โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ vs. ยัน สเตน

ตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Golden Age painting) คือช่วงระยะหนึ่งของประวัติศาสตร์จิตรกรรมของเนเธอร์แลนด์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ราว ค.ศ. 1584 มาจนถึง ค.ศ. 1702 เมื่อการค้าขาย, วิทยาศาสตร์ และศิลปะของเนเธอร์แลนด์เป็นทีเจริญถึงจุดสูงสุดและเลื่องลือไปทั่วโลก จิตรกรของสมัยนี้สร้างแบบฉบับการเขียนงานจิตรกรรม และ ทิ้งอิทธิพลงานที่เป็นอนุสรณ์ต่อนักเขียนภาพรุ่นต่อมาเป็นอันมาก. ัน ฮาฟิกส์โซน สเตน (Jan Havickszoon Steen; ราว ค.ศ. 1626 - 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1679) เป็นจิตรกรชาวดัตช์ในสมัยยุคทองของเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพชีวิตประจำวัน ที่เต็มไปด้วยชีวิตจิตใจและอารมณ์ขัน สเตนมีชื่อเรื่องการใช้สี.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน มี 11 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): ภาพชีวิตประจำวันยัน ฟัน โคเยินยูเทรกต์ (เมือง)สมาคมช่างนักบุญลูกาอาดรียาน ฟัน โอสตาเดอจิตรกรรมภูมิทัศน์จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ทาเวิร์นแร็มบรันต์ไลเดินเดลฟท์

ภาพชีวิตประจำวัน

“ชาวบ้านเต้นรำ” โดย ปิเอเตอร์ บรูเกล (ผู้พ่อ)ราว ค.ศ. 1568 ภาพชีวิตประจำวัน (ภาษาอังกฤษ: Genre works หรือ Genre scenes หรือ Genre views) เป็นภาพที่ใช้สื่อหลายอย่างเช่นจิตรกรรมหรือการถ่ายภาพในการแสดงฉากจากชีวิตประจำวันเช่น ฉากตลาด, ฉากภายในบ้าน, ฉากงานเลี้ยง หรือฉากถนนหนทาง การแสดงฉากก็อาจจะเหมือนจริง, เป็นการจินตนาการ หรือเป็นภาพแบบอุดมคติ สื่อที่เขียนก็เรียกว่า “จิตรกรรมชีวิตประจำวัน”, “ภาพพิมพ์ชีวิตประจำวัน” หรือ “ภาพถ่ายชีวิตประจำวัน” ซึ่งก็แล้วแต่สื่อ.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และภาพชีวิตประจำวัน · ภาพชีวิตประจำวันและยัน สเตน · ดูเพิ่มเติม »

ยัน ฟัน โคเยิน

ัน โยเซฟส์โซน ฟัน โคเยิน (Jan Josephszoon van Goyen; 13 มกราคม ค.ศ. 1596 - 27 เมษายน ค.ศ. 1656) เป็นจิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของยุคทองของเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ยัน ฟัน โคเยินมีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์ โดยมีผลงานเป็นจำนวนมาก เท่าที่ทราบเป็นจำนวนถึงราวพันสองร้อ.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน ฟัน โคเยิน · ยัน ฟัน โคเยินและยัน สเตน · ดูเพิ่มเติม »

ยูเทรกต์ (เมือง)

ูเทรกต์ (Utrecht) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดยูเทรกต์ที่ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศเนเธอร์แลนด์ ยูเทรกต์เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของเนเธอร์แลนด์ที่มีประชากร 300,030 คนในปี..

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยูเทรกต์ (เมือง) · ยัน สเตนและยูเทรกต์ (เมือง) · ดูเพิ่มเติม »

สมาคมช่างนักบุญลูกา

ูองค์การคล้ายคลึงกันที่ สถาบันเซนต์ลูค ภาพนักบุญลูควาดภาพพระแม่มารี โดย นิเคลาส์ มานูเอล (Niklaus Manuel) สมาคมช่างนักบุญลูกา (Guild of Saint Luke) เป็นชื่อที่ใช้กันโดยทั่วไปสำหรับสมาคมช่างจิตรกรและศิลปินอื่น ๆ ทางตอนเหนือของยุโรปโดยเฉพาะในบริเวณกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ เป็นชื่อที่ตั้งเป็นเกียรติแก่นักบุญลูกาผู้นิพนธ์พระวรสาร ที่ตำนานกล่าวกันว่าเป็นผู้วาดภาพเหมือนของพระแม่มารีย์ ฉะนั้นนักบุญลูกาจึงกลายมาเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์จิตรกรและศิลปินโดยทั่วไป สมาคมช่างนักบุญลูกาที่มีชื่อเสียงที่สุดก่อตั้งขึ้นที่อันทเวิร.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และสมาคมช่างนักบุญลูกา · ยัน สเตนและสมาคมช่างนักบุญลูกา · ดูเพิ่มเติม »

อาดรียาน ฟัน โอสตาเดอ

อาดรียาน ฟัน โอสตาเดอ (Adriaen van Ostade; 10 ธันวาคม ค.ศ. 1610 - 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1685) เป็นจิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของยุคทองของเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 อาดรียาน ฟัน โอสตาเดอได้รับการฝึกโดยฟรันส์ ฮัลส์ ซึ่งขณะนั้นเป็นครูของอาดรียาน เบราเวอร์ และยัน มีนเซอ โมเลอนาร์ (Jan Miense Molenaer) ด้วย ฟัน โอสตาเดอมีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพชีวิตประจำวัน.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และอาดรียาน ฟัน โอสตาเดอ · ยัน สเตนและอาดรียาน ฟัน โอสตาเดอ · ดูเพิ่มเติม »

จิตรกรรมภูมิทัศน์

“เดินเล่นในฤดูใบไม้ผลิ” (Strolling About in Spring) ราว ค.ศ. 600 คนเกี่ยวข้าว” (The Harvesters) โดย ปิเอเตอร์ บรูเกล ค.ศ. 1565 “ร้อนผิดฤดูที่เวอร์มอนท์” (Indian Summer) โดยวิลลาร์ด ลีรอย เมทคาลฟ ซึ่งเป็นภาพเขียนนอกสถานที่ จิตรกรรมภูมิทัศน์ (ภาษาอังกฤษ: Landscape art) เป็นจิตรกรรม ที่แสดงทิวทัศน์เช่นภูเขา, หุบเขา, ต้นไม้, แม่น้ำ, และป่า และมักจะรวมท้องฟ้า นอกจากนั้นสภาวะอากาศก็อาจจะมีส่วนสำคัญในการวางองค์ประกอบของภาพด้วย ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 ชาวโรมันตกแต่งห้องด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นภาพภูมิทัศน์ซึ่งพบที่ปอมเปอีและเฮอร์คิวเลเนียม คำว่า “landscape” มาจากภาษาดัทช์ landscape “landschap” ซึ่งหมายถึงบริเวณที่เก็บเกี่ยวแล้ว และนำเข้ามาใช้ในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อต้น คริสต์ศตวรรษที่ 15 การเขียนภาพภูมิทัศน์เป็นศิลปะการเขียนแบบหนึ่งในยุโรป ซึ่งใช้เป็นฉากหลังของกิจการต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะคริสต์ศาสนา เช่น ภาพในหัวเรื่อง “พระเยซูหนีไปอียิปต์”, หรือฉากการเดินทางของแมไจเพื่อนำของขวัญมาให้พระเยซู หรือ ภาพเขียนเกี่ยวกับนักบุญเจอโรมเมื่อไปจำศีลอยู่ในทะเลทราย การเขียนภาพภูมิทัศน์ของจีนจะเป็นภูมิทัศน์ล้วนๆ ถ้ามีคนอยู่ในรูปก็จะเป็นส่วนประกอบที่ไม่สำคัญหรือเพียงเป็นสิ่งเทียบถึงขนาดของธรรมชาติ และเป็นการเชิญชวนให้ผู้ชมภาพมีความรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในภาพเขียน การเขียนภาพลักษณะนี้มีลักษณะสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่การเขียนภาพด้วยหมึก ในยุโรปจอห์น รัสคิน และ เซอร์เค็นเน็ธ คลาคกล่าวว่าการเขียนภาพภูมิทัศน์เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนเกิดความซาบซึ้งในความสวยงามของธรรมชาติ คลาคกล่าวว่าในการเขียนภาพภูมิทัศน์ตั้งอยู่บนพื้นฐานสี่อย่าง: การยอมรับในสัญลักษณ์ที่เห็น, ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับธรรมชาติ, การสร้างจินตนิยมที่มึพี้นฐานมาจากความกลัวธรรมชาติ และ ความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีที่เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ในสหรัฐอเมริกาช่างเขียนภาพสกุลศิลปะลุ่มแม่น้ำฮัดสันที่รุ่งเรื่องราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีชื่อเสียงในการวิวัฒนาการเขียนภาพภูมิทัศน์ นักเขียนภาพกลุ่มนี้สร้างภาพเขียนขนาดยักษ์เพื่อจะสามารถพยายามแสดงความยิ่งใหญ่ของภูมิทัศน์ตามที่เห็น ปรัชญาของงานของทอมัส โคลซึ่งถือกันว่าเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลการเขียนนี้ก็เช่นเดียวกับปรัชญาการเขียนภาพภูมิทัศน์ในยุโรป — เป็นความศรัทธาของมนุษย์ที่ทำให้มีความรู้สึกดีขึ้นจากการซาบซึ้งในคุณค่าของความสวยงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ งานของศิลปินตระกูลแม่น้ำฮัดสันรุ่นหลังเช่นงานของ แอลเบิร์ต เบียร์สตัดท์จะสร้างงานที่สร้างความน่ากลัวขึ้นโดยการเน้นอำนาจของธรรมชาติ นักสำรวจ, นักธรรมชาติวิทยา, ชาวทะเล, พ่อค้า, หรือผู้ตั้งถิ่นฐานที่มาถึงแผ่นดินแคนาดาเมื่อสมัยแรกๆ ในการสำรวจต้องเผชิญกับธรรมชาติที่ค่อนข้างจะอันตรายจากทะเล นักสำรวจเหล่านี้พยายามปรับปรุงสถานการณ์โดยการทำแผนที่, บันทึก, และตั้งหลักแหล่ง ความเข้าใจธรรมชาติจากการสังเกตของแต่ละคนก็ต่างกันไป บันทึกจากความรู้สึกเหล่านี้มีตั้งแต่ถูกต้องตามความเป็นจริงไปจนการจินตนาการที่เกินความจริงเอามากๆ และการสังเกตเหล่านี้ก็ถูกบันทึกในรูปของภาพภูมิทัศน์ ภาพเขียนที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการเขียนภาพภูมิทัศน์คานาดาคือภาพจากจิตรกรใน “กลุ่มเจ็ดคน” (Group of Seven) ที่มีชื่อเสียงในคริสต์ทศศตวรรษ.

จิตรกรรมภูมิทัศน์และจิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ · จิตรกรรมภูมิทัศน์และยัน สเตน · ดูเพิ่มเติม »

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์

ตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Golden Age painting) คือช่วงระยะหนึ่งของประวัติศาสตร์จิตรกรรมของเนเธอร์แลนด์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ราว ค.ศ. 1584 มาจนถึง ค.ศ. 1702 เมื่อการค้าขาย, วิทยาศาสตร์ และศิลปะของเนเธอร์แลนด์เป็นทีเจริญถึงจุดสูงสุดและเลื่องลือไปทั่วโลก จิตรกรของสมัยนี้สร้างแบบฉบับการเขียนงานจิตรกรรม และ ทิ้งอิทธิพลงานที่เป็นอนุสรณ์ต่อนักเขียนภาพรุ่นต่อมาเป็นอันมาก.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และจิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ · จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน · ดูเพิ่มเติม »

ทาเวิร์น

ียนภายในทาเวิร์นโดยจิตรกรดัตช์เดิร์ค ฮาลส์ในปี ค.ศ. 1628 ที่เป็นภาพพจน์ของบรรยากาศภายในทาเวิร์นในยุโรป ทาเวิร์น (Tavern) ความหมายอย่างกว้างของทาเวิร์นคือสถานที่ประกอบธุรกิจที่บริการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหาร แต่ไม่มีบริการสำหรับเป็นที่พำนัก เช่นโรงเตี๊ยมที่ลูกค้าใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์ คำว่า “tavern” มาจากภาษาละติน “taverna” และจากภาษากรีก “ταβέρνα” (taverna) ที่มึความหมายเดิมว่า “เพิง” (shed) “โรงทำงาน” (workshop) ความแตกต่างระหว่างทาเวิร์นกับโรงเตี๊ยม หรือ บาร์ หรือ ผับ (pub) ก็แล้วแต่ละท้องถิ่น บางท้องถิ่นก็อาจจะเป็นสถานที่เดียวกัน บางแห่งก็แยกจากกันตามใบอนุญาตที่ระบุข้อกำหนดของแต่ละสถานที่ประกอบธุรกิจทางกฎหมาย ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในอังกฤษ ทาเวิร์นแยกจากโรงเอล (public ale house) ก็เพียงตรงที่ทาเวิร์นเป็นธุรกิจส่วนบุคคล และลูกค้าเป็น “แขก” แทนที่จะเป็นสาธารณชนทั่วไป ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วก็มิได้แตกต่างกันแต่อย่างใ.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และทาเวิร์น · ทาเวิร์นและยัน สเตน · ดูเพิ่มเติม »

แร็มบรันต์

แร็มบรันต์ 100px แร็มบรันต์ ฮาร์เมินส์โซน ฟัน ไรน์ (Rembrandt Harmenszoon van Rijn; 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2149 - 4 ตุลาคม พ.ศ. 2212) เป็นจิตรกรและช่างพิมพ์ในประวัติศาสตร์ศิลปะยุโรปและเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดรายหนึ่งของโลก ผลงานของแร็มบรันต์ทำให้เนเธอร์แลนด์รุ่งเรืองสุดขีดหรือที่เรียกว่ายุคทองในช่วงศตวรรษที่ 17 และเป็นผู้มีอำนาจทั้งด้านอิทธิพลการเมือง วิทยาศาสตร์ พาณิชย์ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องจิตรกรรม เขาเป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัวเจ้าของโรงงานและหุ้นส่วนโรงสีลมในเมืองไลเดิน เนเธอร์แลนด์ พี่น้องของแร็มบรันต์ถูกฝึกหัดเป็นเจ้าของโรงงาน คนทำขนมปัง หรือช่างทำรองเท้า แต่พ่อแม่ส่งลูกคนเล็กสุดของพวกเขาตอนอายุเจ็ดขวบไปที่โรงเรียนประถมมัธยมศึกษาโปรเตสแตนต์ที่ซึ่งเขาเรียนภาษาละติน เมื่อเขาอายุ 14 ปี แร็มบรันต์ลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของไลเดิน แต่เขาแทบจะไม่เรียนมากเพราะว่าในขณะเดียวกันเขาขอให้พ่อแม่ของเขาฝึกหัดเขาให้เป็นจิตรกร ความหวังของเขาได้รับการเติมเต็ม และเขากลายเป็นลูกศิษย์ของศิลปินท้องถิ่น ยาโกบ ฟัน สวาเนินบืร์ค (Jacob van Swanenburgh) ซึ่งเพิ่งกลับมาหลังจากการอยู่อาศัยที่ยาวนานในอิตาลี ระหว่างช่วงนี้เขาได้วาดฉากมากมายของแม่มดและนรก เขาสอนแร็มบรันต์ว่าถ่ายความรู้สึกของมนุษย์ลงในภาพอย่างไร ใช้แสงและความมืดเพื่อแบ่งแยกองค์ประกอบสำคัญจากสิ่งเล็กน้อยอย่างไร หลังจากเสร็จการฝึกหัดของเขา แร็มบรันต์ในวัยเยาว์ไปอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งแรก รับการสอนจากปีเตอร์ ลัสต์มัน เป็นไปได้ว่าแร็มบรันต์ใช้เวลาไม่เกินหกเดือนกับลัสต์มันก่อนกลับไปบ้านเดิมของเขาที่ไลเดิน แร็มบรันต์ฝึกงานครั้งแรกของเขา เขาใช้จ่ายร้อยกิลเดอร์ต่อปี ไม่รวมอาหารและที่พัก ต่อมาเขาควบคุมสตูดิโอขนาดใหญ่กับผู้ช่วยและเด็กฝึกงานประมาณ 50 คน พ่อของแร็มบรันต์เสียชีวิตในเดือนเมษายน..

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และแร็มบรันต์ · ยัน สเตนและแร็มบรันต์ · ดูเพิ่มเติม »

ไลเดิน

ลเดิน (Leiden) เป็นเมืองในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ไลเดินรวมเป็นเขตเมืองเขตเดียวกับ Oegstgeest, Leiderdorp, Voorschoten, Valkenburg, Rijnsburg และ Katwijk ที่ทำให้มีประชากรทั้งหมด 254,000 คน.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และไลเดิน · ยัน สเตนและไลเดิน · ดูเพิ่มเติม »

เดลฟท์

ลฟท์ (Delft) เป็นเมืองในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ (Zuid-Holland) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ตั้งอยู่ระหว่างร็อตเตอร์ดัม และ เฮก เดลฟท์มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับเมืองดัตช์อื่นๆ ที่เป็นเมืองที่มีศูนย์กลางเป็นคลอง และเป็นเมืองของโยฮันส์ เวร์เมร์, เครื่องกระเบื้องเดลฟท์ (Delftware), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเดลฟท์ และความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ออเรนจ์-นาซอ.

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และเดลฟท์ · ยัน สเตนและเดลฟท์ · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน

จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ มี 92 ความสัมพันธ์ขณะที่ ยัน สเตน มี 27 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 11, ดัชนี Jaccard คือ 9.24% = 11 / (92 + 27)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์และยัน สเตน หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »