7 ความสัมพันธ์: ทอร์แรกนะร็อกโลกิโอดินเฟนรีร์เฮลเทพปกรณัมนอร์ส
ทอร์
ทอร์ ในเทพปกรณัมนอร์ส ธอร์ (Thor, จากภาษานอร์สโบราณ Þórr) เป็นเทพถือค้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับสายฟ้า ฟ้าร้อง พายุ ต้นโอ๊ก พละกำลัง การคุ้มครองมนุษยชาติ และตลอดจนการทำให้ศักดิ์สิทธิ์ การรักษาและความอุดมสมบูรณ์ เทพที่มาจากกำเนิดเดียวกันในเทพปกรณัมเยอรมันและเพเกินที่กว้างกว่า เป็นที่รูจักกันในภาษาอังกฤษเก่าว่า Þunor และภาษาเยอรมันโบราณเขตเหนือว่า Donar (อักษรรูน þonar ᚦᛟᚾᚨᚱ) ซึ่งกำเนิดจากภาษาโปรโตเยอรมัน *Þunraz (หมายถึง "สายฟ้า") ธอร์เป็นเทพที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างสำคัญตลอดประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกของชาวเยอรมัน จากการยึดครองดินแดนเยอรมาเนียของโรมัน ไปจนถึงการขยายชนเผ่าในสมัยการโยกย้ายถิ่นฐาน ไปจนถึงการได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคไวกิ้ง เมื่อ ในการเผชิญกับกระบวนการเผยแผ่ศาสนาคริสต์เข้าไปในสแกนดิเนเวีย สัญลักษณ์ค้อนมจอลนีร์ (Mjölnir) ของพระองค์ ถูกสวมใส่เป็นการท้าทายและชื่อตัวของนอร์สเพเกินซึ่งมีชื่อของเทพเจ้าเป็นพยานต่อความนิยมของเขา เมื่อย่างเข้าสู่สมัยใหม่ ธอร์ยังได้การยอมรับต่อไปในตำนานพื้นบ้านชนบททั่วภูมิภาคเยอรมนี ธอร์มักอ้างถึงบ่อยครั้งในชื่อสถานที่ ในวันประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดี (Thursday ("วันของธอร์") ปรากฏนามของพระองค์ และชื่อซึ่งมาจากยุคเพเกินที่มีนามพระองค์นั้นยังมีใช้กันอยู่จวบจนปัจจุบัน ตลอดจนยังเป็นที่มาของคำว่า "ฟ้าร้อง" หรือ "ฟ้าผ่า" ในภาษาอังกฤษ (Thunder) อีกด้วย นอกจากนี้แล้วนักวิชาการชาวอังกฤษผู้หนึ่งยังเชื่อว่า ค้อนมจอลนีร์ที่มีลักษณะขว้างไปแล้วสามารถวนกลับมาสู่มือของทอร์ได้เหมือนบูมเมอแรง เป็นที่มาของสัญลักษณ์สวัสดิกะ ที่แพร่หลายต่อมาในอารยธรรมของชาวอารยันอีกด้วย ธอร์เป็นหนึ่งในสิบสองสำคัญของเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย เป็นเทพแห่งสายฟ้า ทอร์เป็นบุตรของเทพเจ้าโอดิน และจอร์ดน่ง (Fjörgyn) ยักษ์แห่งแผ่นดินหน้า 3, เทพสายฟ้า ผู้พิชิต. "ชักธงรบ" โดย กิเลน ประลองเชิง. ไทยรัฐปีที่ 67 ฉบับที่ 21303: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก.
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และทอร์ · ดูเพิ่มเติม »
แรกนะร็อก
ประตูทิศเหนือของโบสถ์ไม้แห่งอูร์เนสที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ได้รับการตีความว่าการที่มีรายละเอียดของงูและมังกรนั้น เป็นตัวแทนของแรกนะร็อกFazio, Moffet, Wodehouse (2003:201). ในเทพปกรณัมนอร์สธอร์ แรกนะร็อก (Ragnarok,, หรือ) เป็นชุดเหตุการณ์ในอนาคต ประกอบด้วย การยุทธครั้งใหญ่ตามคำทำนายซึ่งนำไปสู่การสิ้นชีพของเหล่าเทพที่สำคัญ (ประกอบด้วย เทพโอดิน, ทอร์, เทียร์, เฟรย์, เฮมดาลล์, และโลกิ) ในท้ายที่สุด, การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ และการที่แผ่นดินจมลงใต้สมุทรตามลำดับ ต่อจากนั้น แผ่นดินจะผุดขึ้นจากทะเลอีกครั้ง และกลับมาอุดมสมบูรณ์ เทพที่รอดชีวิตและเทพผู้กลับมาจากความตายจะมาพบกัน โลกจะกลับมามีพลเมืองด้วยมนุษย์สองคนที่เหลือรอด แรกนะร็อกเป็นเหตุการณ์สำคัญในทางความเชื่อและศาสนาของนอร์ส และเป็นหัวข้อของวจนิพนธ์ทางวิชาการและทฤษฎี ตามที่มีหลักฐานยืนยัน เหตุการณ์นี้ได้รับการบันทึกครั้งแรกใน บทกวีเอ็ดดา ซึ่งแปลในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากบันทึกโบราณ และบทร้อยแก้วเอ็ดดาที่เขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน ใน มหากาพย์เอ็ดดา และกลอนบทหนึ่งใน บทกวีเอ็ดดา เหตุการณ์นี้เรียกว่า Ragnarök หรือ Ragnarøkkr (ภาษานอร์สโบราณ แปลว่า "ชะตากรรมของเหล่าทวยเทพ" หรือ "สนธยาของเหล่าทวยเทพ" ตามลำดับ) การนำไปใช้งานที่มีชื่อเสียงกระทำโดยนักแต่งเพลงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ริชาร์ด วากเนอร์ ใช้เป็นหัวเรื่องดนตรีอุปรากร ปกรณัมแหวนแห่งนิเบลุงเกน องค์สุดท้ายของเขา เกิทเทอร์เดมเมอร์รุง (ค.ศ. 1876).
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และแรกนะร็อก · ดูเพิ่มเติม »
โลกิ
ลกิ และ อีดัน โลกิ (Loki) เป็นเทพเกเรในเทพปกรณัมนอร์ส โลกิมีความขี้เล่นและซุกซน ในช่วงแรกนั้นโลกิได้ช่วยเหลือเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดในการต่อสู้กับเหล่ายักษ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความซุกซนของโลกิก็ยิ่งกลายเป็นความโหดร้ายยิ่งขึ้น เทพโลกิมีบุตร 3 ตน คือ หมาป่าเฟนริล์ งูยักษ์มิดกาดโซรุม และเฮล เทวีแห่งอาณาจักรคนตาย ในวันแร็กนาร็อก วันสงครามสิ้นโลก บุตรทั้ง3 ของโลกิจะมีส่วนร่วมต่อสู้ในสงครามด้วย โลกิยังเป็นผู้ให้กำเนิดม้าสเลปนิร์ของโอดิน โลกิเป็นผู้สังหารบัลเดอร์ เทพแห่งความสุข โดยใช้กิ่งของต้นมิสเซิลโท ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยสาบานว่าจะไม่ทำร้ายบัลเดอร์ ทำเป็นลูกดอกแล้วหลอกให้เทพฮอดผู้ตาบอดขว้างใส่บัลเดอร์ และเมื่อเทพเฮลมอดได้ไปตกลงกับเฮล ซึ่งจะยอมให้บัลเดอร์กลับจากยมโลกถ้าทุกชีวิตบนโลกร่ำไห้แก่บัลเดอร์นั้น นางยักษิณี ทอค ปฏิเสธที่จะร่ำไห้ตามคำขอร้องของแอนซัส ผู้ส่งสาร ซึ่งเชื่อว่าทอคนั้นก็คือโลกิปลอมตัวมานั่นเอง ซึ่งเหตุการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกิเป็นศัตรูกับเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดและถูกจับล่ามโซ่ไว้จนถึงวันแร็กนาร็อก.
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และโลกิ · ดูเพิ่มเติม »
โอดิน
โอดิน ขี่หลังม้าสเลปนีร์ โอดิน เทพเจ้าสูงสุดของชาวยุโรปเหนือ เป็นเทพเจ้าที่ใฝ่หาความรู้ ยึดมั่นในสัจจะ ช่วยเหลือผู้อื่น และออกผจญภัยเพื่อใช้ชีวิตให้คุ้มค่า รบอย่างกล้าหาญเพื่อให้ได้ตายอย่างมีเกียรติในสนามรบ ให้ลูกหลานนำเรื่องราวของตนไปเล่าขานในฐานะวีรบุรุษ และเพื่อให้ดวงวิญญาณได้รับเลือกให้เข้าร่วมกับกองทัพเทพ ร่วมต่อสู้กับยักษ์ในวันสิ้นโลก (ไวกิ้งเป็นตัวอย่างหนึ่งของชนที่นับถือศาสนานี้) แม้เทพโอดินทรงสร้างโลกแต่พระองค์ก็ไม่สามารถล่วงรู้อนาคตของโลกได้ โดยเฉพาะความลับสูงสุดของจักรวาล การถือกำเนิด ชีวิตหลังความตาย และอนาคตของโลก เพื่อให้ทรงทราบความลับเหล่านี้ จึงทรงทรมาณองค์เองโดยผูกเท้าข้างหนึ่งกับพฤกษาที่เป็นแกนกลางของโลก (อิ๊กก์ดราซิล) แทงหอกที่สีข้าง ทรมาณอยู่ถึง 9 วัน 9 คืน จนถึงกับสิ้นพระชนม์ แต่แล้วก็ทรงฟื้นคืนขึ้นมาใหม่โดยไม่เจ็บปวด แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยปรีชาญาณ ทรงบันทึกสิ่งที่พระองค์ค้นพบในรูปแบบอักษรศักดิ์สิทธิ์ 24 ตัว เรียกว่า รูนส์ ซึ่งต่อมาทรงพระราชทานรูนส์แก่ชาวโลกเพื่อให้ใช้ในฐานะเทพพยากรณ์ ในที่สุด ทรงล่วงรู้อนาคต รู้วันสิ้นโลก รู้ว่าในวันข้างหน้า โลกจะถึงกาลแตกดับ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น พระองค์ จะทะนุถนอมโลกที่ทรงสร้างอย่างดี เพื่อเมื่อถึงวันโลกาวินาศ จะได้มีเทพและมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ไปสร้างโลกใหม่ที่มีความสุข แต่ยังทรงต้องการความรู้เพิ่มเติม จึงทรงไปที่รากของต้นไม้อี๊กก์ดราซิลเพื่อดื่มน้ำพุวิเศษที่ทำให้กลายเป็นผู้รอบรู้ ที่บ่อน้ำพุนี้มียักษ์ตนหนึ่งเฝ้าอยู่ ชื่อมีเมียร์ หากจะทรงถืออำนาจดื่มน้ำพุเลย ในฐานะจอมเทพ ย่อมทรงกระทำได้ แต่พระองค์ไม่ทำเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำของคนโฉด จึงทรงแลกเปลี่ยนดวงตาข้างหนึ่ง เพื่อการได้ดื่มน้ำ ยักษ์ยินยอม แล้วพระองค์ก็ทรงดื่มน้ำนั้นจนหมดบ่อ แม้จะทรงมีหอกวิเศษกุงเนียร์ อันเป็นหอกที่ไม่เคยพลาดเป้าเป็นอาวุธ แต่กลับไม่ค่อยได้ใช้อาวุธของพระองค์เท่าใดนัก ว่ากันว่าพระองค์จะได้ใช้หอกนี้อย่างแท้จริงก็คือในวันทำสงครามแร็คนาร็อก แต่อย่างใดก็ดี ก็ไม่ช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากคมเขี้ยวของพญาสุนัขป่าเฟนริล์ได้ ทรงมีสัตว์เลี้ยงคืออีกาคู่ และถือเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ชื่อ ฮูกีน (ความคิด) และมูนีน (ความจำ) อีกาทั้งสองจะบินไปรอบโลก เพื่อนำข่าวคราวของสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมาแจ้งแก่พระองค์ และทรงเลี้ยงสุนัขป่าขนสีเงินอีกสองตัวคือ เกรี และ เฟรคี สุนัขทั้งสองมักนั่งอยู่แทบพระบาท คอยกินอาหารที่ถูกนำมาถวาย ด้วยพระองค์ไม่โปรดอะไรนอกจากเหล้าน้ำผึ้ง ทรงมีพาหนะคือม้าสเลปไนร์ ซึ่งมีขาถึง 8 ขา จึงทำให้มันวิ่งเร็วกว่าม้าใดๆ ทรงมีมเหสีเอกคือเทวีฟริกก์ และต่อมาทรงรับเทวีเฟรยาเป็นมเหสีอีกองค์ เทวีฟริกกาทรงเปี่ยมไปด้วยเมตตา ปราศจากความอิจฉาริษยา เทวีเฟรายาจึงเคารพพระนางเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยทำอะไรให้มเหสีเอกต้องขุ่นเคืองพระทัย สำหรับผู้ที่เป็นนักพยากรณ์โดยไพ่ทาโรต์ จะคุ้นเคยกับใพ่ใบหนึ่งที่เป็นภาพของคนห้อยหัว ผูกขาข้างหนึ่งไว้กับต้นไม้ ไพ่ใบนี้ชื่อ Hang Man เชื่อกันว่ามีที่มาจากตำนานของเทพโอดินนั่นเอง ดังนั้นไพ่ใบนี้ จึงมีความหมายของการพยากรณ์ การหยุดนิ่งก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง การอดทนเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ การรอคอยโอกาสที่ยังมาไม่ถึง หมวดหมู่:เทพเจ้า หมวดหมู่:เทพปกรณัมนอร์ส หมวดหมู่:เทพแห่งสายฟ้า.
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และโอดิน · ดูเพิ่มเติม »
เฟนรีร์
ฟนรีร์กำลังต่อสู้กับโอดินในภาพ "Kampf der untergehenden Götter" หรือ "การยุทธ์ของเทพผู้ถูกตัดสินไว้แล้ว" ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย หมาป่าเฟนริล (ภาษานอร์สโบราณ Fenrir: "ผู้อาศัยในบึงเลน"Orchard (1997:42). Fenrisúlfr: "หมาป่าเฟนรีร์"Simek (2007:81). Hróðvitnir: "หมาป่าที่เลื่องลือ"Simek (2007:160). หรือ Vánagandr: "อสูรกายแห่งแม่น้ำวาน"Simek (2007:350).) เป็นหมาป่าขนาดมหึมา มีตัวตนอยู่ในบทกวีเอ็ดดา (Poetic Edda) ที่เรียบเรียงในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จากต้นฉบับโบราณ และร้อยแก้วเอ็ดดา (Prose Edda) และ ฮีมสกรินก์กา (Heimskringla) ที่เขียนขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) ทั้งในบทกวีเอ็ดดาและมหากาพย์เอ็ดดาเฟนรีร์เป็นหนึ่งในบุตรของโลกิ เป็นบิดาแห่งหมาป่าสกอลล์ (Sköll) และฮาตี (Hati Hróðvitnisson) เป็นหนึ่งในลางบอกเหตุที่จะทำให้เกิดวันแร็กนาร็อก หมาป่าตนนี้เจริญเติบโตขึ้นทุกวันกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้ายและมีกำลังมหาศาล โอดินจึงสั่งให้พันธนาการเฟนรีร์ไว้ด้วยริบบิ้นไกลพ์นิร์ของเหล่าคนแคระที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเหล่าเทพแอซิร์จะหลอกพันธนาการเฟนริร์ มันเรียกร้องให้เหล่าเทพพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจโดยการวางมือลงในปากของมัน เทพทิร์อาสาทำหน้าที่นี้ เมื่อเฟนริร์เห็นว่าตนเองโดนหลอกและไม่สามารถดิ้นหลุดจากโซ่ได้จึงกัดมือของทิร์ขาด จากคำทำนายในวันแร็กนาร็อก เฟนริร์จะหลุดออกมาได้ และสังหารโอดิน แต่ในเวลาต่อมาเฟนริร์จะถูกวีดาร์ หนึ่งในบุตรของโอดินสังหาร หมาป่าเฟนริร์เป็นการสะท้อนความเชื่อ และความรู้สึกอย่างหนึ่งของชาวไวกิ้งที่มองเห็นเหล่าหมาป่าเป็นศัตรูเป็นปีศาจร้าย นอกเหนือจากเหล่ายักษ์น้ำแข็ง (หิมะและหน้าหนาว) และยักษ์เพลิง (ภูเขาไฟ).
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และเฟนรีร์ · ดูเพิ่มเติม »
เฮล
เฮล หรือ เฮล่า (Hel, Hela) ในตำนานเทพปกรณัมของนอร์ส เป็นเทวีแห่งอาณาจักรคนตาย เฮลเป็นบุตรีของโลกิ และเป็นหนึ่งในลางบอกเหตุที่จะทำให้เกิดวันแร็กนาร็อกขึ้นตามคำทำนาย โอดินจึงกักขังเฮลไว้ในอาณาจักรแห่งคนตาย (นรก หรือนิลฟ์ไฮม์) และคอยรับวิญญาณของผู้ที่ไม่ได้ตายจากสมรภูมิ ในวันแร็กนาร็อก เฮลจะไม่มีส่วนร่วมโดยตรงในวันนั้น แต่บรรดาคนตายของนางจะเข้าร่วมกองทัพของโลกิและพวกยักษ์ด้วย ส่วนคนที่ตายในสมรภูมิจะไปอยู่ในหอวัลฮัลลาบนแดนเทพ เพื่อรอวันเข้าร่วมสงครามในวันแร็กนาร็อก หมวดหมู่:เทพปกรณัมนอร์ส หมวดหมู่:เทพแห่งความตาย.
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และเฮล · ดูเพิ่มเติม »
เทพปกรณัมนอร์ส
ทพเจ้าธอร์เข้าณรงค์ยุทธกับเหล่ายักษ์ เทพปกรณัมนอร์สหรือเทพปกรณัมสแกนดิเนเวียเป็นเทพปกรณัมของชนเจอร์แมนิกเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาเก่าแก่ของชาวนอร์สซึ่งเป็นความเชื่อพหุเทวนิยม และยังคงเล่าสืบเนื่องกันมาแม้ภายหลังจากชาวสแกนดิเนเวียหันมานับถือศาสนาคริสต์ จนกลายมาเป็นคติชาวบ้านสแกนดิเนเวียแห่งสมัยใหม่ เทพปกรณัมนอร์สเป็นการกระจายขึ้นเหนือสุดของเทพปกรณัมเจอร์มานิก โดยประกอบด้วยนิทานเทวดา และวีรบุรุษต่าง ๆ จากแหล่งที่มาจำนวนมากทั้งก่อนและหลังยุคเพกัน ซึ่งรวมถึงวรรณกรรมของชาวไอซ์แลนด์ที่เขียนขึ้นในสมัยกลาง หลักฐานทางโบราณคดีและประเพณีพื้นบ้าน เทพเจ้าองค์สำคัญในเทพปกรณัมนอร์ส ได้แก่ ธอร์เทพสายฟ้าผู้มีค้อนใหญ่เป็นอาวุธ โดยเป็นเทพนักรบผู้พิทักษ์มนุษยชาติ ฯ โอดิน เทพเจ้าพระเนตรเดียว ผู้ทรงขวนขวายหาความรู้ในโลกฐาตุทั้งหลาย และพระราชทานอักษรรูนให้แก่มนุษย์; เฟรยา (Freyja) เทพสตรีผู้ทรงสิริโฉม ผู้ใช้เวทมนตร์ (seiðr) และทรงฉลองพระองค์คลุมขนนก ผู้ทรงม้าเข้าสู่สมรภูมิเพื่อเลือกเอาดวงวิญญาณในหมู่ผู้ตาย; สคาดดี (Skaði) ยักขินีและเทวีแห่งการสกี ผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าบนภูเขาในฤดูหนาว; นโยร์ด (Njörðr) เทพเจ้าทรงฤทธิ์ผู้อาจปราบได้ทั้งทะเลและไฟและยังประทานความมั่งคั่งและที่ดิน; เฟรย์ (Freyr) ผู้นำสันติภาพและความเพลิดเพลินสู่มนุษยชาติ ผ่านทางฤดูกาลและการกสิกรรม; อีดุนน์ (Iðunn) เทพเจ้าผู้ทรงรักษาแอปเปิลที่ให้ความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์; เฮม์ดาลร์ (Heimdallr) เทพเจ้าลึกลับผู้ประสูติแต่มารดาเก้าตน ทรงสามารถฟังเสียงหญ้าโต มีพระทนต์เป็นทองคำ และมีเขาสัตว์ที่เป่าได้ดังกึกก้อง; และโยตุนโลกิ ผู้นำโศกนาฏกรรมมาสู่ทวยเทพโดยวางแผนให้บัลเดอร์ (Baldr) พระโอรสแห่งเทพเจ้าฟริกก์ ต้องตาย เป็นต้น เทพปกรณัมนอร์สจัดเหล่าเทพเจ้าออกเป็นสองกลุ่ม คือ พวกอัสร์ (Æsir) ซึ่งมีรากคำเดียวกับ "อสูร" ในภาษาสันสกฤต ได้แก่ พวกเทพเจ้าองค์สำคัญๆในเทพวิหารของนอร์ส (เช่น โอดิน, ธอร์, ฟริกก์, บัลเดอร์ ฯลฯ) พวกหนึ่ง และ พวกวาเน็น หรือวานร์ อันเป็นเหล่าเทพที่มีความเกี่ยวพันกับความอุดมสมบูรณ์ ปัญญาเฉลียวฉลาด ธรรมชาติ และการรู้อนาคตอีกพวกหนึ่ง ทั้งสองพวกเข้าทำสงครามกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ จนในที่สุดรู้ว่าตนมีอำนาจเท่าๆกัน นอกจากนี้ในโลกยังมีสัตว์และเผ่าในเทพนิยายอยู่อีกนานับประการ (เช่น ยักษ์, คนแคระ, เอลฟ์, และภูตในแผ่นดิน) จักรวาลวิทยาของนอร์สประกอบด้วยโลกเก้าโลก ซึ่งขนาบอิกดระซิล ต้นไม้แห่งเอกภพ โลกมนุษย์ในจักรวาลวิทยานอร์สมีชื่อเรียกว่า มิดการ์ นอกจากนี้ยังมีภพหลังความตายอยู่หลายภพซึ่งมีเทพเจ้าพิทักษ์รักษาอยู่แตกต่างกัน ในตำนานของนอร์สมีตำนานสร้างโลกอยู่หลายแบบ มีการทำนายว่าโลกเหล่านี้จะกำเนิดใหม่หลังเหตุการณ์แรกนะร็อก เมื่อเกิดการยุทธ์มโหฬารระหว่างเหล่าทวยเทพและฝ่ายศัตรู และโลกถูกเพลิงประลัยกัลป์หุ้มเพื่อถือกำเนิดใหม่ ที่นั่น เทพเจ้าที่เหลือรอดจะประชุม แผ่นดินจะเขียวอุดม และมนุษย์สองคนจะเพิ่มประชากรโลกอีกครั้ง.
ใหม่!!: ยอร์มุนกานดร์และเทพปกรณัมนอร์ส · ดูเพิ่มเติม »
เปลี่ยนเส้นทางที่นี่:
JormungandJörmungandrมิดกราด เซอร์เฟนท์ยอร์มุนกาดร์งูยักษ์มิดกาดโซรุม