โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

พ.ศ. 1642

ดัชนี พ.ศ. 1642

ทธศักราช 1642 ใกล้เคียงกั.

13 ความสัมพันธ์: พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษกีโยมที่ 10 ดยุกแห่งอากีแตนสมเด็จพระสันตะปาปาปาสคาลที่ 2สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2สงครามครูเสดครั้งที่ 2จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์คริสต์ทศวรรษ 1090ซันตามาเรียเดลโปโปโลปราสาทเอลซิดเซ็สโซและคัมปะกุ10 กรกฎาคม7 มิถุนายน

พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษ

มเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษ (William II of England หรือ Rufus) (ราว ค.ศ. 1056 – 2 สิงหาคม ค.ศ. 1100) เป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์นอร์มันของราชอาณาจักรอังกฤษ พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 เสด็จพระราชสมภพเมื่อราว ค.ศ. 1056 ที่นอร์ม็องดี ฝรั่งเศส เป็นพระราชโอรสองค์ที่สามในสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ และ มาทิลดาแห่งฟลานเดอร์ส และทรงราชย์ระหว่างวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1087 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1100 ที่นิวฟอเรสต์ อังกฤษ พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 มีพระนามเล่นว่า “รูฟัส” ซึ่งอาจจะมาจากการที่มีพระพักตร์แดง แม้ว่าพระเจ้าวิลเลียมจะทรงเป็นนายทหารผู้มีความสามารถ แต่ทรงเป็นประมุขที่ไม่มีความปราณีจึงไม่เป็นที่นิยมของผู้อยู่ใต้การปกครองของพระองค์ “บันทึกแองโกล-แซ็กซอน” กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นที่เกลียดชังของประชาชนเกือบทุกคน แต่ผู้บันทึกในสมัยนั้นอาจจะมีทัศนคติในทางลบต่อพระเจ้าวิลเลียมเพราะผู้บันทึกเป็นนักบวชซึ่งเป็นสถาบันที่พระเจ้าวิลเลียมทรงมีความขัดแย้งอยู่ด้วยเป็นเวลานาน นอกจากนั้นพระเจ้าองค์ก็ยังทรงดูถูกสิ่งที่เป็นอังกฤษและวัฒนธรรมอังกฤษ พระเจ้าวิลเลียมมีพระลักษณะที่เป็นผู้ชอบความหรูหรา มีพระอารมณ์ร้าย ไม่ทรงเสกสมรสหรือมีพระโอรสธิดา คนโปรดของพระเจ้าวิลเลียมคือเรนัลฟ ฟลามบาร์ด (Ranulf Flambard) ผู้ที่ทรงแต่งตั้งให้เป็นบาทหลวงแห่งเดอแรมในปี ค.ศ. 1099 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ประทานให้เพราะเป็นเหตุผลทางการเมืองสำหรับสังฆมณฑลที่มีอำนาจทางการเมือง พระเจ้าวิลเลียมทรงถูกประณามในการแต่งตั้งและหลังจากเสด็จสวรรคตในเรื่องการที่ทรงมีคนรักที่เป็นเพศเดียวกันมากม.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษ · ดูเพิ่มเติม »

กีโยมที่ 10 ดยุกแห่งอากีแตน

วิลเลียมที่ 10 ดยุคแห่งอากีแตน (William X, Duke of Aquitaine หรือ 'the Saint') (ค.ศ. 1099 - 9 เมษายน ค.ศ. 1137) วิลเลียมมีบรรดาศักดิ์เป็นดยุคแห่งอากีแตน, ดยุคแห่งกาสคอญ และ เคานท์แห่งปัวตู (ในนาม 'วิลเลียมที่ 8') ระหว่าง..

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และกีโยมที่ 10 ดยุกแห่งอากีแตน · ดูเพิ่มเติม »

สมเด็จพระสันตะปาปาปาสคาลที่ 2

thumb สมเด็จพระสันตะปาปาปาสชาลที่ 2 (อังกฤษ: Paschal II) ทรงดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาตั้งแต่ ค.ศ. 1099 ถึง ค.ศ. 1118 หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในคริสต์ศตวรรษที่ 11 หมวดหมู่:บุคคลในคริสต์ศตวรรษที่ 11 หมวดหมู่:บุคคลในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปาสชาลที่ 2 หมวดหมู่:บุคคลจากแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และสมเด็จพระสันตะปาปาปาสคาลที่ 2 · ดูเพิ่มเติม »

สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2

thumb สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 (Urban II) มีพระนามเดิมว่าโอโด ทรงดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1088 ถึง 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1099 พระองค์เป็นที่รู้จักจากการประกาศสงครามครูเสดครั้งที่ 1 และก่อตั้งสภาปกครองโรมันขึ้นมีในฝ่ายคริสตจักรให้มีลักษณะอย่างราชสำนัก ราวปี..

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 · ดูเพิ่มเติม »

สงครามครูเสดครั้งที่ 2

“สภาสงครามครูเสดครั้งที่ 2” -- พระเจ้าคอนราดที่ 3 แห่งเยอรมนี, พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าบอลด์วินที่ 3 แห่งเยรูซาเลม สงครามครูเสดครั้งที่ 2 (Second Crusade) (ค.ศ. 1147-ค.ศ. 1149) เป็นสงครามครูเสด ครั้งสำคัญครั้งที่สองที่เริ่มจากยุโรปในปี ค.ศ. 1145 ในการโต้ตอบการเสียอาณาจักรเอเดสสาในปีก่อนหน้านั้น อาณาจักรเอเดสสาเป็นอาณาจักรครูเสดอาณาจักรแรกที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างสงครามครูเสดครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1095-ค.ศ. 1099) และเป็นอาณาจักรแรกที่ล่ม สงครามครูเสดครั้งที่ 2 ได้รับการประกาศโดยสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 3 และเป็นสงครามครูเสดครั้งแรกที่นำโดยพระมหากษัตริย์ยุโรปที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าคอนราดที่ 3 แห่งเยอรมนี พร้อมด้วยการสนับสนุนของขุนนางสำคัญต่างๆ ในยุโรป กองทัพของทั้งสองพระองค์แยกกันเดินทางข้ามยุโรปไปยังตะวันออกกลาง หลังจากข้ามเข้าสู่ดินแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ในอานาโตเลียแล้ว กองทัพทั้งสองต่างก็ได้รับความพ่ายแพ้ต่อเซลจุคเติร์ก แหล่งข้อมูลของคริสเตียนตะวันตก--โอโดแห่งดุยล์ (Odo of Deuil) และคริสเตียนซีเรียคอ้างว่าจักรพรรดิมานูเอลที่ 1 โคมเนนอสแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ทรงมีส่วนในความพ่ายแพ้ครั้งนี้โดยทรงสร้างอุปสรรคแก่การเดินหน้าของกองทัพทั้งสองโดยเฉพาะในอานาโตเลีย และทรงเป็นเป็นผู้สั่งการโจมตีของเซลจุคเติร์ก กองทัพที่ร่อยหรอที่เหลือของพระเจ้าหลุยส์และพระเจ้าคอนราดก็เดินทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเลม และในปี..

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และสงครามครูเสดครั้งที่ 2 · ดูเพิ่มเติม »

จักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

ักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Kaiser Heinrich V von Heiliges Römisches Reich) (8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1086 - 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1125) เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์สมัยราชวงศ์ซาเลียน ผู้ทรงครองราชบัลลังก์ระหว่างปี ค.ศ. 1111 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1125 พระองค์เป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 4และพระนางเบอร์ธาแห่งซาวอย ไฮน์ริชเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 4 และองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาเลียน ที่เป็นรัชสมัยที่ตรงกับสมัยสุดท้ายของข้อขัดแย้งเรื่องการสถาปนาสมณศักดิ์ (Investiture Controversy) ซึ่งเป็นความขัดแย้งทางอำนาจระหว่างพระสันตะปาปาและพระมหากษัตริย์ในความตกลงระหว่างสันตะปาปากับรัฐบาลที่เวิมส์ (Concordat of Worms) พระองค์ก็ทรงยินยอมต่อข้อเรียกร้องในการปฏิรูปเกรกอเรียน.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ · ดูเพิ่มเติม »

คริสต์ทศวรรษ 1090

คริสต์ทศวรรษ 1090 เป็นทศวรรษที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1090 ถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 1099 เป็นทศวรรษของศตวรรษที่ 11 คริสต์ทศวรรษ 1090.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และคริสต์ทศวรรษ 1090 · ดูเพิ่มเติม »

ซันตามาเรียเดลโปโปโล

ซันตามาเรียเดลโปโปโล (Santa Maria del Popolo) เป็นโบสถ์ออกัสติเนียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงโรม ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของปีอัซซาเดลโปโปโล ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรม อยู่ระหว่าง Porta Flaminia (หนึ่งในประตูของกำแพง Aurelian และเป็นจุดเริ่มต้นของ Via Flaminia ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ Ariminum และเป็นเส้นทางสู่ทิศเหนือที่สำคัญที่สุดของโรมยุคโบราณ) และสวน Pincio ในปี พ.ศ. 1642 สมเด็จพระสันตะปาปาปาสคาลที่ 2 โปรดให้สร้างวิหารเพื่อสักการะแด่พระแม่มารีขึ้นเหนือสุสานของตระกูล Domitia ด้วยเหตุที่ประชาชนชาวโรมได้บริจาคเงินสมทบทุนก่อสร้างวิหาร จึงได้ชื่อว่า เดล โปโปโล (del Popolo: แห่งประชาชน) แต่แหล่งข้อมูลบางแหล่งระบุว่า ชื่อ "โปโปโล" นั้นมีที่มาจากคำในภาษาละตินคำว่า populus ซึ่งหมายถึง ต้นสน (Poplor) และอาจอ้างอิงถึงต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ต่อมาช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 ทรงยกฐานะของวิหารแห่งนี้ให้เป็นโบสถ์ และประทานให้แก่คณะออกัสติเนียน ซึ่งเป็นคณะผู้ดูแลโบสถ์มาจนถึงปัจจุบัน ช่วงปี พ.ศ. 2015-2020 Baccio Pontelli และ Andrea Bregno ได้รับมอบหมายจากสมาคม Lombards of Rome ให้บูรณะโบสถ์ซันตามาเรียเดลโปโปโลขึ้นใหม่ ผลจากการบูรณะครั้งนี้ส่งผลให้โบสถ์แห่งนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองค์แบบอิตาลี ต่อมาในปี พ.ศ. 2198-พ.ศ. 2203 สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 7 โปรดให้จานลอเรนโซ เบร์นินีปรับปรุงส่วนด้านหน้าของโบสถ์ เพื่อปรับเปลี่ยนจากโบสถ์เรอเนสซองค์ให้เป็นโบสถ์แบบบารอคที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดมของโบสถ์ซันตามาเรียเดลโปโปโล ภายในโบสถ์เป็นที่ตั้งของวิหาร Cerasi ซึ่งเป็นบริเวณที่เก็บรักษาภาพเขียน 2 ภาพของคาราวัจโจ คือ Cruxifixion of St.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และซันตามาเรียเดลโปโปโล · ดูเพิ่มเติม »

ปราสาท

ปราสาทคาร์คาโซนในฝรั่งเศส ปราสาท คือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการป้องกันข้าศึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์หลักของสมัยกลาง ความหมายของคำว่าปราสาทยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการถึงความหมายที่แท้จริง แต่โดยทั่วไปแล้วปราสาทมีความหมายต่างจากคำว่า “ป้อม” (fort) และ “ป้อมปราการ” (fortress) ตรงที่ปราสาทเป็นที่ประทับหรือที่พำนักของพระมหากษัตริย์หรือขุนนางในบริเวณที่เป็นจุดที่ต้องมีการป้องกันจากข้าศึก สิ่งก่อสร้างที่เป็นที่มาของปราสาทคือป้อมโรมัน (Roman fort) และ ป้อมเนิน (Hill fort) ที่สร้างกันทั่วยุโรปที่มาจากคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยจักรวรรดิคาโรลินเจียน แต่การวิวัฒนาการของปืนใหญ่และดินปืนในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นการเปลี่ยนลักษณะการสงครามในยุโรปและทำให้สมรรถภาพของปราสาทในการใช้เป็นสิ่งป้องกันการโจมตีจากข้าศึกลดลง และทำให้การสร้างป้อมเป็นที่นิยมกันมากขึ้น สิ่งก่อสร้างในรัสเซียที่เรียกว่า “เคร็มลิน” (Kremlin) หรือในญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ชิโร” (Shiro) ก็ถือว่าเป็นปราสาท.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และปราสาท · ดูเพิ่มเติม »

เอลซิด

อนุสาวรีย์เอลซิดในเมืองบูร์โกส ดาบของเอลซิด ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถาน La Real Armería ภาพเอลซิด ขณะอยู่ในอิริยาบถขี่ม้า เอลซิด (El Cid) เป็นขุนศึกชาวสเปนผู้เก่งกาจคนหนึ่ง เกิดใน พ.ศ. 1586 (ค.ศ. 1043) ที่หมู่บ้านบีบาร์ ในเมืองบูร์โกส อาณาจักรคาสตีล เกิดในตระกูลขุนนางสเปน มีชื่อจริงว่า โรดรีโก ดีอัซ เด บีบาร์ (Rodrigo Díaz de Vivar) โรดรีโกได้รู้จักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้าชายซานโช รัชทายาทแห่งอาณาจักรคาสตีลในฐานะเจ้านายและข้ารับใช้มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่นานทั้งคู่ก็สนิทสนมกันจนแทบจะเรียกว่าเป็นสหายกันก็ได้ โรดรีโกจงรักภักดีต่อเจ้าชายซานโชมาก ดังจะเห็นได้จากใน พ.ศ. 1606 (ค.ศ. 1063) อาณาจักรคาสตีลมีสงครามกับอาณาจักรอารากอน เพราะต้องการแย่งชิงดินแดนซาราโกซา สงครามครั้งนี้ไม่สามารถตัดสินได้ในสมรภูมิรบ เพราะต่างฝ่ายต่างเข้มแข็งจนไม่มีใครเอาชนะใครได้ จึงตกลงกันว่า ให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนมา 1 คนมาประลองกันแบบ 1:1 ใครชนะจะได้ดินแดนซาราโกซาไป ฝ่ายคาสตีลนั้น โรดรีโกอาสาไปเป็นตัวแทนประลอง และในวันจริงนั้น แม้คู่ต่อสู้จากอารากอนจะมีร่างกายกำยำ แรงเยอะ และตัวโตกว่าโรดรีโกอย่างมาก แต่โรดรีโกก็สามารถชนะได้ ทำให้คาสตีลชนะในสงครามนี้ ทหารของคาสตีลจึงให้ฉายาจากการสร้างวีรกรรมของเขา คือ "เอลซิดกัมเปอาดอร์" (El Cid Campeador) โดย El Cid มีที่มาจากคำในภาษาอาหรับถิ่นอันดาลูเซียว่า "อัลซีด" (al-sīd) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "The Lord" ส่วน Campeador นั้นเป็นภาษาสเปน แปลว่า "Champion" ซึ่งฉายาเอลซิดก็เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่ที่รู้จักโรดรีโกใช้เรียกเขามาจนถึงปัจจุบัน หลังจากสงครามกับอารากอนแล้ว อาณาจักรคาสตีลยังพบสงครามใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เป็นสงครามกับแขกมัวร์ (เป็นส่วนหนึ่งของการพิชิตดินแดนคืนหรือ Reconquista ของชาวคริสต์ในคาบสมุทรไอบีเรีย) ผลคือกองทัพคาสตีลภายใต้การนำของเจ้าชายซานโชที่ 2 และโรดรีโก ชนะแทบทุกครั้ง ทำให้คาสตีลมีเมืองขึ้นและแผ่ขยายอาณาเขตไปได้กว้างขวาง แต่พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 กษัตริย์แห่งคาสตีลและพระชนก (พ่อ) ของเจ้าชายซานโชได้เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 1608 (ค.ศ. 1065) โดยที่ก่อนจะเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ทรงจัดสรรดินแดนให้พระโอรสและพระธิดาได้แบ่งกันไปปกครอง โดยเจ้าชายซานโช เจ้านายเอลซิดได้ขึ้นครองบัลลังก์คาสตีล แต่ไม่นาน พระเจ้าซานโชที่ 2 ทรงเห็นว่า พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 พระอนุชา (น้องชาย) ของพระองค์ที่ได้ไปปกครองอาณาจักรเลออนนั้น ขาดความสามารถในการปกครอง ประกอบกับคาสตีลมีสงครามกับแขกมัวร์ ควรรวมคาสตีลและเลออนเข้ากับคาสตีลดีกว่า เพื่อที่อาณาจักรคาสตีลจะได้เข้มแข็ง ดังนั้น พระเจ้าซานโชที่ 2 จึงทรงเปิดศึกแย่งชิงดินแดนเลออนกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ใน พ.ศ. 1608 นั้นเอง ศึกแย่งชิงเลออนดำเนินมาจนถึง พ.ศ. 1615 (ค.ศ. 1072) พระเจ้าซานโชที่ 2 ทรงมีชัยต่อพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 และผนวกอาณาจักรคาสตีลกับเลออนได้สำเร็จ ต่อไปก็ต้องทรงสังหารพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 เพื่อให้กษัตริย์ของอาณาจักรคาสตีล-เลออนมีเพียงพระองค์เดียว คือพระเจ้าซานโชที่ 2 แต่ว่าพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ทรงลี้ภัยไปยังอาณาจักรซาโมรา เพื่อขอความช่วยเหลือกับพระนางอูร์รากา พระกนิษฐา (น้องสาว) ของพระองค์ พระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 จึงสมคบคิดกันลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 เสียใน พ.ศ. 1615 นั้นเอง แผนการลอบสังหารในครั้งนี้ทรงมอบให้ทหารอาสาผู้ภักดีต่อพระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ทำอย่างลับ ๆ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าพระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 เมื่อพระเจ้าซานโชที่ 2 เสด็จสวรรคตแล้ว ก็ไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรคาสตีล-เลออนมากไปกว่าพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 และเข้าพิธีเพื่อสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งคาสตีล-เลออน แต่ในพิธีแต่งตั้งพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 เอลซิดไม่คุกเข่าถวายพระพร เพราะเขาคลางแคลงใจว่าพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 และขอร้องให้พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 สาบานต่อหน้าพระคัมภีร์ว่า ทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 (แต่ความจริงแล้วพระองค์กับพระนางอูร์รากาทรงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก) แต่พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ได้ทรงสาบานออกมาอย่างเต็มพิธี เอลซิดจึงยอมรับอำนาจและถวายตัวเข้าเป็นข้ารับใช้พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 เอลซิดแต่งงานกับคีเมนา เด โอเบียโด พระญาติของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ใน พ.ศ. 1617 (ค.ศ. 1074) มีบุตรด้วยกัน 3 คน ชื่อ กริสตีนา มารีอา และดีเอโก โรดรีเกซ เอลซิดรับใช้พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 อย่างจงรักภักดีเรื่อยมา จนพระเจ้าอัลฟอนโซไว้วางใจดูแลเลี้ยงดูอย่างดี ทำให้ขุนนางอื่น ๆ เกิดความอิจฉาเอลซิด จึงกล่าวหาเอลซิด ว่ายักยอกเครื่องบรรณาการที่เก็บมาจากรัฐเซบียา พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 จึงสั่งเนรเทศเอลซิดออกจากอาณาจักรคาสตีล-เลออน เมื่อเอลซิดถูกเนรเทศจึงเดินทางไปยังซาราโกซา ซึ่งผู้ครองเมืองได้ให้การต้อนรับเอลซิดเป็นอย่างดี ขณะที่พำนักอยู่ที่เมืองนี้ ได้รับจ้างทำสงครามอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งใน พ.ศ. 1629 (ค.ศ. 1086) ปัญหาสงครามระหว่างแขกมัวร์กับอาณาจักรคาสตีล-เลออนหนักขึ้น พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 เริ่มต้านแขกมัวร์ไม่อยู่ ใน พ.ศ. 1635 (ค.ศ. 1092) พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือให้เอลซิดกลับมาทำงานให้พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 และคำตอบจากเอลซิดคือ จะไม่รบให้กับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 แต่จะรบให้อาณาจักรคาสตีล-เลออน โดยมีตนเป็นผู้นำและเจ้าของทัพเพียงคนเดียว ไม่ขึ้นต่อพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 เริ่มช่วยรบใน พ.ศ. 1635 นั้นเอง การรบระหว่างแขกมัวร์ดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่เอลซิดเป็นผู้ชนะ แต่ในที่สุด ในศึกครั้งหนึ่งที่เมืองบาเลนเซียซึ่งเขารบกับแขกมัวร์เพื่อรับใช้อาณาจักรคาสตีล-เลออนอยู่นั้น เอลซิดพลาดท่าถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 1642 แต่ภรรยาของเขาก็นำร่างของเขาขึ้นไปกับม้าคู่ใจ เพื่อไม่ให้ทหารรู้ว่าเอลซิดเสียชีวิตแล้ว เพราะอาจเสียขวัญ และก็ชนะ กษัตริย์อาหรับชื่อ เบน ยูซุฟ ในที่สุด ร่างของเอลซิดและภรรยา (คีเมนา) ถูกฝังไว้ที่มหาวิหารบูร์โกส หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 1586 อเลซิด.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และเอลซิด · ดูเพิ่มเติม »

เซ็สโซและคัมปะกุ

งราชวงศ์สำหรับผู้สำเร็จราชการ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เซ็สโซ เป็นยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สำหรับจักรพรรดิที่ยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะปกครองก่อนที่พระองค์จะเจริญพรรษาพอที่จะปกครองประเทศ เซ็สโซจะว่าราชการแทน และ คัมปะกุ เป็นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการสำหรับจักรพรรดิที่ทรงเจริญพระชนพรรษาแล้ว โดยอ้างว่าพระจักรพรรดิทรงไม่รู้เรื่องงานบริหารประเทศ จึงต้องให้คัมปะกุ คอยช่วยบริหารจัดการ ตลอดสมัยเฮอัง อำนาจการบริหารประเทศอยู่ในสองตำแหน่งนี้ คือ เซ็สโซ และคัมปะกุตลอด 500 ปี ผูกขาดโดยคนของตระกูลฟุจิวะระ และสายย่อยของตระกูลนี้ตลอด โดยเราจะเรียกตระกูลเหล่านี้ว่า เซ็สกัง หรือตระกูลผู้สำเร็จราชการนั่นเอง ภายหลังจากสมัยเฮอังอำนาจอยู่ในมือของรัฐบาลทหาร โดยโชกุนปกครองประเทศแทน โดยผู้สำเร็จราชการของโชกุนจะเรียกว่า ชิกเก็ง.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และเซ็สโซและคัมปะกุ · ดูเพิ่มเติม »

10 กรกฎาคม

วันที่ 10 กรกฎาคม เป็นวันที่ 191 ของปี (วันที่ 192 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 174 วันในปีนั้น.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และ10 กรกฎาคม · ดูเพิ่มเติม »

7 มิถุนายน

วันที่ 7 มิถุนายน เป็นวันที่ 158 ของปี (วันที่ 159 ในปีอธิกสุรหาจนาทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 207 วันในปีนั้น.

ใหม่!!: พ.ศ. 1642และ7 มิถุนายน · ดูเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:

ค.ศ. 1099

ขาออกขาเข้า
Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »