ความคล้ายคลึงกันระหว่าง นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ)
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) มี 7 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): บารอกฟรันเชสโก มารีอา เดล มอนเตการาวัจโจจิตรกรรมสีน้ำมันนักบุญฟรานซิสเกิดปีติสานติ์ (การาวัจโจ)โจวันนี บาลยีโอเนเด็กชายปอกผลไม้ (คาราวัจโจ)
บารอก
“การแต่งงานของนักบุญแคทเธอรินแห่งอเล็กซานเดรีย” (The Mystic Marriage of St. Catherine) โดย อันโตนิโอ ดา คอร์เรจจิโอ บารอก (Baroque) หรือบาโรก เป็นสมัยหนึ่งของศิลปะตะวันตกซึ่งเริ่มประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี บาโรกจะเน้นความเป็นนาฏกรรม ศิลปะจะแสดงความขัดแย้ง (tension) และความหรูหรา โอ่อ่า บาโรกเป็นลักษณะของ ประติมากรรม จิตรกรรม วรรณกรรม นาฏศิลป์ และดนตรี ถ้ากล่าวถึงดนตรีแบบบารอกก็จะหมายถึงสมัยสุดท้ายของเคาน์เตอร์พ็อยต์ (Counterpoint) ที่กล่างวถึงความสัมพันธ์ของการเล่นระหว่างเสียงหรือเครื่องดนตรีมากกว่าสองชนิดที่อาจจะสะท้อนกันและกัน แต่คนละระดับเสียง หรือบางครั้งก็อาจจะสลับเสียงสะท้อน หรือไม่อีกทีก็อาจจะย้อนแก่นสาร (reversing theme) ของดนตรีชิ้นนั้นไปเลย ยุคบารอกรุ่งเรืองขึ้นมาด้วยการสนับสนุนจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก ระหว่างการประชุมสภาสังคายนาแห่งเทรนต์ เมื่อปี..
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และบารอก · บารอกและยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) ·
ฟรันเชสโก มารีอา เดล มอนเต
ฟรันเชสโก มารีอา บอร์โบเน เดล มอนเต (Francesco Maria Borbone Del Monte; 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1549, เวนิส - 27 สิงหาคม ค.ศ. 1627, โรม) เป็นนักบวชชาวอิตาลีที่มีตำแหน่งเป็นคาร์ดินัล เดล มอนเตเป็นนักการทูตและนักสะสมศิลปะคนสำคัญ ความสำคัญของเดล มอนเตอยู่ที่เป็นหนึ่งในผู้อุปถัมภ์การาวัจโจผู้เป็นจิตรกรยุคบาโรกคนสำคัญของอิตาลี และเป็นผู้สะสมศิลปะที่เป็นงานชิ้นสำคัญ ๆ ในยุคนั้น.
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และฟรันเชสโก มารีอา เดล มอนเต · ฟรันเชสโก มารีอา เดล มอนเตและยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) ·
การาวัจโจ
ูรายชื่องานที่ รายชื่อภาพเขียนโดยการาวัจโจ; มีเกลันเจโล เมรีซี ดา การาวัจโจ (Michelangelo Merisi da Caravaggio ค.ศ. 1571 - 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1610) เป็นจิตรกรสมัยบาโรกคนสำค้ญของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีความสำคัญในการเขียนภาพสีน้ำมัน ผู้มีผลงานส่วนใหญ่ที่ โรม เนเปิลส์ ซิซิลี และประเทศมอลตา ระหว่างปี..
การาวัจโจและนักดนตรี (คาราวัจโจ) · การาวัจโจและยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) ·
จิตรกรรมสีน้ำมัน
"โมนาลิซา" โดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ราว ค.ศ. 1503-1506 จิตรกรรมสีน้ำมัน หรือ ภาพเขียนสีน้ำมัน (oil painting) คือการเขียนภาพโดยใช้สีฝุ่นที่ผสมกับน้ำมันแห้ง (drying oil) — โดยเฉพาะในตอนต้นของยุโรปสมัยใหม่, น้ำมันลินสีด (linseed oil) ตามปกติแล้วก็จะต้มน้ำมันเช่นลินสีดกับยางสนหรือยางสนหอม (frankincense) ส่วนผสมนี้เรียกว่า "น้ำมันเคลือบ" (varnish) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพเขียนมีความหนาและเป็นเงา น้ำมันอื่นที่ใช้ก็มีน้ำมันเม็ดฝิ่น, น้ำมันวอลนัต, และน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันแต่ละอย่างก็มีคุณภาพต่าง ๆ กัน เช่นอาจจะทำให้สืเหลืองน้อยลง หรือใช้เวลาแห้งไม่เท่ากัน บางครั้งก็จะเห็นความแตกต่างจากเงาของภาพเขียนแล้วแต่ชนิดของน้ำมัน จิตรกรจะใช้น้ำมันหลายชนิดในภาพเขียนเดียวกันเพื่อให้ได้ลักษณะของภาพเขียนออกมาตามที่ต้องการ การแสดงออกของสีก็จะต่างกันตามแต่วัสดุที่ใช้เขียน.
จิตรกรรมสีน้ำมันและนักดนตรี (คาราวัจโจ) · จิตรกรรมสีน้ำมันและยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) ·
นักบุญฟรานซิสเกิดปีติสานติ์ (การาวัจโจ)
นักบุญฟรานซิสปลื้ม หรือ ความปิติของนักบุญฟรานซิสแห่งอาซิซี (Saint Francis of Assisi in Ecstasy หรือ The Ecstasy of Saint Francis of Assisi) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยคาราวัจโจจิตรกรสมัยบาโรกคนสำคัญชาวอิตาลีที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แวดส์เวิร์ธแอนธีเนียม, ฮาร์ทฟอร์ด, คอนเนตทิคัตในสหรัฐอเมริกา ภาพ “นักบุญฟรานซิสปลื้ม” เขียนราวปี ค.ศ. 1595 เป็นภาพเขียนภาพแรกที่คาราวัจโจเขียนที่เกี่ยวกับศาสนาและเชื่อกันว่าเป็นภาพที่เขียนไม่นานหลังจากที่ย้ายไปพักอาศัยอยู่กับคาร์ดินัลฟรานเชสโค มาเรีย เดล มอนเต และคงเป็นภาพที่เขียนตามความประสงค์ของเดล มอนเตและคงเป็นภาพแรกที่เขียนในฐานะ “จิตรกรของเดล มอนเต” ที่เชื่อกันว่าคาราวัจโจใช้เป็นการบรรยายตัวเองอยู่หลายปีขณะที่พำนักอยู่ในวังมาดามา (Palazzo Madama) ของเดล มอนเต ภาพนี้เป็นภาพของนักบุญฟรานซิสแห่งอาซิซิ ซึ่งเป็นชื่อที่คาร์ดินัลใช้ในชั่วขณะที่ได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นรอยแผลเดียวกับตำแหน่งแผลของพระเยซูเมื่อทรงถูกตรึงกางเขน การรับรอยแผลเป็นเรื่องที่บรรยายโดยหลวงพี่เลโอผู้เป็นสหายของนักบุญฟรานซิสในปี ค.ศ. 1224 ตามคำบรรยายแล้วนักบุญฟรานซิสออกไปในป่ากับผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งเพื่อไปทำสมาธิ เมื่อตกกลางคือนหลวงพี่เลโอก็เห็นปรากฏการณ์ของดรุณเทพ หกปีกซึ่งเป็นเทวดาวรรณะหนึ่งลงมาปรากฏตัวตามคำสวดมนต์ของนักบุญฟรานซิสที่ว่ามีความเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของพระเยซูและในความรักของพระองค์: ทันใดนั้นก็มีแสงส่องสว่างลงมาราวกับสวรรค์ระเบิดเป็นแสงสีที่เต็มไปด้วยสีสรรค์และดวงดาวที่พร่าพราย ท่ามกลางสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็มีแสงที่สว่างที่จัดจ้าที่พุ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วอย่างน่าหวาดหวั่นและมาหยุดลงโดยไม่เคลื่อนไหวเหนือหินแหลมหน้านักบุญฟรานซิส ที่ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นเพลิงมีปีกตรึงบนกางเขน สองปีกเพลิงพุ่งขึ้นไปข้างบน อีกสองปีกกางออกไปด้านข้าง และอีกสองปีกปิดตัวพระเพลิง และแผลที่มือและที่เท้ามีเลือดกระเด็นออกมา ตัวพระเพลิงที่เรืองแสงมีใบหน้าที่งามดั่งเทพแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นใบหน้าที่เศร้า และเป็นใบหน้าของพระเยซู ในทันใดนั้นก็มีเลือดและไฟพุ่งเป็นสายออกมาจากรอยแผลของพระองค์มายังมือและเท้าของนักบุญฟรานซิสและตาปูที่หัวใจที่ทรงถูกแทงด้วยหอก นักบุญฟรานซิสเปล่งเสียงร้องดังออกมาด้วยความปิติและความเจ็บปวดเมื่อตัวพระเพลิงประทับร่างลงบนนักบุญฟรานซิสเหมือนรูปสะท้อนที่เต็มไปด้วยความรัก, ความงาม และความเศร้า เมื่อได้รับรอยแผลบนร่างกายแล้วและด้วยความปิติดั่งเพลิงของทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว นักบุญฟรานซิสก็ทรุดลงและหมดสติลงในกองเลือด ภาพที่คาราวัจโจเขียนไม่มีความเป็นนาฏกรรมที่ใกล้เคียงกับคำบรรยายของหลวงพี่เลโอแต่อย่างใด ดรุณเทพหกปีกมาแทนด้ยวเทวดาสองปีธรรมดา นอกจากนั้นคาราวัจโจก็ละเว้นฉากการเผชิญหน้าอันรุนแรงระหว่างพระเยซูกับนักบุญฟรานซิส ไม่มีสายเลือดที่พุ่งกระฉูดลงมายังนักบุญฟรานซิส ไม่มีกองเลือด ไม่มีรูปพระเยซูในรูปของดรุณเทพ ภาพของคาราวัจโจเป็นแต่เพียงภาพของเทวดาที่ประคองนักบุญฟรานซิสอย่างอย่างอ่อนโยนโดยมีสหายของนักบุญอยู่ใกลออกไปในความมืดที่แทบจะมองไม่เห็น หัวเรื่องนี้เป็นหัวเรื่องที่นิยมวาดกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13: จอตโต ดี บอนโดเน เขียนหัวข้อนี้ในปีราวปี..
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และนักบุญฟรานซิสเกิดปีติสานติ์ (การาวัจโจ) · นักบุญฟรานซิสเกิดปีติสานติ์ (การาวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) ·
โจวันนี บาลยีโอเน
อวานนิ บากลิโอเน (ภาษาอิตาลี: Giovanni Baglione หรือ Il Sordo del Barozzo) (ค.ศ. 1566 - 30 ธันวาคม ค.ศ. 1643) เป็นจิตรกรสมัยบาโรกสมัยต้นและนักประวัติศาสตร์ศิลปะชาวอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง.
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และโจวันนี บาลยีโอเน · ยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ)และโจวันนี บาลยีโอเน ·
เด็กชายปอกผลไม้ (คาราวัจโจ)
็กชายปอกผลไม้ (ภาษาอังกฤษ: Boy Peeling Fruit) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยคาราวัจโจจิตรกรสมัยบาโรกคนสำคัญชาวอิตาลีที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่มูลนิธิโรเบอร์โต ลอนกีห์, โรมในประเทศอิตาลี ภาพ “เด็กชายปอกผลไม้” เขียนราวระหว่างปี ค.ศ. 1592 ถึงปี ค.ศ. 1593 เป็นงานที่เชื่อกันว่าเป็นงานชิ้นแรกของคาราวัจโจที่เขียนไม่นานหลังจากมาถึงโรมจากมิลานในกลางปี ค.ศ. 1592 ที่อยู่ระหว่างนี้ไม่ทราบแน่นอนแต่ตามคำกล่าวของจุยเลียโน มันชินิ (Giulio Mancini) คาราวัจโจพักอยู่ระยะหนึ่งกับพันดุลโฟ พุชชิที่วังโคโลนนา แต่ไม่นานก็ย้ายเพราะไม่พอใจในวิธีที่พุชชิปฏิบัติด้วย (พุชชิให้แต่ผักเขียวกับผู้ที่พักอยู่ในบ้านจนคาราวัจโจตั้งชื่อเล่นให้ว่า “มอนซิยอร์สลัด”) ในช่วงนั้นคาราวัจโจกก็อปปีงานศาสนาให้พุชชิแต่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ ในขณะเดียวกันก็เขียนงานสองสามชิ้นของตนเองที่รวมทั้งงานชิ้นนี้ซึ่งอาจจะวาดหลังจากที่พำนักกับมันชินิ และเมื่อไปทำงานกับจุยเซ็ปปิ เซซาริ หรือ “คาวาเลียร์ดาร์ปิโน” ช่างเขียนคนโปรดของสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 ผู้เป็นช่างเขียนที่มีความสำเร็จดีในเวิร์คช็อพที่คล้ายโรงงาน ระหว่างนั้นคาราวัจโจก็ได้แต่เขียน “ดอกไม้และผลไม้” งาน “เด็กชายปอกผลไม้” เป็นงานที่เขียนสำหรับขายนอกเวิร์คช็อพแต่เป็นงานที่ยึดจากดาร์พิโนโดยคาร์ดินัลสคิปิโอเน บอร์เกเซ (Scipione Borghese) ในปี..
นักดนตรี (คาราวัจโจ)และเด็กชายปอกผลไม้ (คาราวัจโจ) · ยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ)และเด็กชายปอกผลไม้ (คาราวัจโจ) ·
รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้
- สิ่งที่ นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) มีเหมือนกัน
- อะไรคือความคล้ายคลึงกันระหว่าง นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ)
การเปรียบเทียบระหว่าง นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ)
นักดนตรี (คาราวัจโจ) มี 16 ความสัมพันธ์ขณะที่ ยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) มี 60 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 7, ดัชนี Jaccard คือ 9.21% = 7 / (16 + 60)
การอ้างอิง
บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง นักดนตรี (คาราวัจโจ)และยอห์นแบปติสต์ (การาวัจโจ) หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่: