โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ติดตั้ง
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

ซีโฟร์

ดัชนี ซีโฟร์

การเตรียมระเบิดซีโฟร์(ลักษณะคล้ายแท่งเหลี่ยมพลาสติก) ซีโฟร์ (C-4 ย่อมาจาก Composition C-4) เป็นระเบิดพลาสติกชนิดหนึ่งที่ใช้ในทางทหาร ส่วนประกอบหลักของซีโฟร์คือ อาร์ดีเอกซ์ (RDX: Research Development Explosive) ประมาณ 91% ของน้ำหนัก มีอัตราการเร็วในการระเบิดประมาณ 26,400 ฟุตต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าไดนาไมต์ 7,400 ฟุตต่อวินาที ซีโฟร์ เป็นผลพวงจากการพัฒนาระเบิดในทศวรรษ 1960 จากระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของอังกฤษ ที่เรียกขื่อว่า โนเบล 808 (Nobel 808) ระเบิดในกลุ่มนี้ยังมี C2 และ C3 ซึ่งแต่ละชนิดมีส่วนประกอบอาร์ดีเอกซ์ในปริมาณต่างๆ กัน.

3 ความสัมพันธ์: ระเบิดพลาสติกสงครามโลกครั้งที่สองไดนาไมต์

ระเบิดพลาสติก

ระเบิดพลาสติก (Plastic explosive หรือ plastique) คือวัตถุระเบิดชนิดพิเศษอย่างหนึ่ง ที่อ่อนนุ่ม ใช้มือกดดัดให้เปลี่ยนรูปได้ ทั้งยังเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิสูงที่กว้างกว่าระเบิดชนิดบริสุทธิ์ ระเบิดพลาสติกนั้นเหมาะเป็นพิเศษกับการระเบิดทำลาย เพราะสามารถขึ้นรูปได้ง่าย สำหรับการตัดโครงสร้างที่แข็งแรง และมีความเร็วสูงพอสำหรับการชุดชนวนและมีความรุนแรงสำหรับการตัดโลหะ แต่จะไม่นิยมใช้ระเบิดพลาสติกสำหรับการทำลายทั่วไป เพราะระเบิดพลาสติกมีราคาแพงกว่าวัตถุระเบิดชนิดอื่นๆ ซึ่งทำงานได้ดีในขอบข่ายงานดังกล่าว นอกจากนี้เมื่อห่อระเบิดไว้ในพลาสติก อานุภาพมักจะต่ำกว่าเมื่อไม่ห่อหุ้ม ระเบิดพลาสติกที่เก่าแก่ที่สุด คือ โนเบล 808 (Nobel 808) ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยดีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้อย่างแพร่หลายโดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษของอังกฤษ ในช่วงสงครามดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีใช้โดยบรรจุในระเบิดทำลายรถถังแบบ HESH ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและหลังจากนั้น มีการพัฒนาระเบิดแบบใหม่ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบเป็น RDX ได้แก่ Composition C, C2 และสุดท้ายก็เป็น C3 การใช้ระเบิดที่มี RDX เป็นส่วนประกอบ สามารถผลิตพลาสติกได้หลากหลาย เพื่อลดความไวในการระเบิด และผลิตพลาสติกเป็นส่วนประกอบ ระเบิดซีทรี (C3) มีประสิทธิภาพสูงก็จริง แต่มีจุดอ่อนเมื่ออยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็น จะทำให้เกิดการร่วนแตกง่าย เมื่อถึงทศวรรษ 1960 จึงมีการพัฒนาระเบิดซีโฟร์ (C-4) ขึ้นมา เพื่อใช้แทนระเบิดพลาสติก ซึ่งมีส่วนผสมของอาร์ดีเอกซ์เช่นเดียวกัน แต่ใช้ร่วมกับโพลีไอโซบิวทีลีน (polyisobutylene) และได (2-เอทิลเฮกซีล) ซีเบเคต (di (2-ethylhexyl) sebacate) นอกจากนี้ ในช่วงเวลายังมีการพัฒนา Semtex ขึ้น โดยสตานิสลาฟ เบรเบรา จากการผสมสาร RDX กับ PETN และจากนั้นก็เพิ่มเครื่องห่อหุ้มและอุปกรณ์เพิ่มเสถียรภาพ ระเบิดพลาสติกที่มีใช้ในปัจจุบันด้วยกันหลายแบบ ได้แก่ ซีโฟร์ (C-4), PENO, พรีมาชีต (Primasheet) และ Semtex.

ใหม่!!: ซีโฟร์และระเบิดพลาสติก · ดูเพิ่มเติม »

สงครามโลกครั้งที่สอง

งครามโลกครั้งที่สอง (World War II หรือ Second World Warคำว่าสงครามโลกครั้งที่สองในภาษาอังกฤษนั้น ในเอกสารประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรและชาติตะวันตกใช้คำว่า "Second World War" ส่วนในสหรัฐใช้คำว่า "World War II" (ย่อเป็น "WWII" หรือ "WW2") ซึ่งเอกสารประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการในประเทศส่วนใหญ่มักจะใช้ภาษาอังกฤษว่า "Second World War" (เช่น Zweiter Weltkrieg ในภาษาเยอรมัน; Segunda Guerra mundial ในภาษาสเปน; Seconde Guerre mondiale ในภาษาฝรั่งเศส) แต่ทั้งสองคำนี้โดยทั่วไปแล้วสามารถใช้แทนกันได้; แม้ในประวัติศาสตร์การทหารอย่างเป็นทางการ คำว่า "Second World War" ถูกสร้างขึ้นโดย แฟรงก์ บี. เคลล็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา; ส่วนคำว่า "World War II" พบใช้เป็นครั้งแรกในนิตยสาร ไทมส์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1939 ซึ่งเป็นผู้ประดิษฐ์คำว่า "World War I" ขึ้นในอีกสามเดือนต่อมา; มักย่อเป็น WWII หรือ WW2) เป็นสงครามทั่วโลกกินเวลาตั้งแต่ปี 1939 ถึง 1945 ประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด แบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทหารกว่า 100 ล้านนายจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรง สงครามนี้มีลักษณะเป็น "สงครามเบ็ดเสร็จ" คือ ประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเพื่อความพยายามของสงคราม โดยลบเส้นแบ่งระหว่างทรัพยากรของพลเรือนและทหาร ประเมินกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50 ถึง 85 ล้านคน ด้วยประการทั้งปวง สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด และมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ จักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งมีเป้าหมายครอบงำทวีปเอเชียและแปซิฟิกและทำสงครามกับจีนมาตั้งแต่ปี 1937 แล้ว แต่โดยทั่วไปถือว่าสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มตั้งแต่การบุกครองโปแลนด์ของเยอรมนีในวันที่ 1 กันยายน 1939 นำไปสู่การประกาศสงครามต่อเยอรมนีของประเทศฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปลายปี 1939 ถึงต้นปี 1941 ในการทัพและสนธิสัญญาต่าง ๆ ประเทศเยอรมนีพิชิตหรือควบคุมยุโรปภาคพื้นทวีปได้ส่วนใหญ่ และตั้งพันธมิตรอักษะกับอิตาลีและญี่ปุ่น ภายใต้สนธิสัญญาโมโลตอฟ–ริบเบนทรอพเมื่อเดือนสิงหาคม 1939 เยอรมนีและสหภาพโซเวียตแบ่งแลผนวกดินแดนประเทศเพื่อนบ้านยุโรปของตน ได้แก่ โปแลนด์ ฟินแลนด์ โรมาเนียและรัฐบอลติก สงครามดำเนินต่อส่วนใหญ่ระหว่างชาติฝ่ายอักษะยุโรปและแนวร่วมสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพบริติช โดยมีการทัพอย่างการทัพแอฟริกาเหนือและแอฟริกาตะวันออก ยุทธการที่บริเตนซึ่งเป็นการสู้รบทางอากาศ การทัพทิ้งระเบิดเดอะบลิตซ์ การทัพบอลข่าน ตลอดจนยุทธการที่แอตแลนติกที่ยืดเยื้อ ในเดือนมิถุนายน 1941 ชาติอักษะยุโรปบุกครองสหภาพโซเวียต เปิดฉากเขตสงครามภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้กำลังทหารสำคัญของฝ่ายอักษะตกอยู่ในสงครามบั่นทอนกำลัง ในเดือนธันวาคม 1941 ญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐและอาณานิคมยุโรปในมหาสมุทรแปซิฟิก และพิชิตมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกส่วนมากได้อย่างรวดเร็ว การรุกของฝ่ายอักษะยุติลงในปี 1942 หลังญี่ปุ่นปราชัยในยุทธนาวีที่มิดเวย์ใกล้กับฮาวายที่สำคัญ และเยอรมนีปราชัยในแอฟริกาเหนือและจากนั้นที่สตาลินกราดในสหภาพโซเวียต ในปี 1943 จากความปราชัยของเยอรมนีติด ๆ กันที่เคิสก์ในยุโรปตะวันออก การบุกครองอิตาลีของฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำให้อิตาลียอมจำนน จนถึงชัยของฝ่ายสัมพันธมิตรในมหาสมุทรแปซิฟิก ฝ่ายอักษะเสียการริเริ่มและต้องล่าถอยทางยุทธศาสตร์ในทุกแนวรบ ในปี 1944 ฝ่ายสัมพันธมิตรบุกครองฝรั่งเศสในการยึดครองของเยอรมนี ขณะเดียวกันกับที่สหภาพโซเวียตยึดดินแดนที่เสียไปทั้งหมดคืนและบุกครองเยอรมนีและพันธมิตร ระหว่างปี 1944 และ 1945 ญี่ปุ่นปราชัยสำคัญในทวีปเอเชียในภาคกลางและภาคใต้ของจีนและพม่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตรก่อความเสียหายต่อกองทัพเรือญี่ปุ่นและยึดหมู่เกาะแปซิฟิกตะวันตกที่สำคัญ สงครามในยุโรปยุติลงหลังกองทัพแดงยึดกรุงเบอร์ลินได้ และการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของเยอรมนีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1945 แม้จะถูกโดดเดี่ยวและตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างยิ่ง ญี่ปุ่นยังปฏิเสธที่จะยอมจำนน กระทั่งมีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์สองลูกถล่มญี่ปุ่น และการบุกครองแมนจูเรีย จึงได้นำไปสู่การยอมจำนนอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1945 สงครามยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ผลของสงครามได้เปลี่ยนแปลงการวางแนวทางการเมืองและโครงสร้างสังคมของโลก สหประชาชาติถูกสถาปนาขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและเพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต สหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตก้าวเป็นอภิมหาอำนาจของโลกอันเป็นคู่ปรปักษ์กัน นำไปสู่ความขัดแย้งบนเวทีแห่งสงครามเย็น ซึ่งได้ดำเนินต่อมาอีก 46 ปีหลังสงคราม ขณะเดียวกัน การยอมรับหลักการการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง เร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา พร้อม ๆ กับที่หลายประเทศได้มุ่งหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายระหว่างสงคราม และบูรณาการทางการเมืองได้เกิดขึ้นทั่วโลกในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์หลังสงคราม.

ใหม่!!: ซีโฟร์และสงครามโลกครั้งที่สอง · ดูเพิ่มเติม »

ไดนาไมต์

ไดนาไมต์ ปัจจุบันเป็นวัตถุระเบิดหลักสำหรับใช้ในการระเบิดหิน ไดนาไมต์ (Dynamite) เป็นวัตถุระเบิดที่มีอาศัยหลักการระเบิดของไนโตรกลีเซอรีน (nitroglycerin) โดยการใช้ดินเบา (diatomaceous earth หรือ Kieselguhr) เป็นตัวดูดซับ ไดนาไมต์เป็นผลงานการประดิษฐ์ของอัลเฟรด โนเบล นักเคมีและวิศวกรชาวสวีเดน เมื่อ พ.ศ. 2409 และได้จดสิทธิบัตรเมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยปกติแล้วจะขายในเป็นแท่ง มีความยาวประมาณ 8 นิ้ว และเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว (แต่ก็มีในขนาดอื่นๆ ด้วย) ไดนาไมต์ถือเป็นระเบิดที่มีอานุภาพสูง ซึ่งหมายความว่า ใช้การจุดประทุ (detonation) แทนที่จะเป็นการลุกไหม้ (deflagration) หมวดหมู่:วัตถุระเบิด.

ใหม่!!: ซีโฟร์และไดนาไมต์ · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

C-4

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »