สารบัญ
12 ความสัมพันธ์: บีเอต้าเบียทริกซ์ (รอสเซ็ตติ)พรมผนังกษัตริย์อาเธอร์กุสตาฟ โฮลส์สวนกระท่อมสถาปนิกฮอบบิท (หนังสือ)จอห์น เอเวอเรตต์ มิเลจินตนิมิตงานกระจกสีเฟรยาเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
บีเอต้าเบียทริกซ์ (รอสเซ็ตติ)
ีเอต้าเบียทริกซ์ (Beata Beatrix) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบที่เขียนโดยดานเต เกเบรียล รอสเซ็ตติจิตรกรสมัยพรีราฟาเอลไลท์ชาวอังกฤษ ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่หอศิลป์เททบริเตนในลอนดอนในอังกฤษ รอสเซ็ตติเขียนภาพ “บีเอต้าเบียทริกซ์” เสร็จในปี ค.ศ.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและบีเอต้าเบียทริกซ์ (รอสเซ็ตติ)
พรมผนัง
การแขวนพรมบนผนังโกบลินที่วังลินเดอร์โฮฟ ราวปี ค.ศ. 1900 พรมผนัง หรือ พรมแขวนผนัง (tapestry) เป็นงานศิลปะสิ่งทอ ซึ่งทอด้วยมือบนกี่ตั้งที่เส้นด้ายพุ่งซ่อนเส้นด้ายยืนหมดเมื่อทำเสร็จ ซึ่งต่างจากการทอผ้า อาจเห็นทั้งด้ายเส้นยืนและเส้นพุ่ง การทำเช่นนี้ทำให้เกิดลวดลายหรือภาพ ผู้ทอมักจะใช้ด้ายยืนที่ทำจากลินินหรือฝ้าย ส่วนด้ายพุ่งอาจจะเป็นขนแกะ, ฝ้าย หรือไหม หรือบางครั้งก็ใช้ด้ายที่ทำจากทอง, เงิน หรือวัสดุอื่นๆ ด้วย ทั้งช่างและศิลปินเป็นผู้สร้างงานพรมทอ ก่อนอื่นศิลปินจะร่างแบบ ที่เรียกกันว่า “tapestry cartoon” เพื่อให้ช่างทอตามแบบที่ร่าง ห้วเรื่องที่ทอก็อาจจะมาจากคัมภีร์ไบเบิล, ตำนานเทพ หรือฉากล่าสัตว์ ซึ่งจะเป็นที่นิยมทำกันในการตกแต่งที่อยู่อาศั.
กษัตริย์อาเธอร์
รูปปั้นกษัตริย์อาเธอร์ ที่โบสถ์ Hofkirche, Innsbruck, ออสเตรีย ออกแบบโดย Albrecht Dürer และสร้างโดย Peter Vischer ผู้พ่อ ในคริสต์ทศวรรษ 1520Barber, Richard (2004), ''The Holy Grail: Imagination and Belief'', London: Allen Lane, ISBN 978-0713992069.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและกษัตริย์อาเธอร์
กุสตาฟ โฮลส์
องโฮลส์ ถ่ายโดย Herbert Lambert กุสตาฟ โฮลส์ (21 กันยายน ค.ศ. 187425 พฤษภาคม ค.ศ. 1934) เป็นนักดนตรีชาวอังกฤษ โดยโอสต์โด่งดังจากเพลงตับ เดอะ พลาเนตส์ โอสต์เรียนใน Royal College of Music ในกรุงลอนดอน โดยเขาได้แรงจูงใจจาก Grieg, Wagner Richard Strauss และ Ralph Vaughan Williams ชื่อเต็มของโฮลส์คือ Gustavus Theodor von Holst แต่เขาได้ตัด "von" จากชื่อของเขาเพื่อตอบสนองการต่อต้านเยอรมันในอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และทำให้เป็นทางการในพินัยกรรมเมื่อปี ค.ศ.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและกุสตาฟ โฮลส์
สวนกระท่อม
หลังคาจาก: สวนกระท่อมในบริททานี่ย์ สวนกระท่อม เป็นสวนที่มีลักษณะเฉพาะ แต่ไม่มีรูปแบบการจัดสวนที่ตายตัว, เป็นสวนแบบโบราณ, มีการปลูกต้นไม้หลายชนิดไว้ด้วยกันรวมไปถึงชนิดที่สามารถทานได้, มีของประดับสวนมากมายหลายแบบ สวนกระท่อมนี้ ดั้งเดิมพบในอังกฤษ เป็นสวนที่มีเสน่ห์ตรึงใจมากกว่าให้ความรู้สึกโอ่อ่ามีระเบียบ ย้อนกลับไปหลายศตวรรษ สวนมักจะเน้นจัดแบบเรียบง่าย แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ ในช่วง 1870 มีการปรับปรุงรูปแบบของสวน อังกฤษได้จัดให้สวนดูมีแบบแผนมากขึ้น และคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของสวนแนวอังกฤษซึ่งเป็นสวนที่จัดแบบเรียบๆไม่มีรูปแบบที่แน่นอน มีการปลูกพืชล้มลุกให้ดูเต็มพื้นที่ สวยสบายตา สวนกระท่อมแบบโบราณสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่มากกว่าสวนกระท่อมที่พบเห็นกันในปัจจุบัน — เนื่องจากมีการปลูกผักและสมุนไพรสำคัญๆไว้หลายชนิด, มีผลไม้บ้างเล็กน้อย, อาจมีรังผึ้งหรือแม้แต่ปศุสัตว์ด้วย ส่วนดอกไม้จะใช้เพื่อตกแต่งบริเวณที่ดูโล่งๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดอกไม้ก็กลายมาเป็นส่วนสำคัญที่จัดให้ดูเด่นกว่าส่วนอื่นๆในสวน สวนกระท่อมในสมัยก่อนมักเป็นสวนแบบมีรั้วล้อม, อาจเป็นรั้วพุ่มกุหลาบก็ได้ ดอกไม้ในสวนจะเน้นดอกไม้ประดับโบราณเช่นกัน, อย่างเช่น ดอกพริมโรส และ ไวโอเล็ต, อาจมีดอกไม้ทั่วๆไป อย่างเช่น ดาวเรือง และ สมุนไพรต่างๆ นอกจากนั้น จะปลูกกุหลาบแบบโบราณที่จะออกดอกเพียงปีละครั้งแต่กลิ่นหอมอวลไปทั้งสวนด้วย อาจปลูกดอกไม้แบบเรียบๆอย่างเดซี่ และดอกไม้สมุนไพรทั่วไป ในภายหลัง แม้แต่ในสวนใหญ่ๆยังมีการแยกพื้นที่บางส่วนไว้ เพื่อจัด "สวนกระท่อม" ไว้ด้วย ในปัจจุบัน สวนกระท่อมมีมากมายหลายแบบตามแต่ละพื้นที่ และความแตกต่างในความชอบของรูปแบบสวนอังกฤษและชนิดต้นไม้ของแต่ละบุคคล เช่น การตกแต่งด้วยหญ้าหรือใช้พืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งไม่เคยมีในสวนกระท่อมหรือสวนตามชนบทจริงๆ กุหลาบโบราณ, ทรงสวยงาม กลิ่มหอมแรง, ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องมีประดับสวนแบบกระท่อมนี้ไว้ — ปลูกรวมกับพันธุ์สมัยใหม่ที่สามารถทนต่อโรคได้ดีกว่า ทั้งสวนแบบสมัยก่อนและในปัจจุบัน มีการประดับด้วยไม้เลื้อยอายุหลายปีที่โตแผ่งกิ่งก้านอย่างอิสร.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและสวนกระท่อม
สถาปนิก
ร่างสถาปนิก กับงานออกแบบ สถาปนิก คือบุคคลผู้เกี่ยวข้องในการออกแบบ และ วางแผน ในการก่อสร้าง หรือที่เรียกว่างานสถาปัตยกรรม โดยสถาปนิก จะเป็นผู้ที่เข้าใจในมาตรฐานการก่อสร้างของอาคาร เข้าใจถึงหน้าที่ใช้สอยของอาคารนั้น รวมถึงวัสดุที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้างนั้น สถาปนิกจำเป็นต้องได้รับการศึกษาทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ถึงจะสามารถทำงานในวิชาชีพสถาปนิกได้ ซึ่งคล้ายกับการทำงานในสาขาวิชาชีพอื่น สถาปก คำเก่าของคำว่าสถาปนิก ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นศัพท์ภาษาสันสกฤต หมายถึง ผู้สร้าง, ผู้ก่อตั้ง ในเอกสารโบราณก่อนสมัยรัตนโกสินทร์เคยปรากฏคำ "สถาบก" หมายถึง การสร้าง หรือผู้สร้าง รางวัลที่น่ายกย่องของสถาปนิกที่รู้จักในฐานะผู้ก่อสร้างอาคารได้แก่ รางวัลพลิตซ์เกอร์ ซึ่งมักจะถูกเปรียบเทียบเหมือนกับ "รางวัลโนเบลในทางสถาปัตยกรรม".
ฮอบบิท (หนังสือ)
อะฮอบบิท (ชื่อภาษาอังกฤษ "The Hobbit" หรืออีกชื่อหนึ่งว่า "There and Back Again") เป็นนิยายแฟนตาซีสำหรับเด็ก ประพันธ์โดยเจ.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและฮอบบิท (หนังสือ)
จอห์น เอเวอเรตต์ มิเล
อห์น เอเวอเรตต์ มิเล หรือ เซอร์จอห์น เอเวอเรตต์ มิเล บาโรเนตที่ 1, PRA (John Everett Millais หรือ Sir John Everett Millais, 1st Baronet, PRA) (8 มิถุนายน ค.ศ. 1829 - 13 สิงหาคม ค.ศ.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและจอห์น เอเวอเรตต์ มิเล
จินตนิมิต
นตนิมิต (fantasy) เป็นงานวรรณศิลป์ประเภทหนึ่งที่มีเค้าโครงหรือเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์และเรื่องเหนือจริง มักมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในยุคกลางของยุโรป หรือมีลักษณะที่แสดงถึงยุคเดียวกันนั้น เช่นสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง เครื่องแต่งกาย หรือเทคโนโลยี โลกแห่งจินตนิมิตมักยอมรับสภาวะเหนือจริงและเวทมนตร์ต่างๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ ความแตกต่างระหว่างจินตนิมิต กับนิยายวิทยาศาสตร์หรือนิยายสยองขวัญ คือลักษณะของเทคโนโลยีและวิธีการนำเสนอเกี่ยวกับความตาย งานจินตนิมิตประกอบด้วยผลงานประพันธ์ของนักเขียน ศิลปิน นักดนตรี หรือนักสร้างภาพยนตร์มากมาย นับแต่อดีตกาลประหนึ่งปกรณัมหรือตำนานลี้ลับ สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันที่เผยแพร่แก่ผู้คนจำนวนมาก.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและจินตนิมิต
งานกระจกสี
หน้าต่างประดับกระจกสีเป็นรูปอีแวนเจลลิสทั้งสี่ที่วัดเซนต์แมรีที่หมู่บ้านแฟร์ฟอร์ดในอังกฤษ หน้าต่างประดับกระจกสี (รายละเอียด) เป็นรูปพระเยซูปรากฏตัวต่อนักบุญทอมัสที่วัดเซนต์แมรีที่หมู่บ้านแฟร์ฟอร์ดในอังกฤษ การทำแก้วมงกุฏ งานกระจกสี (Stained glass) คำว่า งานกระจกสี หมายถึงงานที่ใช้กระจกสีตกแต่งหรืองานการทำกระจกสี ซึ่งไม่แต่เฉพาะแต่หน้าต่างเท่านั้น ยังรวมถึงศิลปะอื่นๆ ที่ใช้กระจกสีตกแต่งด้วยเช่น บานกระจกที่ทำเพื่อการตกแต่งโดยเฉพาะ หรือโคมตะเกียงเป็นต้น ตลอดระยะพันปีการตกแต่งด้วยกระจกสีจะหมายถึงหน้าต่างประดับกระจกสีของวัด หรือ มหาวิหารทางคริสต์ศาสนา หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ การตกแต่งด้วยกระจกสีสมัยเดิมจะแต่งบนแผงแบนสำหรับใช้ทำหน้าต่าง แต่วิธีการตกแต่งด้วยกระจกสีสมัยปัจจุบันจะรวมไปถึงโครงสร้างกระจกสีแบบสามมิติและงานแกะสลักกระจกสีด้วย และจะรวมไปถึงบานกระจกสีสำหรับที่อยู่อาศัยที่เรียกกันว่า “leadlight” ด้วย หรืองานศิลปะที่ทำจากกระจกสีและเชื่อมต่อกันด้วยตะกั่วอย่างเช่น โคมกระจกสีที่มีชื่อเสียงที่ทำโดย หลุยส์ คอมฟอร์ท ทิฟฟานี (Louis Comfort Tiffany) เมื่อพูดถึงวัสดุคำว่า “กระจกสี” โดยทั่วไปจะหมายถึงแก้วที่ทำให้เป็นสีโดยการเติม Metallic salts ระหว่างการผลิต ช่างจะใช้กระจกสีในการสร้าง “หน้าต่างประดับกระจกสี” โดยการเอากระจกสีชิ้นเล็กๆ มาจัดให้เป็นลวดลายหรือภาพภายในกรอบโดยเชื่อมชิ้นกระจกด้วยกันด้วยเส้นตะกั่ว เมื่อเสร็จแล้วก็อาจจะทาสีและย้อมสีเหลืองตกแต่งอีกเล็กน้อยเพื่อให้ลวดลายเด่นขึ้น นอกจากนั้นคำว่า “กระจกย้อมสี” (Stained glass) จะหมายถึงหน้าต่างกระจกที่วาดทาสีเสร็จแล้วเผาในเตาหลอมก่อนที่จะทิ้งไว้ให้เย็น “งานกระจกสี” เป็นงานฝีมือที่ศิลปินต้องมีพรสวรรค์ทางศิลปะเพื่อที่จะออกแบบได้ และต้องมีความรู้ทางวิศวกรรมเพี่อที่สามารถประกอบบานกระจกที่ทำใว้ให้แน่นหนาภายในกรอบสิ่งก่อสร้าง โดยเฉพาะกระจกบานใหญ่ๆ ที่จะต้องรับน้ำหนักของตัวบานกระจกเองและสามารถทนทานต่อสภาวะอากาศภายนอกได้ หน้าต่างบานใหญ่เหล่านี้ยังอยู่รอดมาให้เราชมบ้างตั้งแต่สมัยยุคกลางโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในยุโรปตะวันตกหน้าต่างประดับกระจกสีเป็นจักษุศิลป์ชนิดเดียวที่เหลือมาตั้งแต่ยุคกลาง จุดประสงค์ของหน้าต่างประดับกระจกสีมิใช่ให้ผู้ดูมองออกไปดูโลกภายนอกหรือให้แสงส่องเข้ามาในสิ่งก่อสร้างแต่จะควบคุมผู้อยู่ภายใน จากเหตุผลนี้หน้าต่างประดับกระจกสีจึงอาจจะเรียกได่ว่าเป็น “การตกแต่งผนังส่องแสง” (“illuminated wall decorations”) มากกว่าจะเป็นหน้าต่างอย่างตามความหมายทั่วไปของหน้าต่างที่ใช้มองออกสู่ภายนอก การออกแบบหน้าต่างวัดอาจจะเป็นได้ทั้งอุปมาอุปไมยหรือไม่ก็ได้ หน้าต่างอาจจะเป็นตำนานจากคัมภีร์ไบเบิล ประวัติศาสตร์ หรือ วรรณคดี หรือ ชีวิตของนักบุญ หรือผู้อุปการะวัด หรืออาจจะเป็นลวดลายสัญญลักษณ์ เช่นตราประจำตระกูล การตกแต่งภายในสิ่งก่อสร้างหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องราวในหัวข้อเดียวกันเช่นถ้าเป็นวัดก็อาจจะเป็นเรื่องราวชีวประวัติของพระเยซู หรือนักบุญ หรือผู้สร้างวัด ถ้าเป็นภายในวิทยาลัยกระจกอาจจะมีสัญลักษณ์สำหรับศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ หรือภายในบ้านอาจจะเป็นลวดลายแบบใดแบบหนึ่งที่เจ้าของเลือก.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและงานกระจกสี
เฟรยา
John Bauer (ค.ศ. 1882–1918) ในเทพปกรณัมนอร์ส เฟรยา (Freyja อ่านว่า "ฟราญา" ในภาษาเดนมาร์ก, ภาษานอร์สโบราณหมายถึง "หญิงสาว") เป็นเทพีแห่งความรัก, ความงาม, ความอุดมสมบูรณ์, ทอง, เซย์ท (seiðr), สงคราม, และความตาย เฟรยาเป็นเจ้าของสร้อยไบรซิงกาเมน (Brísingamen), ขี่รถลากที่เทียมแมวสองตัว, หมูป่าฮีลดีสวีนี (Hildisvíni), เสื้อคลุมขนเหยี่ยว มีโอเดอร์เป็นสามี มีลูกสาวสององค์คือ นอส (Hnoss) และ เจอเซมิ (Gersemi) มีเฟรย์เป็นพี่ชาย (ภาษานอร์สโบราณ, "ลอร์ด") ร่วมบิดา (นเยิร์ด) และมารดา (น้องสาวของนจอร์ด) เฟรยาเป็นเทพีในวงศ์วาเนอร์ ชื่อในปัจจุบันประกอบด้วย Freya, Frejya, Freyia, Frøya, Frøjya, และ Freia ซึ่งมีรากภาษามาจากคำว่า Freyja ในนอร์สโบราณ เฟรยาปกครองดินแดนหลังความตายโฟล์กแวงเกอร์ (Fólkvangr) ที่จะรับเอาวิญญาณนักรบครึ่งหนึ่งที่ตายในสนามรบ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งจะไปยังโถงของโอดิน วัลฮัลลา โถงของโฟล์กแวงเกอร์คือ เซสริมเนียร์ (Sessrúmnir) โอเดอร์ผู้เป็นสามีได้หายตัวไปบ่อยๆ เฟรยาร้องไห้เป็นทองสีแดง น้ำตาของเธอร่วงตกลงไปยังพื้นโลก และเปลี่ยนเป็นสายแร่ทองคำ เธอได้ออกตามหาสามีภายใต้ชื่อปลอม Gefn, Hörn, Mardöll, Sýr, Valfreyja, และ Vanadís.
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
. อาร.
ดู วิลเลียม มอร์ริสและเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
หรือที่รู้จักกันในชื่อ William Morris