรมกรใช้สัญลักษณ์ค้อนกดขี่ข่มเหงชาวนาและกลุ่มเกษตรกรรมอื่นๆ ประชากรจีนจำนวนหลายล้านคนถูกเบียดเบียน ในการต่อสู้อย่างรุนแรง ระหว่างกลุ่มลัทธิแก้ และกลุ่มปลดปล่อยประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศ อันทำให้เกิดการละเมิดหลายรูปแบบ รวมถึงการประจานในที่สาธารณะ การกักขังตามอำเภอใจ การทรมาน การก่อกวนอยู่เนือง ๆ และการยึดทรัพย์สินของชาวบ้าน หลายภาคส่วนถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน ส่วนวัตถุมงคลและสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์จีนถูกทำลาย สถานที่ทางวัฒนธรรมและศาสนาถูกปล้นพร้อมกับทำให้เสียหาย ประธานเหมาประกาศให้การปฏิวัติทางวัฒนธรรมสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี 2512 แต่ยังมีผลดำเนินไปกระทั่ง หลินเปียว ตายในปี 2514 หลังเหมาถึงแก่อสัญกรรมและการจับกุมแก๊งออฟโฟร์ในปี 2519 ทำให้คณะปฏิรูปการปกครอง นำโดย เติ้งเสี่ยวผิง ยุติการปฏิวัติของเหมาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติทางวัฒนธรรมอย่างเด็ดขาด ต่อมา ในเดือนมิถุนายน 2524 คณะกรรมาธิการกลางประกาศคำตัดสินอย่างเป็นทางการ ดังนี้ " 'การปฏิวัติทางวัฒนธรรม' ซึ่งดำเนินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2509 ถึงเดือนตุลาคม 2519 เป็นสาเหตุของการเสื่อมอย่างรุนแรงที่สุดและเป็นการสูญเสียอย่างหนักที่สุดที่พรรค รัฐและประชาชนเคยประสบมาแล้ว ตั้งแต่มีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชน" จอมพล เผิงเต๋อไหว นักรบผู้กล้าหาญและขวัญกำลังใจของกองทัพชาวนา ครอบครองแผ่นดินประมาณได้ 1 ใน 3 ของพื้นที่ประเทศจีนทั้งหมดในสงครามกลางเมือง แต่ถูกลงโทษทางการเมือง ทำให้ถึงแก่อสัญกรรม เพราะเรียงความหมื่นอักษรในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม.
การปฏิวัติทางวัฒนธรรมและประเทศจีน · การปฏิวัติทางวัฒนธรรมและหลี่ เค่อเฉียง ·
มณฑลอานฮุย
มณฑลอานฮุย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีเมืองเอกชื่อ เหอเฟย์ มีเนื้อที่ทั้งหมด 139,400 ตาราง ก.ม.
ประเทศจีนและมณฑลอานฮุย · มณฑลอานฮุยและหลี่ เค่อเฉียง ·
สี จิ้นผิง
ี จิ้นผิง (เกิด 15 มิถุนายน 2496) เป็นนักการเมืองจีน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง บางทีเรียก "ผู้นำสูงสุด" ของจีน ในปี 2559 พรรคให้ตำแหน่งเขาเป็นผู้นำ "แกนกลาง" ในฐานะเลขาธิการ สีเป็นคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาคณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นองค์กรวินิจฉัยสั่งการสูงสุดของจีน ในปี 2496 สี จิ้นผิง ได้เกิดตามสถิติโบราณ(2498) ที่บันทึกไว้ว่าเมืองฉางอาน เคยเป็นที่ประทับของฮ้องเต้ 98 องค์ ในขณะเดียวกันนั้น สี จิ้นผิงได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีน ซึ่งสี จิ้นผิงได้เกิด ณ เมืองนี้ เพราะฉะนั้นคนจีนจึงถือกันว่าสี จิ้นผิง เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 99 แห่งเมืองฉางอานตามสถิติโบราณ สี จิ้นผิงเป็นเลขาธิการคนแรกที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นบุตรของทหารผ่านศึกคอมมิวนิสต์จีน สี จงชุน สีขยับตำแหน่งทางการเมืองในมณฑลฝั่งทะเลของจีน สีเป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนตั้งแต่ปี 2542 ถึง 2545 และผู้ว่าการ ซึ่งขณะนั้นเป็นตำแหน่งเลขาธิการพรรคของมณฑลเจ้อเจียงตั้งแต่ปี 2545 ถึง 2550 หลังการปลดเฉิน เหลียงยฺหวี่ สีถูกโอนไปเซี่ยงไฮ้เป็นเลขาธิการพรรคช่วงสั้น ๆ ในปี 2550 สีเข้าร่วมคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาคณะกรรมการบริหารสูงสุดและสำนักเลขาธิการกลางในเดือนตุลาคม 2550 ใช้เวลาอีกห้าปีเป็นผู้สืบทอดของหู จิ่นเทา สีเป็นรองประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2556 และรองประธานคณะกรรมการกลางทหารส่วนกลางตั้งแต่ปี 2553 ถึง 2555 หลังเถลิงอำนาจ สีริเริ่มมาตรการกว้างขวางเพื่อใช้บังคับวินัยของพรรคและรับประกันเอกภาพภายใน การรณรงค์ปราบการฉ้อราษฎร์บังหลวงอันเป็นสัญลักษณ์ของเขานำสู่การหมดอำนาจของข้าราชการทั้งปัจจุบันและเกษียณแล้วคนสำคัญหลายคน สีเพิ่มการจำกัดสังคมพลเมืองและวจนิพนธ์อุดมการณ์ ส่งเสริมการตรวจพิจารณาอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนตามมโนทัศน์ "เอกราชอินเทอร์เน็ต" สีเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจแบบตลาดเพิ่ม การปกครองตามกฎหมายและเสริมสร้างสถาบันกฎหมาย โดยเน้นความทะเยอทะยานปัจเจกบุคลและชาติภายใต้คำขวัญ "ฝันจีน" สียังเป็นผู้นำนโยบายต่างประเทศที่กำเริบเสิบสานมากขึ้น โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์จีน–ญี่ปุ่น การอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ และบทบาทในการเป็นผู้นำการค้าเสรีและโลกาภิวัฒน์ เขายังมุ่งขยายอิทธิพลในยูเรเชียของจีนผ่านการริเริ่มหนึ่งเข็มขัดหนึ่งถนน เขาถือเป็นบุคคลศูนย์กลางของผู้นำรุ่นที่ห้าของสาธารณรัฐประชาชน สีรวบอำนาจสถาบันมากขึ้นโดยดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่ง รวมทั้งประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติที่ตั้งใหม่ ตลอดจนคณะกรรมการขับเคลื่อนใหม่ว่าด้วยการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม การจัดโครงสร้างกองทัพใหม่ และอินเทอร์เน็ต ความคิดทางการเมืองของสีถูกเขียนอยู่ในธรรมนูญของพรรค และมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อเลิกข้อจำกัดวาระของประธานาธิบดี สีมีการสร้างลัทธิบูชาบุคคลรอบตัวเขา "โดยมีหนังสือ การ์ตูน เพลงป๊อบ และกระทั่งท่าเต้น".
ประเทศจีนและสี จิ้นผิง · สี จิ้นผิงและหลี่ เค่อเฉียง ·
หู จิ่นเทา
หู จิ่นเทา (เกิด 21 ธันวาคม พ.ศ. 2485) เป็นหัวหน้าคณะผู้นำจีนรุ่นที่ 4 แห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน, ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน.
ประเทศจีนและหู จิ่นเทา · หลี่ เค่อเฉียงและหู จิ่นเทา ·
นายกรัฐมนตรีจีน
นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน: 总理; พินอิน: zǒnglǐ) คือประธานสภาประชาชนและหัวหน้ารัฐบาลกลางของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน.
นายกรัฐมนตรีจีนและประเทศจีน · นายกรัฐมนตรีจีนและหลี่ เค่อเฉียง ·
เวิน เจียเป่า
วิน เจียเป่า เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจากนายจู หรงจี เมื่อเดือนมีนาคม 16 มีนาคม ค.ศ. 2003 เวินเป็นชาวเมืองเทียนจิน เกิดเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1942 สำเร็จการศึกษาจากสถาบันธรณีวิทยาปักกิ่ง (Beijing Institute of Geology) เข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1965 และเริ่มทำงานให้พรรคในอีกสองปีต่อมา เวินเป็นสมาชิกพรรคที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และเป็นสมาชิกคนเดียวที่เคยทำงานรับใช้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงสามคน คือ.
ประเทศจีนและเวิน เจียเป่า · หลี่ เค่อเฉียงและเวิน เจียเป่า ·
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง
การเปรียบเทียบระหว่าง ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง
ประเทศจีน มี 198 ความสัมพันธ์ขณะที่ หลี่ เค่อเฉียง มี 10 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 7, ดัชนี Jaccard คือ 3.37% = 7 / (198 + 10)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศจีนและหลี่ เค่อเฉียง หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: