โลโก้
ยูเนี่ยนพีเดีย
การสื่อสาร
ดาวน์โหลดได้จาก Google Play
ใหม่! ดาวน์โหลด ยูเนี่ยนพีเดีย บน Android ™ของคุณ!
ฟรี
เร็วกว่าเบราว์เซอร์!
 

กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ

ทางลัด: ความแตกต่างความคล้ายคลึงกันค่าสัมประสิทธิ์การเปรียบเทียบ Jaccardการอ้างอิง

ความแตกต่างระหว่าง กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ

กองทัพโซเวียต vs. ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ

กองทัพโซเวียต หรือ กองทัพสหภาพโซเวียต มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า กองทัพแห่งสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Вооружённые Силы Союза Советских Социалистических Республик, Вооружённые Силы Советского Союза) หมายถึง กองกำลังทหารของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย (1917–1922) และสหภาพโซเวียต (1922–1991) นับแต่การเริ่มต้นหลังสงครามกลางเมืองรัสเซียสิ้นสุดกระทั่งล่มสลายในเดือนธันวาคม 1991 ตามกฎหมายราชการทหารทั่วสหภาพ เดือนกันยายน 1925 กองทัพโซเวียตประกอบด้วยห้าเหล่า ได้แก่ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ หน่วยอำนวยการการเมืองรัฐ (OGPU) และ กองกำลังภายใน (convoy guards) ภายหลัง OGPU แยกเป็นอิสระและรวมเข้ากับ NKVD ในปี 1934 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการเพิ่มหน่วยขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (1960) กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ (1948) และกำลังประชาชนแห่งชาติทั่วสหภาพ (1970) ซึ่งจัดเป็นอันดับที่หนึ่ง สามและหกในการนับความสำคัญเปรียบเทียบอย่างเป็นทางการของโซเวียต (โดยกำลังภาคพื้นดินมีความสำคัญเป็นอันดับสอง กองทัพอากาศเป็นอันดับสี่ และกองทัพเรือเป็นอันดับห้า) อำนาจทางทหารของโซเวียตในขณะนั้นใหญ่ที่สุดและทรงอำนาจที่สุดของโลก โครงสร้างการบังคับบัญชาของกองทัพแห่งสหภาพ. ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ หรือ SVD (Снайперская винтовка Драгунова, Snayperskaya Vintovka Dragunova (SVD) เป็นปืนซุ่มยิงระยะไกลแบบกึ่งอัตโนมัติทำงานด้วยระบบแกส ที่พัฒนาในสหภาพโซเวียต ออกแบบโดยเยฟเกนี ดรากูนอฟ และเข้าประจำการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 โดยพัฒนามาจากปืนไรเฟิลตระกูลเอเค 47 ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟถูกจัดให้เป็นปืนระยะกลาง ที่มีความแม่นยำกว่าปืนประเภท Assault Rifle (ตัวอย่างเช่น ปืนในตระกูล M4) แต่ยังเป็นรองปืนประเภท Sniper Rifle ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ ใช้กระสุนขนาด 7.62×54 mmR ความยาวลำกล้อง 620 มม. ความเร็วของกระสุน 830 ม./วินาที ระยะหวังผล 800 เมตร แต่ถ้าใช้กล้อง PSO-1M2-1 ในการเล็งก็สามารถที่จะยิงได้ไกลถึง 1,300 เมตร (ระยะขนาดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ของผู้ยิง) หน้าที่หลักๆ ของปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ จะถูกใช้เป็นปืนของพลชี้เป้าให้พลซุ่มยิงที่ใช้ปืนประเภท Sniper Rifle มากกว่าจะนำไปใช้ในการลอบสังหารบุคคลเพราะระยะความแม่นยำของมันยังเป็นรองปืนประเภท Sniper Rlfle ส่วนใหญ่ถ้าจะใช้เป็นปืนซุ่มยิงก็จะใช้ในระยะที่ไม่ไกลนักเพราะถ้ายิงพลาดก็สามารถที่จะยิงซ้ำได้ในทันทีเพราะตัวปืนนั้นมีระบบ Semi Auto ที่ช่วยให้ยิงต่อเนื่องได้ ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟมีใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกจากสนธิสัญญาวอร์ซอ และได้ขายสิทธิบัตรให้มีการผลิตในประเทศจีนและประเทศอิหร่าน.

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ

กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ มี 6 สิ่งที่เหมือนกัน (ใน ยูเนี่ยนพีเดีย): สหภาพโซเวียตสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถานสงครามเวียดนามปืนไรเฟิลซุ่มยิงปืนเล็กยาวเอเค 47

สหภาพโซเวียต

หภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Сою́з Сове́тских Социалисти́ческих Респу́блик - CCCP; Union of Soviet Socialist Republics - USSR) หรือย่อเป็น สหภาพโซเวียต (Soviet Union) เป็นประเทศอภิมหาอำนาจในอดีตบนทวีปยูเรเชีย ระหว่างปี..

กองทัพโซเวียตและสหภาพโซเวียต · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและสหภาพโซเวียต · ดูเพิ่มเติม »

สงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน

| casualties1.

กองทัพโซเวียตและสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน · ดูเพิ่มเติม »

สงครามเวียดนาม

งครามเวียดนาม หรือ สงครามอินโดจีนครั้งที่สอง หรือที่ชาวเวียดนามรู้จักกันในชื่อ สงครามอเมริกา เป็นสงครามตัวแทนสมัยสงครามเย็นที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ลาวและกัมพูชาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2498 กระทั่งกรุงไซ่ง่อนแตกเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 สงครามเวียดนามนี้เกิดขึ้นหลังสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง และมีเวียดนามเหนือซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน สหภาพโซเวียตและพันธมิตรคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามฝ่ายหนึ่ง กับรัฐบาลเวียดนามใต้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและประเทศที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์อื่นเป็นคู่สงครามอีกฝ่ายหนึ่ง เวียดกง (หรือ แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ) เป็นแนวร่วมประชาชนคอมมิวนิสต์เวียดนามใต้ที่ติดอาวุธเบาซึ่งมีเวียดนามเหนือสั่งการ สู้รบในสงครามกองโจรต่อกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค กองทัพประชาชนเวียดนาม (กองทัพเวียดนามเหนือ) ต่อสู้ในสงครามตามแบบมากกว่า และบางครั้งส่งหน่วยขนาดใหญ่เข้าสู่ยุทธการ เมื่อสงครามดำเนินไป ส่วนการต่อสู้ของเวียดกงลดลงขณะที่บทบาทของกองทัพประชาชนเวียดนามเพิ่มขึ้น กำลังสหรัฐและเวียดนามใต้อาศัยความเป็นเจ้าเวหาและอำนาจการยิงที่เหนือกว่าเพื่อดำเนินปฏิบัติการค้นหาและทำลาย ซึ่งรวมถึงกำลังภาคพื้นดิน ปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ ตลอดห้วงสงคราม สหรัฐดำเนินการทัพทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนานใหญ่ต่อเวียดนามเหนือ และต่อมาน่านฟ้าเวียดนามเหนือกลายเป็นน่านฟ้าที่มีการป้องกันหนาแน่นที่สุดในโลก รัฐบาลสหรัฐมองว่าการเข้ามามีส่วนในสงครามของตนเป็นหนทางป้องกันการยึดเวียดนามใต้ของคอมมิวนิสต์อันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาที่ใหญ่กว่า โดยมีเป้าหมายที่แถลงไว้เพื่อหยุดการแพร่ของคอมมิวนิสต์ ตามทฤษฎีโดมิโนของสหรัฐ หากรัฐหนึ่งกลายเป็นคอมมิวนิสต์ รัฐอื่นในภูมิภาคก็จะเป็นไปด้วย ฉะนั้น นโยบายของสหรัฐจึงถือว่าการผ่อนปรนการแพร่ของคอมมิวนิสต์ทั่วประเทศเวียดนามนั้นยอมรับไม่ได้ รัฐบาลเวียดนามเหนือและเวียดกงต่อสู้เพื่อรวมเวียดนามอยู่ในการปกครองคอมมิวนิสต์ ทั้งสองมองข้อพิพาทนี้เป็นสงครามอาณานิคม ซึ่งเริ่มแรกสู้กับฝรั่งเศส โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ แล้วต่อมาสู้กับเวียดนามใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐหุ่นเชิดของสหรัฐ ที่ปรึกษาทางทหารชาวอเมริกันมาถึงอินโดจีนขณะนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2493 การเข้ามามีส่วนของสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 โดยมีระดับทหารเพิ่มเป็นสามเท่าในปี 2494 และเพิ่มอีกสามเท่าในปีต่อมา การเข้ามามีส่วนของสหรัฐทวีขึ้นอีกหลังเหตุการณ์อ่าวตังเกี๋ย ปี 2507 ซึ่งเรือพิฆาตของสหรัฐปะทะกับเรือโจมตีเร็วของเวียดนามเหนือ ซึ่งตามติดด้วยข้อมติอ่าวตังเกี๋ยซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐเพิ่มทหารในพื้นที่ หน่วยรบปกติของสหรัฐถูกจัดวางเริ่มตั้งแต่ปี 2498 ปฏิบัติการข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ โดยพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาวและกัมพูชาถูกกองทัพสหรัฐทิ้งระเบิดอย่างหนักขณะที่การเข้ามามีส่วนในสงครามของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2511 ปีเดียวกัน ฝ่ายคอมมิวนิสต์เปิดฉากการรุกตรุษญวน การรุกตรุษญวนไม่สัมฤทธิ์ผลในการโค่นรัฐบาลเวียดนามใต้ แต่ได้กลายเป็นจุดพลิกผันของสงคราม เพราะได้แสดงว่าเวียดนามใต้ไม่อาจป้องกันตัวเองจากเวียดนามเหนือได้ แม้สหรัฐจะทุ่มความช่วยเหลือทางทหารอย่างมหาศาลหลายปี ด้วยจุดชัยชนะของสหรัฐนั้นไม่ชัดเจน จึงค่อย ๆ มีการถอนกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐโดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเรียก การแผลงเป็นเวียดนาม (Vietnamization) ซึ่งมุ่งยุติการเข้ามามีส่วนในสงครามของสหรัฐขณะที่โอนภารกิจต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ให้เวียดนามใต้เอง แม้ภาคีทุกฝ่ายลงนามข้อตกลงสันติภาพปารีสในเดือนมกราคม 2516 แล้วก็ตาม แต่การสู้รบยังดำเนินต่อไป ในสหรัฐและโลกตะวันตก มีการพัฒนาขบวนการต่อต้านสงครามเวียดนามขนาดใหญ่ขึ้น ขบวนการนี้ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมต่อต้าน (Counterculture) แห่งคริสต์ทศวรรษ 1960 และเป็นปัจจัยหนึ่งของมัน การมีส่วนร่วมทางทหารของสหรัฐยุติลงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2516 อันเป็นผลมาจากคำแปรญัตติเคส–เชิร์ช (Case–Church Amendment) ที่รัฐสภาสหรัฐผ่าน การยึดกรุงไซ่ง่อนโดยกองทัพประชาชนเวียดนามในเดือนเมษายน 2518 เป็นจุดสิ้นสุดของสงคราม และมีการรวมชาติเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ในปีต่อมา สงครามนี้คร่าชีวิตมนุษย์ไปมหาศาล ประเมินตัวเลขทหารและพลเรือนชาวเวียดนามที่ถูกสังหารมีตั้งแต่น้อยกว่า 1 ล้านคนเล็กน้อย ไปถึงกว่า 3 ล้านคน ชาวกัมพูชาเสียชีวิตราว 2-3 แสนคนHeuveline, Patrick (2001).

กองทัพโซเวียตและสงครามเวียดนาม · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและสงครามเวียดนาม · ดูเพิ่มเติม »

ปืนไรเฟิลซุ่มยิง

M40, ปืนไรเฟิลซุ่มยิงมาตรฐานของนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา คำศัพท์ในทางการทหารและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ปืนไรเฟิลซุ่มยิง (sniper rifle) คือปืนเล็กยาวที่สามารถวางต่ำแหน่งกระสุนได้แม่นยำในระยะยิงที่ไกลกว่าอาวุธปืนประจำกายชนิดอื่น ปืนไรเฟิลซุ่มยิงโดยทั่วไปจะถูกสร้างขั้นอย่างระมัดระวังในความถูกต้องเหมาะสม ติดตั้งกล้องเล็ง และรังเพลิงสำหรับปลอกกระสุนชนวนกลาง คำๆนี้บ่อยครั้งที่ในสื่อใช้บรรยายถึงปืนที่ติดตั้งกล้องส่องเพิ่มที่ใช้กับเป้าหมายที่เป็นบุคคล บทบาททางทหารของพลซุ่มยิง (คำนี้มาจากนกปากซ่อม (snipe) ซึ่งเป็นนกที่ล่าหรือยิงได้ยากมาก) สามารถสืบย้อนไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่ปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่แท้จริงกลับมีการพัฒนาเป็นอย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโดยเฉพาะกล้องส่องและอุตสาหกรรมการผลิตยิ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับปืน ยิ่งถูกใช้ด้วยบุคลากรทางกองทัพที่ได้รับการฝึกเป็นพิเศษปืนจะยิ่งได้แม่นยำไกลกว่าปืนไรเฟิลปกติ ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอาจมีพื้นฐานจากปืนไรเฟิลพื้นฐานแต่เมื่อติดกล้องส่องมันก็จะกลายเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิง.

กองทัพโซเวียตและปืนไรเฟิลซุ่มยิง · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและปืนไรเฟิลซุ่มยิง · ดูเพิ่มเติม »

ปืนเล็กยาว

ปืนเล็กยาว หรือไรเฟิล (Rifle) เป็นอาวุธปืนที่มีขนาดยาว ถูกออกแบบมาเพื่อการยิงทำลายเป้าหมายที่อยู่ในระยะไกลโดยเฉพาะ โดยจะมีพานท้ายสำหรับใช้ประทับร่องไหล่ เพื่อช่วยในการเล็งหาเป้าหมาย ภายในลำกล้องมีการเซาะให้เป็นสันและร่องเกลียวที่ผนังลำกล้อง ซึ่งสันเกลียวเรียกว่า "Land" ส่วนร่องเกลียวเรียกว่า "Groove" ซึ่งสันเกลียวนี้จะสัมผัสกับหัวกระสุนและรีดหัวกระสุนไปตามสันเกลียวและหมุนควงรอบตัวเอง เพื่อรักษาการเคลื่อนที่ของหัวกระสุนไม่ให้ตีลังกาในอากาศและเพื่อเพิ่มความแม่นยำตลอดจนอานุภาพสังหาร เทียบได้กับการขว้างลูกบอลในกีฬาอเมริกันฟุตบอลหรือกีฬารักบี้ คำว่า "ไรเฟิล (Rifle)" นั้นมาจากคำว่า Rifling ซึ่งแปลว่าการทำให้เป็นร่อง นิยมใช้เป็นอาวุธของทหารในสงคราม การล่าสัตว์ และกีฬายิงปืน ในทางทหารแล้วคำว่า "ปืน (Gun)" ไม่ได้หมายถึงปืนเล็กยาว ในทางทหารคำว่า "ปืน (Gun)" หมายถึง ปืนใหญ่ นอกจากนี้ ในงานนวนิยายหลายเรื่อง คำว่าปืนเล็กยาวหรือปืนไรเฟิลจะหมายถึงอาวุธใดๆ ก็ตามที่มีพานท้ายและต้องประทับบ่าก่อนยิง ถึงแม้ว่าอาวุธดังกล่าวจะไม่ได้ทำร่องในลำกล้องหรือไม่ได้ยิงกระสุนก็ตาม.

กองทัพโซเวียตและปืนเล็กยาว · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและปืนเล็กยาว · ดูเพิ่มเติม »

เอเค 47

อเค-47 หรือ ปืนอาก้า (AK-47) เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมขนาด 7.62 ม.ม.ที่ทำงานด้วยระบบแก๊สและเลือกการยิงได้ มันถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยมิคาอิล คาลาชนิคอฟของสหภาพโซเวียต ชื่อเอเค-47 ย่อมาจาก Avtomat Kalashnikova หรือ 'Kalashnikov's Automatic Rifle โดยระบบเลือกยิงนั้น มี กึ่งอัตโนมัติ และ อัตโนมัติ การออกแบบเริ่มขึ้นเมื่อปี..

กองทัพโซเวียตและเอเค 47 · ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟและเอเค 47 · ดูเพิ่มเติม »

รายการด้านบนตอบคำถามต่อไปนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ

กองทัพโซเวียต มี 35 ความสัมพันธ์ขณะที่ ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ มี 12 ขณะที่พวกเขามีเหมือนกัน 6, ดัชนี Jaccard คือ 12.77% = 6 / (35 + 12)

การอ้างอิง

บทความนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง กองทัพโซเวียตและปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ หากต้องการเข้าถึงบทความแต่ละบทความที่ได้รับการรวบรวมข้อมูลโปรดไปที่:

Hey! เราอยู่ใน Facebook ตอนนี้! »