โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

ซิธและสงครามโคลน

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง ซิธและสงครามโคลน

ซิธ vs. สงครามโคลน

ตราสัญลักษณ์ของนิกายซิธโบราณ ในจักรวาลสตาร์ วอร์ส คำว่า ซิธ (Sith) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงกลุ่มบุคคลสองกลุ่มที่เป็นเอกเทศแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ในความหมายที่ใช้ทั่วไปนั้น ซิธหมายถึงกลุ่มลัทธิความเชื่อของนักบวชที่อุทิศตัวให้กับด้านมืดของพลัง มีผู้นำคือ "ซิธลอร์ด" ลักษณะเด่นของกลุ่มบุคคลนี้คือความละโมภในอำนาจและพร้อมที่จะใช้ทุกวิถีทางในการทำให้ได้มาซึ่งอำนาจ ปฏิบัติตนเป็นศัตรูของอัศวินเจได กลุ่มบุคคลนี้ปรากฏในลักษณะต่างๆ กันตลอดประวัติศาสตร์ของกาแลกซี หมู่เหล่าของซิธนั้นมีจำนวนหลายหมู่ หมู่ที่น่าจดจำที่สุดเช่น จักรวรรดิซิธ และ นิกายซิธลอร์ด เนื้อหาต่อจากนี้จะกล่าวถึงกลุ่มบุคคลนี้เป็นสำคัญ อีกความหมายหนึ่งนั้น ซิธหมายถึงเผ่าพันธุ์ใกล้เคียงมนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งที่ถูกกลุ่มคนในความหมายแรกนำมาเป็นทาส แล้วจึงนำชื่อของเผ่าพันธุ์นี้มาใช้เรียกตัวเอง. งครามโคลน (Clone Wars) เป็นสงครามต่อเนื่องภายในกาแลกซีในมหากาพย์ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ สตาร์ วอร์ส ของจอร์จ ลูคัส ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ (พ.ศ. 2520) แต่ไม่ปรากฏในเรื่องแต่งของสตาร์ วอร์ส ทางสื่อใดๆ เลย จนกระทั่งมาถึงภาพยนตร์ตอนที่ 2 และ 3 ของไตรภาคต้น (สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม (พ.ศ. 2545) และ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น (พ.ศ. 2548)) เหตุการณ์และภารกิจหลายอย่างระหว่างสงครามโคลนถูกทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์ในชื่อ สตาร์ วอร์ส: สงครามมนุษย์โคลน (พ.ศ. 2546-2548) เรื่องราวเพิ่มเติมจำนวนมากถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน หนังสือนิยาย และเกม ในเนื้อเรื่องนั้น สงครามนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายรัฐคือสาธารณรัฐกาแลกติกและฝ่ายแบ่งแยกคือสมาพันธ์ระบบดาวอิสระ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจะแยกตัวออกจากสาธารณรัฐฯ ทางฝ่ายสาธารณรัฐใช้ทหารที่สร้างจากการโคลน เรียกว่าทหารโคลน หรือโคลนทรูปเปอร์ เป็นกองทัพหลักในการต่อสู้ครั้งนี้ และเป็นที่มาของชื่อสงครามโคลน ทหารโคลนเหล่านี้ออกรบภายใต้การนำทัพของเหล่าเจได ต่อสู้กับกองทัพหุ่นยนต์ของฝ่ายแบ่งแยก ความขัดแย้งนี้เป็นแผนที่อยู่ภายใต้การบงการของผู้นำสาธารณรัฐคือสมุหนายกพัลพาทีน ซึ่งเบื้องหลังเป็นซิธลอร์ด ผู้ใช้พลังฝ่ายชั่วร้าย ซึ่งวางแผนเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ตนได้มีอำนาจ และเปลี่ยนระบอบการปกครองจากประชาธิปไตยโดยสาธารณรัฐกาแลกติก มาเป็นเผด็จการโดยจักรวรรดิกาแลกติก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์สตาร์ วอร์สไตรภาคดั้งเดิม สงครามโคลนเริ่มต้นขึ้นในวิกฤตการณ์แบ่งแยกดินแดนเมื่อระบบดาวเคราะห์นับพันแยกตัวออกจากสาธารณรัฐกาแลกติกแล้วรวมตัวเป็นสหภาพพิภพอิสระ (Confederacy of Independent Systems - CIS) การรบครั้งแรกเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ของสหภาพฯ คือจีโอโนซิส โดยที่กองทัพโคลนของสาธารณรัฐภายใต้การนำของนายพลเจไดเข้าต่อสู้กับแบทเทิลดรอยด์ของกลุ่มแบ่งแยกฯ สงครามขยายวงกว้างไปทั่วกาแลกซีอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็มาถึงนครหลวงของสาธารณรัฐอย่างคอรัสซานท์ การตายของเคานท์ดูกูและนายพลกรีวัสรวมทั้งอุปราช นูด กันเรย์อุปราชของสหพันธ์พาณิชย์และเหล่าผู้นำระบบดาวต่างๆที่ร่วมกันเป็นสหภาพพิภพอิสระ ร่วมกับการประกาศใช้คำสั่งที่ 66 ในการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ และการหยุดการทำงานของกองทัพดรอยด์นำไปสู่การยุติการต่อสู้ครั้งนี้ อาจถือได้ว่าสงครามโคลนเป็นความขัดแย้งครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในกาแลกซีเท่าที่มีการบันทึกมา โดยไม่เป็นที่รู้ต่อสาธารณชนแม้แต่ผู้เกี่ยวข้องหลายๆ คน ความขัดแย้งครั้งนี้ถูกเริ่มต้น ประคับประคอง และยุติลงโดยซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนสาธารณรัฐให้เป็นจักรวรรดิกาแลกติกโดยมีตนเป็นจักรพรรดิและทำลายนิกายเจไดลง ความขัดแย้งครั้งนี้ทำให้นิกายซิธได้เป็นใหญ่ในกาแลกซีอีกครั้งหนึ่ง.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง ซิธและสงครามโคลน

ซิธและสงครามโคลน มี 11 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): พัลพาทีนการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)รายชื่อตัวละครในสตาร์ วอร์สลุค สกายวอล์คเกอร์สตาร์ วอร์สจักรวรรดิกาแลกติกดาร์ธ มอลดูกูซิธเจได

พัลพาทีน

ีฟว์ พัลพาทีน (Sheev Palpatine) เรียกสั้นๆว่า พัลพาทีน (Palpatine) คือตัวละครตัวหนึ่งในมหากาพย์ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์สตาร์ วอร์ส แสดงโดยเอียน แมคเดียร์มิด มีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ทั้งหมดห้าภาคจากหกภาคของภาพยนตร์ชุดนี้และเนื้อหาในจักรวาลขยายอีกจำนวนมาก พัลพาทีน หรือ ดาร์ธ ซิเดียส (Darth Sidious) เป็นสมุหนายกคนสุดท้ายของสาธารณรัฐกาแลกติก(ปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน) และผู้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกาแลกติก (ปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน เขาเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระดับกาแลกซีอย่างสงครามโคลนเพื่อที่จะกุมอำนาจโดยใช้กฎอัยการศึกที่ประกาศโดยสภากาแลกติก ในระหว่างสงครามโคลน พัลพาทีนเป็นผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในฐานะของซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส ทั้งยังเป็นผู้นำตามกฎหมายของฝ่ายสาธารณรัฐอีกด้วย ทำให้เขาสามารถวางแผนความเป็นไปของสงครามทั้งหมดได้ ยังผลให้พัลพาทีนได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่คือการถือกำเนิดของจักรวรรดิกาแลกติก ใบหน้าพัลพาทีนที่เสียโฉมจากพลังสายฟ้าของตนเองที่ถูกปัดป้องกลับจาก เมซ วินดู นอกจากจะถูกถือว่าเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายซิธแล้ว พัลพาทีนยังเชื่อว่าตนเป็นซิธลอร์ดเพียงหนึ่งเดียวในรอบหลายพันปีที่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของซิธได้ นั่นก็คือการทำลายล้างนิกายเจได และทำให้ซิธได้ปกครองกาแลกซี อย่างไรก็ดี ความแข็งแกร่งที่ทำให้พัลพาทีนเป็นซิธที่สามารถแก้แค้นให้กับนิกายของตนได้เป็นผลสำเร็จนั้นไม่ได้มาจากความสามารถในด้านมืดของพลังที่ร้ายกาจแต่อย่างใด ทว่าเป็นการที่เขาสามารถทำให้กาแลกซีทั้งกาแลกซีตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองได้ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว นั่นคือตามที่อาจารย์โยดาเคยกล่าวไว้ว่าด้านมืดบดบังทุกสิ่ง ในฐานะของอัจฉริยะโฉด พัลพาทีนไม่ได้สามารถชำระแค้นให้กับซิธด้วยเพียงความเก่งกาจทางการเมืองและความเชี่ยวชาญในพลังเท่านั้น แต่ยังด้วยความช่วยเหลือของผู้ฝึกฝนที่เก่งกาจจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ผู้ถูกชักนำเข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ ที่สำคัญพัลพาทีนเป็นบุคคลสำคัญในการวางแผนคำสั่งที่ 66 ซึ่งทำให้เจไดเกือบทั้งหมดถูกสังหาร และเขาเป็นผู้คุมกองทัพทั้งหมดไว้ในมือ หลายคนเชื่อว่าเขาเป็นผู้ที่ทรงพลังอย่างมาก จากที่เขาสามารถทำนายความรุ่งเรืองและความเป็นไปทั้งหมดของชีวิตของเขาได้ทะลุปรุโปร่ง ยกเว้นเพียงแต่ความตายของตัวเองเท่านั้น บทภาพยนตร์ฉบับแรกสุดของลูคัสนั้นกำหนดให้พัลพาทีนเป็นนักการเมืองผู้มีความสามารถ แต่อ่อนแอและตกอยู่ใต้อำนาจของลูกน้อง ทว่าในการกลับมาของเจได ไตรภาคต้น และนิยายจำนวนมากนั้น ตัวละครนี้ถูกแสดงออกมาในภาพลักษณ์ของความชั่วร้ายและผู้ที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ได้เบ็ดเสร็จ จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ พัลพาทีนเสียชีวิตด้วยการกลับเข้าสู่ด้านสว่างของดาร์ธ เวเดอร์ โดยทุ่มพัลพาทีนลงไปยังเตาปฎิกรณ์ของดาวมรณะดวงที่ 2 thumb Ian McDiarmid.

ซิธและพัลพาทีน · พัลพาทีนและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่

การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่เป็นเหตุการณ์ในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งถูกกล่าวถึงครั้งแรกในเอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ และปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น เกิดขึ้นตามเวลาในท้องเรื่องคือปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน โดยการวางแผนของซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส เพื่อกวาดล้างนิกายเจไดและนำไปสู่การก่อตั้งจักรวรรดิกาแลกติก ส่งผลให้เหล่าเจไดถูกกวาดล้างจนเกือบหมดสิ้น เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งสงครามภายในนิกายเจไดในปีที่ 3,956 ก่อนยุทธการยาวิน อัศวินเจไดที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ ได้แก่ เบน เคโนบี โยดา และ อาโซกา ทาโน ถือกันว่าการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การก่อตั้งจักรวรรดิกาแลกติกไปจนถึงครั้งที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ เข้าร่วมพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐในช่วงยุทธการยาวิน บางครั้งอาจถือได้ว่าการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองกาแลกติก หลังจากนั้นการกวาดล้างเจไดนั้นได้สิ้นสุดลงหลังจักรวรรดิกาแลกติกได้ล่มสลาย ซิธหมดอำนาจในช่วงปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน และได้มีก่อตั้งสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่และนิกายเจไดใหม่ เจไดได้รวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง.

การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่และซิธ · การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่และสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)

กาแลกซีใน''สตาร์ วอร์ส'' กาแลกซีในสตาร์ วอร์ส เป็นฉากหลังของเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส บางครั้งถูกเรียกว่า กาแลกซีอันไกลแสนไกล (Galaxy Far, Far Away) ตามที่ปรากฏในประโยคเปิดเรื่องของภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ที่ว่า "กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ กาแลกซี อันไกลแสนไกล" (A long time ago in a galaxy far, far away) กาแลกซีนี้เป็นฉากหลังของเหตุการณ์สำคัญในสาธารณรัฐกาแลกติก ของสงครามกลางเมืองกาแลกติก สงครามยูซาน วอง เจได และซิธ ปรากฏในแผนที่ว่ากาแลกซีนี้เป็นกาแลกซีชนิด Sb แหล่งข้อมูลบางแหล่งว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 120,000 ปีแสง หรือ 37,000 พาร์เซค (1 พาร์เซค เท่ากับ 3.258 ปีแสง) ตรงกลางมีหลุมดำอยู่ กาแลกซีนี้มีกาแลกซีบริวารเจ็ดกาแลกซีล้อมรอบ ได้แก่ คอมพาเนียน ออเรค (หรือ กลุ่มเมฆริชิ) คอมพาเนียน เบช และ คอมพาเนียน เครช จนถึง เกค (เรียงลำดับอักษรตามอักษรออราเบช) อย่างไรก็ดีคอมพาเนียนส่วนใหญ่ถูกระบุว่ามีอยู่แต่โบราณ มีโลหะน้อย และไม่มีอารยธรรมชีวิตมากนัก นอกจากนั้นยังมีความแปรปรวนของไฮเปอร์สเปซที่ริมขอบกาแลกซีที่คอยกันไม่ให้มีเส้นทางไฮเปอร์สเปซออกนอกไปจากจานกาแลกซีได้ มีดาวฤกษ์ในกาแลกซีประมาณ 400 พันล้านดวง ประมาณครึ่งหนึ่งมีดาวเคราะห์ที่มีสามารถมีสิ่งมีชีวิตได้ 10% ของจำนวนนี้มีสิ่งมีชีวิต และ 1/1000 ของจำนวนนี้ (ประมาณ 20 ล้าน) มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา รวมแล้วมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายถึงประมาณ 100 ล้านล้านล้านชน.

กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และซิธ · กาแลกซี (สตาร์ วอร์ส)และสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

รายชื่อตัวละครในสตาร์ วอร์ส

ผู้นำสูงสุดสโนค (Supreme Leader Snoke) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลังสโนคเป็นชายผู้มีสัมผัสแห่งพลัง ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของปฐมภาคีในช่วงเวลาประมาณ 30 ปี หลังยุทธการเอนดอร์ เขาเป็นผู้มีอำนาจ เก่งกาจในด้านมืดของพลัง เคยได้ฝึกไคโล เร็น และศิษย์อีกอย่างน้อยหนึ่งคน ในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลัง สโนคเป็นตัวละครที่ถูกสร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟิกด้วยเทคนิกการจับการเคลื่อนไหว (โมชั่นแคปเจอร์) จากการแสดงของแอนดี้ เซอร์กิส ลักษณะของตัวละครสโนคถูกเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายครั้งระหว่างการพัฒนาภาพยนตร์ จนได้รูปลักษณ์สุดท้ายเมื่อตุลาคม..

ซิธและรายชื่อตัวละครในสตาร์ วอร์ส · รายชื่อตัวละครในสตาร์ วอร์สและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

ลุค สกายวอล์คเกอร์

ลุค สกายวอล์คเกอร์ (Luke Skywalker) (ปีที่ 20 ก่อนยุทธการยาวิน - 34ปี หลังยุทธการยาวิน) คือตัวละครตัวหนึ่งในมหากาพย์ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์สตาร์ วอร์ส แสดงโดยมาร์ค ฮามิล มีบทบาทสำคัญเป็นตัวละครหลักในไตรภาคเดิมของภาพยนตร์ชุดนี้และเนื้อหาในจักรวาลขยายและจักรวาลหลักอีกจำนวนมาก ลุค สกายวอล์คเกอร์ เป็นลูกชายของอัศวินเจได อนาคิน สกายวอล์คเกอร์และวุฒิสมาชิกแพดเม่ อมิดาลา แห่งนาบู และเป็นพี่ชายของน้องสาวฝาแฝด เลอา ออร์กานา โซโล เป็นนักบินที่เก่งกาจ ผู้นำที่ยอดเยี่ยม และอาจารย์เจไดที่เป็นตำนาน ลุค สกายวอล์คเกอร์เป็นที่รู้จักจากการที่เขาเป็นผู้ทำลายดาวมรณะดวงแรก และเป็นผู้ที่ทำให้ดาร์ธ เวเดอร์ สามารถโค่นจักรพรรดิพัลพาทีนลงได้ ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิกาแลกติกและทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐ ภายหลังได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนายพล แต่ก็ได้สละยศในภายหลังจากสงครามกลางเมืองแกแลคติกสิ้นสุดลงและมาเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลในสาธารณรัฐใหม่ และอาจารย์เจไดที่มีความสามารถโดดเด่น ด้วยการที่ได้รับการฝึกสอนในวิถีแห่งพลังจากสองอาจารย์เจไดคือโอบีวัน เคโนบี และ โยดา ลุคได้ยุติบทบาททางทหารและก่อตั้งเจไดพราเซียม (สถาบันฝึกสอนเจได) ขึ้น เพื่อสร้างนิกายเจไดใหม่ให้เป็นผู้พิทักษ์ความสงบสุขของสาธารณรัฐใหม่ ทำให้ลุคกลายเป็น "เจไดใหม่คนแรก" ตามที่โอบีวันได้กล่าวไว้ เขาได้แต่งงานกับเจไดชื่อมารา เจด และมีลูกชื่อเบน สกายวอล์คเกอร์ ในปีที่ 36 หลังยุทธการยาวิน ลุคได้รับขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์แห่งนิกายเจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามกลางเมืองกาแลกติกและความขัดแย้งที่ตามมาจำนวนมาก รวมไปถึงสงครามยูซาน วอง และวิกฤติการณ์ดาร์คเนสท.

ซิธและลุค สกายวอล์คเกอร์ · ลุค สกายวอล์คเกอร์และสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

สตาร์ วอร์ส

ตาร์ วอร์ส (Star Wars) เป็นภาพยนตร์ชุดแนวมหากาพย์ละครอวกาศ สร้างโดย จอร์จ ลูคัส นอกจากนี้ยังมีสื่อต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากภาพยนตร์ เรียกว่า จักรวาลขยาย ได้แก่ หนังสือ ละครโทรทัศน์ วิดีโอเกมและหนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ชุดแรกออกฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม..

ซิธและสตาร์ วอร์ส · สงครามโคลนและสตาร์ วอร์ส · ดูเพิ่มเติม »

จักรวรรดิกาแลกติก

ตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิกาแลกติก จักรวรรดิกาแลกติก (Galactic Empire) เป็นจักรวาลสมมติจากเรื่อง สตาร์ วอร์ส ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ถูกจัดตั้งโดยตัวร้ายหลักของเรื่องชุดนี้ คือสมุหนายกพัลพาทีน เพื่อมาแทนที่สาธารณรัฐกาแลกติกใน สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น จักรวรรดิกาแลกติกได้รับการแนะนำเป็นครั้งแรกในความหวังใหม่ในฐานะระบอบการปกครองที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จไปทั่วกาแลกซี นอกจากนั้นยังปรากฏตัวในฐานะกลุ่มบุคคลในภาพยนตร์จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับและการกลับมาของเจไดอีกด้วย การกำเนิดของจักรวรรดิกาแลกติกได้รับการอธิบายไว้ในภาพยนตร์กองทัพโคลนส์จู่โจมและซิธชำระแค้นไว้ว่าเป็นการเข้าแทนที่สาธารณรัฐกาแลกติกในระหว่างวิกฤติการณ์ที่แท้จริงแล้วถูกจัดฉากโดยสมุหนายกพัลพาทีน ในตอนท้ายของภาพยนตร์ สมาชิกสภาสาธารณรัฐได้ลงคะแนนเสียงให้พัลพาทีนขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิเพื่อให้มีอำนาจจัดการกับความไม่สงบที่ปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์ไตรภาคต้น ในช่วงของภาพยนตร์ความหวังใหม่ จักรวรรดิได้กลายสภาพเป็นระบอบการปกครองที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ และยังคงต้องต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐ มีการระบุไว้ในงานเขียนสตาร์ วอร์ส ว่าจักรวรรดิครอบครองหมู่พิภพกว่าหนึ่งล้านพิภพกับกลุ่มคนและดินแดนในปกครองอีกกว่าห้าสิบล้าน.

จักรวรรดิกาแลกติกและซิธ · จักรวรรดิกาแลกติกและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

ดาร์ธ มอล

ร์ธ มอล (Darth Maul) คือตัวละครตัวหนึ่งในมหากาพย์ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ สตาร์ วอร์ส แสดงโดยเรย์ พาร์ค มีบทบาทสำคัญเป็นตัวร้ายหลักตัวหนึ่งในสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น และเนื้อหาในจักรวาลแคนอนและจักรวาลขยายอีกจำนวนมาก ดาร์ธ มอล เป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ และเป็นศิษย์คนแรกเท่าที่ทราบของดาร์ธ ซิเดียส ในวัยเด็กนั้น มอลถูกลักพาตัวมาโดยซิเดียส และถูกฝึกสอนในวิถีแห่งด้านมืดของพลังอย่างลับๆ ด้วยความที่เขาเติบโตมาภายใต้การสั่งสอนของดาร์ธ ซิเดียส ทำให้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่มอลได้เรียนรู้ก็คือความกระหายเลือดและความโกรธเกรี้ยว มอลเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การต่อสู้ด้วยกระบี่แสงแบบจูโยและจาร์ไค รวมไปถึงศิลปะป้องกันตัวเทราส คาซี และเลือกที่จะใช้กระบี่แสงสองคมในการต่อสู้ ในช่วงปีก่อนจะถึงการรุกรานนาบูนั้นซิเดียสได้ส่งมอลออกไปในภารกิจลอบสังหารบุคคลทางการเมืองหลายภารกิจ ที่น่าจดจำที่สุดคือการลอบสังหารสมาชิกกลุ่มองค์กรสุริยะทมิฬ แต่มอลก็ยังปรารถนาที่จะได้ต่อกรกับเจได ในปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวิน ซิเดียสส่งมอลไปสังหารอาจารย์เจไดไควกอน จินน์ และโอบีวัน เคโนบี พาดาวันของไควกอน หลังจากติดตามทั้งสองไปได้จนถึงทาทูอีนและนาบู เขาก็ได้ปะทะกับเจไดทั้งคู่ในยุทธการธีดครั้งที่ 2 มอลได้สังหารไควกอนเป็นผลสำเร็จ แต่กลับผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ประมาทพาดาวันเจไดอย่างโอบีวัน เคโนบี ภายหลังการต่อสู้ช่วงสั้นๆ ทว่ารวดเร็วนั้น โอบีวันก็สังหารซิธลอร์ดชาวซาบรากตนนี้ลง เป็นการปิดชีวิตของดาร์ธ มอล แต่ในตอนหลัง ผู้ทำนายแห่งด้านมืด ก็ได้โคลนนิ่งดาร์ธ มอลขึ้นมาเนื่องจากเชื่อว่า ดาร์ธ เวเดอร์ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้รับใช้ของซีเดียส และได้สู้กัน แต่ในท้ายที่สุด เวเดอร์ก็ชนะโคลนซิธลอร์ดคนนี้ซึ่งเรียกว่า ดอพเพลงการ์ และสังหารเขาได้ในที.

ซิธและดาร์ธ มอล · ดาร์ธ มอลและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

ดูกู

นท์ดูกู เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุด สตาร์ วอร์ส รับบทโดยคริสโตเฟอร์ ลี ในภาพยนตร์ไตรภาคต้น และให้เสียงโดยคอรีย์ เบอร์ตัน ในภาพยนตร์การ์ตูน สตาร์ วอร์ส: สงครามโคลน มีบทบาทสำคัญเป็นตัวร้ายหลักในสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม และเป็นตัวร้ายรองในสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น และมีบทบาทในเรื่องแต่งเสริมอีกจำนวนมาก เคานท์ดูกูมีชีวิตอยู่ในช่วงปีที่ 102 ก่อนยุทธการยาวิน จนถึงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เป็นอาจารย์เจไดที่ต่อมาเข้าสู่ด้านมืดและได้ขึ้นเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธเคานท์ดูกูเกิดบนดาวเคราะห์เซเรนโน เป็นทายาทของสกุลเคานท์ที่มั่งคั่งและสูงส่ง ในวัยเยาว์เขาถูกรับไปเลี้ยงดูโดยนิกายเจได เข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์โยดา ต่อมาเมื่อขึ้นเป็นอัศวินเจไดได้รับไควกอน จินน์ เป็นศิษย์พาดาวันคนแรก และต่อมาก็ได้ฝึกโคมาริ โวซาด้วย ดูกูเป็นผู้ฝึกสอนที่เป็นที่เคารพในวิหารเจได และเป็นหนึ่งในเหล่าจอมกระบี่ที่มีฝีมือฉกาจที่สุดแห่งกาแลกซี เชื่อกันว่ามีเพียงอาจารย์โยดาและเมซ วินดูเท่านั้น ที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้ ตลอดชีวิตกว่าเจ็ดสิบปีดูกูมีชีวิตในฐานะเจได แต่หลังจากยุทธการกาลิดราน สงครามสั่นคลอนความเชื่อของเขาต่อนิกายเจไดและสาธารณรัฐกาแลกติก ต่อมาจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวุฒิสมาชิกพัลพาทีนแห่งนาบู และออกจากนิกายเจไดไป ต่อมาเมื่อได้ทราบว่าแท้จริงแล้วพัลพาทีนคือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส ดูกูก็ได้เข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธด้วย ขึ้นเป็นศิษย์ของพัลพาทีนแทนที่ดาร์ธ มอล ที่ถูกสังหารไปก่อนหน้า โดยพัลพาทีนได้มอบชื่อซิธให้แก่เขาว่าดาร์ธ ไทรานัส เมื่อได้ครอบครองมรดกทรัพย์สินในฐานะเคานท์แห่งเซเรนโนแล้ว ดูกูก็ได้ร่วมกับดาร์ธ ซิเดียสในการนำกาแลกซีเข้าสู่สงครามเพื่อให้ซิธได้เป็นใหญ่ ร่วมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและดาวเคราะห์ต่างๆ ที่ไม่พอใจสาธารณรัฐ จนได้เป็นผู้นำขบวนการแบ่งแยกภายใต้ชื่อสมาพันธ์ระบบดาวอิสระ มีระบบดาวนับพันเข้าร่วมกลุ่มนี้ภายใต้การชักชวนของดูกู และแยกตัวออกจากสาธารณรัฐกาแลกติก ในฐานะผู้นำทางการเมืองของสมาพันธ์ฯ ดูกูนำองค์กรเข้าต่อต้านสาธารณรัฐ เกิดเป็นความขัดแย้งที่เป็นที่รู้จักในนามสงครามโคลน ซึ่งทวีความรุนแรงกลายเป็นสงครามใหญ่เหนือนครหลวงสาธารณรัฐอย่างคอรัสซานท์ ในการประลองกระบี่แสงบนยานธงกลุ่มแบ่งแยก อินวิซิเบิล แฮนด์ อัศวินเจได อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ สมุหนายกพัลพาทีน ผู้เป็นอาจารย์ซิธของดูกูเอง เหมือนประชดที่ต่อมาไทรานัสจะถูกแทนที่ด้วยชายผู้สังหารเขา อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ผู้ต่อมาจะเข้าสู่ด้านมืด และถูกแปรให้กลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์ ผู้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง.

ซิธและดูกู · ดูกูและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

ซิธ

ตราสัญลักษณ์ของนิกายซิธโบราณ ในจักรวาลสตาร์ วอร์ส คำว่า ซิธ (Sith) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึงกลุ่มบุคคลสองกลุ่มที่เป็นเอกเทศแต่มีความเกี่ยวข้องกัน ในความหมายที่ใช้ทั่วไปนั้น ซิธหมายถึงกลุ่มลัทธิความเชื่อของนักบวชที่อุทิศตัวให้กับด้านมืดของพลัง มีผู้นำคือ "ซิธลอร์ด" ลักษณะเด่นของกลุ่มบุคคลนี้คือความละโมภในอำนาจและพร้อมที่จะใช้ทุกวิถีทางในการทำให้ได้มาซึ่งอำนาจ ปฏิบัติตนเป็นศัตรูของอัศวินเจได กลุ่มบุคคลนี้ปรากฏในลักษณะต่างๆ กันตลอดประวัติศาสตร์ของกาแลกซี หมู่เหล่าของซิธนั้นมีจำนวนหลายหมู่ หมู่ที่น่าจดจำที่สุดเช่น จักรวรรดิซิธ และ นิกายซิธลอร์ด เนื้อหาต่อจากนี้จะกล่าวถึงกลุ่มบุคคลนี้เป็นสำคัญ อีกความหมายหนึ่งนั้น ซิธหมายถึงเผ่าพันธุ์ใกล้เคียงมนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งที่ถูกกลุ่มคนในความหมายแรกนำมาเป็นทาส แล้วจึงนำชื่อของเผ่าพันธุ์นี้มาใช้เรียกตัวเอง.

ซิธและซิธ · ซิธและสงครามโคลน · ดูเพิ่มเติม »

เจได

ตราสัญลักษณ์ของนิกายเจได เจได เป็นสมาชิกของ นิกายเจได ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส นิกายเจไดเป็นนิกายที่ศึกษาและทำหน้าที่และใช้พลังลึกลับของสิ่งที่เรียกว่าพลังในด้านสว่าง เจไดได้ต่อสู้เพื่อสันติภาพและความยุติธรรมเพื่อความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐกาแลคติค รวมทั้งต่อต้านกับ ซิธ ศัตรูที่ร้ายกาจ ผู้ที่เรียนรู้และใช้พลังด้านมืด แม้ว่านิกายนี้เกือบจะถูกทำลายถึงสองครั้ง ครั้งแรกโดยจักรวรรดิซิธของดาร์ธ รีแวน และ ครั้งต่อมาเมื่อผ่านไปอีก 4,000 ปี โดยการชำระบาปครั้งใหญ่ของดาร์ธ ซิเดียส นิกายยังคงอยู่จนกระทั่งรุ่งเรืองขึ้นด้วยความพยายามของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายเจไดใหม่เพื่อปกป้องสาธารณรัฐใหม่ หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนของ สหพันธรัฐพันธมิตรอิสระกาแลกติก (Galactic Federation of Free Alliances) โดยทั่วไปเจไดหมายถึง อัศวินเจได (Jedi Knight) ซึ่งเป็นบุคคลที่สามารถควบคุมและใช้งานพลัง โดยเจไดจะเลือกใช้งานเฉพาะด้านสว่างของพลังเท่านั้น.

ซิธและเจได · สงครามโคลนและเจได · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง ซิธและสงครามโคลน

ซิธ มี 31 ความสัมพันธ์ขณะที่ สงครามโคลน มี 43 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 11, ดัชนี Jaccard คือ 14.86% = 11 / (31 + 43)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ซิธและสงครามโคลน หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »